ผู้เขียน หัวข้อ: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม  (อ่าน 11467 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ yala

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 50
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: ม.ค. 17, 2008, 02:23 PM »
0
 salam
ยิ่งเห็นหลักฐานแล้วยิ่งทำให้ งง....ว่าทำไมชาวมาดีนะห์ และชาวมักกะห์ถึ่งไม่สานต่อการกระทำเหล่านี้ จริงๆแล้วพวกเขาก็อยากให้ พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย ของเขาเจริญรอยตาม รอซูล(ศล) และก็อยากให้ พวกเขาได้เข้าสวรรค์กันถ้วนหน้า สงสัยจริงๆ ครับ
 salam

ออฟไลน์ Fathoni

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Kid d Tum d อัลลอฮฺรู้
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: ม.ค. 17, 2008, 03:57 PM »
0
 salam

ไม่เห็นต้อง งง เลยคับ

คิดว่าเป็นเพราะยุคนี้ มักกะฮฺ และมาดีนะหฺ  เปลี่ยนห......ไป      party:

วัสลาม

อิสลามสอนฉันให้รู้จักเสียสละเพื่อสังคม แม้สังคมจะจำสิ่งที่ฉันทำไม่ได้เลย

ฉันไม่เคยท้อที่จะทำมันต่อเพราะรู้ว่าอัลลอฮฺจะอยู่ข้างฉัน จะไม่ทิ้งฉันแน่นอน ...

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: ม.ค. 17, 2008, 08:02 PM »
0
 :o

แสดงว่าคุณยาลายัง   ไม้ได้อ่านแบบละเอียดทีใช่ไหมครับ  เอาละครับยกมาให้อ่านกันอีกทีครับ


ท่านอิมามอัสศะยูฏีย์(ร.ฏ.) ได้กล่าวว่า

ولنختم الكتاب بلطائف :الأولى : أن سنة الإطعام سبعة أيام بلغني أنها مستمرة إلى الأن بمكة والمدينة فالظاهر أنها لم تترك من عهد الصحابة ألى الأن وأنهم أخذوها خلفا عن سلف ألى صدر الأول . ورأيت فى التوارخ كثيرا فى تراجم الأئمة بقولون : وأقام الناس على قبره سبعة أيام يقرؤون القران ، وأخرج الحافظ الكبير أبو القاسم بن عساكر فى كتابه المسمي تبيين كذب المفتري فيما نسب ألى الإمام أبى الحسن الأشعرى سمعت الشيخ الفقيه أبا الفتح نصر الله بن محمد بن عبد القوى المصيصي يقول : توفى الشيخ نصر بن إبراهيم المقدسى فى يوم الثلاثاء التاسع من المحرم سنة تسعين وأربعمائة بدمشق وأقمنا على قبره سبع ليال نقرأ كل ليلة عشرين ختمة

"เราจงจบท้ายบท ด้วยเกล็ดความรู้ที่ละเอียดละออ คือ ประการที่หนึ่ง สุนัตให้อาหาร(เป็นทาน)

ในช่วง 7 วัน ซึ่งได้ทราบถึงข้าพเจ้าว่า การที่สุนัตให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด

ยังคงมีการปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องจากถึงปัจจุบัน ณ ที่นครมักกะฮ์และนครมะดีนะฮ์ ดังนั้น ที่ชัดเจนแล้ว คือ การสุนัตให้อาหาร(เป็นทานแก่มัยยิด)นั้น ไม่เคยถูกทิ้งการกระทำมาเลยตั้งแต่สมัยของซอฮาบะฮ จวบจนถึงปัจจุบัน และพวกเขาได้ทำการเอาการปฏิบัติดังกล่าว ของปราชญ์ค่อลัฟ จาก ปราชญ์สะลัฟ จนกระทั่งถึงยุคแรก(ยุคซอฮาบะฮ์) และข้าพเจ้า(คืออิมามอัสศะยูฏีย์) ได้เห็น(ทราบ)จากบรรดาปฏิบัติศาสตร์มากมายของบรรดานักปราชญ์ ซึ่งพวกเขากล่าวว่า "บรรดานักปราชญ์ได้ทำการอาศัยอยู่ที่กุบูรผู้เสียชีวติ 7 วัน เพื่อทำการอ่านอัลกุรอาน



ค่อยๆอ่านและทำความเข้าใจนะครับ  อีกอย่างประเทศซาอุดี้ฯปัจจุบันกระทรวงศึกษาธิการนั้นเป็น วาฮาบีซึ่งเป็นที่รู้ว่าทัศนะดังกล่าวไม่เห็นด้วยในการกระทำนะครับดังนั้นถ้าเอามาตรฐานของประเทศดีงกล่าวแล้วคงไม่จบแน่ครับ boulay:

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: ม.ค. 17, 2008, 09:25 PM »
0
salam
ยิ่งเห็นหลักฐานแล้วยิ่งทำให้ งง....ว่าทำไมชาวมาดีนะห์ และชาวมักกะห์ถึ่งไม่สานต่อการกระทำเหล่านี้ จริงๆแล้วพวกเขาก็อยากให้ พ่อแม่พี่น้องปู่ย่าตายาย ของเขาเจริญรอยตาม รอซูล(ศล) และก็อยากให้ พวกเขาได้เข้าสวรรค์กันถ้วนหน้า สงสัยจริงๆ ครับ
 salam

มักกะฮ์กับมะดีนะฮ์ยุคนี้จะมาเทียบนครมักกะฮ์กับนครมะดีนะฮ์ในยุคก่อนได้หรอ  ระบบการปกครองเปลี่ยนไป  แนวทางก็เปลี่ยนไป  อุลามาอ์ที่กุมบังเหียน

รัฐบาลซาอุฯก็เปลี่ยนไป  ความรู้ความเข้าใจของมะดีนะฮ์และมักกะฮ์ยุคก่อนย่อมดีกว่าและลึกซึ้งกว่ามะดีนะฮ์และมักกะฮ์ในยุคนี้  และคุณ yala รู้ได้ไงว่า

มักกะฮ์และมะดีนะฮ์ปัจจุบันไม่ทำ  เนื่องจากวะฮาบีย์กับอัลอะชาอิเราะฮ์(ผู้มีเชื้อสายนบี)ในมักกะฮ์และมะดีนะฮ์นั้นครึ่งต่อครึ่ง  แต่รัฐซาอุฯปัจจุบันถูกวะฮาบี

คอบงำ  อะไรๆ จึงออกมาแบบวะฮาบี
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: ม.ค. 17, 2008, 11:11 PM »
0
 salamครับ  ที่นี่ผมจะนำเสนอ เกี่ยวกับการเฝ้ากุโบร์เพื่ออ่านอัลกรุอ่านฮาดียะแก่ผู้ตายช่วง7วัน  ของบรรดาอุลามะและลูกศิษย์ของทั้ง4มัสหับ
เป็นที่รู้ว่าอุลามะทั้ง4มัสหับไม่มีใครฮุกมว่าเป็นบิดอะและฮารอม   เพราะด้วยหลักฐานที่ไม่มีการห้ามจากกีตาบุลลอฮ์และซุนนะนบีรวมทั้งการกระทำของซอฮาบะ ตาบีอีน ตาบีอีตตาบีอีนด้วยสาเหตุดังกล่าวเขาเหล่านั้นจึงมีการปฏิบัติต่อๆกันมา   ซึ่งยังคงมีแค่ทัศนะของชาววาฮาบีบางกลุ่มเท่านั้นที่  คัดค้านในเรื่องนี้  

ทัศนะของมัซฮับทั้ง 4 มีรายละเอียดตามหนังสือแหล่งอ้างอิงของแต่ละทัศะดังนี้

1.  มัซฮับหะนะฟียะฮ์  
 ได้กล่าวระบุไว้ใน  อัลฟะตาวา  อัลฮินดียะฮ์  ว่า "เมื่อมัยยิดถูกฝังเรียบร้อยแล้ว  สุนัตให้บรรดามุสลิมทำการนั่งที่กุโบรสักช่วงเวลาหนึ่งหลังจากฝังเสร็จ  ด้วยขนาดเวลาที่อูฐถูกเชื่อดและเนื้อของมันได้แจกจ่ายไป  โดยที่ให้พวกเขาทำการอ่านอัลกุรอานและขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิด....การอ่านอัลกุรอานตามทัศนะของ ท่านมุหัมมัด (ร.ฮ.)นั้น ไม่ถือว่ามักโระฮ์  และบรรดาคณาจารย์ของเรา  ได้ยึดเอาทัศนะคำกล่าวของเขา"  ดู  เล่ม 1 หน้า 166

 ท่านอิบนุอาบิดีนได้กล่าวระบุไว้ในหนังสือ  ร๊อดดุลมั๊วะหฺตาร ว่า "การนั่งอ่านอัลกุรอานที่กุโบรไม่เป็นมักโระฮ์ ตามทัศนะที่ถูกเลือกเฟ้นแล้ว"  ดู เล่ม 2 หน้า 246
 ได้มีการกล่าวระบุไว้ในหนังสือ อันนิยาบะฮ์  ชัรหฺ อัลฮิดายะฮ์  ว่า " การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรนั้น  ไม่เป็นไร  แต่อย่านั่งบนกุโบร  และอย่าเข้าไปในกุบูรแล้วอ่านอัลกุรอาน"  ดู เล่ม 3 หน้า 306


2.  มัซฮับมาลิกียะฮ์
 อุลามาอ์มัซฮับมาลิกียะฮ์มีทัศนะว่า มักโระฮ์กับการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  แต่บรรดาอุลามาอ์มัซฮับมาลิกียะฮ์ยุคหลังนั้น  มีมติที่แน่นอนแล้วว่าให้กระทำได้  บ้างก็บอกว่าเป็นเรื่องที่ดี  ทั้งนี้  หลังจากที่พวกเขาพบหลักฐานว่ามีซอฮาบะฮ์บางท่านได้สั่งเสียให้กระทำ

 ท่านอัลลามะฮ์(ปรมจารย์) ชัยค์  อัดดัรเดร  กล่าวว่า "บรรดาอุลามาอ์(มัซฮับมาลิกีย์)ยุคหลัง  มีทัศนะว่า  การอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  การซิกิร  และฮะดียะฮ์ผลบุญให้แก่มัยยิดนั้น ถือว่าไม่เป็นไร  และผู้ที่กระทำดังกล่าว  ย่อมได้รับผลตอบแทนด้วย  อินชาอัลเลาะฮ์"  ดู อัชชัรหฺ อัลกะบีร  ตีพิมพ์พร้อมกับ หาชียะฮ์ อัดดุซูกีย์ เล่ม 1 หน้า 423
 ข้อควรระวัง
 ท่านอิบนุตัยมียะฮ์   ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  อิกติฏออ์ อัสซิรอต๊อลมุสตะกีม  ว่า " อิมามมาลิกกล่าวว่า  ฉันไม่รู้เลยว่ามีคนใดได้กระทำสิ่งดังกล่าว  ดังนั้น  จึงเป็นที่ทราบว่า ซอฮาบะฮ์ และตาบีอีนนั้น  พวกเขาไม่ได้กระทำมัน"  ดู เล่ม 2 หน้า 744

เราขอกล่าวว่า  การที่ท่านอิมามมาลิก(ร.ฮ.)ไม่รู้นั้น  ไม่ได้หมายความถึงการปฏิเสธการกระทำของบรรดาซอฮาบะฮ์และตาบิอีนทั้งหมด  และการสรุปความเห็นของท่านอิบนุตัยมียะฮ์ที่ว่า  บรรดาซอฮาบะฮ์และตาบิอีนไม่เคยทำนั้น  เป็นการขัดกับบรรดาตัวบทที่ได้มีการระบุไว้  ดังนี้  คือ

 ท่าน อัลค๊อลลาล ได้นำเสนอรายงาน ว่า  ได้เล่าให้ฉันทราบ  โดยอบูยะหฺยา อันนากิด  เขากล่าวว่า  ได้เล่ากับเรา  โดยซุฟยาน บิน มะเกี๊ยะอฺ  เขากล่าวว่า  ได้เล่ากับเรา  โดยหัฟซฺ(บินฆอยยาษ) , จากมุญาลิด , จากท่านอัชชะอฺบีย์  เขากล่าวว่า " บรรดาชาวอันซอรนั้น  เมื่อมีผู้ตายคนหนึ่งของพวกเขาได้เสียชีวิต  พวกเขาก็จะทำการสลับกันไปที่กุบูร  เพื่อพวกเขาทำการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรของมัยยิดผู้นั้น" ดู  หนังสือ  อัลอัมรฺ บิลมะอฺรูฟ วันนะฮ์ อะนิลมุงกัร หน้า 126

 ท่าน  อัลค๊อลลาล  ได้กล่าวว่า  ได้เล่าให้ฉันทราบ  โดยอิบรอฮีม บิน ฮาชิม อัลบะฆอวีย์  ซึ่งเขากล่าวว่า  ได้เล่าให้ฉันทราบ  โดยอับดุลเลาะฮ์ บิน ซินาน อบูมุหัมมัด ซึ่ง เขากล่าวว่า  ได้เล่าให้เราทราบ  โดยอัลฟัฏล์ บิน มูซา อัลชัยบานีย์ , จากชารีก , จากมันซูร , จากอัลมัรรีย์ ว่า  แท้จริง  ท่านอิบรอฮีม(อันนะค่าอีย์)  กล่าวว่า "การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรต่างๆ นั้น ไม่เป็นไร"   ดู  หนังสือ  อัลอัมรฺ บิลมะอฺรูฟ วันนะฮ์ อะนิลมุงกัร หน้า 127
 ดังนั้น  คำกล่าวของท่านอัชชะอ์บีย์  ได้ชี้ให้เห็นว่า  บรรดาซอฮาบะฮ์ได้กระทำการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  และท่านอิบรอฮีม อันนะค่าอีย์  ก็เป็นอุลามาอ์อัตตาบิอีน  ที่มีทัศนะให้กระทำได้

3.  มัซฮับชาฟิอียะฮ์  
 ท่านอิมาม อันนะวาวีย์  ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  อัล-มัจญฺมั๊วะ  ของท่านว่า "บรรดาอุลามาอ์ของเรากล่าวว่า  สุนัตให้ผู้ที่ไปเยี่ยมกุบูร  ทำการให้สลามแก่ชาวกุบูร , และให้เขาทำการขอดุอาอ์ให้แก่ผู้ที่เขาไปเยี่ยม และแก่ชาวกุโบรทั้งหมด , และถือเป็นการดียิ่ง  ที่จะกล่าวให้สลามและขอดุอาอ์ด้วยกับสิ่งที่ได้ระบุไว้ในหะดิษ, และสุนัตให้ผู้ไปเยี่ยมกุบูร ทำการอ่านสิ่งที่ง่าย ๆ จากอัลกุรอานและทำการขอดุอาอ์ให้แก่เขาหลังจากเสร็จสิ้นการอ่าน  ซึ่งอิมามอัช-ชาฟิอีย์ได้ระบุมันไว้(ในหนังสืออุมมฺ)  และบรรดาสานุศิษย์ก็มีความเห็นพร้องกันต้องกัน"  ดู เล่ม 5 หน้า 276  

 ท่านอิมามรอมลีย์  ได้กล่าวไว้ในหนังสือ นิฮายะตุลมั๊วะหฺตาจญฺ  ว่า  " สุนัตให้อ่านอัลกุรอานที่ง่าย ๆ  ที่กุบูร"  ดู เล่ม 3 หน้า 36  และท่านอิมามรอมลีย์กล่าวอีกว่า "ให้เขาทำการอ่านอัลกุรอานและขอดุอาอ์หลังจากการอ่านอัลกุรอานของเขา  และการขอดุอาอ์นั้นเป็นผลประโยชน์แก่มัยยิด  โดยที่การขอดุอาอ์ถัดจากการอ่านอัลกุรอานนั้น  ทำให้ถูกตอบรับเร็วมากกว่า"  ดู  เล่ม 3 หน้า 37

 ข้อควรระวัง
 ท่านอิบนุตัยมียะฮ์   ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  อิกติฏออ์ อัลซิรอต๊อลมุสตะกีม  ว่า"  ไม่ได้ถูก(รายงาน)มาสักคำกล่าวเดียวจากอิมามอัช-ชาฟิอีย์  เกี่ยวกับปัญหาประเด็นนี้(คือการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร) และดังกล่าวนั้น  เพราะว่ามันเป็นบิดอะฮ์ตามทัศนะของอิมามชาฟิอีย์"  ดู เล่ม 2 หน้า 734

 เราขอกล่าวว่า  ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ กล่าวอย่างผิดพลาดต่อทัศนะของอิมามอัช-ชาฟิอีย์ (ร.ฮ.) และทำการปฏิเสธสายรายงานที่ถูกรับรองจากอิมามชาฟิอีย์  และทำการกล่าวพาดพิงทัศนะถึงอิมามชาฟิอีย์ โดยที่ท่านอิมามชาฟิอีย์ไม่ได้เคยกล่าวไว้เช่นนั้นเลย(คือกล่าวว่าบิดอะฮ์)  

 สำหรับสิ่งที่ได้มีการยืนยันระบุจากอิมามชาฟิอีย์(ร.ฏ.) นั้น  คือ  ท่าน  อัลค๊อลลาล ได้กล่าวรายงานว่า
أخبرنى رَوح بن الفرج قال : سمعت الحسن بن الصبّاح الزعفرانى يقول : سألت الشافعى عن القراءة عند القبور، فقال : لا بأس به
" ได้บอกเล่าให้ฉันทราบ โดยท่าน  เร๊าห์ บิน อัลฟะร๊อจ ซึ่งได้กล่าวว่า  ฉันได้ยินท่าน อัลหุซัยน์ บิน อัศศ๊อบบาหฺ  อัซซะฟะรอนีย์ กล่าวว่า  ฉันได้ถามอิมามอัช-ชาฟิอีย์เกี่ยวกับการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  ดังนั้น  ท่านอัช-ชาฟิอีย์ตอบว่า "การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรนั้น ไม่เป็นไร"  ดู   หนังสือ  อัลอัมรฺ บิลมะอฺรูฟ วันนะฮ์ อะนิลมุงกัร หน้า 126

และบรรดาอุลามาอ์ชั้นนำในมัซฮัลอัช-ชาฟิอีย์  ได้กล่าวยืนยันว่า มีตัวบทระบุอย่างชัดเจน จากอิมามชาฟิอีย์  ว่า อนุญาติให้อ่านอัลกุรอานที่กุบูรได้อย่างไม่ต้องสงสัย  ซึ่งอิมาม อันนะวาวีย์ได้กล่าวยืนยันไว้ว่า อิมามอัชชาฟิอีย์ได้กล่าวระบุ(การอนุญาติอ่านอัลกุรอานที่กุบูร)ไว้ในหนังสืออุมมฺ"  (ดู  หนังสือมัจญฺมั๊วะ เล่ม 5 หน้า 286)  และอิมามอิบนุหะญัรอัลฮัยตะมีย์ (ดู อัลฟาตาวา อัลกุบรอ เล่ม 2 หน้า 27)  

 และหากเรากลับไปดูหนังสืออัลอุมมฺของอิมามอัช-ชาฟิอีย์  จากเรื่อง "อัลญะนาอิซฺ"  ในบทย่อยเกี่ยวกับเรื่อง "จำนวนการห่อมัยยิด"  ซึ่งท่านอิมามอัช-ชาฟิอีย์กล่าวระบุไว้ว่า  
  وَأُحِبُّ لَوْ قُرِئَ عِنْدَ الْقَبْرِ، وَدُعِيَ لِلْمَيِّتِ وَلَيْسَ فِي ذَلِكَ دُعَاءٌ مُؤَقَّتٌ
"ฉันรัก หากมีการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร และมีการขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิด(ผู้ตาย)  และในเรื่องดังกล่าวนั้น  ไม่มีการขอดุอาอ์ที่ถูกกำหนดเวลาเอาไว้ตายตัว(คือขอดุอาให้ผู้ตายได้ทุกเวลา)"  

มีบางคนที่ไม่ค่อยจะมีความรู้มากนัก  ได้พยายามกล่าวอ้างทัศนะของอิมามอัช-ชาฟิอีย์ที่ว่า ผลบุญการอ่านอัลกุรอานไม่ถึงมัยยิด เพื่อจะแอบอ้างว่าเมื่อผลบุญไม่ถึง  การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรก็ไร้ความหมาย   ซึ่งคำกล่าวนี้  เป็นความเข้าใจที่ปราศจากความเข้าใจในมัซฮับอิมามอัช-ชาฟิอีย์


ท่านอิมามอันนะวาวีย์   ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัลอัซฺการของท่านว่า  
أجمع العلماء على أن الدعاء للأموات ينفعهم ويَصلُهم......واختلف العلماء في وصول ثواب قراءة القرآن، فالمشهور من مذهب الشافعي وجماعة أنه لا يَصل‏.‏ وذهب أحمدُ بن حنبل وجماعةٌ من العلماء وجماعة من أصحاب الشافعي إلى أنه يَصل، والاختيار أن يقولَ القارئُ بعد فراغه‏:‏ ‏"‏اللهمّ أوصلْ ثوابَ ما قرأته إلى فلان، واللّه أعلم‏
"บรรดาปวงปราชน์ได้ลงมติเห็นพร้องว่า  แท้จริง  การขอดุอาอ์ให้แก่บรรดาผู้ตายนั้น  มันเป็นผลประโยชน์แก่พวกเขา  และถึงพวกเขา.....และบรรดาอุลามาอ์ได้ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่อง  ผลบุญการอ่านอัลกุรอานถึงผู้ตาย  ดังนั้น  คำกล่าวที่เลื่องลือ จากมัซฮับอิมามอัช-ชาฟิอีย์และกลุ่มหนึ่งนั้น คือ ผลบุญไม่ถึงผู้ตาย(หากอ่านอัลกุรอานเพียงอย่างเดียวโดยไม่ขอดุอาตามท้าย)  และท่านอิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล พร้อมด้วยปวงปราชญ์กลุ่มใหญ่  และกลุ่มหนึ่งจากบรรดาสานุศิษย์ของอิมามอัช-ชาฟิอีย์ได้  กล่าวว่า แท้จริง ผลบุญดังกล่าวถึงผู้ตาย  และทัศนะที่ได้รับการแฟ้นแล้ว  คือให้ผู้อ่านกล่าวดุอาอ์หลังจากเสร็จสิ้นจากการอ่านอัลกุรอานว่า "โอ้อัลเลาะฮ์  ขอได้โปรดทำให้ผลบุญของสิ่งที่ฉันได้อ่านมันไปแล้วนั้น  ไปถึงคนนั้นๆ (..........) ด้วยเทอญ (ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกันเอง วัลลอฮุอะลัม "  ดู  อัลฟุตูฮาด อัรร๊อบบานียะฮ์  อะลา อัลอัซการอันนะวะวียะฮ์  เล่ม 4 หน้า 194
ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า "คำกล่าวที่เลื่องลือ จากมัซฮับอิมามอัช-ชาฟิอีย์.." นั้น  ผู้อธิบายหนังสือ ชัรหฺ อัรเราฏ์ กล่าวว่า มัน  หมายถึง  การเหนียตฮะดียะฮ์ผลบุญการอ่านให้แก่มัยยิดโดยไม่ได้ทำการขอดุอาอ์ให้นั้น"  ดู  อัลฟุตูฮาด อัรร๊อบบานียะฮ์  อะลา อัลอัซการอันนะวะวียะฮ์  เล่ม 4 หน้า 194  

ซึ่งหมายถึงว่า  ผลบุญการอ่านอัลกุรอานจะมีประโยชน์และถึงแก่ผู้ตายนั้น  ไม่ใช่ด้วยการเหนียตฮะดียะฮ์ให้เท่านั้น เพราะมันจะไม่ถึงตามทัศนะของอิมามอัช-ชาฟิอีย์  แต่ต้องขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิดด้วย  ซึ่งในการขอดุอาอ์นั้น  เราจะขอต่ออัลเลาะฮ์ให้ผลบุญการอ่านของเราถึงมัยยิดนั้น ย่อมกระทำได้อย่างไม่มีปัญหา  เนื่องจากการขอดุอาอ์นั้น  เป็นสื่อที่ทำให้ผลบุญไปถึงมัยยิดตามทัศนะของอิมามอัช-ชาฟิอีย์  ไม่ใช่การเหนียตฮะดียะฮ์ตัวการอ่านอัลกุรอานที่ผู้อ่านได้อ่านเองเพียงอย่างเดียว  
ท่านอิบนุกุดามะฮ์กล่าวอีกว่า

وقال الشافعي : ما عدا الواجب والصدقة والدعاء والاستغفار , لا يفعل عن الميت , ولا يصل ثوابه إليه ; لقول الله تعالى :  وأن ليس للإنسان إلا ما سعى  

"ท่านอิมามชาฟิอีย์กล่าวว่า สิ่งที่อื่นจาก วายิบ(เช่นฮัจญฺ ศีลอด) การทำทาน(คุณอะสันบอกได้ไหมว่าการเลี้ยงอาหารไม่ใช่เป็นส่วนหนึ่งจากการทำทาน) การขอดุอาอ์ และการอิสติฆฟาร นั้น จะไม่ถูกทำแทนให้กับมัยยิด และผลบุญก็จะไม่ไปถึงเขา เพราะอัลเลาะฮ์ทรงตรัสไว้ว่า"ไม่มีให้กับมนุษย์นอกจากสิ่งที่เขาได้กระทำไว้เท่านั้น" ดู หนังสือ อัลมุฆนีย์ เล่ม3 หน้า373

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้  อิมามอันนะวาวีย์จึงกล่าวไว้ในหนังสืออัลอัซฺการว่า " และที่ได้เลือกเฟ้นแล้วนั้น  คือให้ผู้อ่านกล่าวดุอาอ์หลังจากเสร็จจากการอ่านอัลกุรอานว่า "โอ้อัลเลาะฮ์  โปรดจงทำให้ผลบลสิ่งที่ฉันได้อ่านมันไปแล้วนั้น  ไปถึงคนนั้นๆ(..........) วัลลอฮุอะลัม" ดู  อัลฟุตูฮาด อัรร๊อบบานียะฮ์  อะลา อัลอัซการอันนะวะวียะฮ์  เล่ม 4 หน้า 194

และอาจารย์ของอิมามอันนะวาวีย์ คือ ท่านอิบนุ อัศศ่อลาหฺ  กล่าวว่า " ผู้ขอดุอาควรกล่าวว่า ,โอ้อัลเลาะฮ์  โปรดทรงทำให้ผลบุญของสิ่งที่ฉันได้อ่านมันไปแล้วนั้น  ไปถึงผู้ตายคนนั้นๆ (..........) , โดยที่เขาทำให้การอ่านอัลกุรอาน  แล้วขอดุอาอ์(ให้ถึงผู้ตาย)  ไม่ว่าผู้ตายจะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม  และต้องยาเกนมั่นใจในการที่มัยยิดได้รับผลประโยชน์ดังกล่าว(จากการขอดุอาอ์)นั้น"  ดู  หนังสือ  มุฆนีย์ อัลมั๊วะตาจญฺ เล่ม 4 หน้า 116 - 117

และเมื่ออิมามอัช-ชาฟิอีย์ได้ระบุไว้ในหนังสืออัลอุมม์ว่า  "ฉันรัก หากถูกอ่านอัลกุรอานที่กุบูร และถูกขอดุอาอ์ให้แก่ผู้ตาย  และในสิ่งดังกล่าวมานั้น  ไม่มีการขอดุอาอ์ที่ถูกกำหนดเวลาเอาไว้"   ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตามีย์ จึงได้กล่าวอธิบายว่า " และให้เขาทำการอ่านอัลกุรอานที่ง่ายๆ  แก่เขา(ที่กุบูร)และทำการขอดุอาอ์ถัดจากการอ่านโดยที่หลังจากเขาได้หันหน้าไปทางกิบละฮ์  เพราะการดุอาอ์หลังจากอ่านอัลกุรอานนั้น  มีความหวังในการตอบรับมากกว่า "  ดู หนังสือ ตั๊วะหฺฟะตุลมั๊วะห์ตาจ  เล่ม 1 หน้า 602  ตีพมพ์ที่  อัษษะกอฟะฮ์ อัดดีนียะฮ์

4. มัซฮับ อัลหะนาบิละฮ์
ท่าน อัลมัรดาวีย์  ได้กล่าวระบุไว้ในหนังสือ  อัลอินซอฟ กล่าวว่า  "การอ่านอัลกุรอานที่กุบูรไม่เป็นมักโระฮ์  ตามในสายรายงานซอฮิหฺที่สุด(ซึ่งมาจากอิมามอะหฺมัด) และ นี้ก็คือ มัซฮับ  ที่(ท่านอิบนุมุฟลิหฺ) ได้กล่าวไว้ใน หนังสืออัลฟุรั๊วะอ์ และได้ระบุเรื่องนี้ไว้ในมัซฮับ  , ผู้อธิบายได้กล่าวว่า นี้คือคำกล่าวที่เลื่องลือจากอิมามอะหฺมัด"  ดู  เล่ม 2 หน้า 532
ท่านอิบนุมุฟลิหฺ  กล่าวไว้ในหนังสือ  อัลมุบเดี๊ยะอ์  ชัรหฺ อัลมุกเนี๊ยะอ์ ว่า " การอ่านอัลกุรอานที่กุบูร  ไม่เป็นมักโระฮ์  ตามสองสายรายงานที่ซอฮิหฺยิ่งที่รายงานจากท่านอิมามอะหฺมัด และ นี้ก็คือ มัซฮับ(ของอิมามอะหฺมัด)"  ดู เล่ม 2 หน้า 281  
คำพูดต่างๆที่ถูกรายงานเกี่ยวกับการอ่านอัลกุรอานที่กุบูร
ท่าน อัซฺซ่ะฮ่ะบีย์  ได้กล่าว  ประวัติท่าน  อบูญะฟัร อัลฮาชิมีย์ อัลหัมบาลีย์  ชัยค์มัซฮับอัลหะนาบิละฮ์ (เสียชีวิตปี 470) ว่า  " และเขาได้ถูกฝังเคียงข้างกุบูรของท่านอิมามอะหฺมัด , และบรรดาผู้คนได้ประจำอยู่ที่กุบูรของเขาเป็นเวลานาน  จนกระทั้งกล่าวกันว่า  อัลกุรอานได้ถูกอ่านจบ ที่กุบูรของเขา  ถึง 10000 จบด้วยกัน"  ดู  หนังสือ ซิยัร อะลาม อัลนะบะลาอ์ เล่ม 18 หน้า 547  

ท่าน อัซฺซะฮะบีย์  ได้กล่าว  ถึงท่าน อัลค่อฏีบ อัลบุฆดาดีย์ ว่า "  ท่านอัลคอฏีบ  เป็น อิมามที่โดดเด่น  เป็นอัลลามะฮ์  เป็นมุฟตี  เป็นนักจำหะดิษที่เชี่ยวชาญ  เป็นนักหะดิษแห่งสมัยนั้น.....ท่านอิบนุ ค๊อยรูน กล่าวว่า  ท่านอัลคอฏีบได้เสียชีวิตในช่วงสาย....ได้มีบรรดานักปราชญ์ฟิกห์และบรรดาผู้คนมากมาย ได้ทำการติดตามส่งญะนาซะฮ์ท่านอัลค่อฏีบ และแบกไปยัง ญาเมี๊ยะอ์ อัลมันซูร  โดยที่มีผู้คนกล่าวประกาศก้องว่า นี้คือผู้ที่ปกป้องการโกหกต่อท่านนบี(ซ.ล.)  และนี้คือผู้ที่จำหะดิษของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)  และได้ถูกอ่านอัลกุรอานหลายจบด้วยกันที่กุบูรของเขา"  ดู หนังสือ ซิยัร อะลาม อัลนะบะลาอ์ เล่ม 13 หน้า 584

ดังนั้น จึงพอสรุปได้ว่าการอ่านอัลกุรอานให้แก่มัยยิดนั้น  ก็ไม่มีระบุห้ามจากอัลกุรอาน  จากซุนนะฮ์  และจากคำกล่าวห้ามหะรอมจากบรรดาอุลามาอ์มัซฮับทั้ง 4 เลย  

ดังนั้น  ก็ยังคงมีแก่ทัศนะของวาฮาบีหรือคณะใหม่เท่านั้นของพวกเขาบางกลุ่มได้อาจหาญทำการหุกุ่มพี่น้องมุสลิมด้วยกันว่า การอ่านอัลกุรอานให้กับผู้ตายนั้นเป็นสิ่งที่หะรอมบิดอะฮ์
ทั้งๆที่ในเมื่อไม่มีอุลามาอ์ท่านใดเคยกล่าวอย่างนั้น  มาก่อนเลย

วัลลอฮูอะลัม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: ม.ค. 17, 2008, 11:51 PM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

เสวนากันเป็นประเด็น ๆ ไปนะครับ  กระทู้นี้เสวนาเรื่องการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร ไม่ใช่เรื่องทำบุญเป็นทานแก่มัยยิดครับ

والسلام

al-azhary
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 12:02 AM »
0
และในครั้งต่อไป  อิงชาอัลลอฮ์   ผมจะนำเสนอหลักฐานที่ทางฝ่ายวาฮาบีย์ที่ไม่เห็นด้วยในการอ่านอัลกรุอ่านในขณะที่เฝ้ากุโบร์มาเสนอเป็นข้อๆครับ 
ส่วนใครนบหลักฐานมาอ้างด้วยครับ  จะเข้ามานำเสนอก็อยากให้มีหลักฐานมาด้วยนะครับ  พร้อมแหล่งอ้างอิงของผู้รุ้แต่ละฝ่าย hehe

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 12:26 AM »
0

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

เสวนากันเป็นประเด็น ๆ ไปนะครับ  กระทู้นี้เสวนาเรื่องการอ่านอัลกุรอานที่กุโบร ไม่ใช่เรื่องทำบุญเป็นทานแก่มัยยิดครับ  และต้องมะอัฟด้วยที่ลบกระทู้ของพี่น้องที่โพสต์มาแบบนอกประเด็น 

والسلام

al-azhary
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 02:11 AM »
0
มันก็เกี่ยวกันเล็กน้อยน่ะครับ อ่านกุรอานที่กูโบรเป็นสับเซตของการทำบุญให้คนตาย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ yala

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 50
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 09:14 AM »
0
 salam
ก็ยัง งง อยู่ดี นะครับ คือว่า การกระทำดังกล่าวนั้น เป็นที่ นิยม(มัซฮุร)กันในสมัยของเรา ทั้งๆ ที่หลักฐานที่คุณคนอยากรู้ได้นำเสนอมานั้น ผมยังไม่เห็นมีการอ้างถึ่งท่าน นบี(ศล) และในสมัยนั้น ถ้าการกระทำนี้เป็นที่นิยมทำกันในสมัยศอฮาบัตเหมือนกับในสมัยนี้ ผมยัง งง
ว่าทำไมถึ่งไม่มีการบันทึกอย่างละเอียด ละออ ว่าต้องอ่าน อันนั้น อันนี้เหมือนกับที่เราอ่านอยู่ในปัจจุบัน และบทต่างๆที่เราเอามาอ่านนั้น ท่าน นบี(ศล) น่าจะสอนเราเอาสักบท เหมือนกับที่สอนเราเกี่ยวกับการอ่าน ดุอาเยี่ยม กูโบร์
  และผมขอถามคุฯ อัล อัซฮารี ว่า ในอียิปต์ ....มีการกระทำอย่างนี้ หรือไม่ครับ ในเมื่อเราจะตาม ประชาชนหรือ อูลามะ ของสาอุดี ไม่ได้ เพราะเป็น วาฮาบี ก็หมายความว่า อูลามะ บ้านเรายัง อาเลม กว่าพวกเขา และใกล้ชิดซุนนะมากกว่าพวกเขา ถูกต้องไม่ครับ?
เป็นไปได้หรือครับ ที่ อูลามะ ซุนนะของสาอุดี จะนิ่งเฉยในการห้ามของ รัฐบาล สาอุ ไม่ให้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องพวกเขากลัวจนขนาดนั้นเลยหรือครับ
 salam

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 10:53 AM »
0
ก็ยัง งง อยู่ดี นะครับ

หากคุณงงไม่เข้าใจ  งั้นคุณอย่าทำเลยครับ  ไม่มีปัญหาหากคุณไ่ม่ทำ



أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #56 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 11:49 AM »
0
ยัง งง อยู่ดี นะครับ คือว่า การกระทำดังกล่าวนั้น เป็นที่ นิยม(มัซฮุร)กันในสมัยของเรา ทั้งๆ ที่หลักฐานที่คุณคนอยากรู้ได้นำเสนอมานั้น ผมยังไม่เห็นมีการอ้างถึ่งท่าน นบี(ศล) และในสมัยนั้น ถ้าการกระทำนี้เป็นที่นิยมทำกันในสมัยศอฮาบัตเหมือนกับในสมัยนี้ ผมยัง งง
ว่าทำไมถึ่งไม่มีการบันทึกอย่างละเอียด ละออ ว่าต้องอ่าน อันนั้น อันนี้เหมือนกับที่เราอ่านอยู่ในปัจจุบัน และบทต่างๆที่เราเอามาอ่านนั้น ท่าน นบี(ศล) น่าจะสอนเราเอาสักบท เหมือนกับที่สอนเราเกี่ยวกับการอ่าน ดุอาเยี่ยม กูโบร์
  และผมขอถามคุฯ อัล อัซฮารี ว่า ในอียิปต์ ....มีการกระทำอย่างนี้ หรือไม่ครับ ในเมื่อเราจะตาม ประชาชนหรือ อูลามะ ของสาอุดี ไม่ได้ เพราะเป็น วาฮาบี ก็หมายความว่า อูลามะ บ้านเรายัง อาเลม กว่าพวกเขา และใกล้ชิดซุนนะมากกว่าพวกเขา ถูกต้องไม่ครับ?
เป็นไปได้หรือครับ ที่ อูลามะ ซุนนะของสาอุดี จะนิ่งเฉยในการห้ามของ รัฐบาล สาอุ ไม่ให้กระทำในสิ่งที่ถูกต้องพวกเขากลัวจนขนาดนั้นเลยหรือครับ


 :allahuakbar:จริงๆผมเองก็ไม่ค่อยจะว่างสักเท่าใด   แต่แวะเข้ามา แล้วก็สดุดกับพี่น้องของเรา  เช่นคุณyala  ที่บอกว่ายังอยู้งงอีกหรือครับ  เกี่ยวกับการกระทำดังกล่าว    ใจเย็นและรับฟังแบบเป็นกลางนะครับค่อยๆเปิดใจให้กว้าง แล้วลองพิจรณาตาม

ที่ว่า คุณงง นั้นก็เพราะว่า รูปแบบที่แถวบ้านเราเขากระทำกันงั้นหรือครับ    ผมบอกแล้วครับว่า การกระทำแถวๆบ้านเรานั้นก็สืบทอดมาจากการกระทำของบรรดซอฮาบะของท่านนบีทั้งชาวมุฮาญีรีนและบรรดาและชาวอันซอรซึ่งผมได้นำหลักฐานให้คุณทบทวนแล้ว   และหลักฐานนี้แหละที่บรรดผู้ตามซอฮาบะจนถึงยุคของเราบ้านเราเขากระทำกัน   การกระทำของซอฮาบะท่านนบี นั้นก็คือการลอกเลียนแบบอย่างขอท่านนบีนั้รเอวแม้ว่าจะไม่มีหลักฐานซอเหียะที่ท่านนบีกระทำก็ตาม   แต่ซอฮาบะอย่างอิบนุอุมัร (รด)นั้นคือซอฮาบะชั้นแนวหน้าที่มีความรู้  มากมายซึ่งคุณyalaเองก็พบว่าท่านนั้นเป็นคนที่มีความรู้มากคนหนึ่งและอีกหลายๆท่านที่เชื่อถือได้กล้าหรือครับที่จะหาญกรนะทำในสิ่งอุตริขึ้นมาเพื่อตอบสนองความคิดตนเอง  ฉนั้นสิ่งที่ท่านกระทำนั้นไม่ใช่ว่าจะประดิษฐ์ขึ้นมาเอง    เพียงแต่ท่านนบีทรงใช้ให้เราขออภัยให้กับผู้ตาย  แต่รูปแบบนั้นอาจจะแตกต่างกัน  ส่วนใครจะทำหรือไม่นั้นไม่ใช่เป็นสิ่งจำเป็น
เพียงแต่ว่า  อย่าได้ฮุกมต่อการกระทำของพี่น้องฝ่ายหนึ่งก็พอครับ

 ปล.   ผมว่าคุณงง  ไม่จริงละครับแต่แกล้งงงมากกว่าหรืออาจจะมีอะไรสักอย่างในหังวใจที่ติดอยู่ในความรู้สึก พอมีหลักฐานชัดเจนอีกฝ่ายหนึ่ง หรืออาจเป็นเพราะว่าข้อมูลที่คุณได้รับฝ่ายเดียวนั้นอาจทำให้คุณเกิดความลังเล   แต่ผมว่คุณคงไม่ปฏิเสธการกระทำของบรรดาซอฮาบะนะครับ
เพราะอะไรนั้นก็คิดดูเอาเองนะครับคุณยะลา

อีกอย่างไม่น่าจะงงคือ รัฐบาลซาอุปัจจุบันนั้นคุณก็รู้ว่า พวกเขาดำเนินตาม ท่าน ทัศนะของผู้รู้ของเขาเช่น อิบนุตัยยมียะ แต่บางเรื่องท่านก็เปิดกว้างนะครับเช่น  ท่านเห็นด้วยในการทำเมาลิด  ท่านอิบนุกอยยิม  ท่านอัลบานี ท่านอัลมะซุมี  และท่านมุอำมัดบินอับดุลวาฮับ  เชคบินบาชและฯลฯ  ต่างก็รับทัศนะดังกล่าวมาปฏิบัติสานต่อในที่สถานที่ดังกล่าว

  ในอดีตนั้นมัสหับทั้ง 4นั้นมีมากมายครับ ที่ซาอุ  ปัจจุบันนี้ก็ยังคงมี  แต่ด้วยเหตุที่กรมมศาสนาของซาอุฯ ที่มีมุฟตีเป็นวาฮาบีย  ดังนั้น  การกระทำบางอย่างจึงต้องแอบๆทำหรือถุฏห้ามด้วยกฏหมายของซาอุฯ  มีมากครับ ที่ซาอุฯมีความบกพร่องในและรอบคอบในเรื่องประเด็นคีลาฟ

ไม่เชื่อก็ลองศึกษาดูกันต่อไปเองนะครับ   boulay:



วัสลาม

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #57 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 11:53 AM »
0
แต่ผมว่าคำพูดข้างล่างนี่น่าคิดมากกว่าที่จะงงนะครับคุณyala smile:


 ในอดีตนั้นมัสหับทั้ง 4นั้นมีมากมายครับ ที่ซาอุ  ปัจจุบันนี้ก็ยังคงมี  แต่ด้วยเหตุที่กรมมศาสนาของซาอุฯ ที่มีมุฟตีเป็นวาฮาบีย  ดังนั้น  การกระทำบางอย่างจึงต้องแอบๆทำหรือถุฏห้ามด้วยกฏหมายของซาอุฯ  มีมากครับ ที่ซาอุฯมีความบกพร่องในและรอบคอบในเรื่องประเด็นคีลาฟ
ไม่เชื่อก็ลองศึกษาดูกันต่อไปเองนะครับ   


คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #58 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 04:09 PM »
0
    ;D พี่น้องที่รักความถูกต้องครับ  จริงๆแล้วเป็นที่รู้ว่า ในความเป็นมุสลิมอิคคว๊ะของเรานั้น เราทั้ง4 มัสหับไม่เคยที่จะขัดแย้งและถึงขนาดที่ว่ากล้าฮุกมและตัดสินมุสลิมด้วยกันเลย 

คงมีแต่ ทัศนะที่ไม่เห็นด้วยกับทั้ง 4มัสหับนั้นก็มีเพียงทัศนะวาฮาบีย์เท่านั้น

 ซึ่ง ในพวกเขานั้นก็มีไม่น้อยที่จัดว่า เป็นคนมีความรู้  และพวกเขาจะเป็นคนที่รักการศึกษาค้นคว้าในวิชาการศาสนามาตลอด  เราจะเห็นว่า  เมื่อมีการโต้ในประเด็นต่างๆเช่นในเรื่องคีลาฟียะ ต่างๆ ไม่ว่า การอ่านตัลกีน ให้กับมัยยัต การทำบุญฮาดียะให้กับผู้ตาย  การทำบุญ7วัน  การอ่านอัลกรุอ่าน การสอนตัลกีน   แม้กระทั่ง  ประเด็นที่เราคุยกันคือ การเฝ้ากุโบร์    ทุกครั้งจะมีเพียง ฝ่ายทัศนะวาฮาบีเท่านั้นที่ออกมาคัดค้านเกือบทุกรายการและก็เป็นหนึ่งเดียว
ของประเด็นศาสนา....

ที่แปลกแต่มันจริงของยุคหลังๆนี่   ก็คือ  การที่พวกเขากล้าที่จะทำการ   ฮุกมตัดสินปัญหาต่างๆอย่าง ไม่ฟังใคร ทั้งๆที่ชนคนยุคก่อนหน้าพวกเขาที่มีความรู้ที่ดีเลิศ  ก็ไม่พบว่าจะมีใครกล้าตัดสินฮุกมใดๆในสิ่ง  ที่ไม่มีห้ามจากอัลกรุอ่านและอัลฮาดิส    และคำที่พวกเขามักจะใช้กับแบฮิตๆมากก็คือ...บิดอะ  และฮารอม มุนาฟิก มุรตัด กาเฟร    หลายอย่าง ผู้ใดกระทำจากสิ่งไม่มีหลักฐานจากท่านนบี(ซล)เขาคือ คนมุนาฟิก  ในทัศนะของอิสลาม ที่เขาแอบอ้างทั้งที่ศาสนาอิสลามนั้นเปิดโอกาสให้หันหน้ามาพูดคุยกับประเด็นที่ขัดแย้งได้ เพราะการขัดแย้งเชิงฟิกฮ์นั้นมันสามารถเกิดขี้นได้เสมอ แต่พวกเขากลับไม่ชอบที่จะหันหน้าหรือประนีประนอม พวกเขาไม่ยอมที่จะรับฟิกฮ์ของทัศนะทั้ง 4 แต่พวกเขากลับตะอัสศุบในแนวทางของตัวเองอย่างน่าหดหู่ใจ

แต่โดยสาเหตุใด ก็ไม่อาจทราบได้ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการเฝ้ากุโบร์ ดังกล่าวนี้ ได้เล็ดลอดสายตาของฝ่ายวาฮาบีย์ไปได้อย่างไร และเป็นไปไม่ได้ที่ทางฝ่ายทัศนะที่คัดค้านจะไม่รู้ไม่เห็นในหลักฐานดังกล่าว  ฉนั้นด้วยเหตุผลใดก็ตาม   

ผมจึงมีความคิดเห็นเป็นการส่วนตัวว่า  จำเป็นที่นำมันมาบอกกล่าวที่ตรงนี้ด้วยหลักฐาน จากนักวิชาการที่ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยอย่างท่าน อิบนุ กอยยิม อัลเชาซีย์
ที่พี่น้องวาฮาบียอมรับในความรู้ของเขาและเดินตามทัศนะของท่าน และบางท่านถึงขั้นที่ปฏิเสธความรู้ที่มาจากท่าน อิม่ามนาวาวีย์โดยหาว่าท่านนั้นยึดติทัศนะและกล่าวหาว่าท่านตะอัสสุบ   วาอียาซูบิ้ลลา  มิ้ลซา

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: เฝ้ากุโบร์ไม่ฮาราม
« ตอบกลับ #59 เมื่อ: ม.ค. 18, 2008, 04:13 PM »
0
ดังนั้น  ผมขอเริ่ม  ว่า

ด้วยพระนามของอัลลอฮ์..................

พี่น้องครับ จากการที่มีฝ่ายมีทัศนะว่าการเฝ้ากุโบร์นั้น ไม่มีแบบอย่างและไม่ประโยชน์ และไม่มีเหตุผลอันใด  ที่ให้กระทำได้

  ผมขอตอบว่า ตามหลักฐานแล้ว การเฝ้ากุโบรและมีการอ่านกามุ้ลลอฮ์ในพระมหาคัมภีร์อัลกรุอ่านซึ่งได้อ่านถึงความยิ่งใหญ่และในถ้อยคำของพระองค์ที่มีการสรรญเสริญของพระองค์ให้กับผู้ตายและผืนแผ่นดินที่อ่านนั้นก็จะสุดดีต่อนามของพระองค์ ที่ถูกเปล่งออกมา  ไม่ว่าในการอ่านหรือซิกรุ้ลลอฮ์ ณ.ที่ตรงนั้น ของบรรดาญาติของเขาที่ฮีดายะให้กับผู้ตายของเขา   อย่างน้อยๆแล้วก็จะทำให้ผู้ตายนั้นได้รับความบรรเทาโทษในขณะที่อยู่ในกุโบร์และคลายความกังวลที่ตนเองจะถูกลงโทษจากความผิด

จากหลักฐานของท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้กล่าวอธิบายว่า "บรรดาอุลามาอ์ถือว่าเป็นสุนัต กับการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรขณะที่เฝ้ากุโบร์เนื่องสาเหตุของหะดิษนี้ เพราะว่าเมื่อการบรรเทาโทษยังมีหวังจากการตัสบีหฺของกิ่งอินทผาลัมแล้ว แน่นอนว่า การอ่านอัลกุรอานย่อมมีความหวังมากกว่า" ดู ชัรหฺ ซอฮิหฺมุสลิม เล่ม 2 หน้า 204

อิบนุ อบี ชัยบะฮ์ ได้กล่าวรายงานไว้ว่า
حدثنا حفص بن غياث، عن المجالد، عن الشعبى قال : كانت الأنصار يقرأون عند الميت بسورة البقرة
"ได้เล่ากับเรา โดยหัฟซฺ บิน ฆอยยาษ จาก อัลมุญาลิด จากท่านอัชชะอฺบีย์ ท่านกล่าวว่า "บรรดาชาวอันซอร ได้ทำการอ่านอัลกุรอาน ที่มัยยิด ด้วยกับซูเราะฮ์อัลบะกอเราะฮ์ " ดู อัลมุซันนัฟ เล่ม 4 หน้า 236
และท่านค๊อลลาลได้รายงานจากสายรายงานเดียวกัน ด้วยคำว่า
كانت الأنصار إذا مات لهم ميت اختلفوا غلى قبره يقرأون عنده القرأن

"บรรดาชาวอันซอรนั้น เมื่อมีผู้ตายคนหนึ่งของพวกเขาเสียชีวิตลง พวกเขาก็จะทำการสลับกันไปที่กุบูรของผู้นั้น โดยที่พวกเขาจะทำการอ่านอัลกุรอานที่กุบูรของมัยยิดนั้น" ดู หนังสือ อัลอัมรฺ บิลมะอฺรูฟ วันนะฮ์ อะนิลมุงกัร หน้า 126
ในสายรายงานดังกล่าว มีท่าน "มุญาลิด บิน สะอีด" ซึ่งเขาผู้นี้ หะดิษดี โดยมีบรรดาสายรายงานและหะดิษมาใช้ในการสนับสนุนและมีน้ำหนัก ท่านมุสลิมได้นำเขามาเป็นผู้รายงานหะดิษไว้ในซอฮิหฺของท่านมุสลิมด้วย โดยรายงานพร้อมกับคนอื่น ไว้ใน เรื่อง ฏอล๊าก บท ผู้หญิงที่ถูกหย่าขาด ที่ไม่มีค่าเลี้ยงดูให้แก่นาง


 

GoogleTagged