ผู้เขียน หัวข้อ: วิจารณ์สายรายงานตัลกีนมัยยิด  (อ่าน 4101 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

นี้คือ  การเสวนาที่ผ่านมาของเรื่องสายรายงานตัลกีนมัยยิด(ผู้ตาย) ซึ่งผมเห็นว่า  มันมีประโยชน์  ก็เลยก๊อบมาเพื่อให้เราได้ศึกษากันยามว่างครับ

والسلام

อัล-อัซฮะรีย์   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 08, 2007, 05:29 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
วิจารณ์สายรายงานตัลกีนมัยยิด
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.พ. 08, 2007, 05:18 AM »
0
asan

ข้อความโดย: นูรุ้ลอิสลาม ข้อความเมื่อ: วันนี้ เวลา 05:06
คุณอะสันบอกว่า หากตัลกีนเป็นเรื่องฟาฏออิลอะมาลนั้น "ผิด" ตรงนี้ก็พอทราบแล้วละครับว่า วะฮาบีย์อย่างคุณอะสันตะอัศศุบ แม้มีหะดิษฏออีฟ(เขาว่า)มาอ้างแล้วอิมามนาวะวีย์บอกว่าเป็นเรื่องฟาฏออิลอะมาล แต่คุณอะสันบอกว่า "ผิด" ซึ่งคำว่าผิดนี้ หมายถึง ไม่ใช่เป็นสุนัตแต่เป็นบิดอะฮ์!! นำมาใช้ไม่ได้ แล้วมันจะไปแตกต่างอะไรกับหะดิษเมาฏั๊วะในเชิงฟิกห์ที่ไม่สามารถนำมาปฏิบัติได้ แล้วอัลอัซฮะรีย์พูดผิดหรือว่า

"ปัจจุบัน มีกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกว่ากลุ่มวะฮาบีย์ ได้ทำให้ฐานะของ หะดิษฏออีฟ อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ หะดิษเมาฏั๊วะ แล้วทำการฮุกุ่มบิดอะฮ์ลุ่มหลงและทุกบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงนั้น อยู่ในไฟนรก กับบรรดาพี่น้องมุสลิมีนที่มีทัศนะในการกระทำความงามความดีด้วยกับหะดิษฏออีฟ?! ซุบหานัลลอฮ์!!!"

ตอบ

คุณนุรุ้ลอิสลาม เงียบไปนาน แต่ก็กลับเข้าเป็นปลาหมึกพ่นสีดำให้กับความบริสุทธิ์เรืองรอง ของคำสอนอิสลามอีก ชื่อ รัศมีอิสลามได้อย่างไร เพราะการส่งเสริมให้สอนคนที่อยู่ในหลุม นั้น เป็นเรื่อง นิยาย มาลองอ่านดูนะครับ ว่าเป็นนิยายอย่างไร
มาดูข้อความในหะดิษอบีอุมามะฮ

ท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์ได้รายงานไว้ในหนังสือ อัล-มั๊วะญัม อัล-กะบีรของท่านว่า

إذا أنا مت فاصنعوا بي كما أمرنا رسول الله صلى الله عليه وسلم أن نصنع بموتانا، أمرنا رسول الله صلى الله عليه وسلم فقال: إذا مات أحد من إخوانكم فسويتم التراب على قبره فليقم أحدكم على رأس قبره ثم ليقل: يا فلان ابن فلانة فإنه يسمعه ولا يجيب، ثم يقول: يا فلان ابن فلانة فإنه يستوي قاعداً، ثم يقول: يا فلان ابن فلانة فإنه يقول أرشدنا يرحمك الله ولكن لا تشعرون، فليقل: اذكر ما خرجت عليه من الدنيا شهادة أن لا إله إلا الله وأن محمداً عبده ورسوله وأنك رضيت بالله رباً وبالإسلام ديناً وبمحمد نبياً وبالقرءان إماماً فإن منكراً ونكيراً يأخذ كل واحد منهما بيد صاحبه ويقول: انطلق بنا ما يقعدنا عند من لُقّن حجته، قال [أي أبو أمامة]: فقال رجل: يا رسول الله فإن لم يُعرف أمه، قال: ينسبه إلى أمه حواء، يا فلان ابن حواء

