ผู้เขียน หัวข้อ: คำถามร้อนๆ เกี่ยวกับศีฟัต 20 ที่ต้องการคำตอบด่วนจี้  (อ่าน 15280 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
อัสสลามุ อลัยกุม

               ญาซากั้ลลอฮุ ค็อยร็อนมากๆ ครับ สำหรับคำตอบดีๆ แต่ยังตอบไม่หมดครับ หากมีหลักฐานด้วย อยากให้เอามาด้วยนะครับ เพราะบุคคลที่ผมจะชี้แจงกะเขานั้น เป็นระดับด็อกเตอร์ฝ่ายวะฮะบียฺเสียส่วนใหญ่ กลัวว่าตอบไปแบบไม่มีหลักฐาน เราจะโดนสวนกลับอะครับ รับไว้พิจารณาด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ al-um

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 154
  • الأم
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สลาม
  งั้นก็ชวนเค้ามาเสวนา ณ ที่นี้เลยสิครับ
*للزكريا    الأنصاري*
      อุลามะในทัศนะวะฮาบีย์บางคนได้ทิ้งขวางความรู้ความคิดเห็นหรือผลงานของอุลามะฮ์ผู้นำมัซฮับทั้ง 4   แบบไม่ใยดี แต่กลับมาชื่นชอบทัศนะใหม่ที่มาทีหลัง ว่า ถูกต้องที่สุด..จนมันได้กลายเป็น...บิดอะดอลาละที่ลุ่มหลง.แบบตะอัศศุบ..ในทัศนะตนเองแบบสุดโต่ง แบบไม่น่าให้อภัย  และคิดว่า  ทัศนะใหม่ของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง ....นะอูซุบิ้ลลา

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
อัสสลามุ อลัยกุม

             ผมคงไม่กล้าถึงขนาดชวนเขามาเสวนาหรอกครับ เดียวจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ตอนนี้ผมแต่ต้องการคำตอบจากสิ่งที่ถามไป ซึ่งแต่ละคำถาม มีทั้งที่ผมถามเอง จากประสบการณ์ที่เคยได้เจอมาเอง และคำถามที่พวกวะฮะบียฺที่มหาลัยชอบถามกัน ช่วยๆ หน่อยนะครับ ขอร้อง

วัสสลามุ อลัยกุม

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
อัสสลามุ อลัยกุม

              - เหตุใดศีฟัต 20 ต้องมีปรัชญาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทั้งๆ ที่บางกลุ่มอ้างว่า เป็นวิธีที่ไม่ใช่แบบอิสลาม? ช่วยชี้แจงหน่อยครับ

              - จริงหรือที่ท่านอิม่ามอะหฺมัดไม่เห็นด้วยกับหลักการอธิบายอะกีดะฮฺตามแบบของท่านอิม่ามอบุลหะซัน อัล-อัชอะรียฺ? หรือศีฟัต 20 นั่นเอง

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
ทบทวนๆ
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

somsakkafa

  • บุคคลทั่วไป

بسم الله الرحمن الرحيم

ถาม : ศีฟัต 20 จำเป็นด้วยหรอที่ต้องเรียน เหตุใดจึงมีการบังคับจนถึงขั้นวาญิบต้องศึกษาศีฟัต 20 ด้วย แล้ววิธิอื่นๆ ไม่มีแล้วใช่ไหมในการทำการรู้จักต่ออัลลอฮฺ? ไหนหละหลักฐานว่าวาญิบ?

ตอบ : การเรียนซีฟัตวายิบสำหรับอัลเลาะฮ์นั้น  เป็นสิ่งที่จำเป็นวายิบต่อคนอัลมุกัลลัฟหรือผู้ที่บรรลุศาสนภาวะที่จำเป็นต้องรู้จัก   แต่ทว่า  สิ่งที่วายิบจำเป็นต้องรู้จักตามทัศนะของอัลอะชาอิเราะฮ์นั้น  มีอยู่  2 ประเภท

1. วายิบแบบอิจญ์มาลีย์  اَلْوَاجِبُ الإِجْمَالِيُّ  หมายถึง  จำเป็นต้องรู้แบบสรุป  กล่าวคือ  รู้หลักฐานแต่มิอาจที่จะโต้ตอบหรือชี้แจงข้อสงสัยที่เกิดขึ้นได้  เพียงแต่ในหลักความเชื่อนั้นอยู่ในความนึกคิดของเขานั้นเอง  คือถ้าหากถามเขาว่า อัลวุญูด اَلْوُجُوْدُ หมายถึงอะไร? บางทีเขาก็ไม่รู้เพราะแปลคำภาษาอาหรับไม่ได้  แต่ถ้าหากถามว่า  อัลเลาะฮ์ทรงมีใช่ไหม?  เขาก็จะตอบได้เลยว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี  และหากถามว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีอย่างไรใหนหลักฐาน?  เขาก็ตอบว่า  โลกนี้หรือสรรพสิ่งทั้งหลายชี้ถึงการมีผู้สร้าง  ก็ถือว่าพ้นสภาพจากการเป็นคนมุก๊อลลิด (ตามหลักความเชื่อของผู้อื่นโดยไร้หลักฐาน)  และวายิบแบบอิจญ์มาลีย์นี้  ถือว่าเป็น  ฟัรดูอีน  ที่ทุกคนจำเป็นต้องรู้

2. วายิบแบบตัฟซีลีย์  اَلْوَاجِبُ التَّفْصِيْلِيُّ  หมายถึง  เขารู้หลักฐานที่จะสามารถยืนยันและชี้แจงบรรดาความสงสัยที่เกิดขึ้นได้  และวายิบแบบตัฟซีลีย์นี้  คือการรู้จักซีฟัตทั้ง 20 นั่นเอง  ซึ่งวายิบตัฟซีลีย์ด้วยการรู้จักซีฟัต 20 ประการ  ถือว่าเป็นฟัรดูกิฟายะฮ์  ไม่จำเป็นต้องร่ำเรียนกันทุกคน  กล่าวคือในหมู่บ้านหนึ่งนั้น  ก็จำเป็นต้องให้รู้อย่างน้อย 1 คนหรือมากกว่านั้น

สำหรับหลักฐานที่จำเป็นต้องรู้แบบวายิบอิจญ์มาลีย์  เกี่ยวกับการมีของอัลเลาะฮ์นั้น   คืออัลกุรอานได้ยืนยันว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี (อัลวุญูด)
พระองค์ทรงตรัสว่า

إِنَّنِي أَنَا اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا أَنَا

"แท้จริงข้าคืออัลเลาะฮ์  ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า" ฏอฮา 14

