ผู้เขียน หัวข้อ: การเชื่อว่าอัลเลาะห์นั้นมีทิศและที่อยู่นั้นได้หรือไม่  (อ่าน 6937 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-adalah 1

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 78
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

:D อัสลามมูอาลัยกุม....ผมเป็นน้องใหม่ มีใครรู้ช่วยตอบหน่อยครับ อยากรู้ เพราะคนโน้นว่าอย่างนี้ คนนี้ว่าอย่างโน้น............จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง และจะเป็นความรู้ที่มีคุณประโยชน์อย่างมากแก่พี่น้องมุสลิมทุกคน ขอบคุณครับ........
้انما الأعمال بالنيات : แท้จริง ทุกๆการกระทำนั้น ขึ้นอยู่กับเจตนารมณ์ ...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
وعليكم السلام ورحمة الله

ยินดีต้อนรับ คุณ อัล-อะดาละฮ์ 1 น้องใหม่ของเรา ชาวนักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  ความจริงเรื่องทิศและสถานที่นั้น  เราได้นำเสนอที่หน้าเวปบอร์ดแล้ว  แต่กระผม จะนำมาเสนอ ณ ที่นี้อีกครั้งหนึ่ง  อินชาอัลเลาะฮ์

ก่อนอื่นเราต้องทราบก่อนว่า อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์นั้น เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ไม่ทรงมีสถานที่และทิศ  แต่วะฮาบีย์เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีสถานที่และทิศ ซึ่งขัดกับแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ส่วนมาก

อัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์ปราศจากสถานที่และทิศ

และท่านอัลบุฆดาดีย์ กล่าวว่า " เมื่อผู้ที่เชื่อถือคนหนึ่งได้ ทำการรายงานหะดิษหนึ่ง ที่มีสายรายงานเชื่อมต่อกัน ซึ่งมันจะถูกปฏิเสธด้วยประการต่อไปนี้

1. เมื่อหะดิษนั้นขัดกับสติปัญญา จึงรู้ได้ว่ามันเป็นโมฆะ เนื่องจากศาสนานั้น จะมีมาได้ด้วยกับบรรดาสิ่งที่กินกับสติปัญญา ดังนั้น สิ่งที่ขัดกับสติปัญญานั้น ย่อมไม่ถูกปฏิเสธ

2. หะดิษนั้นขัดกับตัวบทของอัลกุรอาน และซุนนะฮ์ที่มุตะวาติร จึงรู้ได้เลยว่ามันไม่มีรากฐานที่มา หรือมันถูกยกเลิกไปแล้ว

3. หะดิษต้องไม่ขัดกับมติของปวงปราชญ์ จึงอ้างหลักฐานได้ว่า มันถูกยกเลิกไปแล้ว หรือมันไม่มีที่มา เพราะว่าไม่อนุญาติให้มันเป็นหะดิษที่ซอฮิหฺโดยที่บรรดาอุลามาอ์ประชาชาติอิสลามมีมติขัดกับหะดิษดังกล่าว" ดู หนังสือ อัลฟะกีฮ์ วัล มุตะฟักกิฮ์ หน้า 132

ท่าน ชัยค์ อัลฟะกีฮ์ ชีษ บิน อิบรอฮีม อัลมาลิกีย์ (เสียชีวติ ปี 598 ฮ.ศ.) กล่าวว่า "บรรดาผู้สัจจะธรรมได้ทำการรวมกันระหว่างสิ่งที่กินกับปัญญาและสิ่งที่ถูกถ่ายทอดรายงานมา คือระหว่างหลักการศาสนาและหลักสติปัญญา และพวกเขาก็สามารถรู้ข้อเท็จจริงต่างๆ ด้วยกับทั้งสอง ดังนั้น พวกเขาจึงดำเนินอยู่ในหนทางที่ไม่ละเลยจนเกินไปและไม่เลยเถิดจนเกินไป และเราขอยกตัวอย่างให้กับท่านสักตัวอย่างหนึ่งที่อุลามาอ์ได้กล่าวไว้เพื่อทำความเข้าใจกับคนทั่วไป เสมือนกับที่อัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงยกตัวอย่างหรืออุทาหรณ์ให้แก่บรรดามนุษย์ เพื่อพวกเขาจะได้คิดพิจารณาได้ ดังนั้น เราขอกล่าวกับผู้มีสติปัญญาว่า "สติปัญญานั้นมันก็เหมือนกับสายตาที่มองเห็น และหลักศาสนาเสมือนกับดวงอาทิตย์ที่ส่องแสง ดังนั้น ผู้ใดที่ใช้แต่สติปัญญาโดยไม่เอาหลักการของศาสนา เขาก็เหมือนกับออกไปในความมืดมิด แล้วเขาก็ลืมตาเพื่อต้องการรับรู้สิ่งที่สามารถเห็นได้และสามารถแยกแยะสิ่งที่เห็นด้วยตาได้ เช่นเพื่อให้รู้ว่า ด้ายเส้นใหนสีขาวและเส้นใหนสีดำ หรือเส้นใหนสีแดงและเส้นใหนสีเขียวและสีเหลือง และเขาก็พยายามเพ่งตามอง แต่เขาก็ไม่สามารถรับรู้สิ่งที่เขาต้องการได้ตลอดไปหากไม่มีดวงอาทิตย์ส่องแสงให้เห็น ซึ่งหากแม้นว่าเขาจะมีสายตาที่มองเห็นก็ตาม และตัวอย่างของผู้ที่ใช้หลักการของศาสนาโดยไม่คำนึงถึงสติปัญญา ก็เสมือนกับผู้ที่ออกไปตอนกลางวันที่สว่างแจ้ง โดยที่เขาตาบอดหรือปิดตาทั้งสองข้าง แต่เขาก็ต้องการที่จะรับรู้ถึงบรรดาสีต่างๆ และต้องการแยกแยะระหว่างคุณลักษณะต่างๆ แต่เขาก็ไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้เลย และเปรียบผู้ที่ใช้หลักการของศาสนาและสติปัญญาพร้อมกันนั้น เขาเสมือนกับผู้ที่ออกไปในตอนกลางวัน โดยเขามีสายตาดีและดวงอาทิตย์ส่งแสงชัดเจน ดังนั้น สิ่งที่เขาสมควรได้รับก็คือ สามารถรับรู้บรรดาสีต่างๆ ได้อย่างแท้จริงและสามารถแยกแยะได้ว่า อะไรคือสีดำและอะไรคือสีแดง หรืออะไรสีขาวและอะไรสีเหลือง" ดู หนังสือ หัซฺซุลฆ่าลาซิม ฟี อิฟหาม อัลมุคอซิม หน้า 94

ดังนั้น เราผู้อยู่ในแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ คือผู้ที่ดำเนินอยู่บนแนวทางดังกล่าวนี้ ซึ่งนั่นก็คือหนทางที่เที่ยงตรงและเป็นแนวทางของอัลเลาะฮ์ที่ชัดเจน อัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮุวะตะอาลา ทรงตรัสไว้ว่า

وإن هذا صراطى مستقيما فاتبعوا السبل فتفرق بكم عن سبيله

"แท้จริงนี้คือแนวทางของข้า ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายจงตามมันเถิด และเจ้าทั้งหลายอย่าตามทางอื่นๆ อันมากมาย แล้วพวกเจ้าก็จะเกิดความแตกแยกไปจากแนวทางของพระองค์" อัลอันอาม 153