"เมื่อฉันได้เสียชีวิต พวกท่านจงจัดการเกี่ยวกับฉัน ดังที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้ใช้กับเรา ให้จัดการกับบรรดาผู้ตายของเรา ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ได้ใช้กับเราโดยท่านกล่าวว่า " เมื่อคนใดจากพี่น้องของพวกท่านได้เสียชีวิต พวกท่านจงทำให้ดินบนกุบูรของเขาเรียบเสมอ และคนหนึ่งจากพวกท่าน จงยืนทางปลายของกุบูรของเขา หลังจากนั้น เขาจงกล่าวว่า "โอ้ ชายผู้หนึ่ง(ที่ชื่อ....) บุตร ของนางผู้หนึ่ง(ที่ชื่อ....) ดังนั้น เขาก็ได้ทำให้มัยยิดได้ยิน โดยที่มัยยิดก็จะไม่ทำการตอบสนอง หลังจากนั้น เขาก็กล่าวอีกว่า โอ้ ชายผู้หนึ่ง บุตร ของนางผู้หนึ่ง แล้วมัยยิดก็ลุกขึ้นนั่งตัวตรง จากนั้นเขากล่าวว่า โอ้ ชายผู้หนึ่ง บุตร ของนางผู้หนึ่ง ดังนั้น มัยยิดจึงกล่าวว่า ท่านจงชี้แนะแก่เราด้วยเถิด ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาต่อท่าน โดยที่พวกท่านทั้งหลายไม่รู้ตัวหรอก ดังนั้น เขากล่าวว่า "ท่าน(มัยยิด) จงกล่าวกับถ้อยคำที่ท่านดำรงอยู่บนมัน โดยที่ท่านได้จากลาออกจากโลกดุนยา กับคำปฏิญานว่า แท้จริง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ และมุหัมมัดนั้นเป็นบ่าว และเป็นศาสนาทูตของพระองค์ และแท้จริง ฉันได้พอใจด้วยกับการที่อัลเลาะฮ์ทรงเป็นผู้อภิบาล และด้วยกับอิสลามนั้น คือศาสนา และนบีมุหัมมัด คือ ศาสนทูต และอัลกุรอานคือ อิมาม ดังนั้น มุงกัรและนากิร ต่างจูงมือมิตรสหายของเขา แล้วท่านหนึ่งกล่าวว่า ท่านจงเดินไปกับเราเถิด ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรานั่ง(สอบถาม) เกี่ยวกับผู้ที่ถูกสอนกับหลักฐานของเขาแล้ว (หมายถึงเขาได้ตอบคำถามของมุงกัรนะกีรแล้ว) " ดังนั้น มีชายคนหนึ่ง ถามท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ว่า หากเขา(ผู้อ่านตัลกีน) ไม่รู้จักมารดาผู้ตายล่ะครับ ? ท่านร่อซูลตอบว่า ก็ให้เขาอ้างไปยังมารดาของที่ชือ เฮาวาอ์ คือ(กล่าวว่า) โอ้ ชายผู้หนึ่ง(ชื่อ...) บุตร ของพระนางเฮาวาอ์" ( ดู หนังสือ อัล-มั๊วะญัม อัล-กะบีร หะดิษที่ 7979 เล่ม 8 หน้า 249 )
........................
ข้อความที่เป็นนิยายน้ำเน่า คือ คำที่ว่า
إماماً فإن منكراً ونكيراً يأخذ كل واحد منهما بيد صاحبه ويقول: انطلق بنا ما يقعدنا عند من لُقّن حجته
มาม ดังนั้น มุงกัรและนากิร ต่างจูงมือมิตรสหายของเขา แล้วท่านหนึ่งกล่าวว่า ท่านจงเดินไปกับเราเถิด ไม่มีอะไรที่จะทำให้เรานั่ง(สอบถาม) เกี่ยวกับผู้ที่ถูกสอนกับหลักฐาน ของเขาแล้ว
..................
คือ มลาอิกะอทั้งสองท่านชวนกันกลับ เพราะมาเห็นว่า มีคนสอนคำตอบให้แก่มัยยิตแล้ว นี่ถ้าเป็นการสอบ คงจะปรับตกวิชานี้ไปแล้ว เพราะมีคนแอบมาบอกข้อสอบ มาชาอัลลอฮ ทำไมจึงง่ายขนาดนี้ แค่จ้างคนให้ไปอ่านตัลกีน บอกคำตอบให้แก่มัยยิต มลาอิกะฮก็เกรงใจแล้ว ไม่กล้าไปถาม นี่มันนิยายชัดๆ ทั้งๆที่อัลลอฮได้ตรัสไว้ในอัลกุรอ่าน ว่า พระองค์คือ ผู้ที่บันดาลให้ผู้ที่มีอีหม่านเท่านั้น ที่สามารถให้คำตอบคำถามมลาอิกะฮได้

يُثَبِّتُ اللّهُ الَّذِينَ آمَنُواْ بِالْقَوْلِ الثَّابِتِ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَفِي الآخِرَةِ

14.27] อัลลอฮ์ทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาหนักแน่นด้วยคำกล่าวที่มั่นคง ในการมีชีวิตอยู่ทั้งในโลกนี้และในปรโลก

عَنْ الْبَرَاء بْن عَازِب رَضِيَ اللَّه عَنْهُ أَنَّ رَسُول اللَّه صَلَّى اللَّه عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ " الْمُسْلِم إِذَا سُئِلَ فِي الْقَبْر شَهِدَ أَنْ لَا إِلَه إِلَّا اللَّه وَأَنَّ مُحَمَّدًا رَسُول اللَّه فَذَلِكَ قَوْله " يُثَبِّتُ اللَّهُ الَّذِينَ آمَنُوا بِالْقَوْلِ الثَّابِتِ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَفِي الْآخِرَةِ"

รายงานจาก อัลบะเราะอฺ บุตร อาซิบ (ร.ฎ)ว่า แท้จริงท่านรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม
กล่าวว่า ?มุสลิมนั้น เมื่อเขาถูกถามในหลุมศพ เขาจะปฏิญานว่า ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮและแท้จริง มุหัมหมัด เป็นศาสนทูตของอัลลอฮ ดังกล่าวนั้น เพราะพระองค์ตรัสไว้ว่า

يُثَبِّتُ اللّهُ الَّذِينَ آمَنُواْ بِالْقَوْلِ الثَّابِتِ فِي الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَفِي الآخِرَةِ

14.27] อัลลอฮ์ทรงให้บรรดาผู้ศรัทธาหนักแน่นด้วยคำกล่าวที่มั่นคง ในการมีชีวิตอยู่ทั้งในโลกนี้และในปรโลก - รายงานโดยบุคอรี - ดูตัฟสีรอิบนิกะษีร อรรถาธิบาย อายะฮที่ 27 ซูเราะฮอิบรอฮีม

..........................................

