ผู้เขียน หัวข้อ: ++// มีคนกล่าวว่า มันคือ บิดอะฮฺที่หลงผิด พวกท่านจะว่าไง ????? //++  (อ่าน 2296 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ok

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 23
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด


มีคนกล่าวว่า มันคือ บิดอะฮฺที่หลงผิด .........  คือ

              1. การใช้ลูกประคำ หรือ ลูกตัสเบี๊ยะ ในการนับจำนวนการซิกิร  ทั้งที่นบีสอนให้กับเศาะหาบะฮฺใช้นิ้ว

ในการนับตัสเบี๊ยะฮฺ แล้วจะไปใช้ลูกประคำ หรือ ลูกตัสเบี๊ยะ  ทำไม  ใช้ไม่ได้  บิดอะฮฺ........

             2. การเติมคำว่า "ซัยยิดินา" นำหน้าชื่อ "มุหัมมัด  ( ซ.ล. )"  เป็นบิดอะฮฺที่หลงผิด  และหากไปเพิ่มคำว่า "ซัยยิดินา"

ในละหมาด  จะทำให้ละหมาดบาฏิล ( ใช้ไม่ได้ )  เช่น  เพิ่มในช่วงอ่าน  ตะชะฮุด ( อ่านตะฮียัต )  เป็นต้น 

          อะๆๆๆๆๆอ่า    เอาละ  ท่านๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งหลายจะว่าไง ????  บอกมาดิ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
 salamzผมเด็กปอเนาะยังเป็นน้องใหม่ขอร่วมแจมด้วยคนครับ

1. การใช้ลูกประคำ หรือ ลูกตัสเบี๊ยะ ในการนับจำนวนการซิกิร  ทั้งที่นบีสอนให้กับเศาะหาบะฮฺใช้นิ้ว

ในการนับตัสเบี๊ยะฮฺ แล้วจะไปใช้ลูกประคำ หรือ ลูกตัสเบี๊ยะ  ทำไม  ใช้ไม่ได้  บิดอะฮฺ........

             2. การเติมคำว่า "ซัยยิดินา" นำหน้าชื่อ "มุหัมมัด  ( ซ.ล. )"  เป็นบิดอะฮฺที่หลงผิด  และหากไปเพิ่มคำว่า "ซัยยิดินา"

ในละหมาด  จะทำให้ละหมาดบาฏิล ( ใช้ไม่ได้ )  เช่น  เพิ่มในช่วงอ่าน  ตะชะฮุด ( อ่านตะฮียัต )  เป็นต้น 

          อะๆๆๆๆๆอ่า    เอาละ  ท่านๆๆๆๆๆๆๆ ทั้งหลายจะว่าไง ?  บอกมาดิ


...........เรื่องกล่าวหาการทำบิดอะนั้น  โตะครู  สอนเสมอว่า  อย่างแรกต้องรู้จักคำว่าบิดอะก่อนนะครับและมีกี่ประเภท

แต่ผมเชื่อว่าการใช้ลูกประคำนับจำนวนซิกรุ้ลลอฮ์  นั้นไม่น่าจะเป็นบิดอะที่หลงนะครับ     แต่ถ้าไม่ใช้ลูกประคำนี่ซิครับ  ที่ท่านนับมันจะหลงแน่ๆครับหรือไม่ก็หลงทาง


และขอรบกวนหน่อยครับ   หลักฐานที่ว่านบีเจะจงใช้นิ้วนับเท่านั้นอย่างอื่นห้าม  จะได้มีความรู้เพิ่มเติมครับ


เรื่องการใช้สรรพนามเรียกท่านรอซุ้ลลัลลอฮ์  โดยเติมคำว่า  ซัยยิดินานั้นไม่น่าถึงบิดอะที่หลงนะครับ  เช่นกัน  ท่านอีม่ามนาวาวีย(รฮ)เขาว่ามานะครับ  ผมเลยว่าตามท่านอีกที  อิๆๆๆๆ