จากตรงนี้ เราจึงทราบว่า พวกอัลมุญัสสิมะฮ์นั้น หลงทางในเรื่องของอากิดะฮ์ เพราะพวกเขาขัดแย้งกับหลักการของศาสนาและหลักสติปัญญา โดยที่พวกเขากล่าวว่า อัลเลาะฮ์นั่งอยู่บนบัลลังก์ บางครั้งพวกเขากล่าวว่า อัลเลาะฮ์สถิตอยู่บนบัลลังก์ และบางส่วนกล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงทิ้งที่สถานที่ว่างหนึ่งของบัลลังก์เพื่อให้ท่านนบีมุหัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั่ง ในวันกิยามะฮ์ และพวกเขากล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีที่อยู่ในสถานที่หนึ่งบนบัลลังก์ด้วยกับซาตของพระองค์เอง และพวกเขากล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงเคลื่อนไหวทุกคืน โดยพระองค์เคลื่อนลงจากบัลลังก์ ลงมาสู่ฟากฟ้าดุนยา จนกระทั้งพวกเขาบางส่วนกล่าวว่า อัลเลาะฮ์ทรงวางเท้าของพระองค์ในนรกญะฮันนัม แต่ว่าเท้าของพระองค์ไม่ไหม้ - วัลอิยาซุบิลลาฮ์ ? และอื่นๆ อีกจากบรรดาความเชื่อของพวกเขา ที่บ่งถึงความคล้ายคลึงของอัลเลาะฮ์ที่มีต่อมัคโลค และอัลเลาะฮ์ทรงมีรูปร่าง เนื่องจากพวกเขาได้เปรียบเทียบอัลเลาะฮ์ผู้ทรงสร้างกับบรรดาสิ่งที่ถูกสร้าง โดยพวกเขาเจริญตามกับสิ่งที่คลุมเครือนี้
ดังนั้น เราขอสรรญเสริญต่ออัลเลาะฮ์ ผู้ทรงซึ่งทำให้เราอยู่บนแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ที่มีหลักศรัทธาที่สติปัญญาสามารถสนับสนุนกับความถูกต้องที่อัลเลาะฮ์ทรงประทานมาและความซอฮิหฺจากสิ่งที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้นำมาให้แก่เรา

คำนิยามของ สถานที่(มะกาน)และทิศ(ญิฮะฮ์)

1. ท่านอัรรอฆิบ อัลอัศฟะฮานีย์ ( 502 ฮ.ศ.)กล่าวว่า

المكان عند أهل اللغة الموضع الحاوى للشىء

"มะกาน ตามทัศนะของนักปราชญ์ภาษาอาหรับนั้นคือ สถานที่ห้อมล้อมให้กับสิ่งหนึ่ง" ดู หนังสือ อัลมุฟร่อดาด ฟี ฆ่อรีบุลกุรอาน หน้า 471

2.ท่านอัลฟัยรูซฺอาบาดีย์ (817 ฮ.ศ.) กล่าวว่า

المكان : الموضع ، ج : أمكنة وأماكن

"มะกาน คือสถานที่ตั้งอยู่ พหูพจน์ คือ อัมกินะฮ์ และ อะมากิน" ดู หนังสือ อัลกอมูส อัลมุฮีฏ หน้า 1594

3.ท่านอัลลามะฮ์ อัลบายาฏีย์ อัลหะนาฟีย์ ( 1098 ฮ.ศ.) กล่าวว่า

المكان هو الفراغ الذى يشغله الجسم

" มะกาน คือ ที่ว่างที่ร่างกายต้องการอยู่กับมัน" ดู หนังสือ อิชาร๊อต อัลมะรอม หน้า 197

4. ท่านชัยค์ ยูซุฟ บิน สะอีด อัลซิฟะตีย์ กล่าวว่า

قال أهل السنة : المكان هو الفراغ الذى يحل فيه الجسم

"อะฮ์ลิสซุนนะฮ์กล่าวว่า มะกาน นั้นคือ ที่ว่างซึ่งสิ่งที่เป็นร่างกายอาศัยอยู่ในมัน" ดู หนังสือ หาชิยะฮ์ อัซซิฟะตีย์ นะวากิฏ อัลวุฏุอ์ หน้า 27

5. ท่าน อัซซัยยิด มุรตะฏอ อัซซะบีดีย์ กล่าวว่า

المكان : الموضع الحاوي للشيء

"มะกาน ตามทัศนะของอุลามาอ์ภาษาอาหรับนั้นคือ สถานที่ห้อมล้อมให้กับสิ่งหนึ่ง" ดู หนังสือ ตาญุล อะรูช เล่ม 9 หน้า 348

6. ท่าน สะลามะฮ์ อัลกุฏออีย์ อัลอัซซามีย์ กล่าวว่า

المكان هو الموضع الذي يكون فيه الجوهر على قدره ، والجهة هي ذلك المكان

"มะกาน คือสถานที่ซึ่งมีมวลสารหนึ่งได้อยู่บนขนาดของมัน และทิศก็คือสถานที่ดังกล่าวนั้น" ดู ฟุรกอนุลกุรอาน (ตีพิมพ์พร้อมกันหนังสือ อัลอัสมาอ์ วะ อัศศิฟาต ของท่านอัลบัยฮะกีย์ หน้า 62

ดังนั้น การถ่ายทอดคำนิยามของสถานที่จากบรรดานักปราชญ์ภาษาอาหรับและบรรดานักวิชาการนั้น คือหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่าน เชื่อและศรัทธาว่า อัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา ทรงมีโดยไม่มีสถานที่ พระองค์ทรงไม่อยู่บนบัลลังก์และไม่อยู่ในฟากฟ้าหรือบนฟากฟ้า เนื่องจากอัลกุรอานนั้นถูกประทานลงมาด้วยกับภาษาอาหรับ ดังที่อัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา ตรัสว่า

بِلِسَانٍ عَرَبيّ ٍمُّبِينٍ

"ด้วยภาษาอาหรับอันชัดเจน" อัชชุอะรออ์ 195

ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นผู้ที่รู้ยิ่งเกี่ยวกับภาษาอาหรับ ดังนั้น สิ่งดังกล่าวจึงทำให้การยึดมั่นของพวกอัลมุญัสสิมะฮ์ด้วยกับความหมายแบบผิวเผินของบางอายะฮ์และบรรดาหะดิษที่มีความหมายคลุมเคลือต้องโมฆะไป เพราะฉะนั้นบรรดาตัวอย่างนี้ จึงไม่ถูกเข้าใจแบบความหมายผิวเผิน ด้วยความเห็นพร้องของนักปราชญ์สะลัฟและคอลัฟ เนื่องจากพวกเขาศรัทธาว่า เป็นไปไม่ได้ที่อัลเลาะฮ์จะอยู่ในสถานที่

หลังจากที่กล่าวมาแล้วนี้ ก็ประจักษ์แก่ท่านผู้อ่านแล้วว่า อัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา ไม่ได้อยู่ในสถานที่ใด ไม่ว่าจะเป็นบรรดาสถานที่สูงหรือสถานที่ต่ำ หากไม่เป็นเช่นนั้น ก็แสดงว่าสถานที่นั้นได้ห้อมล้อมอัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา และผู้ใดที่สถานที่ห้อมล้อมเขา แน่นอนว่าเขาต้องมีต้องขนาด และนี่ก็ย่อมเป็นหนึ่งจากบรรดาลักษณะของวัตถุและบรรดามัคโลค การที่อัลเลาะฮ์ทรงมีคุณลักษณะหนึ่ง ด้วยกับคุณลักษณะของมนุษย์นั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้สำหรับอัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา ดังนั้น ถือว่าเป็นความถูกต้องในการศรัทธาของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ที่เชื่อในความบริสุทธิ์ของอัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา จากสถานที่และทิศ

สำหรับเรื่องของทิศนั้น พวกมุญัสสิมะฮ์ยุคปัจจุบัน พยายามสร้างความสับสนให้กับผู้คนทั้งหลาย โดยพวกเขากล่าวว่า "อัลเลาะฮ์ทรงมี อยู่ในทิศหนึ่งที่อยู่ไกลโพ้นจากโลกนี้ หรืออยู่นอกโลก ดังนั้น ก่อนที่เราจะชี้แจงข้อเท็จจริงกับสิ่งดังกล่าว เราก็ขอกล่าวถึงความหมายของคำว่าทิศตามทัศนะของนักปราชญ์ภาษาอาหรับและบรรดานักปราชญ์พอสังเขป

8.บรรดาอุลามาอ์ได้ให้ความหมายของ "ทิศ" ว่า

أن الجهة أطراف الإمتدادات

"แท้จริง ทิศ นั้น คือ บรรดาด้านต่างๆ ที่แผ่ไกลออกไปโพ้น" ดู หนังสือ ตุสตูรุลอุลามาอ์ เล่ม 1 หน้า 288 ตีพิมพ์ ดารุลกุตุบอัลอิลมียะฮ์

9.ท่านอิบนุ มันซูร ابن منظور กล่าวคำนิยามไว้ว่า

والجِهةُ والوِجْهةُ جميعًا : الموضع الذي تتوجه إليه وتقصده

"อัล-ญิฮะฮ์(ทิศ) และอัล-วิจญฺฮะฮ์ ทั้งหมดนี้ คือ สถานที่ซึ่งท่านได้มุ่งหน้าไปยังมัน หรือมุ่งไปยังมัน" ดู ลิซานุลอะหรับ เล่ม 13 หน้า 556

10.ท่านอัลฟัยรูซฺอาบาดีย์ กล่าวว่า

والجهة : الناحية ، ج : جهات

"อัล-ญะฮะฮ์(ทิศ) ก็คือ ด้านหนึ่ง พหูพจน์ คือ ญิฮาต" ดู อัล-กอมูส อัลมุฮีด หน้า 1620
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักฐานจากอัลกุรอาน

1. อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ

"ไม่มีสิ่งใด มาคล้าย เหมือนกับพระองค์ " อัช-ชูรอ 11

จากอายะฮ์นี้ ชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์(ซ.บ) ไม่ทรงคล้าย และเหมือนกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย จากบรรดามัคโลคทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นในแง่ใดแง่หนึ่งก็ตาม ซึ่งในอายะฮ์นี้นั้น ได้ปฏิเสธการเหมือนและการคล้ายคลึงไปพร้อมๆ กัน ดังนั้นพระองค์จึงไม่ต้องการไปยังสถานอยู่ และทิศ ที่พระองค์จะเอาไปเป็นที่อยู่ในมัน แต่พระองค์นั้น ทรงมีอยู่ เสมือนกับท่าน ซัยยิดินา อลี (ร.ฏ.) กล่าวว่า " อัลเลาะฮ์ทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ และพระองค์ในขณะนี้นั้น ก็ทรงอยู่ตามคุณลักษณะที่พระองค์เคยมีอยู่" รายงานโดย อบู มันซูร อัลบุฆดาดีย์ และในหลักฐานนี้ เป็นสิ่งที่ยืนยันสำหรับอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ว่า พระองค์ทรงแตกต่างกับบรรดามัคโลค ที่ถูกสร้างขึ้มา

และอายะฮ์นี้ ทำให้เราเข้าใจว่า พระองค์ทรงบริสุทธิ์การเหมือนและคล้ายกับบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างมาทั้งหมดโดยทุกรูปแบบเลยทีเดียว เนื่องจากพระองค์ใช้คำว่า شيىء (สิ่ง) ที่อยู่ในตำแหน่งของการปฏิเสธด้วย ليس ดังนั้น คำ نكرة คือคำว่า شيىء นั้น อยู่ในประโยคสำนวนการปฏิเสธ ย่อมให้ความหมายที่ "ครอบคลุม" ในทุกสิ่งและทุกรูปแบบ ดังนั้น อัลเลาะฮ์(ซ.บ) ก็ทรงถูกปฏิเสธ การคล้ายคลึงกับบรรดามัคโลคอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นการคล้ายคลึง ในเชิงที่เป็นตัวตน วัตถุ มีร่างกาย มีอวัยวะ พระองค์ทรงเป็นโดยไม่มีวิญญาณ ไม่ทรงนิ่ง และเคลื่อนไหว พระองค์ไม่ทรงเหมือนกับบรรดาวัตถุ ที่อยู่ข้างบนและอยู่ข้างล่าง พระองค์จะไม่ถูกจำกัดสถานที่ ไม่ทรงมีระยะทาง ใกล้และไกล ดังนั้น พระองค์จึงไม่มีคุณลักษณะเหล่านี้ แต่พระองค์ทรงมี ทรงเป็น ทรงพูด ทรงเห็น ทรงได้ยิน ทรงดำรงด้วยพระองค์เอง ทรงมีความสามารถ ทรงรอบรู้ และมีคุณลักษณะอื่นอีกมากมายที่ไม่มีผู้รู้ได้นอกจากอัลเลาะฮ์ และพระองค์ก็ทรงมีคุณลักษณะอื่นๆ ที่ไม่มีผู้ใดรู้จุดมุ่งหมายของมันได้ นอกจากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) องค์เดียวกันเท่านั้น

2. อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงตรัสว่า

وللهِ الْمَثَلُ الأَعْلَى

" และสำหรับอัลเลาะฮ์ ย่อมมีคุณลักษณะอันสูงส่งที่สุด " (อันนะหฺลิ 60)

คือ อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงมีคุณลักษณะที่ไม่เหมือนกับสิ่งอื่นๆ จากพระองค์ และพระองค์ทรงไม่มีคุณลักษณะ เหมือนกับบรรดาคุณลักษะของมัคโลค เช่น มีการเปลี่ยนแปลง วิวัฒนาการ การมีสถานที่อยู่ หรืออาศัยอยู่บนบันลังก์ ซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากสิ่งดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่

ท่านอบู หิยาน อัล-อันดะลูซีย์ ได้กล่าวไว้ในตัฟซีรของท่านว่า

وللهِ الْمَثَلُ الأَعْلَى

" และสำหรับอัลเลาะฮ์ ย่อมมีคุณลักษณะอันสูงส่งที่สุด " หมายถึง พระองค์ทรงมีคุณลักษณะที่สูงส่งยิ่ง จากการที่พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากการมีบุตร มีภรรยา และทั้งหมดสิ่งที่บรรดาพวกกาเฟรได้พาดพิงถึงพระองค์ ในสิ่งที่ไม่บังควร เช่น ยืนยันการตัชบีหฺ คล้ายคลึง(ให้กับอัลเลาะฮ์) มีการเคลื่อนไหว และพระองค์ทรงปรากฏ อยู่ใน รูปแบบหนึ่งรูปแบบใด" ( ดู อันนะฮ์รุลมาดฺ ยุซ 2 หน้า 253)

3. พระองค์ทรงตรัสว่า

فَلاَ تَضْرِبُواْ للهِ الأَمْثَالَ

" และพวกท่านทั้งหลาย อย่ายกข้อเปรียบเปรยต่างๆแก่อัลเลาะฮ์" (อันนะหฺลิ 74)
หมายถึง พวกท่านอย่า ยืนยันการคล้ายคลึงและการเหมือนของพระองค์กับบรรดามัคโลค เนื่องจากพระองค์ทรงไม่มีสิ่งใดมาเหมือนและคล้ายคลึงกับพระองค์ ดังนั้น ซฺาต ของพระองค์นั้น จึงไม่คล้ายกับบรรดาสิ่งที่มีตัวตนต่างๆ และคุณลักษณะของพระองค์ ก็ไม่คล้ายคลึงกับบรรดาคุณลักษณะของมัคโลค

4. พระองค์ทรงตรัสว่า

هَلْ تَعْلَمُ لَهُ سَمِيًّا

" เจ้ารู้ว่ามีผู้เทียบเหมือนกับพระองค์กระนั้นหรือ?" (มัรยัม 65)

ดังนั้น อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงไม่มีสิ่งใด มาเทียบเหมือน คล้าย และเสมอเหมือนกับพระองค์ ฉะนั้น ผู้ใดที่พรรณาคุณลักษณะของพระองค์ ด้วยกับบรรดาคุณลักษณะของมนุษย์ เช่นมีการนั่ง การยืน การสถิตอยู่ เขาก็ย่อมสร้างความคล้ายคลึงให้กับอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) และผู้ใดกล่าวว่า แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรง อยู่บนอะรัช หรือนั่งเต็มสถานที่อยู่บนอะรัช เขาย่อมทำให้อัลเลาะฮ์คล้ายคลึงกับบรรดามะลาอิกะฮ์ที่อาศัยอยู่บนบรรดาฟากฟ้าทั้งหลาย และการเชื่ออย่างนี้นั้น ถือว่ากุฟุร วัลอิยาซูบิลลาห์ เนื่องจากเขาได้โกหก คำตรัสของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ที่ว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ

"ไม่มีสิ่งใด มาคล้าย เหมือนกับพระองค์" อัช-ชูรอ 11

هَلْ تَعْلَمُ لَهُ سَمِيًّا

" เจ้ารู้ว่ามีผู้เทียบเหมือนกับพระองค์กระนั้นหรือ?" (มัรยัม 65)

5. ส่วนหนึ่งจากอายะฮ์ที่บ่งถึงพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสถานที่ นั้นคือ พระองค์ทรงตรัสว่า
هُوَ الأََوَّلُ وَالآخِرُ وَالظَّاهِرُ وَالْبَاطِنُ

"พระองค์ทรงเป็นองค์แรก พระองค์ทรงเป็นองค์สุดท้าย พระองค์ทรงเป็นภายนอก และพระองค์ทรงเป็นภายใน" (อัล-หะดีด 3)

ท่าน อัฏฏ๊อบรีย์ ได้กล่าวไว้ในตัฟซีรของท่านว่า " ไม่มีสิ่งใด ที่จะใกล้ไปยังสิ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่า(การใกล้ของ)อัลเลาะฮ์ เหมือนกับที่พระองค์ทรงตรัสว่า "และเราใกล้ยิ่ง ไปยังเขา มากกว่าเส้นเอ็นที่ต้นคอ" (ดู ตัฟซีร ญาเมี๊ยะอฺ อัล-บะยาน ของท่าน อัฏฏ๊อบรีย์ ยุซฺ 27 หน้า 215) ดังนั้น ท่าน อัฏฏ๊อบรีย์ ได้ปฏิเสธ ลักษณะการใกล้ในแบบรูปธรรมจริงๆ (คือใกล้ด้วยซาตฺของพระองค์) เหมือนกับที่พวก อัล-มุญัสสิมะฮ์ได้กล่าวไว้ แต่ท่านอัฏฏ๊อบรีย์ไม่ได้ปฏิเสธการใกล้แบบนามธรรม (เช่นพระองค์ทรงอยู่ใกล้ด้วยความรู้ของพระองค์) ซึ่งอันนี้ ก็เป็นหลักฐานชี้ชัดว่า อัลเลาะฮ์ ไม่ทรงมีสถานที่และทิศ

6. พระองค์ทรงตรัสว่า

وَلَمْ يَكُن لَّهُ كُفُوًا أَحَدٌ

" และไม่เคยมีผู้ใดมาเทียบกับพระองค์"

หมายถึง พระองค์นั้น ไม่มีอะไรมาเทียบเหมือน กับพระองค์เลย ไม่ว่าจะด้วยหนทางหนึ่งหนทางใด และอายะฮ์นี้ ได้ถูกอธิบายโดยคำตรัสของอัลเลาะฮ์ที่ว่า

لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ

"ไม่มีสิ่งใด มาคล้าย เหมือนกับพระองค์" อัช-ชูรอ 11
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
หลักฐานจากซุนนะฮ์

มีหะดิษมากมาย ที่อยู่ในความหมายของการที่อัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากทิศและสถานที่ ซึ่งบรรดานักปราชน์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ ได้ทำการอ้างหลักฐาน เพื่อยืนยันอากิดะฮ์ของอุมมะฮ์อิสลามดังนี้

1. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

كان الله ولم يكن شيء غيره

" พระองค์ทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสิ่งใดเลย นอกจากพระองค์(เพียงองค์เดียว) " รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ ไว้ในซอเฮี๊ญะหฺของท่าน

หมายถึง อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงยังคงมีมาตั้งแต่เดิมแล้ว โดยที่ไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์ ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ ไม่มีผืนดิน ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีกุรซีย์ ไม่มีอะรัช ไม่มีมนุษย์ ไม่มีญิน ไม่มีมะลาอิกะฮ์ ไม่มีเวลา และไม่มีสถานที่ ดังนั้น พระองค์ทรงยังคงมีมาแต่เดิมโดยไม่มีสถานที่ และมีมาก่อนที่จะมีสถานที่ แต่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างสถานที่ ดังนั้น พระองค์จึงไม่ทรงต้องการมัน

และอัลเลาะฮ์ ก็ไม่ทรงมีคุณลักษณะที่เปลี่ยนแปลง จากสถานะภาพหนึ่งไปสู่สถานะภาพหนึ่ง เนื่องการการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาคุณลักษณะของมัคโลค ดังนั้น เราจะกล่าวเหมือนกับ พวก อัล-มุชับบิฮะฮ์ ไม่ได้ว่า "พระองค์ทรงมีมาแต่เดิม โดยที่ไม่มีสถานที่ หลังจากนั้น พระองค์ทรงสร้างสถานที่ แล้วพระองค์ก็ทรงอยู่ในสถานที่และทิศเบื้องบน (วัลอิยาซุบิลลาห์) " ดังนั้น เราขอกล่าวว่า "พระองค์ทรงทำให้เปลี่ยนแปลง แต่พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง"

2. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

اللهم أنت الأوّلُ فليس قبلك شئ وأنت الأخر فليس بعدك شئ وأنت الظاهر فليس فوقك شئ وأنت الباطن فليس دونك شئ

" โอ้พระเจ้าของข้าฯ พระองค์คือ องค์แรก ดังนั้น ไม่มีสิ่งที่ใดอยู่ก่อนพระองค์ และพระองค์คือองค์สุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่หลังจากพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์" รายงานโดย ท่านมุสลิม "

ท่าน หะฟิซฺ อัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่า " ส่วนหนึ่งจากบรรดาสหายของเรา ได้อ้างหลักฐาน ในการปฏิเสธสถานที่จากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ด้วยคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.) ที่ว่า

أنت الظاهر فليس فوقك شيء ، وأنت الباطن فليس دونك شيء

"และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์"

และเมื่อไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์ ก็แสดงว่าพระองค์ไม่มีสถานที่ " (ดู อัล-อัสมาอ์ วะ ซิฟาต หน้า 400)

ท่านอัล-บัยฮะกีย์กล่าวอีกว่า" สิ่งที่รายงานในส่วนท้ายของหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธสถานที่ จากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) และแท้จริง บ่าวคนหนึ่งนั้น ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใหนก็ตาม เพราะฉะนั้น ทั้งในความใกล้หรือไกล จากอัลเลาะฮ์ ก็ย่อมเท่าเทียมกัน และแท้จริง พระองค์ ทรงเป็นภายนอก คือสามารถรู้จักพระองค์ได้ ด้วยบรรดาหลักฐานต่างๆ(เช่นโลกจักรวาล) และพระองค์ทรงเป็นภายใน จึงไม่สามารถรับรู้การมีของพระองค์ ด้วยกับการมีอยู่ในสถานที่ " (ดู อัล-อัสมาอ์ วะ ซิฟาต หน้า 400)

3. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

أقرب ما يكون العبدُ من ربّه وهو ساجد ، فأكثروا الدعاء

"บ่าวคนหนึ่ง จะใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากที่สุด โดยที่เขาทำการสุยูด ดังนั้น พวกท่านจงขอดุอาอ์ให้มากๆ" รายงานโดย อิมามมุสลิม

ท่าน อิมาม หาฟิซฺ อัสสะยูฏีย์ กล่าวว่า " ท่าน อัลบัดรฺ บิน อัสศอฮิบ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตัษฺกิเราะฮ์ของเขาว่า ในหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธทิศให้กับอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) " (ดู หนังสือ อธิบาย สุนัน อันนะซาอีย์ ของท่าน อัสสะยูฏีย์ เล่ม 1 หน้า 576)

4. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

ما ينبغي لعبدٍ أن يقول : إني خيرٌ من يونس بن متـّى

" ไม่สมควรแก่บ่าวคนหนึ่ง กล่าวว่า แท้จริง ฉันนั้นดีกว่า(นบี) ยูนุส บุตร มัตธา" รายงานโดยบุคคอรีย์ และมุสลิม ซึ่งตัวบทนี้เป็นของอัล-บุคคอรีย์

ท่าน หาฟิซฺ อิมาม มุรตะฏอ อัซซะบีดีย์ กล่าวว่า " ท่านอิมาม นะซิรุดดีน บิน อัลมุนัยยิร อัลอิสกันดะรีย์ อัลมาลิกีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ (อัลมุนตะกอ ฟี ชะร๊อฟ อัลมุสฏ่อฟา) คือในขณะที่เขาได้บรรยายถึงเรื่อง ทิศ และได้ทำการปฏิเสธมัน เขากล่าวว่า "ด้วยเหตุนี้แหละ ที่อิมาม มาลิก(ร.ฏ.) ได้เคยชี้แจงไปแล้ว เกี่ยวกับคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ที่ว่า

لا تفضّلوني على يونس ابن متى

"พวกท่านอย่ากล่าวให้ความประเสริญกับฉันเหนือยูนุส บิน มัตธา"

ดังนั้น ท่านอิมามมาลิกกล่าวว่า นบี(ซ.ล.)ได้พูดเจาะจงเฉพาะกับนบียูนุสนั้น เพื่อให้ตระหนัก ว่า(อัลเลาะฮ์)ทรงบริสุทธิ์(จากสถานที่) เนื่องจากนบี(ซ.ล.) ได้ขึ้นไปยังอะรัช โดยที่ท่านนบียูนุส(อ.) ตกอยู่ในก้นทะเล(อยู่ในท้องปลา) และการพาดพิงทั้งสอง(คือนบีมุฮัมมัดและนบียูนุส) พร้อมกับสิ่งดังกล่าว(คือนบีขึ้นไปยังอะรัชแต่นบียูนุสอยู่ในก้นทะเล) ด้วยการคำนึงถึงทัศนะขององค์อัลเลาะฮ์นั้น ย่อมเป็นอันเดียวกัน (คือมีฐานันดรเหมือนกัน) และหากว่าความประเสริฐ โดยคำนึงถึงสถานที่ แน่นอนว่า นบี(ซ.ล.)ทรงใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากกว่านบียูนุส บิน มัตธาและประเสริฐกว่า และนบีก็จะไม่ห้ามจากสิ่งกล่าว(จากการกล่าวเทียบความประเสริฐระหว่างนบีทั้งสอง)" จากนั้น อิมาม นาซิรุดดีน บอกว่า ความประเสริฐนี้ ประเสริฐด้วยกับฐานันดร ไม่ใช่ด้วยสถานที่" (ดู อิตหาฟ อัสซาดะฮ์ อัลมุตตะกีน เล่ม 2 หน้า 105)

ท่านอัลกุรฏุบีย์ กล่าวว่า " อบู อัลมะอาลีย์ กล่าวว่า วจนะของท่านนบี(ซ.ล.)ที่ว่า

لا تفضّلوني على يونس ابن متى

"พวกท่านอย่ากล่าวให้ความประเสริฐกับฉันเหนือยูนุส บิน มัตธา"

หมายถึง "ในสภาพที่ฉันอยู่ ณ ซิดเราะตุลมุนตะฮา นั้น ฉันก็ไม่ไกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์ มากกว่า ยูนุส โดยที่เขากำลังอยู่ที่ก้นทะเลในท้องปลา และหะดิษนี้ ชี้ให้เห็นว่า แท้จริง อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ไม่มีทิศ" (ดู อัลญาเมี๊ญะอฺ ลิ อะหฺกาม อัลกุรอาน เล่ม 11 หน้า 333 - 334 )

6. ท่านมุสลิม รายงานจากท่านอะนัสบินมาลิก ว่า

أن النبي صلى الله عليه وسلم استسقى فأشار بظهر كفيه إلى السماء

" แท้จริง ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ทำการละหมาดขอฝน แล้วขอดุอาอ์ยกคว่ำสองฝ่ามือของท่าน ขึ้นไปยังด้านฟากฟ้า"

หมายถึงท่านนบี(ซ.ล.) ได้ขอดุอาอ์ละหมาดขอฝน แล้วท่านก็พลิกฝ่ามือไปด้านพื้นดิน ซึ่งดังกล่าวนั้น ชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ไม่ได้ทรงอยู่ทิศบน ซึ่งเฉกเช่นเดียวกับทิศล่างอัลเลาะฮ์ก็ไม่ได้อยู่

7. รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า

أذن لى أن أحدث عن ملك قد مرقنت رجلاه فى الأرض السابعة ، والعرش على منكبه ، وهو يقول سبحانك أين كنت وأين تكون

"ฉันได้รับอนุญาตให้ทำการสนทนากับมะลาอิกะฮ์ที่ทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และเขาก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน" หะดิษนี้ ซอฮิหฺ

ท่านอบียะอฺลาได้รายงานไว้ใน มุสนัดของท่าน เล่ม 11 หน้า 496 หะดิษที่ 6619 , ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร ได้กล่าวยืนยันซอฮิหฺไว้ในหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิซะวาอิด อัษษะมานียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 267 ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า (ให้กับอบียะอฺลา นั้น หะดิษซอฮิหฺ) , และท่านอัลหาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวยืนยันไว้ในหนังสือ มัจญฺมะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 80 โดยท่าน อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า (รายงานโดยอบูยะอฺลา และบรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮิหฺ)

คำกล่าวของมะลาอิกะฮ์จากหะดิษนี้ก็คือ "ฉันของประกาศความบริสุทธิ์ต่อพระองค์อัลเลาะฮ์จากคำว่า "อยู่ใหน" คือมะลาอิกะฮ์ไม่ทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ใหน ดังนั้น มะลาอิกะฮ์ที่ทำการแบกอะรัชอยู่ก็ไม่ทราบเช่นกันว่า อัลเลาะฮ์ทรงอยู่ที่ใหน และไม่ทราบว่าพระองค์ทรงมีสถานที่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 25, 2008, 10:20 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
คำกล่าวของบรรดาอุลามาอฺสะลัฟเกี่ยวกับการปฏิเสธเวลา สถานที่และทิศให้กับอัลเลาะฮฺ(ซุบหานะฮฺ) แบบพอสังเขปดังต่อไปนี้

1. อิมามอลีอิบนิอบีฏอลิบ (ร.ฏ.)

ท่านอิมามอลี (ร.ฏ.) คอลิฟะฮฺผู้ทรงธรรมท่านที่ 4 แห่งโลกอิสลาม กล่าวว่า

كان ولامكان، وهو الأن على ما عليه كان

?อัลเลาะฮฺทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ และพระองค์ในปัจจุบันนี้ ก็ยังอยู่อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอย่างนั้น(คือไม่ทรงมีสถานที่)? ดู อัลฟัร บันนะ อัลฟิร๊อก หน้า 333 ของท่านอบีมันซูร อัลบุฆดาดีย์

และท่านอิมามอะลี(ร.ฏ.)เช่นกันว่า

إن الله تعالى خلق العرش إظهارا لقدرته لا مكانا له

?อัลเลาะฮฺ ตะอาลา ทรงสร้างอะรัช (บัลลังค์) เพื่อทำให้เห็นถึงเดชานุภาพของพระองค์ ไม่ใช่เพื่อเป็นสถานที่(พำนัก)สำหรับพระองค์? ดู อัลฟัร บันนะ อัลฟิร๊อก หน้า 333 ของท่านอบีมันซูร อัลบุฆดาดีย์

2. อิมามซัยนุลอาบิดีน อลี บิน อัลหุซัยน์ บิน อลี (ร.ฏ.)

ซึ่งท่านเป็นอุลามาอฺซะลัฟ กล่าวว่า

أنت الله الذي لا يحويك مكان

?พระองค์คืออัลเลาะฮฺที่ไม่มีสถานที่มาห้อมล้อมพระองค์? ดู อิตหาฟ อัสสาดะฮฺ อัลมุตตะกีน เล่ม 4 หน้า 380 ของท่านซะบีดีย์

3. อิมามญะฟัร อัศศอดิก (ร.ฏ.)

ท่านอิมามญะฟัร อัศศอดิก (ร.ฏ.) กล่าวว่า

"من زعم أن الله في شىء، أو من شىء، أو على شىء فقد أشرك. إذ لو كان على شىء لكان محمولا، ولو كان في شىء لكان محصورا، ولو كان من شىء لكان محدثا- أي مخلوقا"

"ผู้ใดอ้างว่า อัลเลาะฮฺอยู่ในสิ่งหนึ่ง หรือมาจากสิ่งหนึ่ง หรืออยู่บนสิ่งหนึ่ง แท้จริงเขาได้ทำชิริก เพราะหากพระองค์ทรงอยู่บนสิ่งหนึ่ง แน่นอนพระองค์ก็จะถูกแบก และหากพระองค์อยู่ในสิ่งหนึ่ง พระองค์ก็ถูกจำกัด และหากพระองค์ทรงมาจากสิ่งหนึ่ง พระองค์ก็เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่(หมายถึงเป็นมัคโลค" ดู อัรริซาละฮฺ อัลกุชัยรียะฮฺ หน้า 6

4.. อิมามอบูหะนีฟะฮฺ (ร.ฏ.)

ท่านเป็นอิมามของมัชฮับหะนาฟีย์ ซึ่งเป็นอุลามาอฺซะลัฟ ท่านกล่าวว่า

" قلت: أرأيت لو قيل أين الله تعالى؟ فقال- أي أبو حنيفة-: يقال له كان الله تعالى ولا مكان قبل أن يخلق الخلق، وكان الله تعالى ولم يكن أين ولا خلق ولا شىء، وهو خالق كل شىء"

?ฉันขอกล่าวว่า ท่านจะบอกว่าอย่างไร หากถูกกล่าว(แก่ท่าน)ว่า อัลเลาะฮฺอยู่ใหน ? ดังนั้น เขา(อบูหะนีฟะฮฺ)กล่าวว่า ก็กล่าวตอบแก่เขาว่า ?อัลเลาะฮฺทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ ก่อนที่พระองค์จะสร้างมัคโลก และอัลเลาะฮฺทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีคำว่า ที่ใหน (ให้กับพระองค์) ไม่มีมัคโลก และไม่มีสิ่งใด(พร้อมกับพระองค์) โดยที่พระองค์นั้นทรงสร้างทุกๆ สิ่ง? ชัรหฺ อัลฟิกหฺ อัลอักบัร ของท่าน มุลลา อะลีย์ อัลกอรีย์ หน้า 138

"ونقر بأن الله سبحانه وتعالى على العرش استوى من غير أن يكون له حاجة إليه واستقرار عليه، وهو حافظ العرش وغير العرش من غير احتياج، فلو كان محتاجا لما قدر على إيجاد العالم وتدبيره كالمخلوقين، ولو كان محتاجا إلى الجلوس والقرار فقبل خلق العرش أين كان الله، تعالى الله عن ذلك علوا كبيرا"

ท่านอบูหะนีฟะฮฺกล่าวเช่นกันว่า "เรายอมรับว่า แท้จริง อัลเลาะฮฺ(ซ.บ.)ทรงอยู่เหนืออะรัช โดยที่พระองค์ไม่ต้องการไปยังมัน และไม่ได้สถิตอยู่บนมัน พระองค์ทรงปกปรักรักษาอะรัชโดยที่ไม่ต้องการมัน ดังนั้น หากพระองค์มีความต้องการ แน่นอนพระองค์ก็ไม่มีความสามารถสร้างโลกและบริหารมันได้ โดยที่เหมือนกับบรรดามัคโลค และถ้าหากพระองค์ทรงต้องการไปยังการนั่งและสถิต(อยู่บนอะรัช) ดังนั้นก่อนที่พระองค์ทรงสร้างอะรัช พระองค์อยู่ใหน ? ? อัลเลาะฮฺทรงปราศจากจากสิ่งดังกล่าวอย่างยิ่งใหญ่? ดู กิตาบ วาซียะฮ์ ของอบูหะนีฟะฮ์ หน้า 2

ท่านอิมามอบูหะนีฟะฮฺกล่าวเช่นกันว่า

ولقاء الله تعالى لأهل الجنة بلا كيف ولا تشبيه ولا جهة حق

" และการที่อัลเลาะฮฺ(ตะอาลา)ทรงพบกับชาวพบสวรรค์ โดยไม่มีวิธีการ ไม่มีการคล้ายคลึง และไม่มีทิศนั้น เป็นสัจจะธรรม" ดู กิตาบ อัลวะซียะฮฺ ของอบูหะนีฟะฮฺ หน้า 4

5. อิมามชาฟิอีย์ (ร.ฏ.)

ซึ่งท่านเป็น อุลามาอฺซะลัฟ ปราชน์ท่านสำคัญของโลกอิสลาม ท่านกล่าวว่า

" إنه تعالى كان ولا مكان فخلق المكان وهو على صفة الأزلية كما كان قبل خلقه المكان لا يجوز عليه التغيير في ذاته ولا التبديل في صفاته "

?แท้จริงอัลเลาะฮฺ ตะอาลา ทรงมีมา(แต่เดิม)แล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ จากนั้นอัลเลาะฮฺทรงสร้างสถานที่ โดยที่พระองค์อยู่บนคุณลักษณะเดิม เสมือนกับที่พระองค์ทรงมีก่อนสร้างสถานที่ ไม่อนุญาตเปลี่ยนแปลงซาตของพระองค์ และคุณลักษณะของพระองค์?ดู อิตหาฟ อัสสาดะฮฺ อัลมุตตะกีน เล่ม 2 หน้า 24

6. อิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล (ร.ฏ.)

ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวเกี่ยวกับท่านอิมามอะห์มัด อิบนุ หัมบัล ว่า

" وما اشتهر بين جهلة المنسوبين إلى هذا الإمام الأعظم المجتهد من أنه قائل بشىء من الجهة أو نحوها فكذب وبهتان وافتراء عليه "

?และสิ่งที่เลื่องลือท่ามกลางคนโง่เขลาที่พาดพิงตัวเองไปยังอิมามมุจญฺฮิดผู้ยิ่งใหญ่(คืออิมามอะห์มัด)ว่า ท่านเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่กล่าว สิ่งหนึ่งจากเรื่อง มีทิศ(ให้กับอัลเลาะฮ)หรืออื่นๆ ถือเป็นการโกหก มุสา กุความโกหกให้กับท่านอิมามอะหฺมัด? อัลฟาตาวา อัลหะดีษะฮ์ หน้า 144

และได้ระบุไว้ในหนังสือ ฏ่อบ่าก๊อต อัลหะนาบิละฮฺ ของท่าน อบี ยะอฺลา ว่า

أن الإمام أحمد يقول : والله تعالى لم يلحقه تغير ولا تبدل ولا يلحقه الحدود قبل خلق العرش ولا بعد خلق العرش

ความว่า" แท้จริง อิมามอะหฺมัด กล่าวว่า อัลเลาะฮฺ ตะอาลา ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มาเกี่ยวพันกับพระองค์ และไม่มีขอบเขตมาเกี่ยวพันกับพระองค์ ไม่ว่าก่อนสร้างอะรัชหรือหลังการสร้างอะรัชแล้ว" ฏ่อบ่าก๊อต อัลหะนาบิละฮฺ เล่ม 2 หน้า 297

7. อิมามอัลบุคอรีย์ (ร.ฏ.)