จึงเห็นได้ว่า เป็นนิยายน้ำเน่า ที่ส่งเสริมให้คนละเลยต่ออะมั้ลอิบาดะฮ เพราะคิดว่า ไม่เป็นไร เรื่องตอบคำถามมลาอิกะฮ ค่อยให้โตะอิหม่ามสอนให้ก็ได้ ตอนอยู่ในหลุมศพ และหะดิษข้างต้น นักวิชาการบางท่านบอกว่า หะดิษปลอมด้วยซ้ำ


ท่านนาศิรุดดีน อัลบานีย์ได้วิจารณ์ หะดิษนี้ว่า

منكر . أخرجه القاضي الخلعي في الفوائد 2/55 . قلت :[ وهذا إسناد ضعيف جداً لم أعرف أحداً منهم غير عتبة بن السكن . قال الدار قطني : متروك الحديث . وقال البيهقي : واهٍ منسوب إلى الوضع .

เป็นหะดิษที่ถูกปฏิเสธ(มุงกัร) อัลกอฏี อัลเคาะละอีย์ ได้บันทึกมันไว้ใน อัล-ฟะวาอิด เล่ม 2 หน้า 55 ข้าพเจ้า(หมายถึง อัลบานีย์) ขอกล่าวว่า ?และหะดิษนี้ สายสืบอ่อนเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้าไม่รู้จักคนใดเลยจากพวกเขา นอกจาก อุตบะฮ บุตร อัสสะกัน . อัดดารุ้ลกุฏนีย์ กล่าวว่า ? เป็นหะดิษที่ถูกทอดทิ้ง? และอัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่า ? หลักฐานอ่อน ถูกอ้างว่า เป็นหะดิษปลอม
ดู อัสสิลลิละฮอัฎเฎาะอีฟะฮ เล่ม 2 หน้า 64-65

และท่านอัลบานีย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า

أن الأئمة النووي وابن الصلاح والحافظ العراقي قد ضعفوا الحديث

แท้จริงบรรดาท่านผู้นำ อัลนะวาวีย์ อิบนุเศาะลาห และอัลหาฟิซ อัลอิรอกีย์ พวกเขา ถือว่าหะดิษนี้ เฏาะอีฟ ?ดู อัสสิลลิละฮอัฎเฎาะอีฟะฮ เล่ม 2 หน้า 64-65

อิบนุอะลาล ได้คัดลอกคำพูดของ ท่าน อัล-หาฟิซอิบนุหะญัร หลังจากที่ได้ อธิบาย หะดิษอบีอุมามะฮว่า

هذا حديث غريب وسند الحديثين من الطريقين ضعيف جداً

นี้เป็นหะดิษเฆาะรีบ และสายสืบ ของสองหะดิษ จากสอง สายรายงาน ออ่นหลักฐานเป็นอย่างมาก -ดู อัลฟุตูหาต อัรรอ็บบานียะฮ อะลัลอัซการ อัลนะวาวียะฮ เล่ม 4 หน้า 196

และอัศศอ็นอานีย ได้กล่าวไว้ในสุบุลุสสลาม 2/161 ว่า

"يتحصل من كلام أئمة التحقيق أنه حديث ضعيف، والعمل به بدعة"

"สรุปจากคำพูดของบรรดาผู้นำที่ได้รับการรับรอง ว่า แท้จริง มันเป็นหะดิษเฎาะอีฟ และการนำมันมาปฏิบัตินั้น เป็นบิดอะฮ


ขอแถมด้วยคำพูดของอิบนิกอ็ยยิมว่า

ولم يكن من هديه صلى الله عليه وسلم أن يجلس يقرأ عند القبر، ولا يلقن الميت كما يفعله الناس اليوم، وأما الحديث الذي رواه الطبراني في معجمه من حديث أبي أمامة فهذا حديث لا يصح رفعه.. ولم يكن من هديه أن يجتمع للغداء، ويقرأ له القرآن، لا عند قبره ولا غيره، وكل هذا بدعة حادثة مكروهة

