ผู้เขียน หัวข้อ: รบกวนขอหลักฐานฮาดีษเรื่องบิดอะที่สามารถมาคัดง้างกับฮาดีษดังต่อไปนี้ได้หน่อยครับ  (อ่าน 7438 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ไม่ใช่ไม่มีฮาดีษที่กล่าวโดยชัดเจนเลย แต่ลากฮาดีษบทนู้นบทนี้มาซึ่งไม่กล่าวชัดเจนตรงๆ ว่าบิดอะ
มีสองประเภท หรือจะกี่ประเภทก็แล้วแต่ หรือลากทัศนะของอุลามาคนนู้น คนนี้มาเกี่ยวกับ
เรื่องนั้นเรื่องนี้ ซึ่งผมอ่านแล้ว มันเหมือนชักแม่น้ำทั้งห้ามาอธิบาย อ่านแล้วไม่มีความมั่นใจเลย
ว่ามีหลักฐานที่ชัดเจนและเเข็งแรงจากท่านนบีรับรองไว้ เกี่ยวกับทัศนะเรื่องบิดอะมีหลายประเภท

แล้วบิดอะฮ์สองประเภท คือบิดอะฮ์ศาสนา และบิดอะฮ์ดุนยา  ที่วะฮาบีย์ยึดอยู่นั้น  นั้น  ไปลากจากฮาดิษใหนอีกล่ะ  ใหนบอกว่ามีบิดอะฮ์เดียว  วิจารณ์แต่

ทัศนะอื่นโดยไม่มองทัศนะตัวเองบ้างว่าทำอะไรทิ้งไว้  นบีบอกหรือว่าบิดอะฮ์มีสองประเภท คือบิดอะฮ์ศาสนา และบิดอะฮ์ดุนยา  สะลัฟคนใหนบอกบ้างว่า  บิด

อะฮ์มีสองประเภทคือศาสนาและดุนยา  ไปลากฮะดิษโน้นฮะดิษนี้มา  แล้วสรุปเฉยว่า  นี่บิดอะฮ์ศาสนา นั่นบิดอะฮ์ดุนยา


คุณ mumin เข้าหลักวิชาการป่ะครับ  หากเราจะเข้าใจภาษาอาหรับ ก็ต้องเรียนไวยากรณ์  หากจะเข้าใจตัฟซีรอย่างถ่องแท้  ก็ต้องเรียนอุลูมตัฟซีร  หากจะ

เรียนวิชาฟิกห์อย่างถูกต้อง  ก็ต้องเข้าใจหลักพื้นฐานฟิกห์  หากจะเข้าใจฮะดิษอย่างถูกต้อง  ก็ต้องศึกษาวิชาหลักฮะดิษ และหากจะเข้าใจฮะดิษเกี่ยวกับ

ฟิกห์  ก็ต้องใช้หลักอุศูลฟิกห์เข้ามาพิจารณาฮะดิษ 


ผมขอบอกพี่น้องเลยน่ะครับว่า  หากคุณ mumin เสวนาตามหลักวิชาการเมื่อไหร่  ทัศนะการแบ่งบิดอะฮ์ของเขา  ไม่มีน้ำหนัก ครับ  แต่คุณ mumin  พยายาม

เลี่ยงการเสวนาเชิงวิชาการ  เพราะเขากำพร้าอุลามาอ์  ทัศนะของคุณ mumin ไม่ค่อยมีอุลามาอ์เห็นด้วย  จึงวางเงื่อนไขไม่เอาอุลามาอ์เพราะตนเองกำพร้า

ขาดแคลนอุลามาอ์ 
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ไม่ว่าใครก็ตามว่าสรุปแล้วโดยหลักฐาน ฮาดีษศอเฮียะของกลุ่มที่ถูกเรียกว่าวะฮาบีมีน้ำหนักมากกว่า
เพราะกล่าวโดยท่านนบีมูฮัมหมัด ซ.ล. แล้วก็จะได้เผยแพร่ต่อไปครับ

นั่นไง  สรุปสวยหรูว่า  ทัศนะวะฮาบีย์คือทัศนะที่นบีกล่าวไว้  นั่นคือความเข้าใจจากสมองของคุณเอง หรือว่าอุลามาอ์คนอื่นเข้าใจแบบคุณก็ยกมาอ้างอิง 

ฮะดิษ " كل بدعة ضلالة وكل ضلالة في النار "

หากไปดูในซอฮิห์บุคอรีและมุสลิม ไม่มีคำว่า في النار  "อยู่ในนรก"  ใหนล่ะ  ข้างต้นบอกว่าฮะดิษบุคคอรีมุสลิมมีน้ำหนักมากกว่า  พอฮะดิษที่ถูกใจตนเองโดยมีถ้อยคำที่ไม่ใช่อยู่ในบุคอรีมุสลิม  กลับยกมาหน้าตาเฉย

เอาอย่างนี้ไหมครับ  การเข้าใจฮะดิษนี้ด้วยสมองแบบฉันและคุณ mumin  มันไม่น่าเชื่อถือหรอกครับ  แต่สมองของบรรดานักปราชญ์ฮะดิษผู้มีคุณธรรมที่เข้าใจต่อฮะดิษนี้  ย่อมน่าเชื่อถือมากกว่าและโลกอิสลามให้การยอมรับ (หรือคุณ mumin ปฏิเสธ)

คือผมอยากให้คุณกลับไปดูตำราฮะดิษต่าง ๆ ที่อธิบายเกี่ยวกับฮะดิษข้างต้นน่ะ  แล้วเอานำเสนอทีละเล่มๆ ว่านักปราชญ์ฮะดิษผู้มีคุณธรรมแต่ละคนเขาเข้าใจฮะดิษข้างต้นว่าอย่างไร  เริ่มจาก

ฟัตฮุลบารีย์  อธิบายหนังสือ ซอฮิห์บุคอรีย์ 

หนังสืออัลมินฮาจญ์ อธิบายหนังสือ ซอฮฺห์มุสลิม ของอิมามอันนะวาวีย์

หนังสือเอานุลมะอฺบูด อธิบาย สุนันอบีดาวูด

หนังสือตั๊วะห์ฟะตุลอะห์วะซีย์  อธิบบายหนังสือ สุนัตอัตติรมีซีย์

หนังสือ อธิบาย สุนันอันนะซาอีย์  โดยท่านอัศศินดีย์

หนังสืออธิบาย สุนันอันนะซาอีย์  โดยท่านอัศศะยูฏีย์

หนังสืออธิบายสุนันอิบนุมาญะฮ์  โดยท่านอัศศินดีย์

และตำราฮะดิษอื่น ๆ อีกมากมาย

ดังนั้น  ฮะดิษนี้ที่รายงานมาจากท่านนบี  เรามีความเห็นพร้องกันว่านบีได้กล่าวไว้  แต่ความเข้าใจในฮะดิษมันต่างกัน  ฉะนั้น ตัวบทฮะดิษมันเป็นเรื่องหนึ่ง  และความเข้าใจฮะดิษก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ดังนั้น  ตำราฮะดิษมีมากมายเยอะแยะตะเปะไก่  กรุณาให้คุณยกมาอ้างอิงหน่อยซิครับว่า  นักปราชญ์ฮะดิษผู้มีคุณธรรมและมีความเข้าใจฮะดิษเลิศกว่าเรานั้น  เขามีจุดยืนอย่างไรในการเข้าใจฮะดิษ

แต่ผมว่าคุณ mumin  ไม่กล้ายกมาชี้แจงหรอก   เพราะรู้ชะตากรรมว่าเป็นเช่นไรกับทัศนะที่คุณยึดอยู่  oh:
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
จากฮะดิส ที่ได้ยกมา ผมขอกล่าวเช่นนี้...
ก่อนคุณจะค้นหาฮะดิส ว่า บิดอะ มี กี่ประเภท 1 หรือ 2 หรือ 5 คุณสมควรที่จะทราบเสียก่อนว่า บิดอะ คืออะไร

บิดอะ คือ อะไร ?
บิดอะ นั้น แบ่งได้สอง แบบ นั้นคือ
1. บิดอะทางภาษา ( หรือทางโลก )
2. บิดอะทางศาสนา

เนื่องมาจาก ฮะดีส ที่ท่านนบี กล่าวว่า "พวกท่านย่อมรู้ดียิ่งในเรื่องกิจการทางโลกของพวกท่าน" ซัรมุสลิม เล่ม 15 หน้า 118

ดังนั้น นักวิชาการจึงให้ความหมายของบิดอะ ไว้ดังนี้
1. ประทานุกรมอัลมูหีด เล่ม 3 หน้า 3 เขียนไว้ว่า "บิดอะคือกิจกรรมที่เป็นอันดับแรก"
2. ประทานุกรมมุคตารุสสอหา หน้า 379 เขียนไว้ว่า "บิดอะคือสิ่งที่เขาประดิษฐ์มันขึ้นมาโดยไม่มีตัวอย่าง"
3. ประทานุกรมอัลมุตะมัด เขียนไว้ว่า "บิดอะคือกิจกรรมที่เขาประดิษฐ์และริเริ่มมันขึ้นมาโดยไม่มีตัวอย่าง"
4. ประทานุกรมอัลมุนยิด เขียนไว้ว่า "สิ่งที่ถูกเริ่มขึ้นมาโดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน"

ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ คือบิดอะในแง่ภาษา ซึ่งพอจะสรุปได้ว่า บิดอะคือ สิ่งที่มีขึ้นมาใหม่โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน

ดังในซูเราะอัลอะฮฺก๊อฟ อายะที่ 9

ﻝﺴﺭﻟﺍﻥﻤﺎﻋﺩﺒﺕﻥﻜﺎﻤﻝﻗ
(  กุ้ลมากุนตุบิดอัมมินัรรุซุ้ล )
ความว่า "จงกล่าวเถิด (มูฮัมหมัด) ฉันมิได้เป็นคนแรกในบรรดาร่อซู้ล"

ซึ่งหมายความว่า นบีมูฮัมหมัดนั้นมิใช่นบีคนแรก และศาสดาท่านแรก หากแต่ก่อนหน้ามีนบี และศาสดาหลายๆ ท่านมาก่อนแล้ว
จึงสรุปได้ว่า บิดอะ คือเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่