แต่ทว่าการรู้ว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีอย่างเดียวนั้น  ยังไม่เพียงพอ  เพราะต้องใช้สติปัญญาใคร่ควรญด้วยว่า ว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีอย่างไร? ดังนั้น  อัลเลาะฮ์ทรงบัญชาให้ปวงบ่าวทำการใช้สติปัญญาเพื่อมาพิจารณาและนำมาสนับสนุนหลักอะกีดะฮ์ที่ได้รับการยืนยันจากตัวบทว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี  ดังนี้

أَوَلَمْ يَنظُرُواْ فِي مَلَكُوتِ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضِ

 "และพวกเขาไม่พิจารณาดอกหรือ ในอาณาจักรฟากฟ้าและแผ่นดิน" อัลอะอฺร๊อฟ 185

ดังนั้น เมื่อผู้มีสติปัญญาได้ใคร่ครวญบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน  ก็จะทราบและยอมรับทันทีว่า  สรรพสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ต้องมีผู้สร้างยิ่งใหญ่เหนือมนุษย์  นั่นก็คือ  อัลเลาะฮ์ตะอาลา

ส่วนหลักฐานที่ต้องรู้แบบวายิบตัฟซีลีย์นั้น  คืออยู่ในหมวดของฟัรดูกิฟายะฮ์  ศึกษาร่ำเรียนเพื่อป้องกันหลักอะกีดะฮ์อิสลาม  ต่อต้านหลักอะกีดะฮ์ศาสนาอื่นที่เข้ามาคุกคามหลักอะกีดะฮ์อิสลาม  ดังนั้น  การปกป้องหลักอะกีดะฮ์อิสลามเป็นสิ่งที่วายิบ  ซึ่งการปกป้องดังกล่าวจะเกิดขึ้นมิได้หรือจะสมบูรณ์มิได้  นอกจากต้องร่ำเรียนศึกษา  ฉะนั้น  การเล่าเรียนศึกษาแบบข้อปลีกย่อยหรือแบบรายละเอียดนี้  จึงเป็นสิ่งวายิบอย่างมิต้องสงสัย

ดังนั้น  การเรียนซีฟัตยี่สิบ  เพื่อจะทราบถึงรายละเอียดว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีซีฟัตอย่างไรตามที่เราสามารถรู้ได้  เช่นอัลกุรอานบอกว่าอัลเลาะฮ์ทรงมี  แล้วมีอย่างไร?  อัลกุรอานกล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงเดิมไม่มีจุดเริ่มต้น  แล้วพระองค์ทรงเดิมอย่างไร?  อัลกุรอานกล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงถาวร  แล้วพระองค์ทรงถาวรอย่างไร?  อัลกุรอานบอกว่าอัลเลาะฮ์ทรงแตกต่างกับของใหม่  แล้วพระองค์ทรงแตกต่างอย่างไร?  อัลกุรอานกล่าวว่าอัลเลาะฮ์ทรงอานภาพ  แล้วพระองค์ทรงเดชานุภาพอย่างไร?  อัลเลาะฮ์กล่าวว่าอัลเลาะฮ์ทรงรอบรู้  แล้วพระองค์ทรงรอบรูอย่างไร?  ซึ่งคำตอบเหล่านี้  มีอยู่ในการเรียนซีฟัต 20 ที่เราได้ร่ำเรียนกัน
 
สรุป : คืออัลอะชาอิเราะฮ์  มีหลักการว่า สิ่งจำเป็นที่ทุกคนต้องรู้นั้น คือ วายิบแบบอิจญ์มาลีย์  เพื่อทำการรู้จักอัลเลาะฮ์  ส่วนซีฟัต 20 นั้น  จำเป็นต้องรู้แบบตัฟซีลีย์  ซึ่งเป็นฟัรดูกิฟายะฮ์  ไม่จำเป็นสำหรับทุกคนที่จะต้องรู้   


ถาม : เราจะตอบเขาอย่างไร เมื่อมีคนหาว่า ศีฟัต 20 บิดอะฮฺ?

ตอบ : เรามิทราบว่า  ซีฟัต 20 ที่กลุ่มวะฮาบีย์บอกว่าเป็นบิดอะฮ์นั้น ในแง่ใหน?  หากพวกเขาอ้างว่า  ซีฟัต 20 บิดอะฮ์ตามหลักการนั้น  ถือว่าผู้กล่าวอ้างกลายเป็นผู้อุตริกรรมบิดอะฮ์เสียงเอง  เนื่องจากซีฟัตทั้ง 20 นั้น  ถูกรับรองด้วยหลักฐานจากอัลกุรอานที่มีข้อบ่งชี้และยืนอย่างเด็ดขาดโดยทั้งหมด ดังนั้นหากผู้กล่าวอ้างบอกว่า เขาปฏิเสธซีฟัตที่ 4 คือ  อัลมุคอละฟะตุลิลหะวาดิษ( อัลเลาะฮ์ทรงแตกต่างกับของใหม่)  แน่นอนว่า เขาเป็นกาเฟร  หรือหากผู้แอบอ้างกล่าวว่า เขาปฏิเสธซีฟัตที่ 7  อัลกุดเราะฮ์  อัลเลาะฮ์ทรงสามารถ  เขาย่อมเป็นกาเฟร  หรือเขาปฏิเสธซีฟัตที่ 10 คืออัลฮะยาต อัลเลาะฮ์ทรงเป็น  ถือว่าเขาเป็นกาเฟร

แต่กลุ่มวะฮาบีย์กล่าวว่า ซีฟัต 20 เป็นบิดอะฮ์ในเรื่องการแบ่ง  หมายถึงเป็นการแบ่งที่ไม่เคยมีในสมัยนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เราก็ขอกล่าวว่า  การแบ่งเตาฮีด 3 ประเภทของวะฮาบีย์ก็บิดอะฮ์เช่นกัน  เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้แบ่งไว้  และสะละฟุศศอลิห์ก็ไม่ได้แบ่งไว้ตามนัยยะที่วะฮาบีย์ต้องการ  และเราก็ขอกล่าวว่า การแบ่งฮะดิษออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ซอฮิห์ , หะซัน ,และฏออีฟ  ก็ถือว่าเป็นบิดอะฮ์  เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยแบ่งไว้ และสะละฟุศศอลิห์ก็ไม่เคยแบ่งไว้เช่นกัน  และเราก็ขอกล่าวว่า  การแบ่งรุกุ่นของละหมาดเป็น 13 ประการ  หรือกุรุ่นของการอาบน้ำละหมาดมี 6 ประการนั้น  ก็เป็นบิดอะฮ์เช่นกัน เพราะว่าท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่แบ่งไว้ 