ไม่ปรากฏจากการแนะนำของท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวาสัลลัม เกี่ยวกับการนั่งอ่านอัลกุรอ่านที่หลุมศพ และไม่มีการอ่านตัลกีนมัยยิต ดังที่มนุษย์ในปัจจุบันทำกัน สำหรับหะดิษ ที่รายงานโดยอัฏฏอ็บรอนีย์ ในมุอฺญัมของท่าน จากอบีอุมามะฮ(หมายถึงหะดิษที่ระบุข้างต้น-ผู้แปล) เพราะนี้คือ หะดิษ ที่การสืบไปถึงท่านนบีนั้น ไม่ถูกต้อง และไม่ปรากฏจากการแนะนำของท่านนบี คือ การมาชุมนุมกันกินอาหาร และอ่านอัลกุรอ่าน อุทิศให้แก่มัยยิต ไม่ว่าจะที่หลุมศพ หรือที่อื่นก็ตามก็ไม่มี และทั้งหมดนี้คือ บิดอะฮที่ประดิษฐขึ้นมาใหม่ ที่เป็นน่ารังเกียจ(มักรูฮ)- ซาดุ้ลมะอาด เล่ม 1 หน้า 523
...........
จึงอยากจะให้คุณนูร้ลอิสลาม และสหายพานิยายออกไปเสีย
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
วิจารณ์สายรายงานตัลกีนมัยยิด
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.พ. 08, 2007, 05:21 AM »
0
al-azhary

ท่านอิบนุหะญัร ได้กล่าวรายงานต่างๆที่มาสนับสนุนไว้ 3 สายรายงานด้วย คือ

" ท่าน อัล-หาฟิซฺ ซะอีด อัล-มันซูร ได้รายงานจากหนทางของท่าน ร่อชิด บิน สะอัด ( راشد بن سعد ) และจากหนทางของท่าน เฏาะมิเราะฮ์ บิน หะบีบ ( ضمرة بن حبيب ) และจากหนทางของท่าน หะกีม บิน อุมัยร์ ( حكيم بن عمير ) ซึ่งพวกเขากล่าวรายงานว่า

إذا سُوِّي على الميت قبره وانصرف الناس عنه، كانوا يستحبون أن يقال للميت عند قبره: (يا فلانَ قل: لا إله إلا الله. قل: أشهد أن لا إله إلا الله ثلاث مرات. قل : ربي الله، وديني الإسلام، ونبي محمد، ثم ينصرف

" เมื่อกุบุรของมัยยิด ถูกเกลี่ยกลบเรียบร้อยแล้ว และบรรดาผู้คนก็แยกย้ายกันกลับไป พวกเขา(คือบรรดาซอฮาบะฮ์) ชอบ ที่จะกล่าวแก่มัยยิด ณ ที่กุบูร ของเขา 3 ครั้งว่า โอ้ ชายผู้หนึ่ง (ที่ชื่อ.....) ท่านจงกล่าวว่า แท้จริง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ โอ้ ชายผู้หนึ่ง (ที่ชื่อ....) ท่านจงกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของฉัน คือ อัลเลาะฮ์ ศาสนาของฉัน คือ อิสลาม และนบีของฉัน คือ มุหัมมัด(ซ.ล.) " ( ดู หนังสือ อัต-ตัลคีศ อัล-หะบีร เล่ม 2 หน้า 136 )

ดังนั้น จากสายรายงานนี้ ย่อมชี้ให้เห็นว่า กลุ่มหนึ่งจากบรรดาซอฮาบะฮ์ ก็ได้ทำการอ่านตัลกีน ท่าน อัช-ชากานีย์กล่าวว่า " ร่องรอยที่ถูกรายงานนี้ มาจากท่าน ร่อชิด ท่านเฏาะมิเราะฮ์ และท่านหะกีม ซึ่งท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุ หะญัรได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัต-ตัลคีศ โดยที่ท่านอิบนุหะญัร ได้นิ่งจาก(การวิจารณ์)มัน" ( ดู หนังสือ นัยลุลเอาฏ๊อร เล่ม 4 หน้า 106)

เราขอกล่าวว่า ท่าน ชัยค์ ซฺ่อฟัร อัล-อุษมานีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัล-เกาะวาอิด ของท่าน เกี่ยวกับกับบรรดาหะดิษที่รายงานเพิ่มขึ้นมา โดยที่ท่านอิบนุหะญัรนิ่งจากการวิจารณ์มัน ในหนังสือ ฟัตหุลบารีย์ว่า มันเป็นการหุกุ่มว่าหะดิษเหล่านั้น ซอฮิหฺ หรือ หะซัน ตามทัศนะของท่านอิบนุหะญัร และท่านชัยค์ ซฺ่อฟัร อัล-อุษมานีย์กล่าวต่อไปว่า " เช่นเดียวกันนี้ (คือเป็นหะดิษที่ ซอฮิหฺ หรือ หะซัน) การนิ่งจากการวิจารณ์ของท่าน อัล-หาฟิซฺ อิบนุ หะญัร จากหะดิษใดหะดิษหนึ่ง ที่อยู่ในหนังสือ อัต-ตัลคีศ อัล-หะบีร คือเป็นหลักฐานที่ชี้ว่า หะดิษนั้น ซอฮิหฺ หรือ หะซัน เพราะแท้จริง ท่านอัช-เชากานีย์ (ร.ฮ.) นั้น บางครั้งท่านได้ทำการอ้างหลักฐาน (หะดิษ) ด้วย (หะดิษ) ที่ท่านอิบนุหะญัรนิ่ง (จากการวิจารณ์) ที่อยู่ในหนังสือ อัต-ตัลคีศ ซึ่งเช่นเดียวกัน ที่ท่านอัช-เชากานีย์ ได้ทำการอ้างหลักฐาน (หะดิษ) ด้วยกับ (หะดิษ) ที่ท่านอิบนุหะญัรได้นิ่งจากการวิจารณ์ ที่อยู่ในหนังสือ ฟัตหุบารีย์ ซึ่งสิ่งดังกล่าวนี้ จะปรากฏชัด ด้วยการกลับไปทบทวนดูหนังสือ นัยลุลเอาฏอร " (ดู หนังสือ เกาะวาอิด ฟี อุลูม อัลหะดิษ ของท่าน ชัยค์ อัตติโานะวีย์ หน้า 90 )

