หว่า ไม่ค่อยมีคนตอบเลย เห็นทีต้องขุดหน่อยเเล้ว
จากสเปซพี่หนูดี
http://pee-nu-d.spaces.live.com/เพื่อน,
คิดไว้นานแล้วแหละว่า วันไหนที่หมดมุขจะอัพเรื่องใหม่ ๆ เมือไหร่ จะเอาเรื่องพวกแกมาหากิน
ยัง..ยังไม่ต้องรู้สึกหวะที่สันหลังอย่างนั้น
เพราะวันนี้ยังพอมีมุขเหลืออยู่ในคลังบ้างหรอก
เพียงแต่..อยากเขียนถึงพวกแกกับกระโปรงบาน ๆ สีเทา
ในวันที่ชั้นกำลังจะสำรอกออกมาเป็นกระโปรงขนาดสองคืบ เอ่อ...ซึ่งผ่าขึ้นไปแล้วครึ่งคืบน่ะนะ
เพื่อน,
อย่างที่พวกเราพูดกันเสมอแหละว่า...มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ที่เรามาพบกัน..รู้จักกัน..ผูกพันกัน..รักและถูกรักซึ่งกันและกัน
มี..ต้องมี ใครที่หันไอ้บรรดาศีรษะกลวง ๆ ของพวกเราให้มาพบกัน
และใครคนนั้นแหละ ที่เปลี่ยนสภาพเราจากวัยรุ่นติ้งต๊อง
มาสู่การทำงานที่เพิ่มคุณค่าให้แก่ชีวิตกะจ้อยร่อยของเรา
รู้สึกตลกทุกครั้งแหละ เวลาได้อ่านนิยามความหมายของคำว่าเพื่อนซึ้ง ๆ
ทั้งในเมลฟอร์เวิร์ด และหนังสืออะไรต่อมิอะไร
ตลกเพราะพวกเขาพยายามจะให้คุณค่าของสิ่งที่พวกเขาไม่เคยรู้จักคุณค่าของมันเลย
ทุกสิ่งในดุนยา ตราบใดที่ไม่ได้ถูกใช้ไปเพื่ออาคิเราะฮฺ...ย่อมเป็นสิ่งไร้ค่า
เพราะธรรมชาติของดุนยานั้นคือความไร้ค่า
เพื่อน,
ดีจังเนอะ...ที่เราไม่ต้องทำซึ้งตอนเรียนจบโรงเรียนเก่า
ไม่ต้องมีเฟรนด์ชิฟ และไม่ต้องพูดร่ำลากัน
เพราะงานที่เราทำมันผูกเราไว้ด้วยกัน
ไม่มีอะไรที่ต้องวิตกถึงความห่างเหินในระยะทาง
ต่อให้เรากระจายไปอยู่ตามดินแดนต่าง ๆ
ตราบใดที่เรายังยืนยันจะเดินอยู่บนเส้นทางเดิม...เราก็ยังเดินอยู่บนเส้นทางเดียวกัน
...เส้นทางแห่งการฟื้นฟูอิสลาม
เห็นไหม...อิสลามทำให้มิตรภาพของเรามั่นคง ไม่ใช่มิตรภาพของเราทำให้อิสลามมั่นคง
เรามันก็แค่ไอ้บ๊องกลุ่ม1 ซึ่งอ่อนแอ และอันที่จริงก็เกือบจะชั่วร้าย
ไม่ใช่เพราะเราดีหรอกนะ ถึงได้ทำงาน(อันเล็กน้อย)เพื่ออิสลาม
แต่เพราะความเมตตาของอัลลอฮฺที่เราได้รับทำให้เราหมดทาง
...หมดทางที่จะอกตัญญูต่อพระองค์
เพื่อน,
ไอ้สำนวน"เลือดข้นกว่าน้ำ" นี่
มันใช้เวลาเปรียบเทียบเพื่อยกคนในครอบครัวให้สูงกว่าคนอื่นๆ
แม้กระทั่งเพื่อนใช่รึเปล่านะ
ชั้นมันก็คนไม่ค่อยสันทัดภาษาไทย แต่คิดว่าน่าจะใช่ - -
แค่อยากจะบอกว่า...สำนวนนี้ไม่ต้องเอามาใช้กับพวกเรานะ
เพราะไอ้ 'น้ำ'ที่สำนวนนี้หมายถึง สำหรับพวกเราแล้ว...ล้วนคือ 'เลือด'
เพราะเราเป็นเพื่อนร่วมครอบครัวเดียวกันน่ะซิ...ลืมไม่ได้เชียวนะ
เราล้วนตระกูล 'อิสลาม' กันทั้งนั้น
ไม่ใช่แค่พวกเรา...
แต่เพื่อนทั้งหมดทั้งโลกที่กล่าวชะฮาดะตัยน์เหมือนเราก็ล้วนตระกูลเดียวกันทั้งนั้น
และเรามีงานอีกมากต้องทำเพื่อพวกเขา...ซึ่งอันที่จริงก็คือเพื่อตัวเราเอง
ก็เพราะพวกเขาเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของเรา...อย่าบอกนะว่าลืม
เพื่อน,
ไม่รู้ทำไม...แต่ทุกครั้งที่ต้องมีการจากลา
ชั้นชอบนึกถึงตอนที่ท่านมุอ๊าซ บิน ญะบั้ล ถูกส่งไปเผยแพร่ศาสนาอิสลามที่เยเมน
การจากลาของใครก็ตามในหมู่พวกเราไม่มีวันเศร้าได้เท่าการจากลาของท่านมุอ๊าซแน่ๆ
ลองคิดดูเถิดว่าท่านต้องจากลาใครไปบ้าง
...ท่านนบี และบรรดาซอฮาบะฮฺ
ที่เราแทบจะยอมตายเพื่อให้ได้อยู่ฟังคำพูดของใครสักคนในหมู่พวกเขาสักประโยค 1
ในความเศร้านั้น ท่านนบีปลอบโยนมุอ๊าซด้วยประโยคสั้น ๆ ว่า
"โอ้มุอ๊าซ แท้จริงผู้ศรัทธานั้นเป็นมิตรผู้ใกล้ชิดของฉัน...
ไม่ว่าเขาจะอยู่ ณ ที่แห่งใด หรือมีสภาพใดก็ตาม"
เพื่อน,
อย่าหวังอะไรนักกับความสุขอันหลอกลวงของที่นี่
ชีวิตนี้มันไม่ใช่อะไรอื่นนอกจากการต่อสู้
จะอยู่ที่ไหน และในสภาพไหน เราก็ต้องเป็นนักสู้
แต่ก็ต้องให้โอกาสตัวเองที่จะเป็นมนุษย์
นั่นคือต้องมีบางช่วงเวลา ที่เหนื่อย ท้อ ล้า ไม่ไหวแล้ว
หากที่เดียวที่นักสู้จะวางงานอันเหนื่อยหนักลง
แล้วเอาความอ่อนแอของตัวเองแสดงออกมาได้อย่างหมดหัวใจ
คือบนพื้นรองรับหน้าผากของเขาในการสุญูดอันยาวนาน
ต่อหน้าผู้ที่กระหม่อมของเขาอยู่ในกำมือของพระองค์
เพื่อน,
ชั้นไม่ได้เขียนถึงแกเพราะอะไรอื่นนอกจากเพราะว่าแกคือคนร่วมตระกูลเดียวกับชั้น
เป็นเลือดข้น ๆ ที่ฉันต้องเอาใจใส่ดูแล
เป็นอวัยวะหนึ่งที่เมื่อเจ็บแล้ว ตัวชั้นก็ย่อมจะเจ็บด้วย
เห็นไหมล่ะว่าท้ายที่สุดแล้ว...ชั้นก็เป็นแค่คนเห็นแก่ตัวที่ทำเพื่อตัวเอง
...ไม่ใช่เพื่อแกสักหน่อย!
...ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ...
"ชั้นรักแก"