ดังนั้น  การแบ่งประเภทของหลักการต่าง ๆ นั้น  มาจากการอิจญ์ฮาด(วินิจฉัย) ของปวงปราชญ์ที่ดำรงอยู่บนพื้นฐานของศาสนา  และการอิจญ์ฮาดนั้น  อัลกุรอานและซุนนะฮ์ให้การส่งเสริมในทุกยุคทุกสมัยสำหรับผู้มีคุณสมบัติ  ดังนั้น การแบ่งประเภทในหลักวิชาการต่าง ๆ ที่อยู่บนหลักฐาน  เป็นสิ่งที่อัลกุรอานและซุนนะฮ์ส่งเสริม  ฉะนั้น  การแบ่งซีฟัต 20 จึงมิใช่เป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงแต่อย่างใดเนื่องจากมีหลักฐานจากอัลกุรอานที่แน่นอนและเด็ดขาดมารับรอง


ถาม : ในอัลกุรฺอานได้กล่าวถึงพระนามที่บ่งบอกถึงคุณลักษณะอันสูงส่งของอัลลอฮฺถึง 99 พระนาม. เห็นใดจึงมีการจำกัดให้เรียนรู้ และทำความเข้าใจเพียงแค่ 20 คุณลักษณะเท่านั้น อย่างนี้ไม่เรียกว่าอุละมาอฺฝ่ายอะชาอิเราะฮฺจงใจจะปกปิด หรือปฏิเสธ คุณลักษณะอื่นๆ ของอัลลอฮฺหรือ?

ตอบ : นักปราชญ์ส่วนมากของโลกอิสลามตั้งแต่อดีตจวบจนถึงปัจจุบันคือนักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์  (อัลฮัมดุลิลลาฮ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงทำให้พวกเขาเป็นส่วนหนึ่งของผู้แบกรับและปกป้องอัลอิสลามจนถึงปัจจุบัน) 

อนึ่ง  นักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ได้ให้การยืนยันและยึดมั่นว่า  อัลเลาะฮ์ตาอาลานั้น  มีความสมบูรณ์พร้อมอย่างไม่สิ้นสุด ไม่มีผู้ใดที่จะสามารถพรรณาความสูมบูรณ์ของพระองค์ได้ทั้งหมด  ดังนั้น  บรรดาซีฟัตที่สมบูรณ์ยิ่งของอัลเลาะฮ์จึงมีมากมายไม่สิ้นสุดและไม่สามารถคณานับได้  นี่คือหลักความเชื่อของอัลอะชาอิเราะฮ์ที่มีต่อซีฟัตของอัลเลาะฮ์ตาอาลา 

ดังนั้น  เมื่อนักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์รู้ดีว่า  อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงมีซีฟัตที่สมบูรณ์อย่างมากมายไม่สิ้นสุด  ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดสามารถรอบรู้ได้อย่างครบถ้วน  แต่ทว่าเมื่อพวกเขาต้องทำการสอนหลักอะกีดะฮ์หรือซีฟัตที่มุสลิมีนทั่วไปจำเป็น(วายิบ)ต้องเรียนรู้นั้น  นักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์ก็ไม่ได้กำหนดว่าวายิบให้บุคคลทั่วไปต้องทำการรู้จักบรรดาซีฟัตทั้งหมดของอัลเลาะฮ์ตาอาลา  เช่น พระนามอันวิจิตรทั้ง 99 ของอัลเลาะฮ์ตาอาลา หรือมากกว่า 99 พระนาม(คือเกินกว่า 100) หากเราได้ทำการตรวจสอบหรือสืบเสาะแสวงหาจากบรรดาฮะดิษต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์   แน่นอนว่าคนเอาวามทั่วไป จะไม่มีความสามารถพอที่จะมานั่งเรียนซีฟัตของอัลเลาะฮ์เป็นร้อย ๆ ซีฟัตหรอกครับ  ยิ่งกว่านั้น  มุสลิมปัจจุบันบางคน แค่ถามว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีอย่างไร? ใหนหลักฐาน? บางทีพวกเขายังตอบไม่ได้เลย!  ถามว่า อัลวุญูด แปลว่าอะไร? คืออะไร?  พวกเขาตอบว่าไม่รู้  เพราะไม่ได้เรียนมาเนื่องจากเรียนแต่สามัญตั้งแต่เด็ก!  พี่น้องมุสลิมบางคนเรียนจบสามัญมา  แล้วถูกถามว่าใครสร้างโลก  เขาตอบว่า  "ธรรมชาติสร้าง"  ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้ว  ทำให้พ่อแม่ต้องน้ำตาตกกันมาแล้วด้วย  วัลอิยาซุบิลลาฮ์ !

ท่านอิมาม อับดุลเลาะฮ์ อัชชัรกอวีย์  อัลฮุดฮุดีย์  ได้กล่าวอธิบาย มะตั่นอุมมุลบะรอฮีน ของท่านอิมามอันสะนูซีย์  ที่ว่า

فَمِمَّا يَجِبُ لِمَوْلاَنَا جَلَّ وَعَزَّ عِشْرُوْنَ صِفَةً

"ดังนั้น (ส่วนหนึ่ง)จากสิ่งที่วายิบสำหรับอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงเกรียรติ นั้น มี 20 ซีฟัต"

ท่านอิมาม อับดุลเลาะฮ์ อัชชัรกอวีย์  อธิบายว่า

"คำว่า มิน مِنْ มีความว่า "ส่วนหนึ่งจาก" หมายถึง  ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่วายิบ  เพราะว่าบรรดาซีฟัตวายิบสำหรับอัลเลาะฮ์นั้นมิได้ถูกจำกัดใน 20 ซีฟัตนี้  เนื่องจากบรรดาคุณลักษณะความสมบูรณ์พร้อมของพระองค์นั้นไม่สิ้นสุด  แต่ทว่าอัลเลาะฮ์ตาอาลา มิได้ทรงบังคับตกหนักบนเรานอกจากให้รู้จักสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดมาให้เป็นหลักฐานมายืนยันแก่เราได้  นั่นก็คือซีฟัต 20  และพระองค์ก็ทรงโปรดปรานแก่เราด้วยการให้ข้อบังคับที่เราไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานยืนยันแก่เราได้ตกไป"  ดู หนังสือ  อธิบาย อุมมุลบะรอฮีน หรือหนังสืออัชชัรกอวีย์ หน้า 45 - 46
 