หากเรากลับไปดูหนังสือ อัต-ตัลคีศ อัลหะบีร ของท่าน อิบนุหะญัร เราจะพบว่า ท่านอิบนุหะญัร ได้ทำการรายงานร่องรอยนี้ไว้ จากท่าน ร่อชิด บิน สะอัด ( راشد بن سعد ) และจากหนทางของท่าน เฏาะมิเราะฮ์ บิน หะบีบ ( ضمرة بن حبيب ) และจากหนทางของท่าน หะกีม บิน อุมัยร์ ( حكيم بن عمير )

สายรายงานแรก คือ จากท่านร่อชิด บิน สะอีด ( راشد بن سعد ) ซึ่งเป็นสายรายงานที่ ซอฮิหฺ ท่านอัซฺซฺะฮะบีย์ ได้กล่าวไว้ว่า " ท่านร่อชิด บิน สะอีด อัลญับรอนีย์ (เสียชีวิต ฮ.ศ. 113) เป็นนักปราชญ์ฟิกห์ และเป็นนักหะดิษแห่งเมืองหัมซฺ ซึ่งมีนักหะดิษมากมายได้ยืนยันความเชื่อถือ ثقة ให้กับเขา เช่นท่าน อิบนุ มะอีน ท่านอบูหาติม ท่านอิบนุสะอัด และท่าน อะหฺมัด บิน หัมบัล กล่าวว่า "เขานั้นไม่เป็นไร" และท่านอิบนุหัซฺมินท่านเดียวเท่านั้นที่กล่าวว่า "เขาฏออีฟ" ซึ่งคำกล่าวของท่านอิบนุหัซมินนี้ เป็นส่วนหนึ่งจากคำพูดของเขาที่ถูกปฏิเสธ และท่านอัตดารุกุฏนีย์ กล่าวว่า " เขานั้นไม่เป็นไร โดยที่เขานั้น ถูกนำมาพิจารณาได้ " ( ดู ซิยัร อะลาม อันนุบะลาอ์ เล่ม 5 หน้า 390 )

สายรายงานที่ 2 จากท่าน เฏาะมิเราะฮ์ บิน หะบีบ ( ضمرة بن حبيب ) ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า " เขานั้น ثقة เชื่อถือได้ และเป็นนักรายงานระดับชั้นที่ 4 " (ดู หนังสือ ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ เล่ม 1 หน้า 374 )

สายรายงานที่ 3 จากท่าน หะกีม บิน อุมัยร์ ( حكيم بن عمير ) ท่านอิบนุ หะญัร กล่าวว่า "ศ่อดูก" ( ดู หนังสือ ตักรีบ อัตตะฮ์ซีบ)

จากสิ่งที่ผมได้นำเสนอมานั้น หากเรายึดจากสายรายงานจากท่าน อัฏเฏาะมิเราะฮ์ บิน หะบีบ และรอชิด บิน สะอัด ถือเพียงพอแล้ว

สิ่งที่ผมได้นำเสนอมานั้น หากเรายึดสายรายงานจากท่าน เฏาะมิเราะฮ์ บิน หะบีบ และท่าน ร่อชิด บิน สะอัด ถือเพียงพอแล้ว สำหรับการไปสนับสนุนหะดิษของท่านอบีอุมามะฮ์ (ร.ฏ.) ดังนั้น การที่ท่านอิบนุหะญัร(ร.ฏ.) นิ่งเฉยจากการวิจารณ์ร่องรอยต่างๆทั้ง 3 รายงานนี้ เพราะมันซอฮิหฺ หรืออย่างน้อยสุดก็ หะซัน ส่วนสายรายงานของท่าน หะกีม บิน อุมัยร์ นั้น ย่อมไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจาก มีอีกสองรายงานที่เหลืออีกมาสนับสนุนและยกระดับให้เป็น สายรายงานที่ หะซัน

วิจารณ์

รายงานที่ซอฮิหฺที่ชี้การกระทำของซอฮาบะฮ์ แต่บังอะสันไม่สนครับ แต่พอคำพูดของท่านอิบนุมัสอูดเป็นซอฮาบะฮ์ที่ไม่ซอฮิหฺ บังอะสันก็พยายามดันทุรัง จะให้ซอฮิหฺให้ได้ เพื่ออะไรครับท่านผู้อ่าน ก็เพื่อวะฮาบีย์จะได้หุกุ่มพี่น้องมุสลิมว่าทำบิดอะฮ์ต่อไป แต่สายรายงานเรื่องตัลกีนถึงซอฮาบะฮ์ที่ซอฮิหฺ บังอะสันไม่สนครับ เพราะอะไรครับท่นผู้อ่าน ก็เพื่อวะฮาบีย์จะได้หุกุ่มพี่น้องมุสลิมว่าทำบิดอะฮ์อีกนั่นแหละครับ
ผมอยากกล่าวนำคำกล่าวของ ท่านอิบนุกัยยิม มากล่าวเสริมเกี่ยวกับเรื่องตัลกีน ว่า ท่านเองก็ยอมรับในเรื่องดังกล่าวนี้ ท่านอิบนุก๊อยยิมกล่าวว่า

فهذا الحديث إن لم يثبت فاتصال العمل به فى سائر الأمصار والأعصار من غير نكير فى العمل به

" หะดิษนี้ (คือหะดิษของท่าน อบูอุมามะฮ์) ไม่ได้รับการยืนยันว่า ซอฮิหฺ แต่การอ่านตัลกีนนั้น ได้มีการปฏิบัติต่อเนื่องกันมาในทุกยุคทุกสมัยโดยไม่มีผู้ใดตำหนิ ซึ่งถือว่าเพียงพอแล้วในการปฏิบัติด้วยกันมัน " (ดู หนังสือ อัร-รั๊วะหฺ หน้า 39 ของท่านอิบนุ ก๊อยยิม )

ท่านอิบนุก๊อยยิมกล่าวอีกว่า

ويدل على هذا أيضا ما جرى عليه عمل الناس قديما والى الان من تلقين الميت فى قبره ولولا أنه يسمع ذلك وينتفع به لم يكن فيه فائدة وكان عبثا وقد سئل عنه الإمام أحمد رحمه الله تعالى فاستحبه واحتج عليه بالعمل


" และชี้ถึงการ (อนุญาติให้อ่านตัลกีน) นี้เช่นกัน คือสิ่งที่บรรดานักปราชญ์ได้ดำเนินกระทำการปฏิบัติกันมาตั้งแต่ยุคก่อน จนถึงปัจจุบัน ในการอ่านตัลกีนมัยยิด และหากว่า มัยยิดไม่ได้ยิน(ตัลกีน) ดังกล่าว หรือไม่ได้รับประโยชน์จากมัน ก็ย่อมไม่มีผลประโยชน์อันใดและย่อมเป็นสิ่งที่ไร้สาระ และท่านอิมามอะหฺมัด(ร.ฏ.) ได้ถูกถามได้เคยถูกถามเกี่ยวกับตัลกีน ดังนั้น (ท่านอิมามอะหฺมัดตอบว่า) มันเป็นสิ่งที่ดี และท่านได้อ้างหลักฐานต่อหะดิษดังกล่าว โดยนำมาปฏิบัติด้วยกับมัน " (ดู หนังสือ อัร-รั๊วะหฺ หน้า 38 )

http://www.miftahcairo.com/webboard.php?option=answers&qNo=153&kword=

ดังนั้น คำพูดต่อไปนี้ ก็จะไม่ผิดและไม่เป็นการกล่าวหาวะฮาบีย์อีกต่อไปแล้ว

อัล-อัซฮะรีย์ ขอกล่าวว่า

ปัจจุบัน มีกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกว่ากลุ่มวะฮาบีย์ ได้ทำให้ฐานะของ หะดิษฏออีฟ อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ หะดิษเมาฏั๊วะ แล้วทำการฮุกุ่มบิดอะฮ์ลุ่มหลงและทุกบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงนั้น อยู่ในไฟนรก กับบรรดาพี่น้องมุสลิมีนที่มีทัศนะในการกระทำความงามความดีด้วยกับหะดิษฏออีฟ?! ซุบหานัลลอฮ์!!!
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
วิจารณ์สายรายงานตัลกีนมัยยิด
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.พ. 08, 2007, 05:23 AM »
0
asan

อันที่จริง การตัลกีน ที่ปรากฏในหะดิษเศาะเฮียะนั้น คือ สอนกะลิมะฮชะฮาดะฮแก่ผู้ใกล้จะตาย คือ
อิหม่ามนะวาวีย กล่าวว่า

قوله من كان آخر كلامه لا إله إلا الله دخل الجنة ) والأمر بهذا التلقين أمر ندب وأجمع العلماء على هذا التلقين ] شرح مسلم 2/512

คำกล่าวของท่านนบีที่ว่า (จงสอน ?ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ?แก่เมาตาของพวกท่าน )ความหมายของมันคือ ผู้ที่ใกล้จะตาย และความมุ่งหมายให้กล่าวเขากล่าว لا إله إلا الله ก็เพื่อให้มันเป็นคำพูดสุดท้ายของเขา ดังสิ่งที่ปรากฏในหะดิษว่า (ผู้ใดคำพูดสุดท้ายของเขา คือ لا إله إلا الله เขาได้เข้าสวรรค์) และคำสั่ง ด้วยตัลกีนนี้ เป็นคำสังที่เป็นสุนัติ และบรรดาอุลามาอ เห็นฟ้องกัน บนการอ่านตัลกีลนี้ - ชัรหุมุสลิม 2/512
 ส่วนหะดิษอบีอุมามะฮ ท่านอิหม่ามนะวาวียเอง ก็บอกว่า เฏาะอีฟ

