ผู้เขียน หัวข้อ: เกร็ดความรู้แด่มุสลิมะฮ์ ตอน มุสลิมะฮ์กับการตั้งครรภ์~*  (อ่าน 10126 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 salam

ผมมีลูก 4 คน ขณะที่ภรรยาตั้งครรภ์ลูกคนที่ 3 และ 4 อยู่ในช่วงเราะมะฎอนพอดี

ภรรยาถือศีลอดตลอดโดยไม่มีความผิดปกติ ทั้งแก่ตัวเองและแก่ลูก

คนที่ 3 น้ำหนักแรกคลอด 3290 กรัม คนที่ 4 น้ำหนักแรกคลอด 3360 กรัม แข็งแรงดีทั้ง 2 คน

แม่เขา คือภรรยาผมมักจะพูดกับท้องตัวเองว่า "ถือบวชกับแม่นะลูก" หรือ "อ่านกุรฺอานกับแม่นะลูก"

เดี๋ยวนี้ลูกคนที่สามจบปริญญาตรี(เกียรตินิยมซะด้วย - คุยเสียเลย) คนที่ 4 เรียนวิศวะฯปี 3 ด้วยเกรดพอสมควร

ไม่ใช่จะตะกับบุรฺหรอกครับ แต่เพื่อจะยืนยันว่า การถือศีลอดในกรณีของภรรยาผมในขณะตั้งครรภ์ ไม่มีผลต่อการเจริญของร่างกายและสมอง

ของเด็กในครรภ์ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ  loveit:

ผมว่าขึ้นกับแต่ละบุคคลเป็นกรณี ๆ ไปมากกว่า

ควรจะถือศีลอดดูก่อน ถ้าไม่มีอาการผิดปกติก็ถือต่อไป ถ้าถือแล้วผิดปกติก็หยุด แล้วไปชดเชยเอาทีหลัง

วัสสลาม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ถ้าเป็นผม ท้องเก้าเดือนก็จะสั่งให้ถือ 555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
salam

วิธีผ่อนคลาย สำหรับแม่ตั้งครรภ์



การนอนหลับเป็นอีกสิ่งหนึ่ง ที่สำคัญมากสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ เพราะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายของคุณแม่ได้พักผ่อนอย่างเพียงพอแล้ว ช่วงเวลานี้เจ้าตัวเล็กในครรภ์ยังได้พักผ่อน และเจริญเติบโตอย่างแข็งแรงอีกด้วย แต่ในช่วงตั้งครรภ์นี้คุณแม่หลายคนมักมีปัญหานอนไม่หลับด้วยหลายเหตุปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น น้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นทำให้อึดอัด การที่ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำกลางดึกบ่อยกว่าปกติ

มีตัวช่วยง่ายๆ 3 ตัวช่วยให้ท้องนี้คุณแม่หลับสบายมาฝากกันค่ะ
 
• ดื่มน้ำให้ถูกต้อง

การดื่มน้ำอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญต่อทั้งคุณแม่และคุณลูก เคล็ดลับในการนอนหลับอย่างสบายด้วยน้ำ คือดื่มน้ำให้เพียงพอในระหว่างวัน และเลี่ยงการดื่มน้ำมากๆ หรืออาหารมื้อใหญ่ในระหว่าง 2-3 ชั่วโมงก่อนเข้านอน จะช่วยลดการตื่นมาเข้าห้องน้ำกลางดึกบ่อยกว่าปกติที่เกิดจากมดลูกขยายใหญ่จน มาเบียดพื้นที่กระเพาะปัสสาวะได้

• ตะแคงซ้าย ท่าสบายท้อง

ท่านอนเป็นอีกสิ่งสำคัญค่ะ โดยเฉพาะคุณแม่ที่มีอายุครรภ์มากหรือมีครรภ์แฝด ถึงแม้ว่าในขณะนอนหลับนั้นเราจะไม่สามารถควบคุมท่านอนได้ แต่การเริ่มต้นดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง ท่าที่เหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์คือท่านอนตะแคงซ้าย ที่ต้องเป็นท่านี้เพราะเส้นเลือดดำใหญ่ของร่างกายและตับ (ซึ่งเป็นอวัยวะที่ใหญ่ จะอยู่ค่อนมาทางขวาของร่างกาย) การนอนตะแคงซ้ายจะทำให้มดลูกไม่กดทับเส้นเลือดใหญ่และตับ คุณแม่ก็จะรู้สึกนอนสบายมากขึ้น ดังนั้นตอนที่คุณแม่ยังตั้งครรภ์อ่อนๆ อยู่ ควรหัดนอนตะแคงซ้ายให้ชินไว้ เพื่อจะได้ไม่ต้องปรับตัวมากในภายหลัง

• แคลเซียมช่วยได้
คุณแม่อาจจะสงสัยว่าแคลเซียมเกี่ยวอะไรกับการนอนด้วย ปัญหาหนึ่งที่คุณแม่ส่วนใหญ่พบ โดยเฉพาะในช่วงที่อายุครรภ์มากขึ้นก็คือ “ตะคริว” ค่ะ สาเหตุของการเกิดตะคริวที่มากวนใจเวลานอนหลับของคุณแม่นั้น สาเหตุหลักๆ เกิดได้จากทั้งการขาดแคลเซียม และการที่เส้นเลือดบริเวณขาไหลเวียนไม่สะดวก การบรรเทาอาการตะคริวนอกจากจะนวดคลายกล้ามเนื้อแล้ว การรับประทานแคลเซียมอย่างเพียงพอก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยของคุณแม่ด้วยค่ะ

ขอให้ท้องนี้คุณแม่ทุกคนหลับสบายนะคะ  อินชาอัลลอฮ์


ข้อมูลจาก Enfababy.com

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
salam




5 สัญญาณเตือนก่อนคลอด



อันนี้เอามาฝากคุณแม่ท้องแก่ค่ะ...ถึงเวลาจะได้ไม่ตื่นเต้นเกินไป  กลายเป็นคุณพ่อตื่นเต้นแทน ;D


เมื่อเข้าสู่ช่วงที่เราเรียกกันทั่วไปว่า ‘ท้องแก่’ ก็เท่ากับเป็นช่วงเวลานับถอยหลังของการคลอดกันแล้ว เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น พอๆ กับที่คุณแม่รู้ว่าตั้งครรภ์นั่นล่ะค่ะ เพราะมีทั้งความยินดี และความวิตกกังวลไปพร้อมๆ กันฉะนั้น ถ้าเรารู้ถึงอาการก่อนคลอดไว้ก่อน จะได้ช่วยให้คุณแม่ได้มีเวลาเตรียมตัว ดูแลตนเอง และไม่ตกใจกันเกินไปเมื่อถึงเวลาคลอดจริง

เมื่อไหร่ถึงจะครบกำหนดคลอด

การ คลอดลูกปกติ หรือครบกำหนดนั้น นับอายุครรภ์ในช่วง 38-42 สัปดาห์หลังจากมีประจำเดือน แต่ถ้าลูกคลอดเร็วกว่านี้ (28-37 สัปดาห์) เรียกว่าคลอดก่อนกำหนด และ ถ้าเลย 42 สัปดาห์ไป ถือว่าคลอดหลังกำหนด ซึ่งไม่ว่าคลอดก่อนกำหนดหรือคลอดหลังกำหนด อาจจะทำให้ทั้งตัวคุณแม่ และลูกในท้องเกิดปัญหาได้

