ผู้เขียน หัวข้อ: มุสลิมแห่งสยามประเทศ  (อ่าน 14675 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 364
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #30 เมื่อ: ก.พ. 16, 2007, 08:04 PM »
0
งั้นมาต่อกันเลยดีกว่าน๊ะค๊ะ...คอมฯ ว่างล่ะ

          และในจดหมายเหตุประถมวงศ์สกุลบุนนาค ยังกล่าวอีกว่า พระยาเพ็ชรพิชัย มีภริยา 2 คน ภริยาคนใหญ่ คือ คุณหญิงแฉ่ง ธิดาเจ้าพระยารัตนาธิเบศ ที่สมุหพระกลาโหม
มีบุตรชายด้วยกัน 2 คน ชื่อ "เชน" กับชื่อ "เสน" กับธิดาอีกหนึ่งคนชื่อ "แก้ว"

          ภรรยาคนที่สอง ชื่อว่า "นก" ได้รับพระราชทานจากพระเจ้าแผ่นดินหลังจากที่เปลี่ยนมารับนับถือพุทธศาสนาแล้ว หลังจากนั้นจึงมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสายตระกูล เฉก  อะห์หมัด
โดยแตกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ

          กลุ่มแรก  ได้แก่สายตระกูลของบุตรชายคนโตของพระยาเพ็ชรพิสัย ชื่อ "ท่านเชน"  ซึ่งยังคงรับนับถือศาสนาอิสลามอยู่เหมือนเดิม ต่อมาได้ดำรงตำแหน่ง พระยาจุฬาราชมนตรี
ลำดับที่ 4 ในแผ่นดินของพระที่นั่งสุริยามรินทร์

          กลุ่มที่สอง  คือสายตระกูลของบุตรชายคนที่สอง ชื่อว่า "ท่านเสน" ซึ่งเปลี่ยนมานับถือพุทธศาสนาตามบิดา และเป็นต้นตระกูลของขุนนางสายตระกูลบุนนาค ในสมัยรัตนโกสินทร์
(หนังสือขุนนางกรมท่าขวา โดย ดร.จุฬิศพงศ์  จุฬารัตน์)

          * รุ่งโรจน์ก่อนล่มสลาย
          ในรัชสมัยของพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ เป็นยุคที่กรุงศรีอยุธยามีความเจริญรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก สมัยนั้นทุกแห่งทั่งพระนครสะอาดและสวยงาม ประชาชนมีกินมีใช้จับจ่ายอย่างเหลือเฟือ
มีแต่เทศกาลต่างๆ ไม่เคยว่างเว้น ราวกับเป็นงานเลี้ยงที่ไม่มีวันเลิกรา กรุงศรีอยุธยาในยามนั้นไม่เคยหลับ ตามถนนหนทาง แม่น้ำลำคลอง คลาคล่ำไปด้วยผู้ที่แต่กายอย่างสวยงาม
ออกเดินจับจ่ายซื้อข้างของกันตามตลาดอย่างสนุกสนาน มีมหรสพการแสดงอย่างมากมาย อาทิ ละคร วรรณคดี โคลง ฉันท์ กาพย์ กลอน เฟื่องฟูเป็นอันมาก ( ในยุคปัจจุบันน่าจะเรียกว่า รุ่งเรืองแบบบูรณาการ )


สมเด็จเจ้าพระยาบรมหาประยูรวงศ์ ( ดิศ  บุนนาค ) หรือสมเด็จองค์ชายใหญ่


สมเด็จเจ้าพระยามหาพิชายญาติ ( ทัต  บุนนาค ) หรือสมเด็จองค์น้อย


สมเด็จพระยามหาศรีสุริยาวงศ์ ( ช่วง  บุนนาค )

          เจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดีรับราชการต่อมาอีกหลายรัชกาลจนอายุ 87 ปี ในสมัยพระเจ้าอยู่หัวปราสาททองทรงพระราชดำริเห็นว่าท่านชราภาพลงมากแล้ว
จึงโปรดเกล้าฯให้พ้นตำแหน่งสมุหนายก และเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าพระยาบวรราชนายก จางวางกรมมหาดไทย หรือตำแหน่งที่ปรึกษาการปกครองแผ่นดิน และเลื่อนพระยาวรเชฐภักดี(ชื่น)
บุตรชายเป็นเจ้าพระยาอภัยราชาที่สมุหนายกอัครเสนาบดีฝ่ายเหนือแทนบิดา นอกจากนี้เจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดียังกราบบัลคมทูลฝากธิดาคือท่านชี ไปเป็นพระสนม
ก่อนที่ท่านจะถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ.2174 สิริรวมอายุได้ 88 ปี ศพของท่านฝังอยู่ที่ป่าช้าแขกเจ้าเซ็น บ้านท้ายคู จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
       
          หลังจากเจ้าพระยาเฉกอะหมัดรัตนาธิบดีถึงแก่อสัญกรรมไปแล้ว ลูกหลานของท่านก็ยังเข้ารับราชการสืบต่อมา และมีบทบาทสำคัญในประวัติศาสตร์ไทยตลอดมา
ทุกยุคทุกสมัยจนถึงปัจจุบันเป็นเวลาเกือบ 400 ปี บุตรหลานของท่านได้สืบสกุลออกเป็นตระกูลใหญ่ ที่มีชื่อเสียงทั้งที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ อาทิ บุนนาค บุรานนท์
จาติกรัตน์ ศุภนิมิตร ฉัตรกุล สวัสดิ์-ชูโต แสง-ชูโต ณ บางช้าง ศรีเพ็ญ ภาณุวงศ์ อหะหมัดจุฬา อากาหยี่ จุฬารัตน์ ช่วงรัศมี สุวกูล เป็นต้น
       
...มีต่อค่ะ...แต่ขอพักนิ้วแป๊บนึงค่ะ :D                 
...อยากเป็นคนดี เหมือนกันนะแหละ...


ออฟไลน์ ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 364
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #31 เมื่อ: ก.พ. 16, 2007, 09:07 PM »
0
...มาแว้วว...

          * กรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
         
          ก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาประมาณ 10 ปี พระองค์ทรงประชวรหนัก ดังนั้นกรมหมื่นเทพพิพิธ ปรึกากับเจ้พระยาอภัยราชา พระยากลาโหม  พระยาคลังทูล
ขอพระราชทานราชานุญาติให้เจ้าฟ้าดอกเดื่อกรมขุน พรพินิตเป็นกรมพระราชวังบวรฯ ตำแหน่งรัชทายาท แต่พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงตรัสว่า " กรมขุนพรพินิต
ฉลาดปราดเปรื่อง มีคุณธรรม อีกทั้งพระราชวงศ์ข้าราชสำรักและราษฎรต่างจงรักภักดีเป็ฯอันมาก ตรงกันข้ามกับกรมขุนอนุรักษ์มนตรีที่โฉดเชลา และขี้เกียจ
และทรงบังคัลกรมขุนอนุรักษ์มนตรีหรือขุนหลวงขี้เรื้อน ให้ออกผนวช ห้อมกีดขวางการขึ้นบังลลังก์ของน้อง "

          ช่วงเวลานั้นบ้านเมืองเกิดวิปริตอาเพศ ด่าวหางคลองช้างเผือก (ดาวหางฮัลเล่ย์) ปรากฎพาดผ่านท้องฟ้า พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคต ต่อจากนั้น
ก็เกิดสงครามกลางเมืองขึ้นอีก ระหว่างกรมพระราชวังบวรสถานกับเจ้าสามกรม
         
           แต่ในที่สุดก็ทรงปราบเจ้าสามกรมได้สำเร็จและทรงรับสั่งให้นำไปประหารเสีย ครั้นเดือน 7 ขึ้น 6 ค่ำ ได้มีพระราชพิธีปราบดาภิเษก ณ พระที่นั่งสรรเพชญ์
ปราสาท ทรงพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าอุทุมพร ( เจ้าฟ้าดอกเดื่อ หรือขุนหลวงหาวัด )

          ส่วนสมเด้จพระเจ้าอุทุมพรนั้น ทรงเสด็จลงเรือพระที่นั่งไปทรงผนวช ณ วัดเดิม แล้วเสด็จไปอยู่ ณ วัดประดู่ เพื่อยุติปัญหาต่าง และเพื่อความปลอดภัยของ
พระองค์เอง ในรัชสมัยของพระเจ้าเอกทัศน์ ซึ่งเป็นพระมหากษัตริย์ของกรุงศรีอยุธยาองค์สุดท้ายนั้น ได้มีข้าราชบริพารที่เป็นมุสลิมเข้ารับราชการอยู่ในเวลานั้น
ได้แก่

          1. พระยาจุฬาราชมนตรี (เชน) วงศืเฉกอะหมัด ว่าที่กรมท่ากลาง กำกับดูแลกองอาสาจามด้วย ศพของท่านสันนิษฐานฝังอยู่ที่บริเวณใกล้กับกูบูร
ของมัสยิดอิสลามวัฒนา ติดกับคลองคูจาม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (ผ.ศ.พลับพลึง  คงชนะ  ผู้อำนวยการสถาบันเอเซียแปซิฟิกศึกษา)

          2. ขุนป้องพลขันธ์ (ก้อนแก้ว)  เป็ฯบุตรของพระยาจุฬสราชมนตรีเชน กับคุณหญิงก้อนทอง ซึ่งตัวท่านฝังอยู่ที่กูบูรของมัสยิดต้นสน

          3. หลวงนายศักดิ์ (มะหมุด) มหาดเล็ก วงศืสุลต่านสุลัยมาน ท่านผู้นี้ฝังอยุ่ที่กูบูรของมัสยิดต้นสน บางกอกใหญ่ เช่นกัน

...อยากเป็นคนดี เหมือนกันนะแหละ...


ออฟไลน์ ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 364
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #32 เมื่อ: ก.พ. 16, 2007, 09:36 PM »
0
...เพิ่มเติมค่ะ...

          - เฉกอะหมัด ต้นสกุลบุนนาค กับ สุลัยมาน ต้นสกุลพระยาราชวังสัน อัยกา (คุณตา) แห่งสมเด็จพระศรีสุลาลัย ท่านใดเข้ามาเมืองไทยก่อนกัน
และขุนนางสำคัญๆของสองตระกูลนี้มีใครบ้าง บอกแต่ชื่อก็ได้-

            เฉกอะหมัด   เป็นชาวเปอร์เซียน มีผู้เขียนประวัติของท่านไว้อย่างชัดเจนว่า เป็นชาวเมืองกุนี (ปัจจุบันคือเมืองคูมในอิหร่าน)
 
            สุลต่านสุลัยมาน   ตามประวัติที่พวกสืบสายสกุลมาจากท่านร่วมกันสืบค้น ได้ความว่าท่านก็เป็นชาวเปอร์เซียนเช่นกัน
แต่เป็นชาวเปอร์เซียนที่เข้าไปตั้งรกรากอยู่ในชวา จนถึงชั้นบิดาของสุลัยมาน (ซึ่งที่จริงเป็นผู้นำการอพยพ เวลานั้นสุลัยมานอายุเพียง ๑๐ ขวบเศษ)

            บิดาของสุลัยมานชื่อโมกอล ตั้งรกรากอยู่ที่เมืองสาเลห์ใกล้ๆกับกรุงยกยาการ์ต้า (ไทยเราเรียกเมืองยกยา) เมืองหลวงของชวา (อินโดนีเซีย)

            เฉกอะหมัด และ สุลัยมาน เป็นมุสลิมต่างนิกายกัน เฉกอะหมัดเป็นมุสลิมนิกายชิอะห์ (หรือเจ้าเซ็น) ส่วนสุลัยมานเป็นมุสลิมนิกายสุนนี(หรือสุหนี่)

            อพยพครอบครัวบริวารจากถิ่นพำนักเดิม เข้ามาเมืองไทย ในแผ่นดิน สมเด็จพระเอกาทศรถ ซึ่งถึงแม้จะเสด็จขึ้นครองราชย์เพียง ๙ ปี
(พ.ศ. ๒๑๓๖ - ๒๑๔๕) แต่เป็นสมัยที่บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข พระราชอาณาเขตแผ่กว้างไพศาลมาแต่เมื่อรัชกาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
สมเด็จพระเอกาทิศรถทรงเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่สองครองราชย์ร่วมกันมากับสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราชถึง ๑๖ ปี เมื่อเสด็จขึ้นครองราชย์ต่อ
จึงทรงพระปรีชาสามารถในทุกทาง ?ไพร่ฟ้าหน้าใส? ทั่วพระราชอาณาเขต

            เฉกอะหมัด 
           
            เฉกอะหมัด และน้องชายจึงพาผู้คนบริวารเข้ามาตั้งห้างค้าขายในกรุงศรีอยุธยา จนมีชื่อเสียงเป็นพ่อค้าใหญ่ฐานะเป็นเศรษฐีมั่นคง

            จะข้ามความวุ่นวายของเรื่องการแย่งชิงราชสมบัติกันเมื่อสมเด็จพระเอกาทศรถ เสด็จสวรรคต ซึ่งเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆเพียงปีกว่า

            ถึงรัชกาลสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม (อดีตพระพิมลธรรม ขึ้นครองแผ่นดิน ตั้งราชวงศ์ใหม่) ใน พ.ศ.๒๑๔๕ เฉกอะหมัด ได้ช่วยเจ้าพระยาพระคลัง
ในเรื่องของกรมท่า (ต่างประเทศ + พาณิชย์) มีความดีความชอบ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมจึงโปรดฯตั้งให้เป็น พระยาเฉกอะหมัดรัตนราชเศรษฐี
เจ้ากรมท่าขวา เป็นการตั้งต้นรับราชการเป็นขุนนางของตระกูลเฉกอะหมัด สืบต่อกันมาอีกหลายชั่วคน

            คนสุดท้ายในแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าอุทุมพร และแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ที่ได้เป็นเจ้าพระยา คือ เจ้าพระยามหาเสนา (เสน)

            ถึงแผ่นดินกรุงรัตนโกสินทร์ เรื่องราวของขุนนางสำคัญเชื้อสายเฉกอะหมัด ซึ่งได้รับพระราชทานนามสกุลว่า ?บุนนาค? เป็นที่ทราบกันดีโดยทั่วๆไปอยู่แล้ว
โดยเฉพาะเมื่อบุตรชายของเจ้าพระยามหาเสนา (เสน) คือนายฉลองไนยนารถ (บุนนาค) ได้เกี่ยวดองเป็นสายสัมพันธ์ด้วยพระบรมราชจักรีวงศ์

            ในรัชกาลที่ ๑ โปรดเกล้าฯให้ นายฉลองไนยนารถ (บุนนาค) เป็นเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) สมุหพระกลาโหม

            ในรัชกาลที่ ๔ บุตรชายของท่านได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยา ๒ ท่าน คือ

            สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาประยุรวงศ์ (ดิศ) ผู้สำเร็จราชการทั่วทั้งพระราชอาณาจักร (สมเด็จเจ้าพระยาองค์ใหญ่)

            และ สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัด) ผู้สำเร็จราชการในพระนคร (สมเด็จเจ้าพระยาองค์น้อย)

            ในรัชกาลที่ ๕ ชั้นหลานเจ้าพระยามหาเสนา (บุนนาค) ได้เป็นสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง) มีอำนาจยิ่งกว่าบิดาและอาในรัชกาลที่ ๔
คือ "สิทธิขาดราชการในกรุงนอกกรุงทั่วพระราชอาณาจักร สำเร็จสรรพอาญาสิทธิ์ ประหารชีวิตคนที่ถึงอุกฤษฐ์โทษมหันตโทษได้"

            ทีนี้เรื่องของสุลัยมาน

            บิดาของสุลัยมาน คือ ดะโต๊ะ โมกอล นั้น ว่าเป็นเจ้าเมืองเมืองสาเลห์ การที่อพยพลูกเมียบริวารออกจากเมืองสาเลห์ ได้ความว่า หนีภัยจากพวกฝรั่ง
ซึ่งกำลังล่าเมืองขึ้นอพยพลงเรือสำเภาหลายลำ มาขึ้นบกที่สทิงพระ (เมืองสตรึงเพรียะ) เมืองสงขลา (สิงขรา) โดยเหตุที่แต่งกายโพกผ้า ผู้คนขณะนั้นจึงตกใจ
เข้าใจว่าเป็นพวกโจรสลัด แล้วเลยเข้าใจผิดกันต่อๆมา แม้ในหมู่ผู้สืบสายสกุลสุลัยมานแท้ๆ ก็ยังเคยมีผู้ถามว่าบรรพบุรุษเป็นโจรสลัดใช่ไหม

            ทีนี้เมื่อขึ้นมาพำนักอยู่ระยะหนึ่ง ชาวเมืองเห็นว่าพวกที่ลงเรือมานี้ แม้มีจำนวนมากก็อยู่กันอย่างสงบเหมือนชาวบ้านทั่วไป จึงเข้ามาคบหาสมาคม
กลายเป็นมิตรกันไปในที่สุด

            ต่อมา ดะโต๊ะโมกอล จึงย้ายไปตั้งชุมชนขึ้นใหม่ที่บริเวณหัวเขาแดง ริมทะเลปากอ่าวสงขลา จัดตั้งป้อมปราการมั่นคง เพราะแถบนั้นเคยมีโจรสลัด (จริงๆ)
เข้าปล้น ในสมัยสมเด็จพระเอกาทศรถเกิดโจรสลัดเข้าปล้นเมืองพัทลุงถึง ๒ ครั้งแล้ว

            เมืองพัทลุงนั้นเป็นหัวเมืองชั้นตรี ซึ่งอยู่ในความดูแลของเมืองนครศรีธรรมราชอันเป็นหัวเมืองชั้นเอก เจ้าพระยานครศรีธรรมราชเห็นว่า ดะโต๊ะ โมกอล ปกครองชุมชนที่อพยพมาดี ทั้งยังปรองดองกับชาวบ้าน แม้จะต่างชาติ ศาสนา ทางการค้าเล่า หัวเขาแดงก็กลายเป็นเมืองท่า สมเด็จพระเอกาทศรถ จึงโปรดเกล้าฯ
ให้ ดะโต๊ะ โมกอล เป็นผู้ว่าราชการเมืองพัทลุง รวมไปถึงสิงขรา (สงขลา) เป็นการเข้ารับราชการในสมเด็จพระเจ้ากรุงสยามของต้นตระกูลนี้ ซึ่งเริ่มจากหัวหน้า
เหมือนๆกัน

            ตำบล ?หัวเขาแดง? นั้น อยู่ระหว่างนครสิงขรา (สงขลา) กับเมืองพัทลุง เมื่อโปรดฯให้ ดะโต๊ะ โมกอล เป็นผู้ว่าราชการเมืองพัทลุง ดะโต๊ะ โมกอล
ก็ยังอยู่ในป้อมหัวเขาแดง เอกสารบางฉบับจึงเรียกว่า เจ้าเมืองเมืองพัทลุง บ้าง เจ้าเมืองนครสงขลาบ้าง ทว่ารวมความแล้ว ก็ปกครองทั้งหมด และเป็นที่นิยม
ชมชื่นของชาวบ้านทั้งพัทลุง สงขลา และสทิงพระ

            เมื่อ ดะโต๊ะ โมกอล ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว ?สุลัยมาน? บุตรชายใหญ่ ก็ได้ขึ้นเป็นเจ้าเมืองสืบแทนบิดา
           
            ตอนนี้แหละมีเหตุ ๒ ประการ ที่ทำให้สุลัยมานแข็งเมืองต่อกรุงศรีอยุธยา

            ประการแรก จงรักภักดีใน สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม จึงไม่พอใจที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง (เจ้าพระยากลาโหมศรีสุริยวงศ์)
ประหารพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม และขึ้นครองราชย์เอง

            ประการที่ ๒ ไม่พอใจจะอยู่ในบังคับบัญชาของนครศรีธรรมราช อันเป็นหัวเมืองเอก ดูแลหัวเมืองและประเทศราชทั้งปวงทางใต้
ซึ่งเวลานั้นออกญาเสนาภิมุข (ยามาดา) เจ้าเมืองถึงแก่อสัญกรรม และบุตรชายของยามาดาเข้ายึดอำนาจเป็นเจ้าเมือง

            สุลัยมานจึงประกาศแข็งเมือง ตั้งตัวเป็นสุลต่าน และเป็นสุลต่านเรื่อยมาตลอดแผ่นดินสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง สุลต่านสุลัยมาน
มีอำนาจปกครองกว้างขวางตลอด จดชายแดนปัตตานี ไทรบุรี นครศรีธรรมราช


...อยากเป็นคนดี เหมือนกันนะแหละ...


ออฟไลน์ ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 364
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #33 เมื่อ: ก.พ. 16, 2007, 09:49 PM »
0
...ตะกี้ลืมโพสต์ภาพค่ะ...


โฉมหน้า ท่านสุลต่านสุลัยมาน


สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค)
...อยากเป็นคนดี เหมือนกันนะแหละ...


ออฟไลน์ salamah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 761
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #34 เมื่อ: ก.พ. 17, 2007, 10:43 PM »
0
อัสลามมุอาลัยกุม
              ทำให้ได้รับความรู้เพิ่มขึ้นเยอะเลย    มีต่อไหมคะน้องเจ้าหญิงฯ   
ถึงไม่รอบรู้ทุกด้าน    แต่ขอเป็นมุสลิมะห์ที่ดีก็พอ

ออฟไลน์ ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 364
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #35 เมื่อ: มี.ค. 03, 2007, 07:40 PM »
0

;D ;D ;D

...อยากเป็นคนดี เหมือนกันนะแหละ...


ออฟไลน์ salamah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 761
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #36 เมื่อ: มี.ค. 03, 2007, 09:21 PM »
0

;D ;D ;D



ยิ้มอะไรคะนี่.........น้องเจ้าหญิงฯ........ขอยิ้มด้วยคนล่ะกันนะคะ..... ;D ;D ;D
ถึงไม่รอบรู้ทุกด้าน    แต่ขอเป็นมุสลิมะห์ที่ดีก็พอ

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #37 เมื่อ: มี.ค. 15, 2007, 02:14 AM »
0
แวะมาอ่านแร้วววววว

 ;)

ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #38 เมื่อ: มิ.ย. 08, 2007, 12:56 PM »
0
สุดยอดมากเลยน้องเจ้าหญิง
แล้วจะเอาไปเผยแพร่ให้นักเรียนได้รู้
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ ๐๐εΐз๐๐Pr!nCeEsS Of FLoWeRs๐๐εΐз๐๐

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 364
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #39 เมื่อ: ต.ค. 10, 2007, 09:03 AM »
0
 salam


วู้วววววว...ก๊ะสาลามะฮฺอยู่บ่_นู๋มาแย้ววววค่ะ คิดถึงก๊ะฯที่สุดในโลกเลยค่ะ

...อยากเป็นคนดี เหมือนกันนะแหละ...


ออฟไลน์ zanai

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 23
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #40 เมื่อ: มี.ค. 22, 2008, 10:57 AM »
0
 salam
เคยอ่านของอ.อาลี เสือสมิงเหมือนกันเเต่ผมว่าเนื้อหาไม่ต่างกันมากนะมันเเม็ทกันดี
ขอบคุณคับ(เฮ้อได้รอบโลกขึ้นอีกหน่อย)

ออฟไลน์ musalmarn

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 796
  • เพศ: ชาย
  • สักวัน... ฉันจะขี่ม้า
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
    • ชมรมศาสนศึกษา แผนกอิสลาม มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #41 เมื่อ: มี.ค. 27, 2008, 03:40 PM »
0
จขกท. หายไป  ;D

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #42 เมื่อ: มี.ค. 27, 2008, 09:59 PM »
0
อัสสลามุ อลัียกุม

             ผมได้ข่าวมาว่า ในบรรดาพระภรรยาเจ้าในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 5 นั้น จะมีพระภรรเฃยาเจ้าพระองค์หนึ่งที่เป็นชาวมุสลิม หรือบางข่าวที่ผมได้ทราบว่า พระภรรยาเจ้าพระองค์นี้ได้เปลี่ยนจากมุสลิมเป็นพุทธด้วย ไม่ทราบว่า ใครเคยได้ยินข่าวคราวในลักษณะนี้บางครับ ผมอยากทราบมากๆ ไม่รู้ว่าจริงเท็จสักปานใด กรุณาชี้แจงด้วย หากผู้ใดพอทราบเรื่องนี้ - ญาซากั้ลลอฮุ ค็อยร็อน

วัสสลามุ อลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ JawhaR

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1303
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #43 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2008, 11:29 AM »
0
...ต่อเลยค่ะ...

พ.ศ.๒๓๒๘ 2 วีรสตรีมุสลิมเชื้อสายไทรบุรี  นำกองกำลังทหารและชาวบ้านเกาะถลาง (ภูเก็ต)เข้าต้านทัพพม่าจนได้รับชัยชนะงดงาม รัชกาลที่ ๑ โปรดฯแต่งตั้งให้เป็นท้าวเทพกษัตรีย์และท้าวศรีสุนทร



 salam

เพิ่งรู้คับว่า เขาเป้นมุสลิมะฮ์ นะ   yippy:  yippy:
I'm just a Mini Muslim and will try to be   StrongeR. Insha-Allah

ออฟไลน์ al-toorab

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 172
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: มุสลิมแห่งสยามประเทศ
« ตอบกลับ #44 เมื่อ: ธ.ค. 14, 2008, 04:14 PM »
0
  salam

ญาซากั้ลลอฮุคอยรอน

ขอพระองค์อัลลอฮ์ทรงตอบแทนความดีงาม แด่ ๐๐εΐз๐๐เจ้าหญิงแห่งดอกไม้๐๐εΐз๐๐

เป็นเรื่องราว ที่ควรค่า น่าศึกษามาก สำหรับมุสลิมไทย และเยาวชน

หากมีเรื่องใดๆที่ น่าสนใจอีก เอามาลงอีกนะครับ

ขอบคุณมาก party:
يقول -صلى الله عليه وسلم-: هلك المتنطعون، هلك المتنطعون، هلك المتنطعون

"บรรดาผู้มุตะนัตติอูน(ผู้ที่คิดลึกเกินเลยขอบเขต)ได้มีความวิบัติแล้ว"

قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏لَيْسَ الْمُؤْمِنُ ‏ ‏بِالطَّعَّانِ ‏ ‏وَلَا اللَّعَّانِ وَلَا ‏ ‏الْفَاحِشِ ‏ ‏وَلَا الْبَذِيءِ

"ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า  ไม่ใช่เป็นผู้ศรัทธา  ผู้ที่ชอบตำหนิ(ผู้คนทั้งหลาย) ผู้ที่ชอบสาปแช่ง ผู้ที่ด่าทออย่างน่ารังเกียจ  และผู้ที่พูดหยาบคาย" รายงานโดยท่านติรมีซีย์ 1900 ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า  ฮะดิษฮะซัน

 

GoogleTagged