ดังนั้น  สาเหตุที่ไม่จำเป็นต้องรู้ถึง 99 พระนามหรือมากกว่านั้น  ก็เพราะว่า  มันมีความยากลำบาก เป็นการบังคับในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถกระทำได้  ซึ่งมิใช่เจตนารมณ์ของศาสนาอิสลามอย่างแน่นอน

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

لاَ يُكَلِّفُ اللّهُ نَفْساً إِلاَّ وُسْعَهَا

"อัลเลาะฮ์มิทรงบังคับชีวิตใด(เกินไปจากขีดความสามารถ) นอกจากเท่าที่ความสามารถของเขาอำนวยให้เท่านั้น" อัลบะกอเราะฮ์ 286

ดังนั้น  เพื่อความสะดวกแก่คนทั่วไป  นักปราชญ์จึงทำการแบ่งบรรดาซีฟัตเพื่อให้สะดวกแก่การเรียนรู้และเข้าใจ   พวกเขาพยายามคัดสรรซีฟัตหลัก ๆ ที่คนทั่วไปจำเป็นต้องรู้เพื่อเป็นบทนำ  นั่นก็คือ ซีฟัตทั้ง 20 ประการ  ส่วนซีฟัตอื่น ๆ ถือว่าเป็นซีฟัตปลีกย่อยที่อยู่ภายใต้ซีฟัต 20  ดังนั้น  ซีฟัต 20 ประการจึงถูกเรียกว่า บรรดาซีฟัตแม่  اَلصِّفَاتُ الْأُمَّهَاتُ  (อัซซิฟาตุลอุมมะฮาต) ตามหลักการเรียกของนักปราชญ์บางส่วน

ขอยกตัวอย่างเพื่อให้กระจ่างชัดดังนี้ครับ  กล่าวคือ  เมื่อเราเชื่อและกว่าว่า  อัลเลาะฮ์คือผู้ทรงสร้างโลก  หมายถึงอัลเลาะฮ์ทรง اَلْخَالِقُ (อัล-คอลิก - ผู้ทรงสร้าง)  ซึ่งย่อมหมายถึง  อัลเลาะฮ์ทรงสร้างสิ่งหนึ่งที่ไม่มีขึ้นมาก่อน  แสดงว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีความสามารถ (กุดเราะฮ์)  ดังนั้น  พระเจ้าผู้สร้าง  ก็ต้องมีกุดเราะฮ์  และเมื่อพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าทรงอานุภาพ(กุดเราะฮ์)  ก็จะไม่ทรงอานุภาพอย่างแท้จริงนอกจากพระองค์ต้องมีอิรอดะฮ์(ทรงเจตนาที่จะสร้างโดยไม่มีผู้ใดมาบังคับ)  ดังนั้นหากพระองค์ทรงสร้างโดยมิทรงเจตนาด้วยพระองค์ ก็แสดงว่าพระองค์ไม่มีอานุภาพ(กุดเราะฮ์)อย่างแท้จริง  และเมื่อพระองค์ทรงมีเจตนา(อิรอดะฮ์)แล้วนั้น  การเจตนาก็จะเกิดขึ้นไม่ได้นอกจากพระองค์ต้องทรงรอบรู้(อัลอิลมุ)  ซึ่งพระองค์จะทรงรอบรู้ไม่ได้นอกจากต้องทรงเป็น(อัลฮะยาต) และต้องทรงมี(อัลวุญูด)ด้วย และการทรงเป็นของพระองค์จะไม่สมบูรณ์นอกจากต้องทรงเห็น(อัลบะซ๊อร)  ทรงได้ยิน (อัซซัมอุ้)  นี่แหละครับ  ที่เขาเรียกว่า  ซีฟัตแม่  ซึ่งเราจำเป็นต้องรู้แบบรายละเอียด

และเราก็สามารถกล่าวได้เช่นกันว่า  บรรดาพระนามทั้ง 99 พระนามนั้น  อยู่ภายซีฟัต 20 แบบโดยรวม  เช่น  อัลเลาะฮ์ทรงมีพระนามว่า  อัลเกาะฮ์ฮาร (ผู้ทรงอานุภาพ) ,  อัลญับบาร (ผู้ทรงยิ่งใหญ่) , อัลอะซีซ (ผู้ทรงอำนาจยิ่ง) , อัลมุนตะกิม (อัลเลาะฮ์จะทำเอาโทษ) , อัลบะเดี๊ยะอฺ (ผู้ทรงปราณีตในกาสรรสร้าง) , อัลมุตะกั๊บบิร (ผู้ทรงยิ่งใหญ่) , อัลคอลิค (ผู้ทรงสร้าง) , อัลมุเซาวิร (ผู้ทรงสร้างให้เป็นรูปทรง) , อัลฟาฏิร (ผู้ทรงสร้าง) , อัรร๊อซซาก (ผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพ) , อัลมั๊วะห์ยี (ผู้ทรงทำให้มีชีวิต) , อัลมุมีต (ผู้ทรงทำให้ตาย)  เป็นต้น  ซึ่งพระนามเหล่านี้  ล้วนกลับไปยัง  ซีฟัต  "อัลกุดเราะฮ์"  อัลเลาะฮ์ผู้ทรงอานุภาพ ทั้งสิ้น  ดังนั้น  ซีฟัตอัลกุดเราะฮ์  จึงเป็นซีฟัตแม่ 

เช่น  อัรรอฏี (ผู้ทรงพอพระทัย) , อัรเราะห์มาน (ผู้ทรงกรุณา) , อัรร่อฮีม (ผู้ทรงปราณี) , ฟะอาลุลลิมายุรีด (ทรงกระทำตามที่พระองค์ทรงพระสงค์) , อัลฮะลีม (ผู้ทรงสุขุมยิ่ง) เป็นต้น  ล้วนกลับไปยัง ซีฟัต  "อัลอิรอดะฮ์"  กล่าวคือพระองค์ทรงประสงค์หรือต้องการที่จะพอพระทัย , ต้องการที่จะเมตตา , ต้องการที่จะปราณี , ต้องการที่สุขุม  เป็น   ดังนั้น ซีฟัต  อัลอิรอดะฮ์  จึงเรียกว่า ซีฟัตแม่