อาการนำก่อนการคลอด

1. ท้องลด
มักเกิดขึ้นช่วง 2-3 สัปดาห์ก่อนคลอด เพราะลูกกลับศีรษะลงต่ำ เข้าไปอยู่ในอุ้งเชิงกราน ทำให้ท้องคุณแม่ต่ำลง คุณแม่จะรู้สึกหายใจสะดวกขึ้น ไม่อึดอัดบริเวณทรวงอกเหมือนที่ผ่านมา แต่มักปวดปัสสาวะบ่อยขึ้นเนื่องจากมดลูกไปเบียดเนื้อ ที่กระเพาะปัสสาวะ และอาจเกิดอาการปวดหน่วงๆ ที่หัวหน่าว

2. ท้องแข็ง
เกิดได้หลายสาเหตุ คุณแม่บางท่านอาจจะมีอาการ ท้องแข็งตั้งแต่ช่วงเดือนที่ 6 ก็เป็นได้ แต่ส่วนใหญ่แล้วเป็นช่วงเดือนที่ 8 (ประมาณ สัปดาห์ที่ 32) เนื่องจากเป็นช่วงที่ลูกในท้องดิ้นมากที่สุด ซึ่งอาจมีส่วนทำให้มดลูกบีบตัวบ่อยขึ้น จึงเกิดอาการท้องแข็งขึ้นมา หรือถ้าคุณแม่รับประทานอิ่มมากก็ท้องแข็งเช่นกัน

มีวิธีการสังเกต ดูว่า ถ้าคุณแม่รู้สึกว่ามดลูกบีบตัวเบาๆ ช้าๆ แข็งตัวอยู่พอสมควร แล้วก็คลายตัวช้าๆ เป็นวันละหลายครั้ง แต่ไม่เกิน 6-10 ครั้ง ก็แสดงว่าเป็นเพราะมดลูกบีบตัว ไม่เป็นอันตรายใดๆ แต่ถ้าแข็งจนเจ็บ และเจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องรีบไปพบแพทย์ ถึงแม้ว่ายังไม่ถึง หรือใกล้กำหนดคลอดก็ตาม

3. มีมูกเลือด
เกิดจากมูกที่ปกติอุดอยู่ที่ปากมดลูก เพื่อป้องกันเชื้อโรคที่ผ่านเข้าไปบริเวณช่องคลอดระห ว่างตั้งครรภ์ เมื่อใกล้คลอด ช่องคลอดมีการขยายตัว และมีเส้นเลือดเล็กๆ แตก ทำให้มูกเลือดไหลออกมาบ้าง บางคนอาจไหลก่อนประมาณ 1-2 สัปดาห์

4. น้ำเดิน
คือ น้ำคร่ำคือน้ำที่อยู่ในถุง มีลักษณะเป็นน้ำใสๆ ไม่มีกลิ่น เมื่อใกล้คลอดถุงน้ำคร่ำมักแตกเอง มีน้ำไหลออกมา เราจึงเรียกว่า น้ำเดิน ซึ่งอาการน้ำเดินนี้ จะค่อยๆ ไหลซึมออกมาทีละนิด จนคุณไม่แน่ใจว่าเป็นน้ำเดินหรือเป็นระดูขาว และมักซึมออกมาช่วงลุกจากท่านั่งหรือท่านอน แต่ถ้าถุงน้ำคร่ำแตกจะมีน้ำเดิน ไหลออกมามากๆ เหมือนปัสสาวะราด

น้ำ เดินอาจออกมาก่อนเจ็บครรภ์ หรือหลังจากมีอาการเจ็บครรภ์ไปแล้วก็ได้ ซึ่งถ้ามีอาการน้ำเดินถึงแม้ยังไม่เจ็บครรภ์ก็ควรรีบ ไปพบแพทย์ทันทีค่ะ

5. อาการเจ็บเตือน
คุณแม่ที่ตั้งครรภ์เป็นครั้งแรก จะรู้สึกกังวลกับการคลอดมาก โดยเฉพาะอาการเจ็บ ที่มีทั้งเจ็บเตือน เจ็บจริง จึงเกิดอาการไม่แน่ใจว่าจะคลอดหรือยัง ทำให้ไปโรงพยาบาลเก้อกันบ่อยๆ เราจึงรวบรวมอาการเจ็บเตือน เจ็บจริง มาแยกให้เห็นความแตกต่างกันค่ะ