قال النووي في : "المجموع" (5/274) : "إسناده ضعيف

อิหท่ามนะวาวีย กล่าวไว้ใน อัลมัจญมัวะ (5/274) ?สายสืบของมัน เฎาะอีฟ

..................
เพราะฉะนั้น จะตามหะดิษเศาะเฮียะ หรือ หะดิษเฏาะอีฟ หรือ จะตามความเห็นของอิหมามนะวาวีย์แบบหูหนวกตาบอด

เช็คมุหัมหมัด อัลญีซานีย์กล่าวว่า

كلُ عبادةٍ تستندُ إلى حديثٍ مكذوبٍ على رسولِ اللهِ صلى اللهُ عليه وسلم فهي بدعةٌ


ทุกอิบาดะฮที่อ้างอิงหะดิษที่กล่าวเท็จแก่ท่านรซูลุ้ลลอฮ นั้น มันเป็นบิดอะฮ - เกาะวาอิด มะอฺริฟะติลบิดอิ หน้า 67

كلُ عبادةٍ تستندُ إلى الرأي المجردِ والهوى فهي بدعةٌ ؛ كقولِ بعضِ العلماءِ أو العُبَّادِ أو عاداتِ بعضِ البلادِ أو بعضِ الحكاياتِ والمناماتِ " .
ทุกอิบาดะฮ ที่อ้างอิงความเห็นเพียวๆ และอารมณ์ชอบ นั้น เป็นบิดอะฮ เช่นอ้าง คำพูดอุลามาอฺบางคน หรือ นักอิบาดะฮบางคน หรือ ประเพณีของบางประเทศ หรือ เรื่องเล่า และความฝันเป็นต้น - เกาะวาอิด มะอฺริฟะติลบิดอิ หน้า 68

ส่วนที่อัลฮาฟิซ บอกว่า وإسنادهُ صالحٌ สายรายงานดี ซึ่งก็แปลก มันดีได้อย่างไร ในเมื่อในสายรายงานมีบางคนไม่เป็นที่รู้จัก ดังทีอัลฮัยษะมีย บอกว่า

رواهُ الطبراني في " الكبيرِ " وفي إسنادهِ جماعةٌ لم أعرفهم

รายงานโดยอัฏฏอ็บรอนีย์ ในอัลกะบีร และในสายรายงานของมัน มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่รู้จัก

.................
ดันทุรังกันไปเถอะครับ อ้อ..ยังไม่ตอบ ถามอีก อิหม่มนะวาวีย์จัดงานเมาลิดแบบที่สวนอัมพรหรือเปล่า
-------------------------
asan
والصنعاني في (( سبل السلام )) (2/114) ، وقال : ( ويتحصل من كلام أئمة التحقيق أنه حديث ضعيفٌ والعمل به بدعة ، ولا يغتر بكثرة من يفعله ) .

และอัศศอ็นอานีย์ ได้กล่าวไว้ใน สุบุลุสสลาม เล่ม 2/114 ว่า และประมวลจากคำพูดของบรรดาท่านผู้นำที่ได้มีการพิสูจน์แล้ว ว่า แท้จริง มันเป็นหะดิษเฎาะอีฟ และการปฏิบัติตามมันนั้นเป็น บิดอะอ และอย่าไปหลงกลกับการที่เห็นคนส่วนมากเขาปฏิบัติกัน -
..................
อินชาอัลลอฮจะมาว่าต่อ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
วิจารณ์สายรายงานตัลกีนมัยยิด
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ก.พ. 08, 2007, 05:26 AM »
0
al-azhary

อ้างอิงจากบังอะสัน

ส่วนที่อัลฮาฟิซ บอกว่า وإسنادهُ صالحٌ สายรายงานดี ซึ่งก็แปลก มันดีได้อย่างไร ในเมื่อในสายรายงานมีบางคนไม่เป็นที่รู้จัก ดังทีอัลฮัยษะมีย บอกว่า

رواهُ الطبراني في " الكبيرِ " وفي إسنادهِ جماعةٌ لم أعرفهم

รายงานโดยอัฏฏอ็บรอนีย์ ในอัลกะบีร และในสายรายงานของมัน มีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ข้าพเจ้าไม่รู้จัก

ตอบ

นี่เราจะมาคุยเรื่องตัลกีนกันหรือครับเนี่ย บังอะสันครับ คำว่า" وإسنادهُ صالحٌ สายรายงานดี " หมายถึง สายรายงานที่มีสายรายงานอื่นมาสนับสนุน แล้วตรงนี้ท่านอิบนุหะญัร อะมีรุลมุอ์มินีน ฟิลหะดิษ ได้พิจารณาหลักการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่บังอะสันไม่เชื่อ พอท่านอัลบานีย์บอกว่าซอฮิห์ บังอะสันก็ถวายหัวใจรับอย่างไม่สงสัย"

เราทราบดีว่า ในหะดิษที่รายงานโดยท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์นั้น ท่านอบีอุมามะฮ์ ได้รายงานถึงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) คือสายรายงานของท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์นั้น มีปัญหาช่วงของตาบิอีนและนักรายงานถัดลงไป ซึ่งมีกลุ่มนักรายงานที่ไม่รู้จักสถานะภาพของพวกเขา ปัญหาจึงอยู่ตรงนี้ คืออยู่ตรงที่ว่าบุคคลใดกันที่มีคุณสมบัติเป็นที่รู้จักในสถานะภาพของพวกเขาได้รายงานถึงซอฮาบะฮ์ที่ชื่อว่าอบูอุมามะฮ์ แล้วท่านอบูอุมามะฮ์เล่ารายงานจากท่านนบี(ซ.ล.) แต่เมื่อนักปราชญ์หะดิษอย่างท่านอิบนุหะญัร ได้ทำการตรวจสอบและรวบรวมสายรายงานต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องตัลกีน ก็พบว่าท่าน อัลหาฟิซฺ สะอีด บิน มันซูร ได้ทำการรายงานด้วยบรรดาสายรายงานที่ซอฮิหฺระบุว่าบรรดาซอฮาบะฮ์ได้ทำการอ่านตัลกีน คือ

" ท่าน อัล-หาฟิซฺ ซะอีด อัล-มันซูร ได้รายงานจากหนทางของท่าน ร่อชิด บิน สะอัด ( راشد بن سعد ) และจากหนทางของท่าน เฏาะมิเราะฮ์ บิน หะบีบ ( ضمرة بن حبيب ) และจากหนทางของท่าน หะกีม บิน อุมัยร์ ( حكيم بن عمير ) ซึ่งพวกเขากล่าวรายงานว่า

إذا سُوِّي على الميت قبره وانصرف الناس عنه، كانوا يستحبون أن يقال للميت عند قبره: (يا فلانَ قل: لا إله إلا الله. قل: أشهد أن لا إله إلا الله ثلاث مرات. قل : ربي الله، وديني الإسلام، ونبي محمد، ثم ينصرف

" เมื่อกุบุรของมัยยิด ถูกเกลี่ยกลบเรียบร้อยแล้ว และบรรดาผู้คนก็แยกย้ายกันกลับไป พวกเขา(คือบรรดาซอฮาบะฮ์) ชอบ ที่จะกล่าวแก่มัยยิด ณ ที่กุบูร ของเขา 3 ครั้งว่า โอ้ ชายผู้หนึ่ง (ที่ชื่อ.....) ท่านจงกล่าวว่า แท้จริง ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์ โอ้ ชายผู้หนึ่ง (ที่ชื่อ....) ท่านจงกล่าวว่า พระผู้อภิบาลของฉัน คือ อัลเลาะฮ์ ศาสนาของฉัน คือ อิสลาม และนบีของฉัน คือ มุหัมมัด(ซ.ล.) " ( ดู หนังสือ อัต-ตัลคีศ อัล-หะบีร เล่ม 2 หน้า 136 )

ซึ่งท่าน อัลหาฟิซฺ สะอีด บิน มันซูร ได้รายงานเรื่องตัลกีนระบุการกระทำของซอฮาบะฮ์ถึงสามสายรายงานด้วยกัน และแน่นอนว่า หากมีสักสายรายงานเดียวที่ซอฮิหฺ ก็ถือว่าใช้ได้แล้วที่จะนำมาสนับสนุนสายรายงานของท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์เพื่อให้เชื่อมต่อไปยังท่านอบีอุมามะฮ์และอบีอุมามะฮ์ก็รายงานจากท่านนบี(ซ.ล.)

ดังนั้น บรรดาสายรายงานที่ซอฮิหฺของท่านอัลหะฟิซฺ สะอีด บิน มันซูร ที่ได้รายงานถึงบรรดาซอฮาบะฮ์นั้น ได้มาสนับสนุนทดแทนสายรายงานของท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์ที่ไม่รู้ถึงสถานะภาพของเขาจากท่านอบูอุมามะฮ์จนถึงท่านนบี(ซ.ล.) นี่คือหลักการรวบรวมสายรายงาน ผมหวังว่าบังอะสันคงเข้าใจ แต่ไม่ต้องมาปฏิบัติตามเราก็ได้นะครับ เพราะเราไม่ถนัดกับพวกวิชาพาล ซึ่งหากบังอะสันปฏิเสธและไม่เชื่อหลักการนี้ก็ไม่เป็นไร


إن الذين كفرا سواء عليهم أأنذرتهم أم لم تنذرهم فهم لا يؤمنون

"แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น ไม่ว่าท่านจะตักเตือนพวกเขาหรือไม่ตักเตือน แน่นอนพวกเขาก็ไม่เชื่อ"

อัล-อัซฮะรีย์ ขอกล่าวว่า

ปัจจุบัน มีกลุ่มหนึ่ง ที่เรียกว่ากลุ่มวะฮาบีย์ ได้ทำให้ฐานะของ หะดิษฏออีฟ อยู่ในตำแหน่งเดียวกับ หะดิษเมาฏั๊วะ แล้วทำการฮุกุ่มบิดอะฮ์ลุ่มหลงและทุกบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงนั้น อยู่ในไฟนรก กับบรรดาพี่น้องมุสลิมีนที่มีทัศนะในการกระทำความงามความดีด้วยกับหะดิษฏออีฟ?! ซุบหานัลลอฮ์!!!
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged