หลักฐานจากซุนนะฮ์
มีหะดิษมากมาย ที่อยู่ในความหมายของการที่อัลเลาะฮ์ทรงบริสุทธิ์จากทิศและสถานที่ ซึ่งบรรดานักปราชน์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ วัลญะมาอะฮ์ ได้ทำการอ้างหลักฐาน เพื่อยืนยันอากิดะฮ์ของอุมมะฮ์อิสลามดังนี้
1. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
كان الله ولم يكن شيء غيره
" พระองค์ทรงมีมาแล้ว โดยที่ไม่มีสิ่งใดเลย นอกจากพระองค์(เพียงองค์เดียว) " รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ ไว้ในซอเฮี๊ญะหฺของท่าน
หมายถึง อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงยังคงมีมาตั้งแต่เดิมแล้ว โดยที่ไม่มีสิ่งใดอยู่พร้อมกับพระองค์ ไม่มีน้ำ ไม่มีอากาศ ไม่มีผืนดิน ไม่มีท้องฟ้า ไม่มีกุรซีย์ ไม่มีอะรัช ไม่มีมนุษย์ ไม่มีญิน ไม่มีมะลาอิกะฮ์ ไม่มีเวลา และไม่มีสถานที่ ดังนั้น พระองค์ทรงยังคงมีมาแต่เดิมโดยไม่มีสถานที่ และมีมาก่อนที่จะมีสถานที่ แต่อัลเลาะฮ์ทรงสร้างสถานที่ ดังนั้น พระองค์จึงไม่ทรงต้องการมัน
และอัลเลาะฮ์ ก็ไม่ทรงมีคุณลักษณะที่เปลี่ยนแปลง จากสถานะภาพหนึ่งไปสู่สถานะภาพหนึ่ง เนื่องการการเปลี่ยนแปลงนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาคุณลักษณะของมัคโลค ดังนั้น เราจะกล่าวเหมือนกับ พวก อัล-มุชับบิฮะฮ์ ไม่ได้ว่า "พระองค์ทรงมีมาแต่เดิม โดยที่ไม่มีสถานที่ หลังจากนั้น พระองค์ทรงสร้างสถานที่ แล้วพระองค์ก็ทรงอยู่ในสถานที่และทิศเบื้องบน (วัลอิยาซุบิลลาห์) " ดังนั้น เราขอกล่าวว่า "พระองค์ทรงทำให้เปลี่ยนแปลง แต่พระองค์ไม่ทรงเปลี่ยนแปลง"
2. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
اللهم أنت الأوّلُ فليس قبلك شئ وأنت الأخر فليس بعدك شئ وأنت الظاهر فليس فوقك شئ وأنت الباطن فليس دونك شئ
" โอ้พระเจ้าของข้าฯ พระองค์คือ องค์แรก ดังนั้น ไม่มีสิ่งที่ใดอยู่ก่อนพระองค์ และพระองค์คือองค์สุดท้าย ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่หลังจากพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์" รายงานโดย ท่านมุสลิม "
ท่าน หะฟิซฺ อัลบัยฮะกีย์ กล่าวว่า " ส่วนหนึ่งจากบรรดาสหายของเรา ได้อ้างหลักฐาน ในการปฏิเสธสถานที่จากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ด้วยคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.) ที่ว่า
أنت الظاهر فليس فوقك شيء ، وأنت الباطن فليس دونك شيء
"และพระองค์ทรงเป็นภายนอก ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นภายใน ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์"
และเมื่อไม่มีสิ่งใดอยู่เหนือพระองค์ และไม่มีสิ่งใดที่อื่นจากพระองค์ ก็แสดงว่าพระองค์ไม่มีสถานที่ " (ดู อัล-อัสมาอ์ วะ ซิฟาต หน้า 400)
ท่านอัล-บัยฮะกีย์กล่าวอีกว่า" สิ่งที่รายงานในส่วนท้ายของหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธสถานที่ จากอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) และแท้จริง บ่าวคนหนึ่งนั้น ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใหนก็ตาม เพราะฉะนั้น ทั้งในความใกล้หรือไกล จากอัลเลาะฮ์ ก็ย่อมเท่าเทียมกัน และแท้จริง พระองค์ ทรงเป็นภายนอก คือสามารถรู้จักพระองค์ได้ ด้วยบรรดาหลักฐานต่างๆ(เช่นโลกจักรวาล) และพระองค์ทรงเป็นภายใน จึงไม่สามารถรับรู้การมีของพระองค์ ด้วยกับการมีอยู่ในสถานที่ " (ดู อัล-อัสมาอ์ วะ ซิฟาต หน้า 400)
3. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
أقرب ما يكون العبدُ من ربّه وهو ساجد ، فأكثروا الدعاء
"บ่าวคนหนึ่ง จะใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์มากที่สุด โดยที่เขาทำการสุยูด ดังนั้น พวกท่านจงขอดุอาอ์ให้มากๆ" รายงานโดย อิมามมุสลิม
ท่าน อิมาม หาฟิซฺ อัสสะยูฏีย์ กล่าวว่า " ท่าน อัลบัดรฺ บิน อัสศอฮิบ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตัษฺกิเราะฮ์ของเขาว่า ในหะดิษนี้ ชี้ถึง การปฏิเสธทิศให้กับอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) " (ดู หนังสือ อธิบาย สุนัน อันนะซาอีย์ ของท่าน อัสสะยูฏีย์ เล่ม 1 หน้า 576)
4. ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
ما ينبغي لعبدٍ أن يقول : إني خيرٌ من يونس بن متـّى
" ไม่สมควรแก่บ่าวคนหนึ่ง กล่าวว่า แท้จริง ฉันนั้นดีกว่า(นบี) ยูนุส บุตร มัตธา" รายงานโดยบุคคอรีย์ และมุสลิม ซึ่งตัวบทนี้เป็นของอัล-บุคคอรีย์
ท่าน หาฟิซฺ อิมาม มุรตะฏอ อัซซะบีดีย์ กล่าวว่า " ท่านอิมาม นะซิรุดดีน บิน อัลมุนัยยิร อัลอิสกันดะรีย์ อัลมาลิกีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ (อัลมุนตะกอ ฟี ชะร๊อฟ อัลมุสฏ่อฟา) คือในขณะที่เขาได้บรรยายถึงเรื่อง ทิศ และได้ทำการปฏิเสธมัน เขากล่าวว่า "ด้วยเหตุนี้แหละ ที่อิมาม มาลิก(ร.ฏ.) ได้เคยชี้แจงไปแล้ว เกี่ยวกับคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ที่ว่า
لا تفضّلوني على يونس ابن متى
"พวกท่านอย่ากล่าวให้ความประเสริญกับฉันเหนือยูนุส บิน มัตธา"
ดังนั้น ท่านอิมามมาลิกกล่าวว่า นบี(ซ.ล.)ได้พูดเจาะจงเฉพาะกับนบียูนุสนั้น เพื่อให้ตระหนัก ว่า(อัลเลาะฮ์)ทรงบริสุทธิ์(จากสถานที่) เนื่องจากนบี(ซ.ล.) ได้ขึ้นไปยังอะรัช โดยที่ท่านนบียูนุส(อ.) ตกอยู่ในก้นทะเล(อยู่ในท้องปลา) และการพาดพิงทั้งสอง(คือนบีมุฮัมมัดและนบียูนุส) พร้อมกับสิ่งดังกล่าว(คือนบีขึ้นไปยังอะรัชแต่นบียูนุสอยู่ในก้นทะเล) ด้วยการคำนึงถึงทัศนะขององค์อัลเลาะฮ์นั้น ย่อมเป็นอันเดียวกัน (คือมีฐานันดรเหมือนกัน) และหากว่าความประเสริฐ โดยคำนึงถึงสถานที่ แน่นอนว่า นบี(ซ.ล.)ทรงใกล้ชิดอัลเลาะฮ์มากกว่านบียูนุส บิน มัตธาและประเสริฐกว่า และนบีก็จะไม่ห้ามจากสิ่งกล่าว(จากการกล่าวเทียบความประเสริฐระหว่างนบีทั้งสอง)" จากนั้น อิมาม นาซิรุดดีน บอกว่า ความประเสริฐนี้ ประเสริฐด้วยกับฐานันดร ไม่ใช่ด้วยสถานที่" (ดู อิตหาฟ อัสซาดะฮ์ อัลมุตตะกีน เล่ม 2 หน้า 105)
ท่านอัลกุรฏุบีย์ กล่าวว่า " อบู อัลมะอาลีย์ กล่าวว่า วจนะของท่านนบี(ซ.ล.)ที่ว่า
لا تفضّلوني على يونس ابن متى
"พวกท่านอย่ากล่าวให้ความประเสริฐกับฉันเหนือยูนุส บิน มัตธา"
หมายถึง "ในสภาพที่ฉันอยู่ ณ ซิดเราะตุลมุนตะฮา นั้น ฉันก็ไม่ไกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์ มากกว่า ยูนุส โดยที่เขากำลังอยู่ที่ก้นทะเลในท้องปลา และหะดิษนี้ ชี้ให้เห็นว่า แท้จริง อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ไม่มีทิศ" (ดู อัลญาเมี๊ญะอฺ ลิ อะหฺกาม อัลกุรอาน เล่ม 11 หน้า 333 - 334 )
6. ท่านมุสลิม รายงานจากท่านอะนัสบินมาลิก ว่า
أن النبي صلى الله عليه وسلم استسقى فأشار بظهر كفيه إلى السماء
" แท้จริง ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ทำการละหมาดขอฝน แล้วขอดุอาอ์ยกคว่ำสองฝ่ามือของท่าน ขึ้นไปยังด้านฟากฟ้า"
หมายถึงท่านนบี(ซ.ล.) ได้ขอดุอาอ์ละหมาดขอฝน แล้วท่านก็พลิกฝ่ามือไปด้านพื้นดิน ซึ่งดังกล่าวนั้น ชี้ให้เห็นว่า อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ไม่ได้ทรงอยู่ทิศบน ซึ่งเฉกเช่นเดียวกับทิศล่างอัลเลาะฮ์ก็ไม่ได้อยู่
7. รายงานจากท่านอบูฮุรอยเราะฮ์(ร.ฏ.) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ (ซ.ล.) กล่าวว่า
أذن لى أن أحدث عن ملك قد مرقنت رجلاه فى الأرض السابعة ، والعرش على منكبه ، وهو يقول سبحانك أين كنت وأين تكون
"ฉันได้รับอนุญาตให้ทำการสนทนากับมะลาอิกะฮ์ที่ทั้งสองเท้าของเขาผ่านเข้ามาในแผ่นดินชั้นที่ 7 โดยที่อารัช(บัลลังก์)อยู่บนบ่าของเขา และเขาก็กล่าวว่า มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ท่าน พระองค์ท่านอยู่ใหนและพระองค์กำลังอยู่ใหน" หะดิษนี้ ซอฮิหฺ
ท่านอบียะอฺลาได้รายงานไว้ใน มุสนัดของท่าน เล่ม 11 หน้า 496 หะดิษที่ 6619 , ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร ได้กล่าวยืนยันซอฮิหฺไว้ในหนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิซะวาอิด อัษษะมานียะฮ์ เล่ม 3 หน้า 267 ซึ่งท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า (ให้กับอบียะอฺลา นั้น หะดิษซอฮิหฺ) , และท่านอัลหาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ ได้กล่าวยืนยันไว้ในหนังสือ มัจญฺมะอ์ อัซซะวาอิด เล่ม 1 หน้า 80 โดยท่าน อัลฮัยษะมีย์กล่าวว่า (รายงานโดยอบูยะอฺลา และบรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮิหฺ)
คำกล่าวของมะลาอิกะฮ์จากหะดิษนี้ก็คือ "ฉันของประกาศความบริสุทธิ์ต่อพระองค์อัลเลาะฮ์จากคำว่า "อยู่ใหน" คือมะลาอิกะฮ์ไม่ทราบว่าพระองค์ทรงอยู่ใหน ดังนั้น มะลาอิกะฮ์ที่ทำการแบกอะรัชอยู่ก็ไม่ทราบเช่นกันว่า อัลเลาะฮ์ทรงอยู่ที่ใหน และไม่ทราบว่าพระองค์ทรงมีสถานที่