ทีนี้ เรามาดูในเรื่องบิดอะทางศาสนา

นิยาม หรือความหมาย ของคำว่า บิดอะทางศาสนานั้นไม่มีปรากฏในอัลกรุอาน หรือฮะดิส เลย ( มีแต่กล่าวถึงแต่ไม่อธิบายว่าหมายความว่าเช่นไร )
นั่นก็เป็นเพราะ อัลกรุอาน และฮะดิสนั้น ไม่มีหน้าที่สำหรับให้คำจำกัดความหรือนิยามแก่ถ้อยคำ
แต่หน้าที่ของทั้งสองสิ่งคือ นำมาซึ่งข้อเรียกร้องและเชิญชวนของอิสลาม และนบีมูฮัมหมัดก็มิได้ถูกส่งมาเพื่อให้คำนิยามแก่ถ้อยคำ แต่ท่านถูกส่งมาเพื่อชี้แจงอัลกรุอาน
ส่วนผู้ที่จำกัดความนั้นก็คือเหล่าบรรดานักวิชาการผู้เชี่ยวชาญหลังจากที่ได้ทำความเข้าใจในปัญหาที่จะให้คำนิยามนั้น
ทั้ง ซอฮะบะเอง ทั้งผู้รู้ต่างๆ ตลอดจนท่านอื่นๆ ด้วยเหตุผลนี้จึงไม่น่าประหลาดใจหากเราจะพบเห็นความแตกต่างกันในด้านคำนิยามของมัน

ดังนั้นแล้วที่คุณกล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ที่ว่าบิดอะนั้นมีบิดอะเดียว คือบิดอะดอลาละ ( ทุกอุตริกรรมนั้นลุ่มหลง ) จึงหมายถึง เป็นทรรศนะของอุลามะด้วย
( พี่น้องเราถึงไม่อยากตอบเพราะคุณเข้าใจว่า บิดอะมีแบบเดียว ทั้งๆ ที่นิยามความหมายของคำๆ นี้นั้นไม่มีอธิบายไว้ใน อัลกรุอาน และฮะดิส เลย )

จากนักวิชาการที่ให้คำนิยาม บิดอะ จนจำกัดความเหลือเป็น ทุกๆ บิดอะนั้นลุ่มหลง หนึ่งในนั้น มาจากหนังสือของ อัล-อิอฺติซาม ของ อัช-ชาติบีย์ ซึ่งเสียชีวิตในปี ฮศ 709 (1/37)
“แนวทางใหม่ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น(ทั้งทางความเชื่อและการปฏิบัติ)ในศาสนา, ในการตักลีดเรื่องชะรีอะฮฺ(ข้อบังคับ) เพื่อแสวงหาความใกล้ชิดกับอัลลอฮฺ แต่ไม่ได้เป็นสิ่งมาจากหลักฐานที่เชื่อถือได้ ไม่รู้ที่มาหรือวิธีการปฏิบัติของมัน”

ซึ่งท่านเองก็มิได้กล่าวว่า การงานต่างๆ ที่มีหลักฐานนั้นเป็นบิดอะลุ่มหลง
ดังนั้นจากตรงนี้ก็ยิ่งเข้าใจได้อีกว่า บิดอะ ของท่านนั้น จึงเป็น บิดอะที่หลุ่มหลง และไม่มีหลักฐานทางศาสนา หรือวิธีการปฎิบัติ
เมื่อเป็นเช่นนั้น ในความหมายของท่านจึงหมายถึง การรวมละหมาดตอรอเวียะของท่านอุมัรจึงไม่เป็นบิดอะ หรือ การกระทำในเรื่องศาสนาต่างๆ หากมีหลักฐานจึงไม่เรียกว่าบิดอะ

ส่วนนักวิชาการอีกแนวทางหนึ่งนั้นได้กล่าว คำจำกัดความ หรือนิยามที่ได้เขียนไว้ นักวิชาการท่านอื่นได้เขียนนิยามของ บิดอะทางศาสนาว่า

จากเชคอิซซุดดีน กล่าวใน ก่อวาอิดุ้ลอกาม (เสียชีวิตปี ฮศ 660) ว่า
"บิดอะนั้นคือเรื่องศาสนาที่ไม่มีหรือไม่เคยเป็นที่รู้จักกันในสมัยท่านร่อซู้ล"

ซึ่งหมายถึง กิจกรรมทางศาสนาที่ไม่เป็นที่รู้จักกันในสมัยท่านนบี จะถูกเรียกว่าบิดอะ เช่น การมีวิชาอุซูลุดดีน ตะเซาวุฟ การรวบรวมตัฟซีรอัลกรุอาน การละหมาดวันศุกร์ที่บ้าน การวางเครื่องหมายหยุดในอัลกุรอ่าน และการกำหนดข้อตัดสินในเรื่องตัจวีด เป็นต้น

ดังที่อีหม่ามซาฟีอี ได้แบ่งไว้สองประเภท คือ บิดอะฮะซานะ และ บิดอะดอลาละ
"อุตริกรรมนั้นมีสองประเภท อุตริกรรมที่ดีและอุตริกรรมที่เลว ฉะนั้นสิ่งใดที่สอดคล้องกับซุนนะ อันนั้นคืออุตริกรรมที่ดี และสิ่งใดที่ขัดแย้งกับซุนนะ อันนั้นคืออุตริกรรมที่เลว"

หลักฐานนั้น ก็เป็นดังที่ผมได้นำเสนอไว้อย่างคร่าวๆ แล้ว ซึ่งจะชี้ให้เห็นว่า ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วน
ท่านนบี ได้กล่าวว่า

(( من سنّ في الإسلام سنة حسنة كان له أجرها              
وأجر من عمل بها بعده من غير أن ينقص من                  
أجورهم شيء  ، من سنّ سنة سيئة كان عليه              
وزرها ووزر من عمل بها من بعده من غير                
 أن ينقص من أوزارهم شيء )) رواه مسلم.                      

ความว่า: ผู้ใดที่วางแนวทางในอิสลามโดยเป็นแนวทางที่ดี สำหรับเขาคือ (เขาจะได้รับ) ผลบุญของแนวทางที่ดีนั้น และผลบุญของผู้ที่นำเอาแนวทางนี้ไปปฏิบัติตาม โดยที่ผลบุญของผู้ปฏิบัติตามจะไม่ขาดตกบกพร่องสักส่วนเดียว (โดยที่ผู้วางแนวทางที่ดีจะได้รับผลบุญที่เขาปฏิบัติและยังได้รับผลบุญจากผู้ที่นำแนวทางที่ดีนี้ไปปฏิบัติตามด้วย) ผู้ใดที่วางแนวทางโดยเป็นแนวทางที่ชั่วร้าย สำหรับเขาคือ (เขาจะได้รับ) บาปกรรมของแนวทางที่ชั่วร้ายนั้น และบาปกรรมของผู้ที่นำเอาแนวทางนี้ไปปฏิบัติตาม โดยที่บาปกรรมของผู้ปฏิบัติตามจะไม่ขาดตกบกพร่องสักส่วนเดียว (โดยที่ผู้วางแนวทางที่ชั่วร้ายจะได้รับบาปที่เขาปฏิบัติและยังได้รับบาปจากผู้ที่นำแนวทางที่ชั่วร้ายนี้ไปปฏิบัติตามด้วย)

ฮะดิสนี้นั้นได้ชี้แจงในเรื่องของ “كل بدعة ضلالة” (ทุก ๆ อุตริกรรมนั้นหลงผิด) มันคือการขยายความของ ฮะดีสดังกล่าวที่คุณได้ยกมาข้างต้น
ให้เราได้เข้าใจว่า บิดอะ ดังกล่าวนั้น คือบิดอะที่ชั่วร้าย หรือบิดอะที่เลว หรือบิดอะที่ไม่มีสิ่งที่อยู่ในศาสนาเลย

เราจะเห็นว่า จากฮะดิส ที่ใช้คำว่า ทุกๆ บิดอะ (การกระทำทุกอย่าง) นั้นหลงผิด นั้น มีเพียงฮะดิส เดียวเท่านั้น แล้วนั้นก็มิใช่เป็นฮะดิสซอเหียะที่ถูกรองรับโดยมุสลิม หรือบุคอรี แต่อย่างใด และก็ยังไม่มีฮะดิสใดมายืนยันว่า ทุกๆ บิดอะนั้นหลงผิด และตกนรก อีกเช่นกัน

เรายังต้องเข้าใจอีกว่า นักวิชาการด้าน อุซุลุดดีน และ นักวิชาการฮะดิสนั้น ไม่มีผู้ใดกล่าวว่า ทุกๆ อุตริกรรม(ทุกอย่าง)นั้นตกนรก

อีกทั้ง การใช้ฮะดิสอื่นมาขยายความ หรือจำกัดความ หรือมาตีความนั้นมีด้วยกันหลากหลาย เพื่อให้เข้าใจว่าฮะดีสดังกล่าวที่ยกมาทั้ง 3 ที่ผมนำเสนอก่อนหน้านั้นคือบทขยายความ ผมจะขอนำเสนอตัวอย่าง ฮะดิสที่มีการนำมาขยายความในเรื่องอื่นๆ ดังนี้

อัลลอฮฺ ตรัสว่า
"จงประกาศเถิด (มูฮัมหมัด) ใครเล่าจะกำหนดห้ามเครื่องประดับแห่งอัลลอฮฺ ที่พระองค์ทรงบันดาลแก่มวลบ่าวแห่งพระองค์ และ (ใครเล่าจะกำหนดห้าม) เครื่องยังชีพที่ดีงาม"

ในบทนี้กล่าวถึง ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นที่อนุมัติแก่เรา แต่มันก็ถูกจำกัดความโดยฮะดิสที่ว่า
"แท้จริงท่านร่อซู้ลทรงเห็นแหวนทองคำในมือของชายคนหนึ่ง แล้วท่านถอดมันออกจากมือเขาแล้วขว้างไป และท่านกล่าวว่า คนหนึ่งในหมู่พวกท่านกำลังรวบคบไฟแล้วเอามาไว้ในมือ"

และ อัลลอฮฺ ตรัสว่า
"อัลลอฮฺทรงบัญชาแก่สูเจ้า ( ในการแบ่งมรดก ) ในลูกๆ ของสูเจ้าว่า สำหรับลูกผู้ชายหนึ่งคน เท่ากับลูกผู้หญิงสองคน"

แต่มันก็ถูกขยายความอีกด้วย
"มุสลิมไม่มีสิทธิรับมรดกจากกาฟิร และการฟิรก็ไม่มีสิทธิรับมรดกจากมุสลิม" ( บุคอรี และมุสลิม )



สรุป คำนิยาม ของคำว่า บิดอะ นั้น ไม่มีทั้งใน อัลกรุอาน และฮะดิส ว่ามีกี่ประเภท ไม่ว่าจะเป็น หนึ่ง สอง หรือ ห้า
หากแต่เป็นนักวิชาการหลังจากได้ศึกษามาแล้วอย่างละเอียด โดยหนึ่งในนั้นก็คือ อีหม่ามซาฟีอี ซึ่งเป็น นักวิชาการฝ่ายฮะดิส ( อะฮฺลิลฮะดิส )