อาการที่กล่าวมาทั้งหมด แตกต่างกันไปบ้างในแต่ละท่าน แต่ถ้าคุณแม่มีข้อสงสัย หรือไม่แน่ใจก็ควรพบแพทย์ทันทีค่ะ


อาการเจ็บเตือนก่อนคลอด
 
1.มีอาการแข็งตัวของมดลูกไม่ต่อเนื่อง วันละประมาณ 5-6 ครั้ง
2.มีอาการปวดถ่วง บริเวณหัวเหน่า บางครั้งจะเจ็บร้าวลงมาที่หน้าขา

อาการเจ็บเตือนใกล้คลอด
 
1.มดลูกมีอาการแข็งตัวบ่อยขึ้น ติดกันเป็นชุด 4-5 ครั้ง แล้วหายไปเอง ไม่เจ็บมากขึ้น
2.มักเกิดตอนกลางคืน เป็นการเจ็บเตือนก่อนเจ็บครรภ์จริงประมาณ 1 สัปดาห์

อาการบอกจะคลอดแล้วนะ

1.ปวดท้อง ท้องแข็งบ่อยขึ้นเป็นจังหวะ เจ็บมากขึ้น ถี่มากขึ้น
2.มีมูกออกทางช่องคลอด
3.มีนำคร่ำใสๆ คล้ายปัสสาวะไหลออกมา


ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
แม่ของข้าน้อยมีลูกหลายคน

และลูกๆส่วนใหญ่ของท่านนั้นจะผ่านการถือศีลอดมาพร้อมๆกับท่าน

ท่านเล่าให้ฟังว่า ตอนท่านตั้งครรภ์นั้น ท่านทำงานด้วย
สมัยก่อนท่านจะทำนาทำสวนทำไร่ค่ะ...
ระหว่างทำนาท่านก็จะถือศีลอดด้วย
จนใครๆมองว่า ท่านไม่รักลูก ไม่ห่วงใยลูกในท้อง
และกังวลใจว่าท่านจะแท้งลูก

แม่บอกว่า การทำงานนั้นถือเป็นการออกกำลังกาย
และสนองบัญชาของอัลลอฮฺ...
ส่วนการถือศึลอดนั้น ทำให้เราสามารถยับยั้งชั่งใจ
และสามารถควบคุมอารมณ์ระหว่างตั้งครรภ์ได้
ที่สำคัญ ท่านอยากให้ลูกได้รับรู้ถึงการอดทนและทนอด
ไปพร้อมๆกับท่าน...เพื่อสนองบัญชาของอัลลอฮฺ....
ซึ่งท่านบอกว่าท่านทำได้โดยไม่ลำบากแต่อย่างใด...
อัลลอฮ์เมตตาท่านให้ท่านสามารถกระทำได้ดั่งที่ตั้งใจไว้...

และที่ผ่านมา ไม่ปรากฏว่าท่านจะแท้งลูกเพราะถือศีลอด
และไม่ว่าจะทำงานด้วยก็ตามน่ะค่ะ...

ส่วนอาหารการกิน ท่านมีอะไรท่านก็กินเท่าที่มี
ท่านได้กิน ลูกก็ได้กิน...

ท่านบอกว่า อัลลอฮฺเมตตาท่าน ให้ท่านคลอดลูกออกมา
ง่ายกว่าคนอื่นๆอีกหลายๆคน...และน้ำหนักของลูกทุกคน
ก็ไม่เคยมีต่ำกว่าเกณฑ์...

เพราะท่านฝากชีวิตท่านและลูกของท่านไว้กับอัลลอฮฺ...

เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่า นอกจากอาหารที่แม่กินเข้าไป
ให้เราที่อยู่ในท้องแล้วได้รับแล้ว
อัลลอฮ์ได้ส่งสิ่งใดนอกเหนือจากนั้น
ไปให้เราที่อยู่ในท้องมาก่อนด้วยหรือเปล่า...