ดังนั้น  การเรียกซีฟัต 20 จึงมิได้เป็นการปกปิดซีฟัตอื่น ๆ ของอัลเลาะฮ์ตาอาลา  แต่เป็นการแบ่งซีฟัตเพื่อให้ง่ายแก่การศึกษาสำหรับผู้เริ่มเรียน  และหากเขาร่ำเรียนจนแก่กล้า  ก็สามารถเลื่อนระดับขึ้นไปเรียน  พระนามทั้ง 99 แบบรายละเอียด และร่ำเรียนซีฟัตอื่น ๆ อีกมากมาย  จากตำราของอุลามาอ์อัลอะชาอิเราะฮ์  เช่นหนังสือ  "อัลอัสมาอฺวัสซิฟาต" ของท่าน อิมามอัลบัยฮะกีย์  เป็นหนังสือที่นำเสนอเกี่ยวกับพระนามทั้ง 99 และบรรดาซีฟัตต่าง ๆ ของอัลเลาะฮ์ตาอาลา  และท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์  ก็เป็นนักปราชญ์ของอัลอะชาอิเราะฮ์  ดังนั้น  จึงมากล่าวหาเราได้อย่างไรว่า  อุลามาอ์อัลอะชาอิเราะฮ์จงใจปกปิด ปฏิเสธคุณลักษณะอื่น ๆ ของอัลเลาะฮ์  ในเมื่อตำราของอุลามาอ์อัลอะชาอิเราะฮ์นั้น  มันเป็นลำดับขั้นตอนที่เหมาะสมกับระดับของผู้ศึกษา

วัลลอฮุอะลัม

somsakkafa

  • บุคคลทั่วไป
แต่กลุ่มวะฮาบีย์กล่าวว่า ซีฟัต 20 เป็นบิดอะฮ์ในเรื่องการแบ่ง  หมายถึงเป็นการแบ่งที่ไม่เคยมีในสมัยนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เราก็ขอกล่าวว่า  การแบ่งเตาฮีด 3 ประเภทของวะฮาบีย์ก็บิดอะฮ์เช่นกัน  เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้แบ่งไว้  และสะละฟุศศอลิห์ก็ไม่ได้แบ่งไว้ตามนัยยะที่วะฮาบีย์ต้องการ  และเราก็ขอกล่าวว่า การแบ่งฮะดิษออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ ๆ คือ ซอฮิห์ , หะซัน ,และฏออีฟ  ก็ถือว่าเป็นบิดอะฮ์  เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยแบ่งไว้ และสะละฟุศศอลิห์ก็ไม่เคยแบ่งไว้เช่นกัน 
      ตกลงคุณไม่รู้เลยจริงๆหรอ ว่า สิ่งที่เรียกว่าบิดอะฮ์ก็หมายถึง ทั้งนบีและซอฮาบะฮ์ไม่ได้ปฏิบัติ แต่เรามาเริ่มปฏิบัติ ส่วนเรื่องการรวบรวมแจกแจงรายละเอียดเรื่องความเข้าใจหรือฟิก ก็เป็นการรวบรวมเพื่อให้เราเข้าใจง่ายขึ้น โดย ไม่ขัดแย้งหรือเปลี่ยนแปลงคำพูดของท่านนบีมูฮัมมัด (ซล.) ฉะนั้น คุณจะแบ่งหรือแจกแจง เพื่อให้ง่ายต่อการรู้ก็เชิญเถอะ แต่ ...คำพูดของท่านยนบี จะไม่มีใครหน้าไหนมาสะเออะเปลี่ยนแปลงได้ ไม่มีสิทธิ์ ฉะนั้น คำพูดนบีคือ ซีฟัตอัลลอฮ อัสมาอัลฮุสนานั้น มีมากกว่า100พระนาม ในแต่ละพระนามมีซีฟัต แต่ละพระนามไม่เหมือนกัน รายงานส่วนใหญ่บอกว่ามี 99 พระนาม นั่นหมายถึง 99 ซีฟัต คุณจะมาหัวหมอ ลดพระนามลดซีฟัต คุณมีสิทธิ์อะไร แล้วนบียังบอกอีกว่า ใครโกหกต่อฉัน บอกว่าฉันพูด แต่แท้ที่จริงฉันไม่ได้พูด จงเตรียมที่นั่งใน...  ท่านก็รู้อยู่แล้ว ทำไมถึงเอาสมองเราไปนำคำพูดนบี ผมไม่เห็นเข้าใจ เพื่ออะไรครับ 99 ก็ 99 ไม่เห็นจะต้องอะไรเลย มันยากนักหรอกับการเชื่อนบี หรือมันยังไม่พอ ไม่เท่ห์หรอ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
คุณจะมาหัวหมอ ลดพระนามลดซีฟัต คุณมีสิทธิ์อะไร

ใจเย็นๆ ครับ  ไม่มีใครหัวหมอหรอกครับ  เพราะไม่มีใครไปลดซีฟัตของอัลเลาะฮ์  ไม่มีใครไปลดพระนามของพระองค์  คุณไปฟังใครมาล่ะครับ  ที่บอกว่าเราลดซีฟัตและพระนามของอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ muqorrabeen

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
ซีฟัตอัลลอฮ อัสมาอัลฮุสนานั้น มีมากกว่า100พระนาม ในแต่ละพระนามมีซีฟัต แต่ละพระนามไม่เหมือนกัน รายงานส่วนใหญ่บอกว่ามี 99 พระนาม นั่นหมายถึง 99 ซีฟัต คุณจะมาหัวหมอ ลดพระนามลดซีฟัต คุณมีสิทธิ์อะไร แล้วนบียังบอกอีกว่า ใครโกหกต่อฉัน บอกว่าฉันพูด แต่แท้ที่จริงฉันไม่ได้พูด จงเตรียมที่นั่งใน...  ท่านก็รู้อยู่แล้ว ทำไมถึงเอาสมองเราไปนำคำพูดนบี ผมไม่เห็นเข้าใจ เพื่ออะไรครับ 99 ก็ 99 ไม่เห็นจะต้องอะไรเลย มันยากนักหรอกับการเชื่อนบี หรือมันยังไม่พอ ไม่เท่ห์หรอ

สิ่งที่คุณอ้างอิงคำชี้แจงของบังอัลอัซฮะรีย์นั้น  คุณไม่อ่านหรอกครับ  เขาชี้แจงไว้แล้ว  คุณไม่น่าจะมาระบายอารมณ์แบบไม่อ่านให้เข้าใจเลย  งั้นลองอ่านคำชี้แจงของบังอัลอัซฮะรีย์ที่คุณเคยอ้างอิงมาอีกที  จะได้สงบสติอารมณ์ได้มากกว่านี้นะครับ

ดังนั้น  เมื่อนักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์รู้ดีว่า  อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงมีซีฟัตที่สมบูรณ์อย่างมากมายไม่สิ้นสุด  ซึ่งไม่มีมนุษย์คนใดสามารถรอบรู้ได้อย่างครบถ้วน  แต่ทว่าเมื่อพวกเขาต้องทำการสอนหลักอะกีดะฮ์หรือซีฟัตที่มุสลิมีนทั่วไปจำเป็น(วายิบ)ต้องเรียนรู้นั้น  นักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์ก็ไม่ได้กำหนดว่าวายิบให้บุคคลทั่วไปต้องทำการรู้จักบรรดาซีฟัตทั้งหมดของอัลเลาะฮ์ตาอาลา  เช่น พระนามอันวิจิตรทั้ง 99 ของอัลเลาะฮ์ตาอาลา หรือมากกว่า 99 พระนาม(คือเกินกว่า 100) หากเราได้ทำการตรวจสอบหรือสืบเสาะแสวงหาจากบรรดาฮะดิษต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับบรรดาซีฟัตของอัลเลาะฮ์   แน่นอนว่าคนเอาวามทั่วไป จะไม่มีความสามารถพอที่จะมานั่งเรียนซีฟัตของอัลเลาะฮ์เป็นร้อย ๆ ซีฟัตหรอกครับ

somsakkafa

  • บุคคลทั่วไป
ท่านอิมาม อับดุลเลาะฮ์ อัชชัรกอวีย์  อัลฮุดฮุดีย์  ได้กล่าวอธิบาย มะตั่นอุมมุลบะรอฮีน ของท่านอิมามอันสะนูซีย์  ที่ว่า

فَمِمَّا يَجِبُ لِمَوْلاَنَا جَلَّ وَعَزَّ عِشْرُوْنَ صِفَةً

"ดังนั้น (ส่วนหนึ่ง)จากสิ่งที่วายิบสำหรับอัลเลาะฮ์ ผู้ทรงยิ่งใหญ่และทรงเกรียรติ นั้น มี 20 ซีฟัต"

ท่านอิมาม อับดุลเลาะฮ์ อัชชัรกอวีย์  อธิบายว่า

"คำว่า มิน مِنْ มีความว่า "ส่วนหนึ่งจาก" หมายถึง  ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่วายิบ  เพราะว่าบรรดาซีฟัตวายิบสำหรับอัลเลาะฮ์นั้นมิได้ถูกจำกัดใน 20 ซีฟัตนี้  เนื่องจากบรรดาคุณลักษณะความสมบูรณ์พร้อมของพระองค์นั้นไม่สิ้นสุด  แต่ทว่าอัลเลาะฮ์ตาอาลา มิได้ทรงบังคับตกหนักบนเรานอกจากให้รู้จักสิ่งที่พระองค์ทรงกำหนดมาให้เป็นหลักฐานมายืนยันแก่เราได้  นั่นก็คือซีฟัต 20  และพระองค์ก็ทรงโปรดปรานแก่เราด้วยการให้ข้อบังคับที่เราไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานยืนยันแก่เราได้ตกไป"  ดู หนังสือ  อธิบาย อุมมุลบะรอฮีน หรือหนังสืออัชชัรกอวีย์ หน้า 45 - 46
 
ดังนั้น  สาเหตุที่ไม่จำเป็นต้องรู้ถึง 99 พระนามหรือมากกว่านั้น  ก็เพราะว่า  มันมีความยากลำบาก เป็นการบังคับในสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถกระทำได้  ซึ่งมิใช่เจตนารมณ์ของศาสนาอิสลามอย่างแน่นอน

       
  ............ก็สรุปว่าคุณเชื่อที่จะศึกษาแค่ 20 พระนาม หลักฐานที่คุณนำมา ถ้าเราจะมองก็คงจะใช่ อืม น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ อัลลอฮทรงบอกว่า อัลลอฮไม่บังคับ ชีวิตหนึ่งชีวิตใดเว้นแต่ตามความสามารถของเขา  ใช่..อัลลอฮบอก   แต่บอกเรื่องไหนหล่ะ เรื่องนี้หรอครับ ? เรื่องอะกีดะฮ์  โดยเฉพาะอะกีดะฮืที่เกี่ยวกับเตาฮีด เรื่องใหญ่นะครับ คุณจะศึกษาได้มากน้อยแค่ไหนมันแล้วแต่ความสามารถของคุณ แต่อะกีดะฮ์ยังไงก็คืออะกีดะฮ์ เรื่องพระนาม ที่นบีบอก เราในฐานะบ่าวอัลลอฮ และเป็นอุมมะฮท่านนบีมูฮัมมัด(ซล.) จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเชื่อเหมือนนบี คือเชื่อในสิ่งที่นบีมาบอก คนไม่รู้หน่ะ ย่อมไม่มีบาปใดๆสำหรับเขา ที่พวกที่รู้แล้วว่านบีบอก 99
แต่เราจะศึกษา 20 ตามคำพูดของคนใช้หลักวัยยากรณ์กับตำหรับตำราของคน จะดีกว่าไหม หาก จะใช้ หลักวัยยากรณ์กับฮาดิษนบี ดูว่านบีเชื่ออย่างไร เชื่อเหมือนนบีตรงๆ ปลอดภัยกว่าไหมในวันกิยามัต ผมว่าดีกว่านะครับ วัลลอฮุอัลลัม

ออฟไลน์ muqorrabeen

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
เราในฐานะบ่าวอัลลอฮ และเป็นอุมมะฮท่านนบีมูฮัมมัด(ซล.) จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเชื่อเหมือนนบี คือเชื่อในสิ่งที่นบีมาบอก คนไม่รู้หน่ะ ย่อมไม่มีบาปใดๆสำหรับเขา ที่พวกที่รู้แล้วว่านบีบอก 99

ไปอ่านในเฟสมาครับ เป็นเครดิสของ คุณ Sunnah Core เขาวิเคราะห์คำพูดของ อ.ริฎอ ว่า

เชคริฎอกล่าวว่า “หลักสูตรฟัรดูอีนใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้เพราะอะไร เพราะสอนชาวบ้าน อะกีดะฮ์นี่ รู้จักอัลลอฮ์มั้ย รู้จัก นบีบอกว่าหะดิษบุคอรีนะ อัลลอฮ์มีพระนาม 99 ใช่มั้ย 99 พระนาม ๆนี่ ในหนังสืออัลกุรตูบีย์ เกี่ยวกับพระนามนี่ อัลอัสนา ฟีอัสนาอัลหุสนา หรือหนังสืออัสมะของอิหม่ามฆ่อซาลี เค้าบอกว่าพระนามทุกพระนามย่อมมีซีฟาตของมันแสดงว่าพระนามของอัลลอฮ์ทุกพระ นามนี่นะมีคุณลักษณะในตัวพระนาม แสดงว่า อย่างน้อยเนี่ยอัลลอฮ์ต้องมี 99 ซีฟาตแต่ฟัรดูอีนของพวกเรา กำลังสอนว่า ซีฟาตของอัลลอฮ์มีเพียง ดูวอปูโละฮ์ Twenty ผู้หลักผู้ใหญ่ต้องเตรียมคำตอบต่อตูฮัน...ถ้าอัลลอฮ์ ถ้ารอซูลบอกว่ามี 99 แต่เรามาบอกว่ามี ดูวอปูโละฮ์ นี่บิดเบือนหรือป่าว เตรียมคำตอบไปบอกกับท่านนบี ที่จะไปดื่มน้ำกับท่าน บอกว่า นบีที่ท่านสอนนี่นะกูไม่เอาด้วย กูเชื่อ อิหม่ามอัชอารีย์ นบีมาสอนเราว่ามี 99 แต่ฉันเชื่อ ไม่เชื่อนบี เชื่ออิหม่าม อิหม่ามอบู อัชอารีย์แจ๋วกว่า ตอบซิครับ ตอนเข้าหลุมศพตอบสิครับ”

หากพิจารณาด้วยตาใจแห่งความเป็น ธรรม ท่านเชคริฎอใช้สำนวนการพูดแบบ “มุฆอละเฏาะฮ์” คือพูดตั้งโจทย์คำพูดแบบอำพรางให้คนฟังเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งผิด และไม่ศึกษาคว้าให้รู้ข้อเท็จจริงในเรื่องที่จะพูด ดังนี้

1. หลักสูตรฟัรดูอีนจริงๆนั้น มีการสอนและท่องพระนามทั้ง 99 ในหนังสือฟัรดูอีนชั้นปีที่ 4 หมวดวิชาเตาฮีดและฟิกห์ จากหน้า 4-10 ได้ระบุพระนามทั้ง 99 ไว้ และได้กล่าวระบุไว้ในหนังสือฟัร ดูอีนชั้นปีที่ 4 หน้าที่ 4 ว่า “พระนามอันประเสริฐ (อัซมาอุ้ลฮุสนา) ของอัลลอฮ์ (ซ.บ.) มีทั้ง 99 พระนาม มุสลิมทุกคนควรท่องจำไว้ให้ได้”

2. ในหนังสือฟัรดูอีนนั้น มิได้บอกจำกัดว่าซีฟาตของอัลลอฮ์มีแค่ 20 ประการ แต่มีมากมายไม่สิ้นสุด ดังนั้นหากเรามีจิตใจที่เป็นธรรมตามที่ซุนนะฮ์นบี(ซ.ล.)ได้สอนไว้ แล้วเราก็ไปอ่านข้อเท็จจริงในหนังสือฟัรดูอีนชั้นปีที่ 4 หน้า 11 ซึ่งระบุความจริงไว้ว่า “ซีฟัตวายิบสำหรับพระองค์อัลเลาะห์(ซ.บ.)มีมากมายไม่สิ้นสุด แต่ที่วายิบให้เรารู้และเข้าใจจริง ๆ มีเพียง 20 ซีฟัต” และเท่าที่ผมทำการสอบถามและศึกษาจากผู้ที่เคยชี้แจงเกี่ยวกับเรื่องซีฟัต 20 นี้ ได้รับคำตอบว่า ซีฟัตอัลลอฮ์มีมากมายไม่สิ้นสุดแต่ที่จำเป็นต้องรู้ก่อนเป็นอันดับต้น คือ 20 ซีฟัต เพราะซีฟัต 20 เป็นซีฟัตหลักๆ หรือซีฟัตแม่ที่มีความหมายครอบคลุม ทำให้รู้จักซีฟัตของอัลลอฮ์อย่างรอบด้าน และยังทำให้เข้าใจซีฟัตอื่นๆ ที่นอกเหนือจากซีฟัต 20 อย่างลึกซึ้งและแจ่มแจ้ง พร้อมทั้งแยกแยะเป็นข้อๆ เพื่อเป็นหลักสูตรให้เกิดความสะดวกในการศึกษาแก่เยาวชนในการศึกษา ซึ่งถือว่าเป็นการชี้แจงที่ไม่ห่างไกลจากความจริง

3. ในเรื่องการถามและตอบเรื่องซีฟัต 20 หรือพระนามทั้ง 99 นั้นกับท่านนบี(ซ.ล.)ที่บ่อน้ำเกาษัรและตอนเข้าหลุมศพนั้น ไม่มีอัลกุรอานและซุนนะฮ์ใดๆ สักบทเดียว ที่ระบุว่าอัลลอฮ์จะทรงบัญชาให้มะลาอิกะฮ์มุงกัรและนะกีรถามเรื่องซีฟัต 20 หรือพระนามทั้ง 99 ของอัลลอฮ์ ดังนั้นคำพูดของท่านเชคริฎอนั้น อาจจะเป็นการอุตริหรือเพิ่มเติมในเรื่องหลักศรัทธาของศาสนาอิสลามและทำให้คน เอาวามทั่วไปเชื่อว่า หลักการศรัทธาในศาสนาอิสลามนั้น มีการถูกถามเรื่องซีฟัต 20 เรื่องพระนามของอัลลอฮ์ในกุบูรและบ่อน้ำเกาษัร

นี้ คือความผิดพลาดที่อันตรายอย่างใหญ่หลวง ผู้ที่นำคลิปนี้ไปเสนอเผยแพร่ทางอินเตอร์เน็ต ก็จะได้ผลการตอบแทนจากความผิดพลาดนี้ไม่ลดน้อยลงไปกว่าผู้ที่พูดเลย ดังที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า “ผู้ใดที่ริเริ่มแนวทางที่ไม่ดีในอิสลาม แล้วเขาปฏิบัติมัน เขาย่อมได้รับบาปนั้น และได้รับบาปของผู้ที่ปฏิบัติโดยไม่ลดหย่อนลงไปเลย” รายงานโดยท่านอิหม่ามมุสลิม

ดังนั้นคำพูดของท่านเชคริฎอ จึงไม่มีน้ำหนักเลยครับ

https://www.facebook.com/update_security_info.php#!/groups/260128747347681/?notif_t=group_activity

somsakkafa

  • บุคคลทั่วไป
ท่านเข้าใจผิด ท่านฟังให้จบ เชคไม่ได้เป็นคนเริ่มพูดประโยคที่บอกว่า "หลักสูตรฟัรดูอีน เดี๋ยวนี้ใช้ไม่ได้แล้ว" แต่คำพูดนี้เป็นของ ท่านพลโท สมโภชน์ ขัน..อันไรสักอย่างจำนามสกุลไม่ได้ ที่เป็นคนพูด แต่เชคอยู่ในงานด้วย เอาหล่ะ เชคอาจจะไม่รู้เลยว่าฟัรดูอีนของคุรุสัมพันธ์หน่ะ สอน 99 พระนาม ผมเรียนตั้งแต่เด็กแล้ว อันนี้ ท่านอาจจะไม่รู้ เพราะท่านก็ไม่ได้เรียนในไทย วัลลอฮุอัลลัม แต่ที่แน่ๆ มั๊วะตาซีละฮ์เขาสอนว่า มี 20 พระนาม ส่วนเรื่องที่เชกพูดว่าที่บ่อน้ำเกาซัรหน่ะ หมายถึง ผู้ใดที่เชื่อฟัง ปติบัติตามนบี ให้มากที่สุด ยอมรับสิ่งที่นบีนำมาสอน เกี่ยวกับศาสนา เราน้อมรับทำตาม ก็จะเป็นอุมมะฮนบี ได้ดื่มน้ำในบ่อน้ำเกาซัร แต่ผู้ใดที่ไม่ทำตามที่นบีบอกไม่เชื่อนบี โกหกใส่นบี แย้งหรือง้างคำสอนของนบี ก็จะถูกกวาดต้อนไปโดยปีกมะลาอีกะฮ นั้นคือผู้ที่บิดเบือนคำนบี มันอันตรายไงครับ ฉะนั้นที่ผมบอกอ่ะ ว่านบีบอก 99 พระนาม เราก็ต้องเชื่อตามนบีว่า 99 พระนาม ความหมายที่เชกพูดก็คล้ายๆกับที่ผมได้อธิบายแหละครับ วัลลอฮุอัลลัม

ออฟไลน์ iqwan

  • ลาอิลาฮะอิ้ลลั้ลเลาะฮ์ มุฮำมัดดุ้รร่อซูลุ้ลลอฮฺ
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • มาซาอั้ลลอฮฺ
  • Respect: +23
    • ดูรายละเอียด
 :salam:ย่ะซากั้ลลอฮุคอยรอน ที่ทั้งสองฝ่ายให้ความรู้ แต่อย่าลืมนะครับ อย่าลืมว่ามีพวกชีอะบางคนเข้ามาแอบอ่านเราถกเถียงกัน
และชีอะหลายๆคนก็สนุกสนานกับเรื่องที่เราถกเถียงเพี่อหาความรู้กันอยู่ครับ
อั้ลลามะอฺบูดุบิฮักกิ้ลฟิ้ลวุยู๊ดอิ้ลลั้ลลอฮฺ

ทุกๆปัญหา มีทางแก้...ถ้าแก้ไม่ได้ นั่นไม่ใช่ปัญหา
" Any Problem can Solve...if can't Solve
that not the Problem"

somsakkafa

  • บุคคลทั่วไป
โอ้โหหหหหหหหหหห   ....  แอบอ้างจังเลยครับ ขอหลักฐานหน่อยอ่ะ 

ออฟไลน์ muqorrabeen

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
ท่านเข้าใจผิด ท่านฟังให้จบ เชคไม่ได้เป็นคนเริ่มพูดประโยคที่บอกว่า "หลักสูตรฟัรดูอีน เดี๋ยวนี้ใช้ไม่ได้แล้ว" แต่คำพูดนี้เป็นของ ท่านพลโท สมโภชน์ ขัน..อันไรสักอย่างจำนามสกุลไม่ได้ ที่เป็นคนพูด แต่เชคอยู่ในงานด้วย เอาหล่ะ เชคอาจจะไม่รู้เลยว่าฟัรดูอีนของคุรุสัมพันธ์หน่ะ สอน 99 พระนาม ผมเรียนตั้งแต่เด็กแล้ว อันนี้ ท่านอาจจะไม่รู้ เพราะท่านก็ไม่ได้เรียนในไทย วัลลอฮุอัลลัม แต่ที่แน่ๆ มั๊วะตาซีละฮ์เขาสอนว่า มี 20 พระนาม ส่วนเรื่องที่เชกพูดว่าที่บ่อน้ำเกาซัรหน่ะ หมายถึง ผู้ใดที่เชื่อฟัง ปติบัติตามนบี ให้มากที่สุด ยอมรับสิ่งที่นบีนำมาสอน เกี่ยวกับศาสนา เราน้อมรับทำตาม ก็จะเป็นอุมมะฮนบี ได้ดื่มน้ำในบ่อน้ำเกาซัร แต่ผู้ใดที่ไม่ทำตามที่นบีบอกไม่เชื่อนบี โกหกใส่นบี แย้งหรือง้างคำสอนของนบี ก็จะถูกกวาดต้อนไปโดยปีกมะลาอีกะฮ นั้นคือผู้ที่บิดเบือนคำนบี มันอันตรายไงครับ ฉะนั้นที่ผมบอกอ่ะ ว่านบีบอก 99 พระนาม เราก็ต้องเชื่อตามนบีว่า 99 พระนาม ความหมายที่เชกพูดก็คล้ายๆกับที่ผมได้อธิบายแหละครับ วัลลอฮุอัลลัม

ไปน้ำแบบขุ่นๆ ฟังไม่ขึ้นเลย  ไม่ทราบว่าพลโทคนนั้น รู้จักหนังสือ อัลอัสนา ของอิหม่ามอัลฆ่อซาลีย์ได้หรืออย่างไร  และคุณ Sunnah Core ก็บอกล่วงหน้าไว้แล้วว่า  "หากพิจารณาด้วยตาใจแห่งความเป็นธรรม ท่านเชคริฎอใช้สำนวนการพูดแบบ “มุฆอละเฏาะฮ์” คือพูดตั้งโจทย์คำพูดแบบอำพรางให้คนฟังเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งผิด"

แต่ที่แน่ๆ มั๊วะตาซีละฮ์เขาสอนว่า มี 20 พระนาม

รับจ้างมาโกหกหรือเปล่า  หากมั๊วะตะซิละฮ์บอกอย่างนั้นจริงตามทัศนะของพวกเขา  ผมยอมออกจากแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ไปเป็นวะฮาบีเลยครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 17, 2011, 04:18 PM โดย muqorrabeen »

 

GoogleTagged