ไม่ว่าไหรกัลลนะครับ  ที่เสือก


ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อีกนิดครับก่อนจากกันคืนนี้

คำว่าซัยยิดนา นั้นแปลว่า  นาย หรือ ท่าน หรือคุณช่ายป้าว  และทุกคนยอมรับไม่ละว่าท่านนบีนั้นเป็นถึงร้อซุลของอัลลลอฮ์  แล้วเราคนยุคหลังจะเรียกท่านว่าไงดี  แต่แน่  ผมเห็นหลายๆทานเรียกนบีแล้วต้องมีคำว่า  ท่านก่อนเสมอ   ทำไมไม่เรียกว่า นบีไปเลย  นี่ผมคิดตามประสาผมนะครับ

ฉนั้น  อัลลอฮ์ทรงให้เราซอลาวัตท่านด้วถ้อยคำที่ดีจริงป้าวครับ  การเรียกท่านว่าซัยยิดนานั้นๆไม่น่าเป็นบิดอะที่หลงครับ  เพราะให้เกียรตต่อร้อซุลของอัลลอฮ์

แล้วจะให้เราเรียกนบียังงัยดีละครับ  เมื่อทุกคนยอมรับว่า ท่านคือหัวหน้านายของบรรดานบีและร้อซุ้ลทั้งหลายแล้วเจะไม่คิดว่าท่านเป็นนายของเราหรือครับ  แหม้      คิดมากไปได้  อิๆๆๆๆ

หรือจะเรียก  มุฮำมัด  หรือท่านนบีมุฮำมัด  ก็เลือกเอาเอง        ผมไม่เกี่ยว

ออฟไลน์ mumin

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 41
  • เพศ: ชาย
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
นับด้วยนิ้วมือโดยไม่ใช้ลูกประคำไม่หลงหรอก เพราะว่านิ้วมือเรามีสามข้ออยู่แล้ว
นับ 33 ก็นับข้อนิ้วมือไป 11 นิ้ว ก็จะครบพอดี แต่ถ้าใช้ลูกประคำก็จะดูเหมือนกับพวก
นักพรช นักบวชไป แล้วถ้าลูกประคำหาย งานนี้โต๊ะกี ก็เสร็จพอดี เพราะนับไม่ถูก จะ
ตัสเบียะสักที ต้องหาลูกประคำกันวุ่นวาย

นบีไม่ได้ห้ามการนับด้วยแบบอื่น แต่การจะนับด้วยเเบบอื่นก็ต้องดูด้วยว่ามันไปเหมือน
กับการกระทำของคนต่างศาสนิกหรือเปล่า อิสลามดีอยู่แล้ว สมบูรณ์อยู่แล้วไม่จำเป็นต้อง
ไปเลียนแบบของคนต่างศาสนิก

ส่วนถ้าใครจะเรียกว่าซัยยิดินาในทางปกติ ก็เรียกไป เพราะอันนี้ไม่รู้ แต่ถ้าในพิธีกรรมทาง
ศาสนาถ้าคำกล่าวไม่มี ก็ไม่ต้องไปเติมให้มันเหนื่อย อิสลามของง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องไปทำ
ให้มันยาก

เรื่องศาสนาต้องอาศัยตัวบทหลักฐานประกอบในการปฏิบัติ เพื่อที่ว่าเราจะได้ทำแล้วไม่ขาดทุน
คือ ไม่ทำแล้ว เหนื่อยฟรี ถ้าเป็นบิดอะฮ์ ก็ยังได้บาปอีกต่างหาก นอกจากเหนื่อยฟรีแล้ว
เรื่องศาสนาจะมาคิดเอง เออเองไม่ได้ ต้องมีที่มา ต้องมีหลักฐานที่แข็งแรง อย่างน้อยๆ วันพิพากษา
เราจะได้ตอบกับอัลลอฮ์ได้เต็มปากหน่อย คำพูดที่ลักษณะ "ผมคิดว่าอย่างนั้น" "ผมคิดว่าอย่างนี้"
มันใช้ไม่ได้ เพราะเป็นแค่ความคิดเรา ไม่ใช่ดาลีลในศาสนา

วิถีชีวิตของมุสลิม...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
بسم الله الرحمن الرحيم

การซิกิรด้วยการนับด้วยลูกตัสเบี๊ยะหฺ ซึ่งตามทัศนะของเรานั้น มันคือบิดอะฮ์หะสะนะฮ์  กล่าวคือ เช่น เราได้ถูกใช้ให้ทำการ ตัศเบี๊ยะหฺ หนึ่งร้อยครั้ง  โดยที่การนับจำนวนนั้น ต้องมีสิ่งที่ใช้เป็นเครื่องมือนับ ที่มาช่วยกำหนดจำนวนนั้นไว้ และท่านร่อซูลก็ไม่ได้สอนเราไว้ว่า ให้เรากำหนดนับมันอย่างไร และไม่ได้กำหนดเครื่องมือในการใช้นับ ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่า สิ่งใดก็ตามที่ ที่ช่วยในการนับได้ ก็ย่อมเป็นสิ่งที่สุนัต เพราะหลักการแห่งนิติศาสตร์อิสลาม (อัลกออิดะฮ์)ได้กำหนดไว้ว่า

ما لا يتم الواجب إلا به فهو واجب

"สิ่งหนึ่ง ที่วายิบจะไม่สมบูรณ์ นอกจากด้วยกับมัน ดังนั้น มันย่อมเป็นสิ่งที่วายิบด้วย"

เพราะฉะนั้น  สิ่งหนึ่ง ที่ศาสนาได้ส่งเสริมจะไม่สมบูรณ์ นอกจากด้วยกับสิ่งนั้น  แน่นอน  สิ่งดังกล่าวก็ย่อมเป็นสิ่งที่ศาสนาส่งเสริมด้วย"

ฉะนั้น ผู้ใดที่ต้องการจะซิกิร ด้วยจำนวนดังกล่าว ก็สุนัตให้เขา เอาสิ่งหนึ่งมาช่วยนับการซิกิรกับจำนวนที่ถูกใช้ ไม่ว่าจะเป็นการนับด้วย ลูกตัสเบี๊ยะหฺ  ลูกหิน  ปมเชือก  หรืออื่นๆ  ถือว่าได้ทั้งหมด

รายงานจาก ยุซัยเราะฮ์ บุตรี ยาซิร  จากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ความว่า

"พวกเธอจงนับ (ตัสบีหฺ) ด้วย (ปลาย) นิ้วมือของพวกเธอ  เพราะนิ้วมือเหล่านั้นจะถูกสอบถามและถูกสั่งให้เป็นพูดเป็นพยาน (ในวันกิยามะฮฺ)" สุนัต อัตติรมีซีย์ 5/521

ในฮะดิษนี้  ชี้ถึงบทบัญญัติการนับตัสบีห์ด้วยนิ้ว  โดยท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ให้เหตุผลว่า  บรรดานิ้วจะถูกสอบถามและพูดเป็นพยานด้วยการกระทำสิ่งดังกล่าว  และการที่พวกนางได้ตัสบีห์ด้วยการนับด้วยนิ้วมือจากฮะดิษบทนี้  ย่อมดีกว่า  การนับด้วยเม็ดตัสบีห์และลูกหิน  แต่ทว่ามีฮะดิษที่บ่งถึงการอนุญาต(ยาอิซฺ) ให้นับด้วยเมล็ด(อินทผาลัม)และลูกหินนั้น  คือ ฮะดิษต่อไปนี้

ท่าน อัตติรมีซีย์ , ท่านอัลฮากิม , และท่านอัตต๊อบรอนีย์  ได้รายานจากท่านนางซ่อฟียะฮ์  ซึ่งนางได้กล่าวว่า "ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้ามาหาฉัน  โดยระหว่างสองมือฉันนั้นมี 4000  เมล็ด(อินทผาลัม)ที่ฉันกำลังทำการตัสบีห์  ดังนั้นท่านนบีจึงกล่าว  นี้อะไรหรือ โอ้ บุตรีฮุยัยย์  ฉันกล่าวว่า  ฉันได้ทำการกล่าวตัสบีห์ด้วยกับสิ่งนี้  ท่านนบีจึงกล่าวว่า  เอาไหมล่ะ ฉันจะสอนเธอด้วยสิ่งที่มากกว่าจากที่เธอได้ตัสบีห์  ฉันตอบว่า  ท่านจงสอนฉันเถิด  ท่านนบีกล่าวว่า  เธอจงกล่าวว่า ซุบฮานัลลอฮ์ อะดะดะค๊อลกิฮ์"  ท่านอิมามอัสสุยูฏีย์ กล่าวว่า ฮะดิษนี้ซอฮฺห์  ดู หนังสืออัลฮาวีย์ ลิลฟะตาวา เล่ม 2 หน้า 3

นำเสนอรายงานโดยท่าน อบูดาวูด , ท่านอัตติรมีซีย์  ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นฮะดิษฮะซัน , ท่านอันนะซาอีย์ , ท่านอิบนุมาญะฮ์ , ท่านอิบนุฮับบาน  ซึ่งเขาถือว่าเป็นฮะซอฮิห์  ที่รายงานจาก  ท่านสะอัด บิน อบีวักก๊อซฺ  ว่า "เขา(คือสะอัด บิน อะบีวั๊กก๊อซ) ได้เข้าไปหาสตรีคนหนึ่งพร้อมกับท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  โดยที่สองมือของนางนั้นมีเมล็ด(อินทผาลัม) - หรือก้อนหิน - ซึ่งนางกำลังทำการตัสบีห์อยู่  ดังนั้น  ท่านนบีกล่าวว่า  ฉันจะบอกเธอด้วยกับสิ่งที่สะดวกกว่าและง่ายกว่าสำหรับเธอเอาไหม? เธอจงกล่าวเถิดว่า "ซุบฮานัลลอฮ์ อะดะดะ มาคุลิก้อ ฟิสสะมาอฺ , ซุบฮานัลลอฮ์ อะดะดะมาคุลิก้อฟิลอัรฏิ , ซุบฮานัลลอฮ์ อะดะดะ มาบัยน่าซาลิก , ซุบฮานัลลอฮ์ อะดะดะ มาฮุว่าคอลิก ,  อัลลอฮุอักบัร มิซฺล่าซาลิก , วัลฮัมดุลิลลาฮ์ มิซฺละซากิล , ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์ มิซฺล่าซาลิก , วะลากู้วะต้า อิลลา บิลลาฮ์ มิซฺล่าซาลิก"  ดู หนังสืออัลฮาวีย์ ลิลฟะตาวา ของอิมามอัสสะยูฏีย์  เล่ม 2 หน้า 3

ท่านอัชเชากานีย์  กล่าวว่า "สองฮะดิษนี้  ชี้ถึง  การอนุญาตให้นับตัสบีห์ด้วยกับเมล็ด(อินทผาลัม)และลูกหิน และอนุญาตเช่นเดียวกันกับลูกตัสบีห์  เนื่องจากไม่มีข้อแตกต่างใด ๆ ให้กับการยอมรับของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ต่อสตรีสองคนเกี่ยวกับสิ่งดังกล่าว  และท่านนบีก็มิได้ทำการตำหนิ  และการที่ท่านนบีได้แนะนำสิ่งที่ดีกว่านั้น  มิได้หมายความถึงปฏิบัติการอนุญาต(ให้นับตัสบีห์ด้วยก้อนหินหรือเมล็ดอินทผาลัม)"  นัยลุลเอาฏ๊อร เล่ม 2 หน้า 211

ท่านอิมามอัสสะยูฏีย์ กล่าว่า "ท่านญะลาลุดดีน อัลบุลกินีย์ กล่าวว่า  นักปราชญ์บางส่วน  กล่าวว่า  การนับตัสบีห์ด้วยนิ้วมือนั้น ดีกว่า การนับตัสบีห์ด้วยลูกตัสบีห์ เพราะมีฮะดิษอิบนุอัมร์ได้ระบุไว้  แต่ทว่า  มีบางทัศนะกล่าวว่า  ผู้ที่ทำการตัสบีห์นั้น  หากเขาปลอดภัยจากการนับจำนวนพลาดพลั้ง  การนับด้วยนิ้วมือย่อมดีกว่า  และมิเป็นเช่นนั้น(คือคาดว่ามีการผิดพลาดจำนวนการนับ) การนับด้วยลูกตัสบีห์ย่อมดีกว่า" ดู หนังสืออัลฮาวีย์ ลิลฟะตาวา ของอิมามอัสสะยูฏีย์  เล่ม 2 หน้า 5

ท่านอิบนุสะอัด นำเสนอรายงานว่า  "ท่านสะอัด บิน อะบีวั๊กก๊อซ  ได้ทำการตัสบีห์ด้วยลูกหิน" หนังสืออัลฮาวีย์ ลิลฟะตาวา  เล่ม 2 หน้า 4
ท่านอิบนุอบีชัยบะฮ์ ได้รายงานว่า  "ท่านสะอัด บิน อบีวั๊กก๊อซ  ทำการตัสบีห์ด้วยลูกหินหรือเมล็ด(อินทผาลัม)"  แหล่งอ้างอิงเดียวกัน
ท่านอับดุลเลาะฮ์ บุตร ท่านอิมามอะห์มัด ได้รายงานไว้ในหนังสือ  ซ่าวาอิด อัซซุฮฺด์  ว่า "ท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์มีเชือกทำเป็น 1000 ปม ซึ่งท่านจะไม่นอนนอกจากทำการตัสบีห์ด้วยกับมัน" แหล่งอ้างอิงเดียวกัน
ท่านอิมามอะห์มัด ได้รายงานไว้ในหนังสือ อัซซุฮฺด์  กล่าว "ท่านอบีดัรดาอฺนั้น  มีเมล็ดอินทผาลัมในถุง  เมื่อท่านได้ละหมาดซุบฮิเรียบร้อยแล้ว  ท่านก็จะนำมันออกมาทีละอัน ๆ โดยทำการตัสบีห์ด้วยกับมันจนหมด" แหล่งอ้างอิงเดียวกัน
ท่านอิบนุอะบีชัยบะฮ์  นำเสนอรายงานว่า "ท่านอบี สะอีด อัลคุฏรีย์  ได้ทำการตัสบีห์ด้วยลูกหิน" แหล่งที่มาเดียวกัน

ท่านอิมามอัสสะยูฏีย์  กล่าวปิดท้ายว่า "ไม่มีรายงานจากคนใดจากสะลัฟและคะลัฟถึงการห้ามการนับซิกิรด้วยลูกตัสบีห์  ยิ่งกว่านั้น  ส่วนมากของพวกเขาทำการนับซิกิรด้วยลูกตัสบีห์ และพวกเขาไม่เห็นว่ามันเป็นสิ่งที่มักโระฮ์แต่อย่างใด...และเป้าหมายที่ว่า  ส่วนมากจากซิกิรที่ถูกนับตามที่ซุนนะฮ์นบีได้รายงานมานั้น  ส่วนมากมิได้จำกัดการนับด้วยนิ้ว  ซึ่งหากจำกัดมัน  แน่นอนว่า การมุ่งสนใจอยู่กับนับด้วยนิ้วนั้น อาจจะทำให้สมาธิ(คุชั๊วะอฺ)หายไปและคุชั๊วะอฺก็คือเป้าหมายด้วย วัลลอฮุอะลัม" หนังสืออัลฮาวีย์ ลิลฟะตาวา  เล่ม 2 หน้า 7

والله تعالي أعلي وأعلم
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ส่วนถ้าใครจะเรียกว่าซัยยิดินาในทางปกติ ก็เรียกไป เพราะอันนี้ไม่รู้ แต่ถ้าในพิธีกรรมทาง
ศาสนาถ้าคำกล่าวไม่มี ก็ไม่ต้องไปเติมให้มันเหนื่อย อิสลามของง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องไปทำ
ให้มันยาก

เรื่องศาสนาต้องอาศัยตัวบทหลักฐานประกอบในการปฏิบัติ เพื่อที่ว่าเราจะได้ทำแล้วไม่ขาดทุน
คือ ไม่ทำแล้ว เหนื่อยฟรี ถ้าเป็นบิดอะฮ์ ก็ยังได้บาปอีกต่างหาก นอกจากเหนื่อยฟรีแล้ว
เรื่องศาสนาจะมาคิดเอง เออเองไม่ได้ ต้องมีที่มา ต้องมีหลักฐานที่แข็งแรง อย่างน้อยๆ วันพิพากษา
เราจะได้ตอบกับอัลลอฮ์ได้เต็มปากหน่อย คำพูดที่ลักษณะ "ผมคิดว่าอย่างนั้น" "ผมคิดว่าอย่างนี้"
มันใช้ไม่ได้ เพราะเป็นแค่ความคิดเรา ไม่ใช่ดาลีลในศาสนา

คำพูดของคุณ mumin ในการไม่เห็นด้วยกับทัศนะใส่ซัยยิดินานี้  เป็นคำพูดที่ออกมาจากความเห็นล้วน ๆ เช่นกันครับ 

ลองนำเสนอหลักฐานในเชิงฟิกฮ์หน่อยซิครับ  เพื่อจะไ้ด้มีน้ำหนักครับ

และทัศนะปวงปราชญ์ที่  กล่าวซัยยิดินา ไ้ด้นั้น พวกเขาก็มีทัศนะที่อยู่บนหลักฐาน  มิใช่บอกว่า "ฉันคิดอย่างนั้น" หรือ "ฉันคิดอย่างนี้" 

โปรดศึกษาทัศนะทั้งสองฝ่ายก่อนไม่ดีกว่าหรือครับ  มองแค่มุมมองเดียวก็ต้องออกมาแนวนี้ 

คุณลองเอาหลักฐานของอีกฝ่ายมานำเสนอวิจารณ์เชิงวิชาการสักนิดเป็นไงครับ  แถมยังจะได้ความรู้เพิ่มเติมด้วยน่ะครับ
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
แล้วสิ่งที่นบีไม่ห้าม เนี่ย แล้วคนรุ่นหลังมาห้ามกันเอง แบบนี้บิดอะห์หรือไม่ครับ

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ไฟล์เสียงเรื่องการกล่าวซัยยิดินาในละหมาด

         อัสลามุอะลัยกุ้ม

       ไฟล์เสียงนี้  พูดโดย อาจารย์มุฮัมมัด (เล็ก)  เชื้อผู้ดี (ผู้อภิปราย)  และอาจารย์อุมัร  เจริญสุข (ผู้ดำเนินรายการ)  ซึ่งทั้งสองจบจาก มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร  ปัจจุบันทั้งสองสอนที่ โรงเรียนนูรุ้ลอิสลาม สุเหร่าเขียว คร้บผม

       โดยเฉพาะอาจารย์ของกระผม  คืออาจารย์มุฮัมมัด(เล็ก) ท่านนี้ เรียนรุ่นเดียวกับ อ.ฟาริด เฟ็นดี้  ครับ  รู้ใส้รู้พุงกันดีครับ  ;D

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
เรื่องศาสนาต้องอาศัยตัวบทหลักฐานประกอบในการปฏิบัติ เพื่อที่ว่าเราจะได้ทำแล้วไม่ขาดทุน

       ใช่ครับเรื่องศาสนาในหลักการที่ให้ปฏิบัติและฮะรอมปฏิบัตินั้น  ต้องอาศัยตัวบทหลักฐานประกอบ  คือปฏิบัติแล้วต้องมีหลักฐาน  ฮะรอม(บิดอะฮ์)ก็ต้องมีหลักฐาน  ส่วนการไม่มีหลักฐานแล้วมาบอกเจาะจงว่านั้นฮะรอม นี่บิดอะฮ์ลุ่มหลง  มันไม่ได้หรอกครับ เพราะเป็นการบัญญัติฮุกุ่มศาสนาขึ้นมาเอง

       ดังนั้นการบอกว่าการใส่ซัยยิดินาเป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลงนั้น ฟังไม่ขึ้นหรอกครับ  เพราะทางทัศนะที่ใส่ซัยยิดินาเขาก็มีหลักฐานรับรอง  ส่วนทัศนะที่ไม่ใส่ก็เพียงแค่อ้างว่านบีไม่ทำเท่านั้นเอง  การที่นบีไม่ได้ทำนั้นอย่างเพิ่งตัดสินว่าฮะรอมหรือบิดอะฮ์ลุ่มหลง เพราะหลักฐานอื่นยังมีรับรองหลักการอยู่  เพราะฉะนั้น  จะคุยกันเรื่องซัยยิดินานี้  น่าจะคุยกันประเด็นที่ว่า ใส่ซัยยิดินาหรือไม่ใส่ซัยยิดินา  อันใหนดีกว่า?  แบบนี้ดีกว่าน่าจะสร้างสรรค์

       ท่านอิบนุมัสอูด (ร.ด.) กล่าวซ่อลาวาตนบี  ใส่  ซัยยิด ด้วย  แบบนี้บิดอะฮ์ลุ่มหลงหรือเปล่าครับ?


 

GoogleTagged