ก่อนจะเอื้อน เอ่ยกล่าว เป็นคำถ้อย
ต้องเรียงร้อย ก่อนวจี อย่านิ่งเฉย
ก่อนเอ่ยปาก บอกวลี อย่าละเลย
ต้องผ่าเผย ตั้งตรงอยู่ ในศีลธรรม
เพราะสิ่งหนึ่งเอ่ยไป ใช่ผ่านเลย
ในเมื่อเผยเอ่ยปาก เป็นคำเสียง
หรือจะเอ่ยกล่าวถ้อยเป็นร้อยเรียง
ต้องยืนยง ย้ำถ้อย มิกลับคำ
สิ่งที่กล่าว เอ่ยไป เมื่อตอนพูด
ควรพิสูจน์หลักธรรมตามกฏหมาย
แม้พูดไป ผิดกฏอาจชี้ตาย
พาวุ่นวาย ตัวเรา พี่น้องตน
จึงต้องกล่าวเอ่ยย้ำ ด้วยความจริง
เพราะเป็นสิ่ง ผู้ศรัทธา ต้องยึดถือ
อันคนเรามีสมองใช่กระบือ
ไม่ยึดถือ สัจจะ คือเศษคน
จงพูดแต่ความจริงแม้ขมขื่น
อย่าพูดจาเลียขา หรือเป่าหู
พูดสิ่งดี ไม่งั้นก็นิ่งดู
อย่าเอ่ยถ้อยดูถูก แลเหยียดหยาม
อย่าพูดตาม ที่อารมณ์ มาส่งเสริม
อย่าพูดมากเกินจริง อย่าเพิ่มเติม
จงพูดเริ่ม ด้วยพระนามที่ศรัทธา
อย่าใส่ไฟ สาดไคล้ พูดลับหลัง
จงระวัง ลูบหลัง เมื่อตบหัว
จงพูดถ้อย เอ่ยฉะฉาน ลิ้นระรัว
อย่าเกลือกกลั้ว ใช้ถ้อย คำเท็จจริง
อย่ามุสา พาชิวหา ในโกหก
สกปรก คำตอหลด แลตอแหล
อย่ากลับกลอก ถ้อยคำ ทำผันแปร
จงกล่าวแก้ ร้อยถ้อย จงตักเตือน
ใช้ถ้อยคำหว่านหวาน ถูกกาละ
ถูกเทศะ ถูกที่ ถูกสถาน
บ่งสีหน้า ยิ้มตอบรับเหตุการณ์
อย่าเรียกขาน ด้วยชื่อคำ ไม่สมควร
แม้พูดดีกล่าวให้เป็นศรีปาก
แต่ถ้าปาก เอ่ยคำมาก อาจมีสี
ที่โบราณว่าไว้ก็เข้าที
เป็นวจี ควรค่า น่าจดจำ
พูดจาดีเหมือนอ้อยหวาน ไม่สร่างลิ้น
มิลืมสิ้น ถ้อยหวานหู มิรู้หาย
แม้นกายเจ็บ สุดชีวิต แทบวางวาย
เทียบไม่ได้ กับคำเหน็บให้เจ็บใจ