ดังนั้น บิดอะนั้น คือเรื่องที่ไม่มีหลักฐานแน่ชัด
ที่ปรากฏในบุคอรี เล่มหนึ่ง หน้า242 และอัลมุวัตเฏาะ เล่มหนึ่ง หน้า 136 จากที่ท่านอุมัร กล่าวว่า "บิดอะที่ดีคือสิ่งนี้"  เนื่องจากเป็น ซุนนะคอลีฟะรอชิดีน แต่เราก็ต้องขอกล่าวว่า นั้นแหละคือ บิดอะ แต่เป็น บิดอะฮะซะนะ ตามที่ท่านอุมัรได้กล่าวไว้อย่างชัดเจน
ในบุคอรี ก็กล่าวถึงการรวบรวมอัลกรุอาน ในลักษณะว่าเป็นบิดอะเช่นกัน ซึ่ง ท่านอบูบักร และท่านอุมัร รวมถึง ท่านไซดฺบินซาบิต ต่างก็ยอมรับเช่นกัน

เราจึงกล่าวไม่ได้ว่า สิ่งนั้นคือบิดอะทางภาษา เนื่องมาจากมันเกี่ยวเนื่องกับเรื่องของศาสนาอย่างเห็นได้ชัด

ความแตกต่างของทรรศนะทั้งสอง
จึงต่างตรงที่ การนับเอา ทุกอย่างเป็นบิดอะ ( ซึ่งแบ่งเป็น ฮะซะนะ และ ดอลาละ ) ไม่ว่าจะเป็นการกระทำของ คอลีฟะ เช่น อบูบักร อุมัร อุซมาน อาลี หรือ เหล่าซอฮาบะ ตาบีอีน ตาบีอิตตาบีอีน
กับการไม่นับเป็นบิดอะเลย ( ซึ่งเป็น ดอลาละ เท่านั้น ) หากมาจากการกระทำของ คอลีฟะ เช่น อบูบักร อุมัร อุซมาน อาลี และ เหล่าซอฮาบะ ตาบีอีน ตาบีอิตตาบีอีน
อันเนื่องมาจาก การกระทำของพวกเขาเหล่านั้น ถือว่าสามารถกระทำได้นั่นเอง...

ดังนั้น ในทรรศนะหนึ่งกับสอง จึงกล่าวว่า ท่านอุมัรนั้นไม่ทำบิดอะ(ทางศาสนา)แต่เป็นบิดอะทางภาษา  กับ ท่านอุมัรนั้นทำบิดอะ(ทางศาสนา)แต่เป็นบิดอะที่ดี

ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็แบ่ง ประเภทของบิดอะเช่นกัน....



เสริม
การตักลีด คือการตามอย่างหลับหูหลับตาตาม ตามแบบไม่รู้หลักฐาน หรือตามผู้ที่ไม่รู้
กล่าวคือ การตามปู่ย่า ตายาย ที่ไม่รู้ศาสนา หรือ บรรพบุรุษที่เป็นกาเฟร เหล่านั้นคือการตักลีดที่ต้องห้าม
ในอัลกรุอาน ได้บรรยายไว้เช่นนี้

อัลบะกอเราะ อายะที่ 170
"และเมื่อได้ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่าจงปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลออฺได้ทรงประทานลงมาเถิด พวกเขาก็กล่าวว่า มิได้ เราจะปฏิบัติสิ่งที่เราได้พบบรรดาบรรพบุรุษของเราเคยปฏิบัติมาเท่านั้น และแม้ได้ปรากฎว่าบรรพบุรุษของพวกเขาไม่เข้าใจสิ่งใด และทั้งไม่ได้รับแนวทางอันถูกต้องก็ตามกระนั้นหรือ ?"

พระองค์ทรงถามว่า แม้ว่าบรรพบุรุษของพวกเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรและอยู่ในทางที่ผิดก็จะปฏิบัติกระนั้นหรือ
จึงเป็นเครื่องยืนยันว่า นี่แหละคือการตักลีด ที่ถูกห้าม
แต่การตักลีดที่ไม่ถูกห้ามนั้น ก็คือการตามผู้ที่มีความรู้ อันเนื่องมาจากเรานั้นไม่มีความรู้นั่นเอง ซึ่งหมายถึงการตามผู้ที่รู้กว่า ที่เป็นผู้ที่รู้จริง



หวังเป็นอย่างยิ่งว่าเราคงได้รับแนวทางที่ถูกต้อง
อินชาอัลลอฮฺ
วัลลอฮฺอะลัม
วัสลาม...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 19, 2008, 03:22 AM โดย Goddut »

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คุณ mumin  ถามว่า  "รบกวนขอหลักฐานฮาดีษเรื่องบิดอะที่สามารถมาคัดง้างกับฮาดีษดังต่อไปนี้ได้หน่อยครับ?"

ตอบ

อัลเลาะฮ์(ซ.บ.) ทรงตรัสว่า

وجعلنا فى قلوب الذين اتبعوا رأفة ورحمة ورهبانية ابتدعوها ما كتبنا عليهم إلا ابتغاء رضوان الله فما رعوها حق رعايتها

ความว่า "และเราได้บันดาลให้สถิตอยู่ในหัวใจของบรรดาผู้ประพฤติตามเขา(คือตามนบีอีซา อะลัยฮิสลาม) ซึ่งความสงสาร  ความเมตตา  และความเป็นนักบวช  ซึ่งพวกเขาได้ริเริ่มสิ่งนั้นขึ้น  โดยที่เราไม่ได้บัญญัติสิ่งนั้นให้เป็นข้อบังคับแก่พวกเขาเลย(พวกเขากระทำเช่นนั้น มิได้มุ่งหวังสิ่งใด) นอกจากเพื่อแสวงหาความโปรดการุนของอัลเลาะฮ์เท่านั้น  แล้วพวกเขาก็มิได้รักษาสิ่งนั้นไว้อย่างจริงจัง"  (อัล-หะดีด 27)

ญาบิร บิน อับดุลเลาะฮ์  เขากล่าวว่า  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

أما بعد: فإن خير الحديث كتاب الله وخير الهدى هدى محمد وشر الأمور محدثاتها وكل محدثة بدعة وكل بدعة ضلالة

ความว่า" จากนั้น  แท้จริงถ้อยความที่ดีที่สุด คือกิตาบุลเลาะฮ์  แต่ทางนำที่ดีที่สุด  คือทางนำของมุหัมมัด  แต่บรรดาการงานที่ชั่วที่สุด  คือบรรดาสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่  และทุกสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่นั้น  เป็นบิดอะฮ์  และทุกๆ บิดอะฮ์นั้น ลุ่มหลง"  ( รายงานโดยมุสลิม  หะดิษที่  867  อิมามอะหฺมัด  รายงานไว้ในมุสนัด เล่ม 3 หน้า 310   ท่านอันนะซาอีย์  รายงานไว้ในสุนันของท่าน  เล่ม 3 หน้า 188  และท่านอื่นๆ )

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ที่ว่า

من ابتدع بدعة ضلالة لا يرضاها الله ولا رسوله كان عليه مثل آثام من عمل بها لا ينقص ذلك من أوزارهم شيئا

ความว่า" ผู้ใดที่อุตริทำบิดอะฮ์อันลุ่มหลง  ที่อัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์ไม่พอใจ  แน่นอน  เขาย่อมได้รับบาปเหมือนกับผู้ที่ได้ปฏิบัติมัน  โดยที่บาปของพวกเขาดังกล่าวจะไม่ทำให้สิ่งใดลงน้อยลง  จากบรรดาบาปของพวกเขา"  อิมาม  อัตติรมีซีย์  กล่าวว่า  หะดิษนี้  หะซัน ( ดู  อัล-อาริเฏาะฮ์ เล่ม 10 หน้า 148)  

ท่านหญิง  อาอิชะฮ์ (ร.ฏ.)  ท่านกล่าวว่า   ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)  

من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد

หมายความว่า "ผู้ใดที่กระทำขึ้นมาใหม่  ในการงาน(ศาสนา)ของเรานี้  กับสิ่งที่ไม่มีมาจากมัน(คือจากการงานของเรา)แล้ว   สิ่งนั้นย่อมถูกปฏิเสธ"  (รายงานโดย บุคอรีย์ หะดิษที่ 2698 และมุสลิม  หะดิษที่ 1718)

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า

من سن في الإسلام سنة حسنة فله أجرها وأجر من عمل بها بعده من غير أن ينقص من أجورهم شيء ومن سن في الإسلام سنة سيئة كان عليه وزرها ووزر من عمل بها من بعده من غير أن ينقص من أوزارهم شيء

" ผู้ใด ที่ได้ทำขึ้นมา ในอิสลาม กับหนทางที่ดี แน่นอน เขาจะได้รับผลบุญและได้รับผลบุญของผู้ที่ได้ปฏิบัติตามหลังจากเขาได้(เสียชีวิตไปแล้ว) โดยไม่มีสิ่งบกพร่องลงเลย จากผลบุญของพวกเขา และผู้ใด ทีได้ทำขึ้นมา ในอิสลาม กับหนทางที่เลว แน่นอน บาปของมันก็ตกบนเขา และบาปของผู้ที่ปฏิบัติมัน  หลังจากเขา(เสียชีวิตไปแล้วก็ตกบนเขา) โดยไม่มีสิ่งใดบกพร่องลงไปเลย  จากบรรดาบาปของพวกเขา" (รายงานโดย ท่านอิมาม มุสลิม ไว้ในซอเฮี๊ยะหฺของท่าน หะดิษที่ 1017)

ท่านนบี(ซ.ล.)ได้กล่าวว่า

فعليكم بسنثى وسنة الخلفاء الراشدين

" พวกท่านจงดำรงไว้ ด้วยซุนนะฮ์ของฉัน และแนวทางของบรรดาค่อลิฟะฮ์ผู้ทรงธรรม"

คำกล่าวของท่านอุมัร(ร.ฏ.) เกี่ยวกับละหมาดตะรอวิหฺ  ที่ว่า

نعمت البدعة هذه

"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี  คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"  

^
^
^

ถึงคุณ mumin  

นี่คือบรรดาหลักฐานฮะดิษ และอัลกุรอานแถมให้ด้วย  ที่พิจารณากันถึงเรื่องการแบ่งประเภทของบิดอะฮ์หะสะนะฮ์และซัยยิอะฮ์  และบรรดาฮะดิษนี้ทั้งหมดเหล่านี้  ผมไม่เชื่อว่าคุณ  mumin จะปฏิเสธ เพราะฮะดิษฮะซันคุณ  mumin ก็ปฏิเสธไม่ลง ลองปฏิเสธซิครับ โจ๊กแน่ๆ  ไม่ได้ขู่น่ะ!

แต่คุณ mumin  พยายามอ้างถึง น้ำหนักฮะดิษ แล้วผมอยากถามว่า แล้วฮะดิษอื่น ๆ ที่ฉันได้ยกมาข้างต้นล่ะ คุณจะเอาไปทิ้งที่ใหน?  หากคุณทิ้งฮะดิษที่เหลือ โจ๊กแน่ ๆ ไม่ได้ขู่น่ะ!  แต่หากคุณ mumin  บอกว่าฉันไม่ได้ปฏิเสธฮะดิษที่เหลือ  ฉันขอถามว่า  แล้วคุณเข้าใจฮะดิษที่เหลืออย่างไร?!  

แล้วคุณรวมฮะดิษเป็นหรือเปล่า  ซึ่งการรวมฮะดิษย่อมดีเลิศกว่าการให้น้ำหนักฮะดิษไม่ใช่หรือ  คุณเคยเรียนหรือเปล่า!  

อยู่ดี ๆ คุณก็มาอ้างว่า ฮะดิษที่คุณจะเอามีน้ำหนัก  โดยทิ้งฮะดิษอื่น  แบบนี้มันไม่ใช่เป็นการพิจารณาฮะดิษในเชิงวิชาการ  หากมีฮะดิษต่าง ๆ ทั้งซอฮิห์และฮะซัน นักปราชญ์เขาไม่ทิ้งฮะดิษทั้งหมด  เพราะพวกเขาเชื่อว่าเป็นฮะดิษนบีทั้งหมด  ดังนั้นพวกเขาจึง รวมฮะดิษ الجمع  และไม่ใช่ให้น้ำหนักฮะดิษ الترجيح เนื่องจากจะไปปฏิเสธหรือละเลยฮะดิษนบีอื่น ๆ ได้  

เราลองมาชมกันครับว่าคุณ mumin  เข้าจะตอบเราอย่างไรหรือจะไปทางใหนอีก  hehe
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ Ad.basir

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 5
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สลาม

mumin วะฮาบีคนนี้เขาเข้ามาถามไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจอะไร  เท่าที่อ่านคำพูดของเขา  ใครๆก็รู้ว่าเขาจะเอาอะไร
อย่าไปเสวนากับเขาเลยเพราะเขามาแบบอคติตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว  หากใครจะชี้แจงก็ต้องอดทนหน่อย

มาให้กำลังใจพี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮ์น่ะ

ออฟไลน์ al-ciddix

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 93
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
บังmuminครับ หายหน้าไปเลย หรือว่า โดนเข้าไปเยอะจุกขึ้นอก หรือครับบัง  อิๆๆบอกแล้วว่า  เวปนี้เขามีคุณภาพแบบคับแก้ว เป็นเวปที่ไม่ทิ้งบรรดอุลามะทั้งคำสอนดีๆจะตอบอะไรต้องมีหลักอ้างอิง ไม่ตอบแบบตามใจตนเอง ทุกอย่างต้องเป็นคำตอบจากอุลามะที่โลกปราชญ์

  ต่างกับ เวปวาฮาบี  ที่ตอบเอง  ยกฮาดิสมาแบบดุ้นๆไม่ต้องอธิบาย ว่าคำบางคำในฮาดิสนั้นมันก็ต้องอาศัยความหมาย   ไม่ใช่อ่านแล้วจะเข้าใจได้เลย  ส่วนวาฮาบีนั้น ยกมาเพียวๆ แล้วก็มาทำความเข้าใจกันเอง  ส่วนใครไม่เข้าใจหรือเข้าใจนั้นไม่สนครับ หรือบางทีก็เอาอุลามะที่อยู่ในทางเดียวกัน   มาเสริมความเข้าใจ  เช่น อัลชาติบี  อิบนุฮัชมิน  ที่ให้ความหมายเรื่องบิดอะแบบแคบๆ โดยไม่รับการกระทำของซอฮาบของทานนบี อีกมากมายไม่อยากตำหนิความบกพร่องเรื่องการรับฮาดิสของวาฮาบี 

และ  ในกรณีที่บังตำหนิผมๆไม่ถือหรอกครับ  คิดเสียว่า  บังคือญาติของผม




งานนี้ต้องยกนิ้วโป้งให้ บัง eiham  และgoddutและคนอื่นๆ

ออฟไลน์ Hakeem

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
  hihi  นั่งติดตาม คำถามของคุณ มุมินอยู่นาน เกี่ยวเรื่องการคัดง้าง boulay:ฮาดิส หรือยกระดับสถานะฮาดิส ทั้ง3ตัวอย่าง

ไอ้กระผม นึกสังหรณ์ใจว่าเอ..อยู่ดีๆก็มีความคิดแบบนี้ด้วยหรือ คือ  รับเอาตัวบทฮาดิสอย่างเดียวโดยไม่มีการพิจรณาที่มาที่ไป ว่าฮาดิสมีสายสืบซอเหียะอย่างไร นึกจะเอาอะไรที่มาตรงกับความต้องการ แล้วฉันจะยึดว่างั้นเถอะ  เมื่อถูกใจแล้วฉันก็จะตามทันที โดยนำมาตัดสิน ว่า  โอ  mycry อย่างนี้  ใช่เลย อย่างนั้นถูกแล้ว natural: โดยไม่ต้องเอาคำอธิบายใด

ก็อย่างที่ผู้พอจะรู้ในเวปนี้เขาตักเตือน   ไม่ว่าท่าน elham ,ท่านal-ashary,ท่าน Goddut ท่านal-ciddiс และอีกหลายๆท่าน ที่พยามยามแนะนำ และนะศีฮัต

  ขอเตือน ครับคุณ มุมิน การตัดสินใจเลือกฮาดิสโดยละทิ้งผู้ที่มีความเข้าใจฮาดิสในการชี้แนะ แบบนี้   ถือว่าอันตรายสำหรับตัวเองและครอบครัวมากครับ
 เพราะตัวเองไม่ใช่เป็นนักมุฮาดีศีน ซึ่งไม่สามารถแยกแยะฮาดิสต่างๆได้เอง   ทุกอย่าง

ไอ้กระผมว่า ไม่นานหรือสักวัน1 คุณมุมินจะพบกับการหลงทางในการรับฮาดิสโดยพละการด้วยที่เอาความเข้าใจของตัวเอง มาร่วมตัดสินอย่างนี้   ถ้ายังขืนเข้าใจผิดๆในการรับฮาดิส แบบนี้... Oops:

ออฟไลน์ Hakeem

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ถึงคุณมุมีน   ไอ้กระผม อยากให้คุณได้  อ่านสาระน่ารู้ข้างล่างเรื่อง  หะดีษ  สักนิดครับ

ความหมายทางวิชาการ

หะดีษ คือ คำพูด  การกระทำ การยอมรับ และคุณลักษณะ ตลอดจนชีวประวัติของท่านนบีมุฮัมหมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวัสลัม)

แต่ถ้าคุณจะเอา แค่ความหมายข้างบน(ซึ่งข้างบนนั้นมันก็คือคำจำกัดความกว้างๆที่บรรดผู้รู้ทางฮาดิเขาให้มาเช่นกัน)  ฉนั้นเราจะปฏิเสธสิ่งเหล่านี้จากผู้รู้ไม่ได้เช่นกัน
เพราะที่กล่าวมานั้นท่านนบีก็ไม่ได้บอกถุงความหมายคำว่าหะดีษเลย  แต่อุลามะไงที่ตีกรอบคำๆนี้ไว้ ไม่งั้นจะไม่รู้เลยว่าอะไรคือความหมายของมัน

แต่ข้างล่างคือ คำอธิบายจากอุลามะที่ชื่อว่า

          อิบนุหะญัร อัล-อัสเกาะลานีย์ให้นิยามของหะดีษว่า ?ทุกๆสิ่งที่พาดพิงถึงท่านนบี(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวัสลัม)?

 คำที่มีความหมายใกล้เคียงกับหะดีษ

1.    อัซซุนนะฮฺ   السنة       

2.    อะษัร  أثر       

3.    เคาะบัร  خبر

 อัซซุนนะฮฺ  السنة  เดิมนั้นแปลว่า แนวทาง หรือ แบบอย่าง  ส่วนความหมายทางวิชาการนั้นมีหลายนิยาม

·  นักปราชญ์วิชาหะดีษและปราชญ์อุศูลุลฟิกฮ์ให้ความหมายอัซซุนนะฮฺเช่นเดียวกับคำว่าหะดีษ

·  นักปราชญ์วิชาฟิกฮฺให้ความหมายอัซซุนนะฮฺว่า สิ่งที่มีบัญญัติพึ่งกระทำ หากละเว้นไม่กระทำก็ไม่มีบทลงโทษใดๆ ซึ่งตรงข้ามกับคำว่าวาญิบ(จำเป็น)หรือฟัรฎู(บังคับต้องกระทำ)

·  นักปราชญ์ทั่วไปใช้คำว่า อัซซุนนะฮฺในบางครั้งหมายถึง สิ่งตรงข้ามกับคำว่าบิดอะฮฺ (อุตริกรรม)


2. อะษัร  أثر  ความหมายเดิมคือ ร่องรอย เครื่องหมาย หรือสิ่งที่หลงเหลือ
·  นักปราชญ์วิชาหะดีษให้ความหมายอะษัรเช่นเดียวกับคำว่าหะดีษ

·  นักปราชญ์บางท่านให้ความหมายว่า คำพูดหรือการกระทำของเศาะหาบะฮฺและตาบิอีน

3.  เคาะบัร خبر  ความหมายเดิมคือ ข่าว เรื่องราว

·  นักปราชญ์วิชาหะดีษให้ความหมายเคาะบัรเช่นเดียวกับคำว่าหะดีษ

·  นักปราชญ์บางท่านให้ความหมายว่า หะดีษคือสิ่งที่มาจากท่านรอซูล  ส่วนเคาะบัรคือสิ่งที่มาจากผู้อื่น

 *ปราชญ์ บางท่านก็จำแนกคำที่กล่าวมาข้างต้นดังนี้

·  หะดีษ  حديث คือสิ่งที่มาจากท่านรอซูล

·  อะษัรأثر  คือสิ่งที่มาจากเศาะหาบะฮฺ ตาบีอีนและผู้ที่มาหลังจากพวกเขา

·  ส่วนเคาะบัร  خبر  คือ ชีวประวัติของบรรดากษัตริย์สมัยโบราณและบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์

 ฉนั้นไม่ว่าคำว่า

 อัซซุนนะฮฺ   السنة       

 อะษัร  أثر       

เคาะบัร  خبر


ที่กล่าวมาแล้วนั้น จะเห็นว่า  เฉพาะคำว่าหะดีษ คำเดียว.... อุลามะก็ยังไม่ให้คำนิยามไปต่างๆกัน เลย  ทั้งนี้เพื่อที่ จะทำให้เราได้รู้ว่า อะไรคือความหมายของมัน   

และการที่คุณไม่เอาการอธิบายของอุลามะนั้น  ถือว่า คุณกำลังหลงทางเข้าหาในการรับหะดิษแบบผิดๆแล้วครับคุณ

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
คืออย่างนี้นะครับ การอธิบายเรื่องบิดอะ นั้นยังไม่จบ

แล้วเรายังต้องเสวนากันเรื่องฮะดิสอีกมากโข

อยากให้คุณจขกท เข้ามาอ่าน แล้วทำความเข้าใจ หรือรับคำก่อน หรือมาเสวนาต่อ

เราจะได้นำเสนอข้อมูลกันต่อไปครับ

อินชาอัลลอฮฺ



ปล.  ฮากีม แก้ข้างบนหน่อย มันขึ้นเสียเป็นแบบนี้ &middot;   แล้วแก้ตรงที่ เฉพาะคำว่าหะดีษ คำเดียว.... อุลามะก็ยังไม่ให้คำนิยามไปต่างๆกัน เลย   << เป็น ให้คำนิยามต่างกันนะครับ
วัสลาม...
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 19, 2008, 04:31 PM โดย Goddut »

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สงสัยคุณ mumin  พลพรรคเว็บมุรีด  ไปโพธนาสร้างภาพว่า ทางเราตอบในกระทู้นี้ไม่ได้  hehe 

คุณ mumin  บอกว่า "สามารถมาคัดง้าง" ฉันจึงไม่ทราบว่า คัดง้าง เนี่ย ภาษาอาหรับมันอ่านว่าอย่าไร  ถ้าหมายถึง معارضة  (มุอาริเฏาะฮ์ - ค้านกัน) ล่ะก็  ไปเรียนมาอีก 10 ปี  ค่อยมาคุยกัน  เพราะฮะดิษต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอไปนั้น  มันไม่ได้มุอาร่อเฏาะฮ์  หากบอกว่า "ให้น้ำหนักฮะดิษ"  ก็ไปเรียนมาใหม่อีก 10 ปี แล้วมาคุยกัน  เพราะการรวมฮะดิษต้องมาก่อน 

สรุปคือ  การตั้งคำถามของคุณ mumin  นั้น  ตบตาลวง ผู้อ่าน  หมายถึง ติดกระดุมเม็ดแรกก็ผิดแล้ว
   hehe
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

พี่น้องเสวนากันมาก็หลายหน้าแล้ว  สรุปก็คือ  คุณ  mumin  ไม่เข้าใจหลักวินิจฉัยฮะดิษ  ตั้งคำถามไม่ถูกต้อง  ไม่เข้าใจหลักการให้น้ำหนักฮะดิษกับการรวมฮะดิษ  และไม่เข้าใจคำว่า "คัดง้าง" ที่มีต่อฮะดิษ  และไม่พยายามยึดความเข้าใจของนักปราชญ์ฮะดิษมาเป็นบรรทัดฐาน  ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม 

ดังนั้นการตั้งคำถามของคุณ mumin และหลักการที่ของที่มีต่อฮะดิษและหลักความเข้าใจฮะดิษ จึงไม่อยู่ในเชิงวิชาการ  และไม่ยอมร่วมเสวนาเชิงวิชาการ   เพราะฉะนั้น  หากคุณ mumin  ต้องการเสวนาเชิงวิชาการกับเราเมื่อไหร่  ผมจะร่วมเสวนาในกระทู้นี้ครับ  อินชาอัลเลาะฮ์

والسلام

al-azhary

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ mumin

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 41
  • เพศ: ชาย
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด

แล้วคนอย่างคุณเข้าใจหลักรวมฮะดิษป่ะครับ  oh:


อืมมม ดูเหมือนคุณ elharm นี่ ใช้คำพูดแบบนี้ ดูจะตะกับโบ้รโอ้อวดในความรู้ของตนเองซะจริงนะครับ
ระวังนะครับสิ่งที่เรียนมา มันจะไม่ได้ยังประโยชน์อะไรกับคุณเลยนะครับ ผมเตือนแล้วนะ



ผมขอบอกพี่น้องเลยน่ะครับว่า  หากคุณ mumin เสวนาตามหลักวิชาการเมื่อไหร่  ทัศนะการแบ่งบิดอะฮ์ของเขา  ไม่มีน้ำหนัก ครับ  แต่คุณ mumin  พยายาม

เลี่ยงการเสวนาเชิงวิชาการ  เพราะเขากำพร้าอุลามาอ์  ทัศนะของคุณ mumin ไม่ค่อยมีอุลามาอ์เห็นด้วย  จึงวางเงื่อนไขไม่เอาอุลามาอ์เพราะตนเองกำพร้า

ขาดแคลนอุลามาอ์ 



ดังนั้น  ฮะดิษนี้ที่รายงานมาจากท่านนบี  เรามีความเห็นพร้องกันว่านบีได้กล่าวไว้  แต่ความเข้าใจในฮะดิษมันต่างกัน  ฉะนั้น ตัวบทฮะดิษมันเป็นเรื่องหนึ่ง  และความเข้าใจฮะดิษก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ดังนั้น  ตำราฮะดิษมีมากมายเยอะแยะตะเปะไก่  กรุณาให้คุณยกมาอ้างอิงหน่อยซิครับว่า  นักปราชญ์ฮะดิษผู้มีคุณธรรมและมีความเข้าใจฮะดิษเลิศกว่าเรานั้น  เขามีจุดยืนอย่างไรในการเข้าใจฮะดิษ

แต่ผมว่าคุณ mumin  ไม่กล้ายกมาชี้แจงหรอก   เพราะรู้ชะตากรรมว่าเป็นเช่นไรกับทัศนะที่คุณยึดอยู่  oh:


คุณบอกผมเลี่ยงสนทนาวิชาการ? เอ้า ผมเป็นแค่คนเอาวามธรรมดาๆ คุณจะมาสนทนาวิชาการ
อะไรกับผมครับ? โทษทีจะเอาอะไรกับคนที่ความรู้น้อยกว่าคุณครับ? ผมว่าถ้าคุณแน่จริง โต๊ะครูฝ่ายที่ถูกกล่าวหา
ว่าเป็นวะฮาบีย์เยอะแยะไปครับ ไม่เห็นปากกล้าท้าชนกับเค้าเลยนี่? จะเก่งก็อย่าเก่งแต่กับชาวบ้าน
อย่างเดียวสิครับ ช่วยเก่งให้มันจริงทั่วๆ หน่อย ถ้าคุณแจ๋วจริง ก็ไปขอท้าเปิดเวทีกับโต๊ะครูเหล่านั้นไปเลย


คุณบอกทัศนะหรือความเข้าใจของผมที่มีต่อแนวทางของกลุ่มที่ถูกเรียกว่าวะฮาบีย์
ไม่มีอุลามาห์เห็นด้วย ก็อ่านด้านล่างดูครับ อ้างอิงไว้แล้ว อ่านแบบเปิดใจหน่อยนะครับ อย่าใจแคบ

หลังจากผมลองเปิดหูเปิดตา เปิดใจอ่านดู ทั้งสองแนวทางแล้ว ผมก็ว่าแนวทางที่อ้างอิงนี้ ทำให้ผมเข้าใจ
เกี่ยวกับคำพูดของท่านอุมัรไม่น้อยทีเดียวครับ รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ด้วย อัลฮัมดุลิลลาฮ์ที่พระองค์
อัลลอฮ์ทรงให้ผมได้เจอบทความนี้ ด้วยอัซบ้าบที่ผมอยากจะศึกษาโดยใจเปิดกว้างเป็นกลาง
ทำให้ผมได้เจอบทความที่ทำให้ผมได้ศึกษาข้อมูลของทั้งสองแนวทางนี้ได้
อ่านแล้วถึงบางอ้อเลยครับ



หะดิษที่ถูกนำไปอ้างว่ามีบิดอะฮฺหะสะนะฮฺ(ภาค1)
http://www.azsunnah.com/modules.php?name=News&file=article&sid=54
หะดิษที่ถูกนำไปอ้างว่ามีบิดอะฮฺหะสะนะฮฺ(ภาค2)
http://www.azsunnah.com/modules.php?name=News&file=article&sid=55
หะดิษที่ถูกนำไปอ้างว่ามีบิดอะฮฺหะสะนะฮฺ(ภาค3)
http://www.azsunnah.com/modules.php?name=News&file=article&sid=56




คุณ elharm คงเห็นแล้วว่าผมกล้ายกมาชี้แจงในแนวทางของอีกกลุ่มหนึ่งที่ผมกำลังศึกษาอยู่
และคงเห็นว่ามีนักปราชย์มากมายที่สนับสนุนทัศนะนี้





ถึงคุณ mumin   

นี่คือบรรดาหลักฐานฮะดิษ และอัลกุรอานแถมให้ด้วย  ที่พิจารณากันถึงเรื่องการแบ่งประเภทของบิดอะฮ์หะสะนะฮ์และซัยยิอะฮ์  และบรรดาฮะดิษนี้ทั้งหมดเหล่านี้  ผมไม่เชื่อว่าคุณ  mumin จะปฏิเสธ เพราะฮะดิษฮะซันคุณ  mumin ก็ปฏิเสธไม่ลง ลองปฏิเสธซิครับ โจ๊กแน่ๆ  ไม่ได้ขู่น่ะ!

แต่คุณ mumin  พยายามอ้างถึง น้ำหนักฮะดิษ แล้วผมอยากถามว่า แล้วฮะดิษอื่น ๆ ที่ฉันได้ยกมาข้างต้นล่ะ คุณจะเอาไปทิ้งที่ใหน?  หากคุณทิ้งฮะดิษที่เหลือ โจ๊กแน่ ๆ ไม่ได้ขู่น่ะ!  แต่หากคุณ mumin  บอกว่าฉันไม่ได้ปฏิเสธฮะดิษที่เหลือ  ฉันขอถามว่า  แล้วคุณเข้าใจฮะดิษที่เหลืออย่างไร?!   

แล้วคุณรวมฮะดิษเป็นหรือเปล่า  ซึ่งการรวมฮะดิษย่อมดีเลิศกว่าการให้น้ำหนักฮะดิษไม่ใช่หรือ  คุณเคยเรียนหรือเปล่า! 

อยู่ดี ๆ คุณก็มาอ้างว่า ฮะดิษที่คุณจะเอามีน้ำหนัก  โดยทิ้งฮะดิษอื่น  แบบนี้มันไม่ใช่เป็นการพิจารณาฮะดิษในเชิงวิชาการ  หากมีฮะดิษต่าง ๆ ทั้งซอฮิห์และฮะซัน นักปราชญ์เขาไม่ทิ้งฮะดิษทั้งหมด  เพราะพวกเขาเชื่อว่าเป็นฮะดิษนบีทั้งหมด  ดังนั้นพวกเขาจึง รวมฮะดิษ الجمع  และไม่ใช่ให้น้ำหนักฮะดิษ الترجيح เนื่องจากจะไปปฏิเสธหรือละเลยฮะดิษนบีอื่น ๆ ได้ 

เราลองมาชมกันครับว่าคุณ mumin  เข้าจะตอบเราอย่างไรหรือจะไปทางใหนอีก  hehe

อืมมม คุณ elharm ผมว่าคุณใจเย็นๆ นั่งสงบใจ ดื่มน้ำเย็นๆ สักเเก้ว หายใจลึกๆ
แล้วตั้งใจอ่านที่ผมโพสต์ที่ผ่านมาให้ดีๆ ดีกว่าครับ
อย่างแรก ผมเคยบอกคุณเหรอครับว่าผมทิ้ง ผมจะไม่เอาฮาดีษที่คุณยกมาเลย? ฮาดีษไหน
ที่มีสายรายงานที่ชัดเจน แข็งแรง ผมก็ยอมรับหมดนั่นแหละ ผมไม่เคยบอกเลยว่า
จะเอาฮาดีษโน้น ทิ้งฮาดีษนี้ เปล่า! นั่นมันคุณเข้าใจไปเอง ผมถึงบอกให้นั่งอ่านดีๆ
แล้วอย่าสรุปใส่คนอื่นตามใจตัวเอง


เรื่องน้ำหนักฮาดีษน่ะ ถ้าคุณอ่านดีๆ ทำความเข้าใจผม คุณก็จะรู้ว่า "น้ำหนัก" ที่ว่าน่ะ
ก็เหมือนกับการที่คุณให้คะแนนความมั่นใจ ความน่าเชื่อถือฮาดีษบทไหนมากกว่ากัน แล้ว
เมื่อให้คะแนนไปเเล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าฮาดีษอื่นๆ จะไม่ได้ให้คะแนน มันเพียงแต่
ให้คะแนนน้อยกว่าเท่านั้นเอง ไม่ได้หมายความว่าจะทิ้งหรือไม่ให้คะแนนเลย ซึ่งทั้งหมดนี้
จะเป็นการให้ผลว่า แนวทางทั้งสองนี้ แนวทางไหนน่าเชื่อถือ น่าปฏิบัติตามกว่ากัน?
คนเรามันก็ต้องเอาที่ดีที่สุดสิครับ จริงมั้ย?


และก็ถ้าจะให้เปรียบเทียบเรื่องความน่าเชื่อถือในระหว่างฮาดีษของทั้งสองแนวทางตอนนี้
สำหรับผม มันก็จะเป็นดังรูปด้านล่างนี้ ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่า ทัศนะนักวิชาการต่างๆ ผมก็เอา
เพียงแต่ผมเห็นว่า ฮาดีษของท่านรอซู้ลนั้น ใหญ่กว่า จำเป็นต้องมาก่อน
หรือคุณจะบอกว่าทัศนะของนักวิชาการเหนือกว่าฮาดีษของท่านนบี ถ้าหากคุณจะเอา
เรื่องทัศนะยัดใส่หัวผมให้ได้ก่อน ฮาดีษนบีที่ผมถามมา?


+กลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นวะฮาบีย์+             -        +กลุ่มแนวทางอัลอะชาอิเราะห์+
1.อัลฮาดีษที่ท่านนบีพูดเองโดยตรง              -        1.???
   ว่าบิดอะทุกอย่างลุ่มหลง
2.ทัศนะของนักวิชาการต่างๆ                       -        2.ทัศนะของนักวิชาการต่างๆ

ส่วนคุณถามผมมาว่าผมรวมฮาดีษเป็นป่าว? เอางี้ ถ้าคุณเก๋าเข้าขั้น ช่วยรวมฮาดีษดังต่อไปนี้หน่อย

1.นางบุสเราะฮฺเล่าว่านางได้ฟังท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า " من مس ذكره فليتوضأ "
ความว่า "บุคคลใดที่สัมผัสอวัยวะเพศของเขา, เขาจงอาบน้ำนมาซเถิด"
                                                          บันทึกโดยอบูดาวูด เป็นหะดีษเศาะหี้หฺ
2.ท่านฏ็อลกินเล่าว่า มีชายผู้หนึ่งถามท่านรสูลุลลอฮฺว่า โอ้ท่านรสูลุลลอฮฺท่านมีความคิดเห็นอย่างไรในกรณี
ที่ชายคนหนึ่งสัมผัสอวัยวะเพศของเขาภายหลังที่เขาอาบน้ำนมาซมาแล้ว?
ท่านรสูลตอบว่า " هل هو إلا مضغة منه أو قال بضعة منه "
ความว่า "แท้จริงอวัยวะเพศมิใช่สิ่งใดนอกจากจะเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของชายผู้นั้น
หรือเป็นส่วนหนึ่งจาก (ร่างกาย) ของเขา"
                                                          บันทึกโดยอบูดาวูด,ติรฺมิซีย์ และท่านอื่น สถานะของหะดีษ ถือว่าเศาะหี้หฺ

ฮาดีษซอเฮียะฮ์ทั้ง 2 บท คนอื่นที่ไม่เกี่ยว ก็ไม่จำเป็นต้องมายุ่งรวมให้นะครับ ประเด็นนี้
อ้อ ถ้าคุณขอคำแนะนำคนอื่น หรือรับคำตอบ มาจากคนอื่นๆ นั่นก็แสดงว่าคุณยังไม่เก๋าเข้าขั้นจริง
ยังต้องศึกษาจากคนอื่นๆ อยู่อีกแล้วไม่ต้องเล่นมุข ตัวเองตอบไม่ได้ แล้วให้ผมตอบเองอีกนะครับ มันน่าเบื่อ
คุณจะถามคนอื่นๆ หรือไม่ อัลลอฮ์รู้



สลาม

mumin วะฮาบีคนนี้เขาเข้ามาถามไม่ได้มีความบริสุทธิ์ใจอะไร  เท่าที่อ่านคำพูดของเขา  ใครๆก็รู้ว่าเขาจะเอาอะไร
อย่าไปเสวนากับเขาเลยเพราะเขามาแบบอคติตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว  หากใครจะชี้แจงก็ต้องอดทนหน่อย

มาให้กำลังใจพี่น้องอะฮ์ลิสซุนนะฮ์น่ะ


วอลัยกุมสลาม คุณ Ad.basir ครับ ผมยังแค่อยู่ในระหว่างการศึกษาของสองแนวทางเท่านั้น แต่คุณไล่ผมไปอยู่กับ
กลุ่มที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นวะฮาบีย์ซะแล้วนะครับ อัลอะชาอิเราะห์ก็เป็นซะแบบนี้ละครับ ผมก็เลย
ใจเริ่มโอนเอนไปทางกลุ่มที่ถูกเรียกว่าวะฮาบีย์ซะมากโขแล้ว ส่วนเพื่อนๆ ผมก็เป็นไปเรียบร้อยแล้วครับ



บังmuminครับ หายหน้าไปเลย หรือว่า โดนเข้าไปเยอะจุกขึ้นอก หรือครับบัง  อิๆๆบอกแล้วว่า  เวปนี้เขามีคุณภาพแบบคับแก้ว เป็นเวปที่ไม่ทิ้งบรรดอุลามะทั้งคำสอนดีๆจะตอบอะไรต้องมีหลักอ้างอิง ไม่ตอบแบบตามใจตนเอง ทุกอย่างต้องเป็นคำตอบจากอุลามะที่โลกปราชญ์

  ต่างกับ เวปวาฮาบี  ที่ตอบเอง  ยกฮาดิสมาแบบดุ้นๆไม่ต้องอธิบาย ว่าคำบางคำในฮาดิสนั้นมันก็ต้องอาศัยความหมาย   ไม่ใช่อ่านแล้วจะเข้าใจได้เลย  ส่วนวาฮาบีนั้น ยกมาเพียวๆ แล้วก็มาทำความเข้าใจกันเอง  ส่วนใครไม่เข้าใจหรือเข้าใจนั้นไม่สนครับ หรือบางทีก็เอาอุลามะที่อยู่ในทางเดียวกัน   มาเสริมความเข้าใจ  เช่น อัลชาติบี  อิบนุฮัชมิน  ที่ให้ความหมายเรื่องบิดอะแบบแคบๆ โดยไม่รับการกระทำของซอฮาบของทานนบี อีกมากมายไม่อยากตำหนิความบกพร่องเรื่องการรับฮาดิสของวาฮาบี 

และ  ในกรณีที่บังตำหนิผมๆไม่ถือหรอกครับ  คิดเสียว่า  บังคือญาติของผม




งานนี้ต้องยกนิ้วโป้งให้ บัง eiham  และgoddutและคนอื่นๆ


คุณ al-ciddix ครับ ผมก็ไม่ได้หายหน้าไปไหนหรอกครับ วันหยุดสุดสัปดาห์ ธุรกิจผมหยุด
งานผมหยุด ผมก็พาภรรยา พาครอบครัวไปพักผ่อนครับ เพราะเป็นเวลาเฉพาะของครอบครัวผม
ผมไม่ได้มัวแต่มาหมกมุ่นตอบแต่กระทู้หรอกครับ คุณก็น่าจะใช้เวลาทำอย่างอื่นบ้างนะครับ
อย่าหักโหมแห่เข้ามากระทู้นี้กันมากนัก ระวังจะเสียสุขภาพก่อนมีเมีย


ขนาดอัลกุรอ่านหลายๆ โองการยังอ่านได้ง่ายๆ เข้าใจได้ทันทีเลยครับ แล้วทำไมอัลฮาดีษ
ถึงจะอ่านแล้วเข้าใจเลยไม่ได้? เราไม่ใช่ชีอะ 12 อีหม่ามนะครับ ที่ต้องมานั่งตีความให้ความหมายเพี้ยน

Thai: [3:7]"พระองค์คือผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้า โดยที่ส่วนหนึ่งจากคัมภีร์นั้นมี
บรรดาโองการที่มีข้อความรัดกุมชัดเจน (เมื่อทุกคนได้อ่านหรือได้ฟังแล้วจะเข้าใจเหมือนๆกัน
โดยไม่ต้องตีความ) ซึ่งโองการเหล่านั้นคือรากฐานของคัมภีร์ (เป็นหลักสำคัญของคัมภีร์ที่
มุ่งหมายให้เป็นความรู้ทั้งในหลักการศัทธาและในข้อปฏิบัติของมนุษย์และยังเป็นหลักยึดถือ
ในการตีความโองการที่เป็นนัยอีกด้วย) และมีโองการอื่นๆอีกที่มีข้อความเป็นนัย
(มีข้อความเป็นเชิงเปรียบเทียบ อาจเข้าใจได้หลายทาง ผู้ที่มีความรู้ในศาสนาของพระองค์
อย่างกว้างขวางเท่านั้นที่จะเข้าใจในทางที่ถูกต้องได้) ส่วนบรรดาผู้ที่ในหัวใจของพวกเขามี
ความเอนเอียงออกจากความจริงนั้น เขาาจะติดตามโองการที่มีข้อความเป็นนัยจากคัมภีร์
ทั้งนี้ เพื่อแสวงหาความวุ่นวาย (เพื่อก่อให้เกิดความวุ่นวายในหมู่ศรัทธาด้วยการตีความโองการ
ที่เป็นนัยให้เฉออกไปจากความเป็นจริงที่พวกเขาเคยได้รับมาก่อน) และเพื่อการแสวงหาการ
ตีความในโองการเท่านั้น (คือเพื่อแสวงหาการตีความไปตามเป้าหมายที่เขาต้องการ
โดยไม่คำนึงว่าจะขัดต่อความหมายของอายะฮที่ข้อความชัดเจนหรือไม่) และไม่มีใครรู้ในการ
ตีความโองการนั้นได้นอกจากอัลลอฮ์ และบรรดาผู้ที่มั่นคงในความรู้เท่านั้น
(มีพื้นฐานความรู้อย่างมั่นคง เกี่ยวกับคุณลักษณะต่างๆของพระองค์ (ศิฟาต) และความมุ่งหมาย
ในบทบัญญัติของพระองค์ตลอดจนมีความรู้เกี่ยวกับหลักภาษาที่เป็นโองการของพระองค์อย่าง
กว้างขวางด้วย) โดยที่พวกเขาจะกล่าวว่า พวกเราศัทธาต่อโองการนั่น ทั้งหมดนั้นมาจากที่ที่
พระผู้เป็นเจ้าของเราทั้งสิ้น และไม่มีใครที่จะได้รับคำตักเตือนนอกจากบรรดาผู้ที่มีสติปัญญาเท่านั้น
"

ส่วนเว็บนี้ถ้าคุณภาพคับแก้วจริง ผมถามก็คงตอบได้ไปนานแล้วครับ หรือไม่ก็คงมีคนเข้ามา
โพสต์คำถามเรื่องศาสนากันจนตอบแทบไม่ทัน ไม่เหงาหงอยแบบนี้หรอกครับ ผมเองก็ยกนิ้วโป้ง
ให้คุณ eiham  คุณ goddut และคนอื่นๆ ครับ แต่คว่ำหัวนิ้วโป้งลงนะ




  ขอเตือน ครับคุณ มุมิน การตัดสินใจเลือกฮาดิสโดยละทิ้งผู้ที่มีความเข้าใจฮาดิสในการชี้แนะ แบบนี้   ถือว่าอันตรายสำหรับตัวเองและครอบครัวมากครับ
 เพราะตัวเองไม่ใช่เป็นนักมุฮาดีศีน ซึ่งไม่สามารถแยกแยะฮาดิสต่างๆได้เอง   ทุกอย่าง

ไอ้กระผมว่า ไม่นานหรือสักวัน1 คุณมุมินจะพบกับการหลงทางในการรับฮาดิสโดยพละการด้วยที่เอาความเข้าใจของตัวเอง มาร่วมตัดสินอย่างนี้   ถ้ายังขืนเข้าใจผิดๆในการรับฮาดิส แบบนี้... Oops:

คุณจะมาเตือนอะไรผมครับ? ผมบอกตรงไหนว่าผมไม่เอาทัศนะของผู้ที่เข้าใจฮาดีษเลย? นั่นมัน
พวกคุณมาเหมาใส่ผมกันเอง
ทัศนะของผู้เข้าใจฮาดีษ ผมอ่านจากเว็บนี้มาตั้งหลายหน้ากระดาษ
ยาวๆ แล้ว ผมก็อยากอ่านฮาดีษตรงๆ บ้าง ผมบอกตั้งหลายครั้งแล้วว่าผมขอหลักฐานฮาดีษก่อนเป็นลำดับแรก
แล้วจึงตามด้วยการอธิบายของผู้รู้ นี่คุณยังไม่ยกฮาดีษที่ผมถามไปเลยครับ กลับจะมายัดทัศนะ
ของผู้รู้ใส่ผมลูกเดียว แล้วดันมาหาว่าผมไม่เอาทัศนะอีก เต็มกันรึเปล่าครับถามจริง?

ผมนี่ก็พิมพ์บอกไปตั้งหลายครั้งแล้ว ก็น่าจะรู้แล้ว นอกจากคุณจะไม่ได้อ่านที่ผมโพสต์จริงๆ
หรือไม่พวกคุณก็คงอ่านภาษาไทยไม่ออก

สงสัยคุณ mumin  พลพรรคเว็บมุรีด  ไปโพธนาสร้างภาพว่า ทางเราตอบในกระทู้นี้ไม่ได้  hehe 

คุณ mumin  บอกว่า "สามารถมาคัดง้าง" ฉันจึงไม่ทราบว่า คัดง้าง เนี่ย ภาษาอาหรับมันอ่านว่าอย่าไร  ถ้าหมายถึง معارضة  (มุอาริเฏาะฮ์ - ค้านกัน) ล่ะก็  ไปเรียนมาอีก 10 ปี  ค่อยมาคุยกัน  เพราะฮะดิษต่าง ๆ ที่ได้นำเสนอไปนั้น  มันไม่ได้มุอาร่อเฏาะฮ์  หากบอกว่า "ให้น้ำหนักฮะดิษ"  ก็ไปเรียนมาใหม่อีก 10 ปี แล้วมาคุยกัน  เพราะการรวมฮะดิษต้องมาก่อน 

สรุปคือ  การตั้งคำถามของคุณ mumin  นั้น  ตบตาลวง ผู้อ่าน  หมายถึง ติดกระดุมเม็ดแรกก็ผิดแล้ว
   hehe

อะไรของคุณอีกแล้วครับ คุณ elharm ? คนในเว็บนี้นี่ช่างเก่งในเรื่องใส่ความกันซะจริงๆ
ถ้าคุณสงสัยว่าผมไปโพสต์ ก็เช็ค IP ผมได้เลยครับ
ก่อนจะกล่าวหาผมก็เช็คซะก่อน นี่เป็น
ตัวอย่างอีกตัวอย่างนึง ที่คุณนี่ เป็นคนที่ไม่ค่อยรู้จักการตรวจสอบจริงๆ คิดยังไงก็เชื่อไป
แบบนั้นถ้ามีปัญหาเรื่องนี้มาก ก็เชิญคุณเช็คไอพีได้เลยครับ ตามสบาย


เรื่องคัดง้างก็น่าจะเห็นรูปที่แสดงไว้ให้แล้ว เปรียบเทียบทั้งสองแนวทาง ส่วนการให้น้ำหนัก
ฮาดีษน่ะ ก็อธิบายไปแล้วก็คงเข้าใจแล้ว คุณครับ? กรุณามองจากมุมมองผู้ถามบ้างนะครับ
จะได้เข้าใจคำถามมากขึ้น ไม่รู้ผมก็บอกแล้วว่าให้ถามครับ ไม่ใช่วิจารณ์ มันเสียเวลา




السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

พี่น้องเสวนากันมาก็หลายหน้าแล้ว  สรุปก็คือ  คุณ  mumin  ไม่เข้าใจหลักวินิจฉัยฮะดิษ  ตั้งคำถามไม่ถูกต้อง  ไม่เข้าใจหลักการให้น้ำหนักฮะดิษกับการรวมฮะดิษ  และไม่เข้าใจคำว่า "คัดง้าง" ที่มีต่อฮะดิษ  และไม่พยายามยึดความเข้าใจของนักปราชญ์ฮะดิษมาเป็นบรรทัดฐาน  ไม่ว่าจะฝ่ายใดก็ตาม 

ดังนั้นการตั้งคำถามของคุณ mumin และหลักการที่ของที่มีต่อฮะดิษและหลักความเข้าใจฮะดิษ จึงไม่อยู่ในเชิงวิชาการ  และไม่ยอมร่วมเสวนาเชิงวิชาการ   เพราะฉะนั้น  หากคุณ mumin  ต้องการเสวนาเชิงวิชาการกับเราเมื่อไหร่  ผมจะร่วมเสวนาในกระทู้นี้ครับ  อินชาอัลเลาะฮ์

والسلام

al-azhary




คุณอัซฮารีย์ คุณนี่ก็ดันเป็นไปกับเค้าด้วย นอกจากไม่ตอบผมแล้ว ก็ยังฟันธงเรื่องที่ผม
ยังไม่ได้โพสต์ตอบอีกด้วย คุณนี่มันช่างไร้การตรวจสอบจริงๆ ถามเรื่องละหมาดส่งวิญญาณ
 100 วัน ก็ดันตอบไปอีกเรื่องนึง ถ้าคุณจะวิจารณ์ผมน่ะนะครับ ช่วยตอบคำถามผมให้ได้
ก่อนเถอะครับ ไหนครับ ฮาดีษที่ท่านนบีพูดเองว่ามีบิดอะฮาซานะฮ์ คุณไม่เห็นตอบเลย?
แล้วก็ดันร่วมวงฟัตวาตัวผมพร้อมๆ กับลิ่วล้อคนอื่นๆ ใช้ไม่ค่อยได้เลยคุณนี่


ส่วนเรื่องเสวนาวิชาการ ผมก็ตอบไปแล้วด้านบน ย้อนไปอ่านเอาเองแล้วกัน กระทู้นี่
ผมตั้งขึ้นมาเพื่อถามเรื่องศาสนาคุณเพื่อให้ได้คำตอบ ไม่ใช่ให้คุณมาเสวนาวิชาการกับผม
ผมว่าคุณหลงประเด็นอยู่หรือเปล่า? คุณลองนึกภาพดูสิ มีชาวบ้านมาถามคุณหาคำตอบเรื่อง
ศาสนาที่ยังสงสัยอยู่ นอกจากคุณจะไม่ตอบชาวบ้านแล้ว ยังให้ชาวบ้านมาเสวนาวิชาการ
กับคุณอีก ผมว่าคุณนี่ เป็นโต๊ะครูพันธุ์หายากที่สุดจริงๆ ตอบก็ไม่ตอบ ยังชวนโต้วิชาการ
กับชาวบ้านคนที่ถามอีก ผมว่าคุณมั่วจนผิดประเด็นแล้วคุณอัซฮารีย์


วันหยุดสุดสัปดาห์เสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา ผมลองนั่งตรองดู พร้อมกับเอาคำตอบคุณให้เพื่อนๆ
ผมได้ดู ผมนั่งคิดๆ ดูแล้ว ได้ความสรุป ณ เบื้องต้นตอนนี้ว่าแนวทางของอัลอะชาอิเราะห์ใช้
ทัศนะของนักวิชาการในการปฏิบัติการกระทำต่างๆ ที่เรียกกันว่าบิดอะฮาซานะฮ์ โดยที่ยังไม่
มีหลักฐานที่นบีพูดเองชัดเจนว่าบิดอะฮาซานะนั้นมีจริง อาศัยทัศนะการตีความซะส่วนใหญ่
แต่ทางกลุ่มที่ถูกเรียกว่าวะฮาบีย์อาศัยหลักฐานในการปฏิบัติที่ท่านนบีกล่าวเองว่า
ทุกๆ บิดอะนั้นหลงผิด ซึ่งทั้งสองแนวทางแตกต่างกันโดยที่จริงๆ แล้ว ฮาดีษนบีน่าจะมาก่อน
ทัศนะของนักวิชาการ แต่ทางอัลอะชาอิเราะห์แสดงหลักฐานฮาดีษนบีที่กล่าวชัดๆ ว่าบิดอะ
ฮาซานะฮ์มีจริง ก่อนทัศนะของนักวิชาการไม่ได้ ผมจึงเริ่มพอจะเข้าใจว่าทำไมเพื่อนๆ ผม
เขาถึงเริ่มเปลี่ยนไปเป็นกลุ่มที่ถูกเรียกว่าวะฮาบีย์กันแล้วซะส่วนใหญ่ (ซึ่งเขาเรียกตัวเองว่าซุนนะฮ์)
เมื่อผมถามอะไรพวกเขา เขาก็ตอบให้ผมแบบไม่รีรอ ถ้าผมยังสงสัยตรงไหนอยู่ ก็จะอธิบาย
ให้ผมโดยไม่แสดงการเบื่อหน่ายหรือคำวิพากวิจารณ์ต่อผมทำให้ผมเข้าใจสิ่งที่พวกเพื่อนๆ
สื่อให้ผมได้มากขึ้น

ด้วยเหตุนี้ เนื่องจากผมค่อนข้างจะมีความน่าเชื่อถือในละเเวก และในตระกูล ถ้าผมคนนึง
ตัดสินใจเปลี่ยนไปในแนวทางของกลุ่มซุนนะฮ์ตามเพื่อนๆ ผม ครอบครัวผม พี่น้องผม
ญาติๆ ผม ชาวบ้านใกล้เคียงก็ต้องเริ่มสนใจแล้วอาจจะเปลี่ยนตามในที่สุด ประกอบกับตระกูล
ผมมีเงินทุนเหลือเฟือที่จะช่วยสนับสนุนกิจการงานศาสนา ถ้าผมตัดสินใจเปลี่ยน ในทันทีนั้น
ผมก็ต้องระงับเงินอุดหนุนสนับสนุนองค์กรของกลุ่มอัลอะชาอิเราะห์ในทันที ลูกหลานญาติๆ
กับลูกหลานของชาวบ้านที่เรียนอยู่โรงเรียนแนวทางอัลอะชาอิเราะห์ ผมก็คงต้องแนะนำให้เมื่อเรียน
จบในระดับหนึ่งแล้ว ก็ให้ย้ายทันที แล้วให้ไปเรียนต่อโรงเรียนที่สอนตามแนวทางซุนนะฮ์ตามที่
เพื่อนๆ ผมแนะนำมา แล้วก็ให้เงินทุนสนับสนุนกับบุคคลหรือองค์กรตามแนวทางนี้แทน
คงต้องหยุดให้ทุนสนับสนุนกับองค์กรของแนวทางอัลอะชาอิเราะห์ต่อไปทันที เสาร์อาทิตย์ที่
ผ่านมานี้ ผมปรึกษาครอบครัวแล้ว จึงจะแจ้งหยุดการให้ทุนสนับสนุนองค์กรของแนวทาง
คณะเก่าอัลอะชาอิเราะห์ทันที ให้หมดทุกแห่งก่อนวันศุกร์นี้ ตั้งใจไว้ว่า คงจะไปให้บุคคลหรือองค์กร
ที่เผยแพร่ในแนวทางของซุนนะฮ์ตามที่เพื่อนผมเรียกดีกว่า ตั้งแต่เดือนหน้าเป็นต้นไป แล้วอาจจะ
ช่วยเผยแพร่แนวทางนี้ให้คนทั่วๆ ไปด้วย อินชาอัลลอฮ์ จนกว่าทางอัลอะชาอิเราะห์ไม่ว่าใคร
ก็ได้ จะให้คำตอบเรื่องฮาดีษที่ท่านนบีพูดเองชัดๆ ว่าบิดอะฮาซานะฮ์มีจริง แล้วเชื่อถือได้
ผมจึงค่อยกลับมาแนวทางนี้อีกที แล้วก็ให้เงินทุนของตระกูลสนับสนุนอีกครั้ง เพราะดูๆ ไปแล้ว
คงไม่มีใครจะช่วยตอบผมอย่างจริงใจ หรือช่วยค้นหาให้อย่างแท้จริงแน่ๆ ส่วนใหญ่จะชอบ
เน้นการวิพากวิจารณ์ผมซะมากกว่า แล้วถ้าผมตัดสินใจเดินไปในแนวทางที่ถูกเรียกว่าวะฮาบีย์
จริงๆ ก็คงไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว เพราะไงๆ เว็บนี้ก็ไม่คิดว่าผมเป็นอัลอะชาอิเราะห์อยู่แล้ว
เรียกผมว่า "วะฮาบีคนนี้" ด้วยซ้ำ ไหนๆ ก็คิดจะไล่ให้ไปเป็นกันอยู่แล้ว ถามไป ก็ตอบแบบ
ไม่ดูคำถามให้ดี ตอบแถมการดูถูกผมไปด้วย ไม่ให้เกียรติผู้ถามเลย ทั้งๆ ที่บอกว่าตัวเองเป็น
นักเรียนซุนนะฮ์ แต่จริงๆ ก็ไม่ได้ตามมารยาทของนบีสักเท่าไหร่

เอาเห๊อะ จะยังไงก็แล้วแต่ ระงับทุนไปก่อนแล้วกันวันนี้ ตัดสินใจไปแล้ว อย่างอื่นก็ค่อยคิดกันอีกที

วิถีชีวิตของมุสลิม...

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^
 
salam

กรณีอื่นคงไม่ขอวิจารณ์อะไร
ส่วนเรื่องทุนระงับไปเถอะเจ้าค่ะ  ถ้าทำให้จิตใจสงบขึ้น  loveit:

ขอพระเจ้าช่วยเหลือ
วัสลาม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 21, 2008, 02:27 PM โดย نُّورٌ عَلَى نُورٍ »
يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คุณบอกทัศนะหรือความเข้าใจของผมที่มีต่อแนวทางของกลุ่มที่ถูกเรียกว่าวะฮาบีย์
ไม่มีอุลามาห์เห็นด้วย ก็อ่านด้านล่างดูครับ อ้างอิงไว้แล้ว อ่านแบบเปิดใจหน่อยนะครับ อย่าใจแคบ

หลังจากผมลองเปิดหูเปิดตา เปิดใจอ่านดู ทั้งสองแนวทางแล้ว ผมก็ว่าแนวทางที่อ้างอิงนี้ ทำให้ผมเข้าใจ
เกี่ยวกับคำพูดของท่านอุมัรไม่น้อยทีเดียวครับ รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ด้วย อัลฮัมดุลิลลาฮ์ที่พระองค์
อัลลอฮ์ทรงให้ผมได้เจอบทความนี้ ด้วยอัซบ้าบที่ผมอยากจะศึกษาโดยใจเปิดกว้างเป็นกลาง
ทำให้ผมได้เจอบทความที่ทำให้ผมได้ศึกษาข้อมูลของทั้งสองแนวทางนี้ได้
อ่านแล้วถึงบางอ้อเลยครับ



หะดิษที่ถูกนำไปอ้างว่ามีบิดอะฮฺหะสะนะฮฺ(ภาค1)
http://www.azsunnah.com/modules.php?name=News&file=article&sid=54
หะดิษที่ถูกนำไปอ้างว่ามีบิดอะฮฺหะสะนะฮฺ(ภาค2)
http://www.azsunnah.com/modules.php?name=News&file=article&sid=55
หะดิษที่ถูกนำไปอ้างว่ามีบิดอะฮฺหะสะนะฮฺ(ภาค3)
http://www.azsunnah.com/modules.php?name=News&file=article&sid=56

คุณ elharm คงเห็นแล้วว่าผมกล้ายกมาชี้แจงในแนวทางของอีกกลุ่มหนึ่งที่ผมกำลังศึกษาอยู่
และคงเห็นว่ามีนักปราชย์มากมายที่สนับสนุนทัศนะนี้

ที่คุณ mumin  กล่าวมานั้นหาสาระไม่ได้  แต่พอที่จะรู้ทางว่าคุณ mumin ไปเข้าใจและนิยมข้อเขียนของคุณอะสันตามที่คุณลิงค์  คุณรู้หรือเปล่าว่าสิ่งที่คุณลิงค์มานั้น  ทางเราได้ทำการโต้ไว้เรียบร้อยแล้วจากเว็บวะฮาบีย์  งั้นฉันจะทำการโต้ลิงค์นี้ทั้งหมดอย่างสมบูรณ์แบบในกระทู้นี้  คือเราต้องการเชิงวิชาการเท่านั้นน่ะ  ตอนนี้คุณเปิดทางแนวคิดคุณแล้ว  ต่อก็ไปถึงตาเราชี้แจง  hehe
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ admin

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • *****
  • กระทู้: 464
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • ..
บัง al-azhary เขาไม่อยากเสียเวลา ครับ ตอบเท่าไหร่คุณก็มองไม่เห็น
ไม่ยอมเข้าใจ ตอนนี้ยังมีพี่น้องที่ต้องการความรู้อีกเยอะ ที่เขาบังเขาเห็นว่าควรค่าแก่การใส่ใจ
ก็คนที่เข้ามาทำแกล้งโง่ เพื่อหาเรื่อง อยากเอาขนะ ไปโอ้อวดที่เว็บคุณๆ มันไร้สาระครับ

ผมเคยถามไปแล้วกับคำพูดของท่าน อุมัรซึ่งเป็น ซอฮาบะฮ์ ท่านกลับบอกว่าวะฮาบีย์มีพื้นฐานดีกว่าซ๊ะอีก

แค่เพียงเท่านี้ก็พอจะเข้าใจแล้วครับ ว่าคุณคงคิดว่าศาสนานี้เป็นของคุณคนเดียว
 ใครไม่เหมือนคุณแม้แต่ซอฮาบะฮ์ คุณยังบอกว่าคุณดีกว่าเลย น่าเศร้าครับ อยู่ในกะลาต่อไปเถิดครับ

 

GoogleTagged