เพราะหากมองแค่ภายนอก แม่บอกว่า ลูกของแม่น่าจะไม่รอด
อย่างที่ใครๆเขาว่ากัน แต่สุดท้ายก็คลอดออกมาสมบูรณ์
กันทุกคน...

สุดท้าย...

สิ่งที่ทำให้นึกถึงบุญคุณอันมากมายของแม่ก็คือ...

ท่านบอกว่า...ไม่ว่าใครจะมองพวกเราอย่างไร
ไม่ว่าเขาจะมองว่าแม่กับพ่อจะเลี้ยงลูกหลายๆคนให้รอดได้อย่างไร
ไม่ว่าใครเขาจะบอกว่า โอกาสที่ลูกของแม่จะขาดสารอาหาร
และคลอดออกมาไม่สมบูรณ์หรือคลอดออกมาแล้วไม่ฉลาด
พัฒนาการช้า เพราะว่าแม่เลี้ยงลูกด้วยอาหารที่ไม่ได้ดีอย่างใครอื่น...
แต่แม่ไม่เคยกลัว...
เพราะแม่รู้ว่าคนที่เลี้ยงลูกของแม่และเลี้ยงเราให้รอดมาได้นั้น
คืออัลลอฮฺ...

เราอยากได้สิ่งใด ให้เราวอนขอจากอัลลอฮฺเถิด
อย่ากลัวว่า ณ ที่พระองค์จะไม่มีสิ่งนั้น...
หากเราตั้งมั่นอยู่กับพระองค์ และปฏิบัติตามพระองค์...
หากพระองค์ประสงค์จะให้แล้ว ใครก็ขวางไม่ได้...

และลูกของแม่ทุกคนเรียนเก่งค่ะ...(อันนี้ไม่ได้โม้หรือจะโอ้อวดนะคะ)
เพียงแต่กำลังจะบอกว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพระประสงค์ของอัลลอฮ์

ดุอาฮฺคืออาวุธของมุฮฺมิน...

อย่างน้อยก็มีลูกของท่านคนหนึ่ง
ที่ได้เกียรตินิยมมาจากต่างแดน...
ให้ท่านได้ภูมิใจว่า ลูกของท่านไม่ได้ปัญญาอ่อน
อย่างที่ใครๆหลายคนเคยทำนายไว้ก่อนคลอด...

ท่านเลยบอกกับใครๆเวลาถามท่านว่าท่านมีลูกกี่คน
แล้วพวกเขาตกใจว่าเลี้ยงกันมาได้อย่างไรว่า

...อัลลอฮฺที่เลี้ยงลูกของท่านและตัวท่านมา...
และพระองค์เลี้ยงลูกได้ดีกว่าท่านหลายเท่านัก...

ท่านไม่ได้มีอำนาจพอที่จะทำให้ลูกๆเป็นดั่งวันนี้ได้...

การฝากลูกไว้กับพระองค์ จึงเป็นสิ่งที่ท่านวิงวอนขอมาตลอด...


ปล.แม่บอกว่า...เคล็ดลับสำหรับหญิงตั้งครรภ์
คือการระลึกถึงอัลลอฮฺให้มากๆ วิงวอนขอกับพระองค์ให้มากๆ
แล้วมอบหมายต่อพระองค์...แล้วความกลัวจะหายไป...

ข้าน้อยจึงคิดเสมอว่า หากหญิงใดเกิดมากำพร้าแม่นั้น
จะน่าสงสาร เพราะการใกล้ชิดแม่ ได้พูดคุยกับแม่
มันทำให้เราได้รับรู้อะไรมากมายอย่างที่เราไม่คิดว่ามันจะมี
อยู่บนโลกใบนี้...และทำให้เราสามารถเตรียมกายและใจ
เพื่อพร้อมจะรับมือกับสิ่งดังกล่าวได้...

วัสลามค่ะ






"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged