หมายความว่า ดังที่ผู้ตายไม่ได้แบกภาระของคนอื่น เช่นเดียวกัน เขาจะไม่ได้รับผลบุญนอกจากสิ่งที่เขาได้กระทำไว้สำหรับตัวเขาเอง (เมื่อครั้งที่ยังมีชีวิตอยู่) จากอายะฮฺอันประเสริฐนี้ อิมามอัชชาฟิอีย์และบรรดาผู้ที่ดำเนินตามท่านได้อิสตินบาตไว้ว่า การอ่านอัลกุรอานและฮะดิยะฮฺผลบุญจะไม่ถึงผู้ตาย เพราะนั่นไม่ได้เกิดจากการกระทำของเขาเอง และไม่ไช่การแสวงหาของเขา ด้วยเหตุนี้ เราะสูลุลลอฮฺศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมจึงไม่ส่งเสริมประชาชาติของท่าน และไม่สนับสนุนต่อการกระทำดังกล่าว และไม่ได้แนะนำพวกเขาให้กระทำเช่นนั้น ไม่ว่าจะด้วยหลักฐานที่ชัดแจ้ง หรือสัญญาณ และไม่เคยมีการยกอ้างสิ่งดังกล่าวจากเศาะหาบะฮฺท่านใดเลย และหากว่าการกระทำเช่นนั้นเป็นสิ่งที่ดี แน่นอนว่าพวกเขาย่อมต้องกระทำก่อนเรา[/u].
[/quote]
Oops:นี่ครับ ซอฮาบะท่านนบี(ซล)อีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า
อัมรุ อิบนุอาศ(รด)ได้กล่าวว่า แท้จริงผู้ตายจะได้รับความอบอุ่นด้วยบรรดาผู้ที่ติดตามผู้ตายหลังจากการฝังผู้ตายไปแล้ว ซึ่งเป็นรายงานของท่านมุสลิมในหนังสือหะดิษซอเหียะของท่าน
จากทานอับดุรรอมานกล่าวว่า เรามา(เยียมท่าน อัมรุ อิบนุอาศ ในขณะที่ท่านกำลังจะถึงแก่ความตาย ท่านอับดุลรอมานร้องให้นานมาก และท่านก็หันเข้าหาฝาบ้าน และลูก
ของท่านก็กล่าวกับบิดาว่า อะไรที่ทำให้ท่านต้องร้องให้ โอ้พ่อของข้า..ก็ท่านรอซุ้ล(ซล)ได้บอกท่านแล้วมิใช่หรือ...ด้วยเช่นนั้น(ด้วยความดีของท่าน)...
ซึ่งในขณะนั้นท่านอัมรุอิบนุอาศ ได้พูดว่า ....แท้จริงสิ่งที่ดีที่เราเตรียมไว้คือ การปฏิญาณว่าไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลลอฮ์และมูฮำมัดเป็นรอซุ้ลของอัลลอฮ์ และข้าอยู่บน 3ขั้นนี้
ขั้นที่1
แท้จริงเจ้าเห็นกับข้ามาแล้วว่าไม่มีใครสักคนที่จะทำให้มีความโกรธต่อทานรอซุ้ล(ซล)มากกว่าข้า และข้าไม่ชอบที่จะมีตัวข้า ว่าแท้จริงข้าสามารถเอาชนะ ท่านรอซู้ล(ซล)ได้และ ข้าสามารถที่จะฆาท่านรอซุ้ลได้ และถ้าหากว่าข้าเกิดตายในจังหวะนั้นแน่นอนข้าจะต้องเป็นชาวนรก
ขั้นที่2
และเมื่ออัลลอฮ์(ซบ)ได้ทำให้มีอิสลามบนในหัวใจของข้า และข้าได้พบกับท่านร้อซุ้ลและข้ากล่าวว่า ท่านร้อซุลท่านจงแบมือมายังข้า และข้าจะให้สัญญาแก่ท่าน(ในการเข้ารับอิสลาม) และท่านร้อซุ้ล(ซล)ก็แบมือขวายื่นมาและข้าก็กำมือของข้า ไว้(คือยังไม่จับมือให้สัญญา)ท่านรอซุ้ลจึงกล่าวว่า มีเรื่องอะไรอีกให้กับเจ้า (คือการที่ท่านไม่จับมือ)ข้ากล่าวว่า ข้าจะตั้งเงื่อนไขในการเข้ารับอิสลาม ท่านรอซุ้ลจึงกล่าวว่า อะไรคือเงื่อนไขของเจ้า ข้าตอบว่า
คือ ข้าต้องได้รับอภัย ท่านรอซุ้ลกล่าวว่า เจ้าไม่เคยรู้ว่าอัลอิสลาม(หมายถึงคนเพิ่งขับรับอิสลามใหม่)ทำลายการกระทำที่ผ่านมา(คือลบล้างบาปก่อนหน้านั้น) และแท้จริงการอพยพ(จากมักกะไปมาดีนะ)ก็คือการทำลายการกระทำที่ผ่านมา และการทำฮัจย์ ก็ทำลายการกระทำที่ผ่านมา และท่านอัมรุอิบนุอาศกล่าวว่า...ไม่มีใครสักคนที่ข้ารักมากกว่าท่านร้อซุ้ลและไม่มใครที่จะยิ่งใหญ่กว่าท่านร้อซุ้ล และในสายตาของข้า และข้าเองก็ไไม่มีความสามารถที่จะมองเห็นความยิ่งใหญ่ของท่านรอซุ้ลได้ และถ้าหากเจ้าจะถามข้า ให้บอกถึงลักษณะของท่านรอซุล แน่นอนข้าไม่มีความสามารถทำได้ เพราะแท้จริงข้านั้นไม่มีความสามารถที่จะมองเห็น(ความยิ่งใหญ่)ในสายตาของข้า จากท่านรอซุ้ลได้และหากข้าได้ตายในสภาพนั้น แน่นอนความหวังของข้า จะไดเป็นคนหนึ่งของชาวสวรรค์
ขั้นที่3
และข้าได้ปกครองหลายๆอยางเช่นปกครองประเทศและเมืองมิศรู (ประเทศอิยิปต์ปัจจุบัน)และข้าก็ไม่รู้ถึงสภาพที่แท้จริงของข้าเมื่อข้าตายแล้ว และอย่าให้ผู้หญิงที่ถูกจ้างให้มาร้องให้มาอยู่เพื่อนข้าที่กุโบร์ และอย่าให้มีไฟ(หมายถึงจุดตะเกียง) อยู่เป็นเพื่อนข้า
และเมื่อพวกเจ้าฝังข้า เสร็จแล้ว ก็จงเทดินลงบนตัวข้า หลังจากนั้น พวกเจ้าจงยืนรอบๆหลุมศพของข้า (ในระยะขนาดประมาณเชือดอูฐและแจกเนื้อ(เสร็จ) จนกระทั่ง(เสร็จ)ข้า ได้รับคววามอบอุ่นด้วยพวกเจ้า และข้าจะดูสิ่งที่ข้าจะพิสูจน์กับบรรดารอซุ้ลของพระเจ้า และท่านรอซุ้ลได้ชี้แนะว่า แท้จริงผู้ตายจะได้รับความอบอุ่น(อุ่นใจ)ด้วยกับบรรดาญาติหรือผู้ที่มาอยู่ข้างกุโบร์ของเขา(ผู้ตาย) และผู้ตายจะได้มีความสุขใจอบอุ่นใจเพราะการมาอยู่ข้างๆของพวกเขากับการงานที่ดี 
รายงานโดย อีม่ามมุสลิม ในหนังสือ ซอเหียะของอิม่ามมุสลิม และดูอัรรูห์ ของอิบนุ กอยยิม อัลเอาซีย์ หน้า 31-32
นี่คือหลักฐานหนึ่งที่ชี้ให้เห็นว่าซอฮาบะที่ชื่อ อัมร์บินอาศ (รด)ของท่านนบี(ซล)ท่านหนึ่งที่กระทำในสิ่งดังกล่าวและบรรดาตาบีอีนหลายๆท่านรวมทั้งชนสลัฟได้ทำการอัลกรุอ่านในขณะเฝ้ากุโบร์ได้ ซึ่งนี้ชี้ให้เห็นว่า
การเฝ้ากุบุรนั้นย่อมมีการอ่านกรุอ่านเพื่อวัตถุประสงค์ฮาดียะผลบุญให้กับผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและยังชี้ให้เห็นว่าก่อนหน้าซอฮาบะของท่านนบี(ซล)ที่มีนามว่าอัมร์ บินอาศ(รด)การกระปฏิบัติดังกล่าวนั้นได้ถูกปฏิบัติมาแล้ว นั้นเอง