อุลามาอฺนักอธิบายซอเฮี๊ยะหฺอัลบุคอรีย์ มีความเข้าใจว่า อิมามอัลบุคอรีย์นั้น เชื่อในความบริสุทธิ์ของอัลเลาะฮฺ (ซุบหานะฮฺ) จากสถานที่สถานที่และทิศ อิมาม อิบนุบัฏฏอล หนึ่งในผู้อธิบายซอเฮียะหฺบุคอรีย์ กล่าวว่า

"غرض البخاري في هذا الباب الرد على الجهمية المجسمة في تعلقها بهذه الظواهر، وقد تقرر أن الله ليس بجسم فلا يحتاج إلى مكان يستقر فيه، فقد كان ولا مكان، وانما أضاف المعارج اليه إضافة تشريف، ومعنى الارتفاع إليه اعتلاؤه- أي تعاليه- مع تنزيهه عن المكان "

" เป้าหมายของอิมามอัลบุคอรีย์ ในบทนี้ คือการโต้ตอบ พวกญะฮฺมียะฮฺ อัลมุญัสสิมะฮฺ ในการผูกติดอยู่กับตัวบทเพียงผิวเผิน โดยที่แท้จริง อิมามบุคอรีย์ได้ยอมรับว่า อัลเลาะฮฺไม่ใช่วัตถุร่างกาย ดังนั้นพระองค์จึงไม่ต้องการไปยังสถานที่ ที่พระองค์จะทรงสถิตอยู่ในมัน เพราะแท้จริงพระองค์ทรงมีมาแล้วโดยไม่สถานที่ และแท้จริงการพาดพิงจากการขึ้นบันใดไปยังพระองค์นั้น เป็นการพาดพิงถึงความมีเกียตริ และความหมายของการยกสูงไปยังพระองค์นั้น คือพระองค์ทรงสูงส่ง พร้อมกับพระองค์ทรงบริสุทธิ์จากสถานที่ " ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 13 หน้า 416

8. อิมาม อัตเฏาะหาวีย์ (ร.ฏ.)

ท่านอิมามอัฏเฏาะหาวีย์ เป็นอุลามาอฺซะลัฟ ซึ่งท่านได้กล่าวเอาไว้ในช่วงแรกของหนังสือ อะกีดะฮฺ อัฏเฏาะหาวียะฮฺ ว่า "นี้เป็นการกล่าวอธิบายถึง อะกีดะฮิ อะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ " คือเป็นอะกีดะฮฺของอุลามาอฺซะลัฟและเคาะลัฟจากบรรดาซอฮาบะฮฺ ตาบีอีน และตาบิอิตตาบิอีน (ร.ฏ.) ท่านได้กล่าวไว้ใน อัลอะกีดะฮฺ อัตเฏาะหาวียะฮฺ ของท่านว่า

تعالى عن الحدود والغايات والأركان والأعضاء والأدوات، لا تحويه الجهات الست كسائر المبتدعات

?อัลเลาะฮฺทรงปราศจากบรรดาการจำกัดขอบเขต บรรดาเป้าหมาย บรรดาองค์ประกอบ บรรดาอวัยวะ และบรรดาเครื่องมือ โดยที่บรรดาทิศต่างๆ ทั้ง 6 ไม่ห้อมล้อมพระองค์ เหมือนกับบรรดาพวกกระทำบิดอะฮฺ (ได้กล่าวไว้)?

ดังนั้นทิศด้านบน(สูง) ก็เป็นทิศหนึ่งจาก 6 ทิศ เมื่ออัลเลาะฮฺไม่ทรงมีทิศทั้ง 6 มาห้อมล้อมพระองค์ อัลเลาะฮฺจึงไม่อยู่ทิศบน ฉะนั้น อัลเลาะฮฺจึงไม่ทิศ ผู้ใดกล่าวว่าอัลเลาะฮฺทรงมีทิศ เขาย่อมเป็นพวกที่ทำบิดอะฮฺ

9. อิมามอบูหะซัน อัลอัชอะรีย์ (ร.ฏ.)

ซึ่งท่านเป็นอิมามของอะฮฺลิสซุนนะฮฺวัลญะมาอะฮฺ ท่านกล่าวว่า

" كان الله ولا مكان فخلق العرش والكرسي ولم يحتج إلى مكان، وهو بعد خلق المكان كما كان قبل خلقه "

" อัลเลาะฮฺทรงมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ จากนั้นพระองค์ทรงสร้างอะรัช และกุรซีย์ โดยที่พระองค์ไม่ทรงต้องไปยังสถานที่ และพระองค์นั้น หลังจากสร้างสถานที่ พระองค์ก็ทรงมีอยู่เหมือนกับการมีของพระองฮ์ก่อนจากการสร้างของพระองค์" ดู ตับยีน กัซฺบ์ อัลมุฟตะรีย์ ของอิมาม อิบนุอะซากิร หน้า 150

  ท่านอิมาม อบีมันซูร อัลบุฆดาดีย์ ได้รายงาน  มติ(อิจญมาอ์) ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ว่า อัลเลาะฮ์ไม่ทรงมีสถานที่  ไม่มีการเคลื่อนไหว  


ท่าน อิมาม อบีมันซูร อัลบุฆดาดีย์  ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  อัลฟัรก์ บัยนะ อัลฟิร๊อก หน้า 321 ว่า



บรรดานักปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์  มีมติเอกฉันท์ว่า  แท้จริง  ไม่อนุญาตเชื่อว่า อัลเลาะฮ์ทรงมีสถานกับพระองค์ และพระองค์ไม่ทรงมีกาลเวลา ซึ่งแย้งกับทัศนะคำกล่าวอ้างของ พวกอัลฮิชามียะฮ์และพวกอัลกัรรอมียะฮ์ ที่ว่า อัลเลาะฮ์ทรงนั่งสัมผัสกับบัลลังก์(อะรัช) และแท้จริง อะมีรุลมุอฺมินีน ท่านอะลี บิน อบีฏอลิบ (ร.ฏ.) กล่าวว่า ?อัลเลาะฮฺ ตะอาลา ทรงสร้างอะรัช (บัลลังค์) เพื่อทำให้เห็นถึงเดชานุภาพของพระองค์ ไม่ใช่เพื่อเป็นสถานที่(พำนัก)สำหรับพระองค์" และท่าน อะลีกล่าวอีกเช่นกันว่า ?อัลเลาะฮฺทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสถานที่ และพระองค์ในปัจจุบันนี้ ก็ยังอยู่อย่างที่พระองค์ทรงเป็นอย่างนั้น(คือไม่ทรงมีสถานที่)?  และอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์มีมติในการ ปฏิเสธบรรดาความบกพร่อง  ความโศรกเศร้า ความเจ็บปวด และความอร่อยต่ออัลเลาะฮ์ (ซุบหานะฮ์) ซึ่งขัดแย้งกับคำกล่าวของพวกอัลฮิชามียะฮ์ อัรรอฟิเฏาะฮ์ ที่พวกเขากล่าวว่า อนุญาตให้อัลเลาะอ์ทรงเคลื่อนไหวได้  และในคำอ้างของพวกเขาที่ว่า สถานที่พระองค์นั้นเกิดการเคลื่อนไหวได้"

ดังนั้น ยังมี พวกอัลกัรรอมียะฮ์ และพวกอัลฮิชามียะฮ์ ที่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์ทรงมีสถานที่และเคลื่อนไหวได้  วัลอิยาซุบิลลาห์ !! วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ต้องขอโทษอย่างแรงนะครับที่ขุดกระทู้โคตรเก่านี้ขึ้นมา คือผมเห้นว่าเข้ากับคำถามผมพอดีเลยอยากขุดมาถามครับ
คือว่าพวกผมได้คุยกันเล่นๆน่ะครับ แล้วมีคนนึงพูดว่าจากที่อุสตะสอนมาเมื่อกี้ว่าที่ปาแดมาซาเราจะได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของอารัส
ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ คือเป็นที่รู้กันดีว่าที่นั่นดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือหัวแค่คืบเดียว แล้วเราไปอยู่ภายใต้ร่มเงาอารัส ถ้าใช้หลักตรรกศาสตร์อย่างตรงไปตรงมาแล้ว แสดงว่าอารัสที่ว่าต้องมีขนาดไม่ถึงคืบ!!!
เราจะมีคำตอบที่รองรับคำถามแบบนี้ได้อย่างไรครับ ขอความกรุณาด้วย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
หลักฐานจากซุนนะฮ์
2. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

أنت الظاهر فليس فوقك شيء ، وأنت الباطن فليس دونك شيء " ، وإذا لم يكن فوقه شيء ولا دونه شيء لم يكن في مكان

" โอ้พระเจ้าของข้าฯ พระองค์คือ องค์แรก ดังนั้น ไม่มีสิ่งที่ใดอยู่ก่อนพระองค์ และพระองค์คือองค์สุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่หลังจากพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์" รายงานโดย ท่านมุสลิม "

ท่าน หะฟิซฺ อัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่า " ส่วนหนึ่งจากบรรดาสหายของเรา ได้อ้างหลักฐาน ในการปฏิเสธสถานที่จากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ด้วยคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.) ที่ว่า

أنت الظاهر فليس فوقك شيء ، وأنت الباطن فليس دونك شيء

"และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์"

และเมื่อไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์ ก็แสดงว่าพระองค์ไม่มีสถานที่ " (ดู อัล-อัสมาอ์ วะ ซิฟาต หน้า 400)


รู้สึกว่าตัวบทหะดีษข้างบนกับความหมายจะไม่ตรงกันนะครับ อาจจะผิดพลาดตอนที่คัดลอกมาก็ได้ ถ้างัยก็วานคึณอัซฮารีย์ช่วยแก้ไขด้วยนะครับ

ออฟไลน์ almadany

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 346
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
2. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

أنت الظاهر فليس فوقك شيء ، وأنت الباطن فليس دونك شيء " ، وإذا لم يكن فوقه شيء ولا دونه شيء لم يكن في مكان

" โอ้พระเจ้าของข้าฯ พระองค์คือ องค์แรก ดังนั้น ไม่มีสิ่งที่ใดอยู่ก่อนพระองค์ และพระองค์คือองค์สุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่หลังจากพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์" รายงานโดย ท่านมุสลิม "

ส่วนตรงภาษาอาหรับ...ต้องแก้ไข...คิดว่างั้น...สงสัยไม่ชอบพิมพ์ตัวบทฮะดิษ...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
2. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

اللهم أنت الأوّلُ فليس قبلك شئ وأنت الأخر فليس بعدك شئ وأنت الظاهر فليس فوقك شئ وأنت الباطن فليس دونك شئ

" โอ้พระเจ้าของข้าฯ พระองค์คือ องค์แรก ดังนั้น ไม่มีสิ่งที่ใดอยู่ก่อนพระองค์ และพระองค์คือองค์สุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่หลังจากพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์" รายงานโดย ท่านมุสลิม "

ผมได้แก้ไขเรียบร้อยแล้วครับ  ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาคุณ Get ที่ชี้แนะขอบกพร่องของเรา
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ต้องขอโทษอย่างแรงนะครับที่ขุดกระทู้โคตรเก่านี้ขึ้นมา คือผมเห้นว่าเข้ากับคำถามผมพอดีเลยอยากขุดมาถามครับ
คือว่าพวกผมได้คุยกันเล่นๆน่ะครับ แล้วมีคนนึงพูดว่าจากที่อุสตะสอนมาเมื่อกี้ว่าที่ปาแดมาซาเราจะได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของอารัส
ประเด็นอยู่ตรงนี้ครับ คือเป็นที่รู้กันดีว่าที่นั่นดวงอาทิตย์จะอยู่เหนือหัวแค่คืบเดียว แล้วเราไปอยู่ภายใต้ร่มเงาอารัส ถ้าใช้หลักตรรกศาสตร์อย่างตรงไปตรงมาแล้ว แสดงว่าอารัสที่ว่าต้องมีขนาดไม่ถึงคืบ!!!
เราจะมีคำตอบที่รองรับคำถามแบบนี้ได้อย่างไรครับ ขอความกรุณาด้วย
ขอโทษครับที่ขุด
คือว่าขอให้ท่านผู้รุ้ทั้งหลายช่วยตอบข้อกังขาด้านบนด้วยครับ เพื่อเป็นการป้องกันตัวหากมีคนมาถาม เพราะผมเจอคนที่ถามกวนๆแบบนี้มาเยอะแล้ว
والسلام
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
เป็นคำถามที่น่าสนใจครับ

ออฟไลน์ yala

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 50
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
การกล่าวว่า พระองค์ ทรงไม่มีทิศ อาจจะเป็นการจำกัดสีฟัตที่ด้อยให้กับพระองค์ หรือเปล่าครับเพราะทุกๆมัคลูคนั้นย่อมมีทิศแต่ทิศของพระองค์ย่อมจะแตกต่างกับทิศของมัคลูคเหล่านั้น ย่อมดีกว่า และย่อมเหนือกว่าถ้าคิดอย่างนี้ผิดไหม่ และพอจะมีฮะดิษหรือ สัก อายะห์หนึ่งที่กล่าวว่าพระองค์ไม่มีทิศหรือเปล่าครับ

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
และพอจะมีฮะดิษหรือ สัก อายะห์หนึ่งที่กล่าวว่าพระองค์ไม่มีทิศหรือเปล่าครับ

การรับรองซีฟัตหรือสิ่งใดที่พาดพิงไปยังอัลเลาะฮ์  คือการมีหลักฐานยืนยันที่ซอฮิห์และชัดเจน  ส่วนหลักฐานฮะดิษและอายะฮ์ที่กล่าวว่าพระองค์ไม่มีทิศ  คุณก็ลองอ่านข้างต้นที่คุณอัซอะรีย์นำเสนอหลักฐานจากอัลกุรอาน  ซุนนะฮ์  และอิจญ์มาอฺซิ  ซึ่งหากบรรดาหลักฐานดังกล่าวไม่ถูกใจคุณก็ทำการโต้แย้งได้นี่ครับ  ไม่น่าจะมาถาม  ผมเข้าใจอย่างนั้น


ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
การกล่าวว่า พระองค์ ทรงไม่มีทิศ อาจจะเป็นการจำกัดสีฟัตที่ด้อยให้กับพระองค์ หรือเปล่าครับเพราะทุกๆมัคลูคนั้นย่อมมีทิศแต่ทิศของพระองค์ย่อมจะแตกต่างกับทิศของมัคลูคเหล่านั้น ย่อมดีกว่า

โปรดทบทวนกระทู้  ทิศที่เจ็ดที่มีให้กับอัลเลาะฮ์ของอะกีดะฮ์วะฮาบีย์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ yala

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 50
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
คือผมขอชี้แจงว่า พระองค์ย่อมมีทิศ ซึ่งเป็นทิศทุกๆทิศที่ เรานึกขึ้นมาได้นั้นคือทิศของพระองค์
ใครละเป็นคนตั้งชื่อว่านี้คือใต้ นั้นคือตก เหล่านี้เป็นเพียงที่เรานึกขึ้นมาได้ สำหรับพระองค์นั้น จะไม่มีจำกัด ถูกต้องไม่ครับ
อย่างเช่น สีฟัต ของการได้ยิน เราแค่ได้ยินอะไรต่างๆ ที่ผ่านมาทางหูของเรา แต่สำหรับพระองค์นั้น ไม่มีที่จำกัด
เราแค่ได้เห็น อะไรๆๆๆ ที่ผ่านตา แต่สำหรับพระองค์นั้นไม่มีที่จำกัด
ถ้าเอาความเข้าใจเหล่านี้ มาเทียบเปรียบกัน ผลลับก็คือ ทิศของพระองค์ อัลลเลาะ(ซบ) ยอมไม่มีที่จำกัดเช่นกัน
ผมเข้าใจอย่างนี้คงไม่ผิดนะครับ

 

GoogleTagged