ผู้เขียน หัวข้อ: ขอหลักฐานจากพี่น้องวะฮาบีย์แบบตรง ๆ เลยว่านบีได้ทำสิ่งเหล่านี้  (อ่าน 6459 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ multi

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 413
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
  ฉนั้นคำถามข้อที่คุณkoweeถามว่า
1.  การรวมผู้คนตามอิมามคนเดียวในการทำละหมาดตะฮัจญุดหลังละหมาดตะรอวิห์ในมัสยิดฮะรอมมักกะฮ์และมะดีนะฮ์"
ตอบ. อืมม ถามผม ผมก็ไม่รู้หรอกครับ อาจจะมีหลักฐานหรือไม่ก็ได้ ถ้ามีก็ทำได้ แต่ถ้าไม่มี ต่อให้มักกะฮ์หรือมาดีนะฮ์ทำ  ผมก็ไม่ขอทำตาม เพราะไม่มีหลักฐานจากท่านนบีฯ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอางี้ ถ้าคุณอยากได้คำตอบจริงๆ เดี๋ยวผมไปหาเบอร์โทรของอาจารย์มูรีด อาจารย์ฟารีด และเชคริฏอมาให้เอามั้ยครับ?

คุณอยากรู้อะไรจะได้ถามเลยตรงๆ ได้คำตอบจากผู้รู้ไปเลยตรงๆ เสียเวลามาถามคนชาวบ้านที่ไม่ค่อยมีความรู้น่
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
        เอ!     แล้วทำไมคุณ   mumin    ไม่ไปถาม อาจารย์มูรีด อาจารย์ฟารีด และเชคริฏอมาละครับ แล้วนำมาตอบ  ฉอด ๆๆๆ  ในเวบนี้อีกที  ในเมื่อมีอากีดะห์เดียวกัน     ทีเรื่องบิดอะห์ฮาซานะห์ คุณก็ยกคำของ อ. เหล่านั้นมาละเลงในเวบนี้โดยวกไปวนมา  ถ้าคุณ  หาเบอร์โทร ของ อใท้ง3คน เจอแล้วก็รบกวนช่วยถามมาด้วยดีกว่า  คุณจะได้ไม่ต้องตอบคำถามเดิมเช่น
                          "  อืมม ผมก็ไม่รู้หรอกครับ แต่ถ้าเค้าทำแล้วมันเกี่ยวกับเรื่องศาสนพิธี ไม่มีหลักฐานรับรอง ผมก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้วครับ "
                          "อืมม ถามผม ผมก็ไม่รู้หรอกครับ อาจจะมีหลักฐานหรือไม่ก็ได้ ถ้ามีก็ทำได้ แต่ถ้าไม่มี ต่อให้มักกะฮ์หรือมาดีนะฮ์ทำ
                     ผมก็ไม่ขอทำตาม เพราะไม่มีหลักฐานจากท่านนบีฯ แต่ถ้าถามหาถึงฮาดีษเรื่องการเป็นอีหม่ามละหมาดในเวลากลางคืนที่
                     ท่านนบีเคยกระทำละก็ ก็พอจะมีครับ"
                            " แหม ผมจะชวนตีได้ไงครับ ผมแค่เห็นว่าคุณ elharm เค้าเก๋าจริง แล้วก็อยากรู้คำตอบมาก ก็เลยอยากช่วยน่ะครับ
                    ผมไม่อยากให้ใครมาครหาน้องเค้าได้ว่าเก๋า แต่คนเอาวามน่ะครับ
                          ส่วนที่จะเชิญอาจารย์มาเสวนาเว็บนี้ ผมว่าโทรไปถามเลยดีกว่าครับ สะดวกดี ทันใจ ไม่กว่าเหรอ?


                                        ผม  ไม่เก๋า นะครับ  เลยไม่อยากโทรถาม    ฉนั้น!!          เลยวานให้ คุณ  mumin    ที่เก๋ากว่า ไปถามมาให้เรียบร้อยโรงเรียนจีน
                     แล้วค่อยมาตอบก็ได้ครับ

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
       เอ!     แล้วทำไมคุณ   mumin    ไม่ไปถาม อาจารย์มูรีด อาจารย์ฟารีด และเชคริฏอมาละครับ แล้วนำมาตอบ  ฉอด ๆๆๆ  ในเวบนี้อีกที  ในเมื่อมีอากีดะห์เดียวกัน     ทีเรื่องบิดอะห์ฮาซานะห์ คุณก็ยกคำของ อ. เหล่านั้นมาละเลงในเวบนี้โดยวกไปวนมา  ถ้าคุณ  หาเบอร์โทร ของ อใท้ง3คน เจอแล้วก็รบกวนช่วยถามมาด้วยดีกว่า  คุณจะได้ไม่ต้องตอบคำถามเดิมเช่น
                          "  อืมม ผมก็ไม่รู้หรอกครับ แต่ถ้าเค้าทำแล้วมันเกี่ยวกับเรื่องศาสนพิธี ไม่มีหลักฐานรับรอง ผมก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้วครับ "
                          "อืมม ถามผม ผมก็ไม่รู้หรอกครับ อาจจะมีหลักฐานหรือไม่ก็ได้ ถ้ามีก็ทำได้ แต่ถ้าไม่มี ต่อให้มักกะฮ์หรือมาดีนะฮ์ทำ
                     ผมก็ไม่ขอทำตาม เพราะไม่มีหลักฐานจากท่านนบีฯ แต่ถ้าถามหาถึงฮาดีษเรื่องการเป็นอีหม่ามละหมาดในเวลากลางคืนที่
                     ท่านนบีเคยกระทำละก็ ก็พอจะมีครับ"
                            " แหม ผมจะชวนตีได้ไงครับ ผมแค่เห็นว่าคุณ elharm เค้าเก๋าจริง แล้วก็อยากรู้คำตอบมาก ก็เลยอยากช่วยน่ะครับ
                    ผมไม่อยากให้ใครมาครหาน้องเค้าได้ว่าเก๋า แต่คนเอาวามน่ะครับ
                          ส่วนที่จะเชิญอาจารย์มาเสวนาเว็บนี้ ผมว่าโทรไปถามเลยดีกว่าครับ สะดวกดี ทันใจ ไม่กว่าเหรอ?


                                        ผม  ไม่เก๋า นะครับ  เลยไม่อยากโทรถาม    ฉนั้น!!          เลยวานให้ คุณ  mumin    ที่เก๋ากว่า ไปถามมาให้เรียบร้อยโรงเรียนจีน
                     แล้วค่อยมาตอบก็ได้ครับ.....

เยี่ยมยอดครับ  บังmulti myGreat: party: yippy:



"""""

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สลามคุณ  mumin (ขออัลเลาะชี้นำให้คุณมาอยู่ในแนวทางอะลิสซุนนะวัญญามาอะเดียวกับเราด้วยเถิด)


ผมได้อ่านหลักฐานที่คุณยกมาและพอจะสรุปได้ว่า..

นี่คือสิ่งที่เราถามคุณและคุณนำมันมาโดยไม่รู้ว่ามันคือหลักฐานอะไร


 صمنا مع رسول الله صلى الله عليه وسلم رمضان ، فلم يقم بنا شيئاً من الشهر حتى بقي سبع فقام بنا حتى ذهب ثلث الليل ، فلما كانت السادسة لم يقم بنا ، فلما كانت الخامسة قام بنا حتى ذهب شطر الليل ، فقلت : يا رسول الله ! لو نفّلتنا قيام هذه الليلة ، فقال : " إن الرجل إذا صلى مع الإمام حتى ينصرف حسب له قيام ليلة " فلما كانت الرابعة لم يقم ، فلما كانت الثالثة جمع أهله ونساءه والناس ، فقام بنا حتى خشينا أن يفوتنا الفلاح ، قال : قلت : وما الفلاح ؟ قال : السحور ، ثم لم يقم بنا بقية الشهر ) حديث صحيح ، أخرجه أصحاب السنن     
   "พวกเราได้ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน ร่วมกับท่านร่อซูลุลอฮ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งในช่วงต้นๆ(ของเดือน) ท่านไม่ได้นำละหมาดพวกเราเลยสักคืนจากเดือนนั้น จนกระทั้งเหลือเจ็ดคืน แล้วท่านได้นำละหมาดพวกเรา จนกระทั้งผ่านไปหนึ่งในสามของกลางคืน แล้วปรากฏว่าในคืนที่หก (นับจากคืนสุดท้าย) ท่านไม่ได้นำละหมาดพวกเรา แล้วในคืนที่ห้า ท่านได้นำละหมาดพวกเรา จนกระทั้งผ่านไปครึ่งคืน แล้วข้าพเจ้ากล่าวกับท่านรซูลว่า ”โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ ถ้าพวกเราอาสาจะลุกขึ้นละหมาดในคืนเหล่านี้(คืนที่เหลือ)จะดีไหม แล้วท่านได้กล่าวตอบว่า
  “แท้จริงคนใดเมื่อเขาได้ละหมาดพร้อมกับอิหม่ามจนกระทั้งเสร็จ เขาจะได้รับการตอบแทนเท่ากับละหมาดทั้งคืน แล้วในคืนที่สี่ ท่านไม่ได้นำละหมาดพวกเรา แล้วเมื่อเหลืออีกสามคืน ท่านได้ชุมนุมครอบครัวของท่าน บรรดาภรรยาของท่านและบรรดาผู้คน แล้วท่านได้นำละหมาดพวกเรา
  จนกระทั้งพวกเราเกรงว่าจะพลาด  อัล-ฟัลลาห เขา(อบูซัร)กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า “อัล-ฟัลลาหนั้นคือ อะไร ท่านได้ตอบว่า คือ การรับประทานสะหูร แล้วคืนที่เหลือในเดือนนั้น ท่านก็ไม่ได้ละหมาดนำพวกเราเลย”
 - หะดิษเศาะเหียะ รายงานโดยเจ้าของสุนัน


คุณ MUMINกล่าวว่า

    อ๋อ ถ้าคุณฟันธงว่าเป็นละหมาดตะรอเวียะ ก็แสดงว่ามีหลักฐานที่นบีเคยนำละหมาดญามาอะฮ์ตะรอเวียะแล้วจริง

แสดงว่าที่ท่านอุมัรพูดว่า " نعمت البدعة هذه" ก็ไม่ได้หมายถึงบิดอะฮาซานะฮ์แล้วล่ะครับ มันหมายถึงคำว่า "การริเริ่มที่ดี" มากกว่า

เพราะเป็นสิ่งที่นบีเคยทำตัวอย่างไว้ให้แล้ว แล้วจะเป็นการต่อเติมศาสนาได้อย่างไรครับ? 555   


แต่ผมขอตอบว่า
   
     ถ้างั้นนี่ก็แสดงว่าที่เราคุยกันมานานนั้น คุณไม่ได้ยอมที่จะเปิดใจและทำใจให้เป็นกลางยืนอยู่บนเหตุผล สักช่วงอึดใจก่อนไม่ได้เลย  ผมว่ามันจะเป็นการดีมากสำหรับตัวคุณ    ถ้าคุณเป็นนักค้น

หาความรู้เพื่อความเข้าใจของตัวเองและเพื่อการดำเนินชีวิตของคุณในแนวทางของคนส่วนมาก  และผมแนะนำให้คุณ  ตัดอคติต่อหลักฐานจากฝ่ายนี้บ้าง  และเปิดใจให้เป็นกลางรับข้อมูลไป

พร้อมๆกันทั้งสองฝ่าย ระหว่างข้อมูลของทางวาฮบีและชาฟีอี  หลังจากนั้นมาชั่งวัดน้ำหนักบนความถูกต้องที่คุณได้รับไม่ดีกว่าหรือครับ

หลักฐานที่คุณนำมาโดยที่คุณยอมรับว่า คุณใช้หลักการเดาเองว่า อาจจะเป็น ละหมาดตะฮัจยุดหรือละหมาดตารอเวียะ

 ด้วยความหวังดีครับ คุณmumin  เรื่องศาสนาคุณทำเป็นเรี่องสนุก นึกจะสนุกตอบ  ก็ใช้หลักการเดาไม่ได้นะครับ คนที่เขาไม่รู้อาจจะเชื่อตามที่คุณตอบมา และวันกิยามัติ นั้นคุณอาจจะโดนไล่ออกจากร่มเงาไม้ของท่านนบีก็ได้     ขอบอกๆๆ


ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด


      ส่วน อจ.มุรีดที่คุณชื่นชอบนั้น ที่พอมีเอะอะ  อะไรคุณก็มักจะโยนไม้ตายให้อ.มุรีด   ผมว่า สำหรับ ท่านคงไม่รับรู้อะไรที่เรา คุยกันหรอกครับ  ปล่อยให้ท่าน หลงทางอยู่ในปกุโบร์พร้อมๆกับ สาวก ของท่านไปเถอะครับ   และผมคิดว่าท่านมุรีด  คงจะใช้หลักการแบบเดียวกับคุณนะครับที่ ตะอัสสุบโดยไม่เปิดใจ

และต่อไปนี้ 

ผมจะนำมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณนำมา  ว่า หลักฐานที่คุณ kowee และ  คุณ elharmถามคุณและคุณแทงกั๊กว่า บางทีอาจจะเป็นละหมาดตะฮัจยุด  แต่ในเวปนี้ ผู้รู้ของเราบอกว่าหลักฐานข้างล่าง คือการละหมาดตะฮัจยุด    ฉนั้นที่คุณพูดว่าคุณได้อ่านเรื่องบิดอะจบทั้ง 5-6หน้า แต่ไม่มีคำตอบนั้น  แสดงว่าคุณโกหกกับพี่น้องเขาเราในเวปนี้ 

  จากท่านหญิงอาอิชะฮ์  รอฏิยัลลอฮุอันฮา  ความว่า

أَنَّ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ صَلَّى ذَاتَ لَيْلَةٍ فِي الْمَسْجِدِ فَصَلَّى بِصَلَاتِهِ نَاسٌ، ثُمَّ صَلَّى مِنْ الْقَابِلَةِ فَكَثُرَ النَّاسُ، ثُمَّ اجْتَمَعُوا مِنْ اللَّيْلَةِ الثَّالِثَةِ أَوْ الرَّابِعَةِ فَلَمْ يَخْرُجْ إِلَيْهِمْ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ، فَلَمَّا أَصْبَحَ قَالَ قَدْ رَأَيْتُ الَّذِي صَنَعْتُمْ، وَلَمْ يَمْنَعْنِي مِنْ الْخُرُوجِ إِلَيْكُمْ إِلَّا أَنِّي خَشِيتُ أَنْ تُفْرَضَ عَلَيْكُمْ وَذَلِكَ فِي رَمَضَانَ‏

"แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ละหมาดในค่ำคืนหนึ่งที่มัสยิด  บรรดาผู้คนจึงได้การละหมาดตามการละหมาดของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  หลังจากนั้น  ท่านนบีได้ทำการละหมาดในคืนต่อไป  ผู้คนจึงมากขึ้น  หลังจากนั้นพวกเขาได้ทำการละหมาดรวมกันในคืนที่สามหรือคืนที่สี่  โดยที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้ออกมายังพวกเขา  ดังนั้น  เมื่อถึงเวลาซุบฮิ  ท่านนบีได้กล่าวว่า  ฉันได้เห็นสิ่งที่พวกท่านได้กระทำแล้ว  โดยไม่มีสิ่งใดที่มาห้ามฉันให้ออกไปยังพวกท่าน  นอกจากเสียว่า  ฉันเกรงว่ามันจะถูกฟัรดูเหนือพวกท่านต่างหาก  และเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นอยู่ในช่วงของเดือนรอมาดอน"  จากบุคคอรี

นี่คือสิ่งที่ท่านบุคอรี  ได้รายงานไว้ว่าด้วย    เรื่องละหมาดกิยามุลลัยล์ (ตะฮัจยุด)
ดังนั้นหลักฐานที่คุณนำมาข้างบนนั้นไม่ใช่ละหมาดตะฮัจยุดแน่นอน  ที่คุณเข้าใจว่า    มันน่าจะสาว่า  อะไรสักอย่าง
 

คุณกล่าวว่า

ผม ฟันธงว่าเป็นละหมาดตะรอเวียะ ...คุณเสริมเองว่า  ... ก็แสดงว่ามีหลักฐานที่นบีเคยนำละหมาดญามาอะฮ์ตะรอเวียะแล้วจริง 

แสดงว่าที่ท่านอุมัรพูดว่า " نعمت البدعة هذه" ก็ไม่ได้หมายถึง   ....บิดอะฮาซานะฮ์แล้วล่ะครับ มันหมายถึงคำว่า "การริเริ่มที่ดี" มากกว่า

เพราะเป็นสิ่งที่นบีเคยทำตัวอย่างไว้ให้แล้ว แล้วจะเป็นการต่อเติมศาสนาได้อย่างไรครับ? 555   
   
งั้นมาดูหลักฐานตรงนี้กันต่อครับ

عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ عَبْدٍ الْقَارِيِّ، أَنَّهُ قَالَ خَرَجْتُ مَعَ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ ـ رضى الله عنه ـ لَيْلَةً فِي رَمَضَانَ، إِلَى الْمَسْجِدِ، فَإِذَا النَّاسُ أَوْزَاعٌ مُتَفَرِّقُونَ يُصَلِّي الرَّجُلُ لِنَفْسِهِ، وَيُصَلِّي الرَّجُلُ فَيُصَلِّي بِصَلاَتِهِ الرَّهْطُ فَقَالَ عُمَرُ إِنِّي أَرَى لَوْ جَمَعْتُ هَؤُلاَءِ عَلَى قَارِئٍ وَاحِدٍ لَكَانَ أَمْثَلَ ‏.‏ ثُمَّ عَزَمَ فَجَمَعَهُمْ عَلَى أُبَىِّ بْنِ كَعْبٍ، ثُمَّ خَرَجْتُ مَعَهُ لَيْلَةً أُخْرَى، وَالنَّاسُ يُصَلُّونَ بِصَلاَةِ قَارِئِهِمْ، قَالَ عُمَرُ نِعْمَ الْبِدْعَةُ هَذِهِ، وَالَّتِي يَنَامُونَ عَنْهَا أَفْضَلُ مِنَ الَّتِي يَقُومُونَ ‏.‏ يُرِيدُ آخِرَ اللَّيْلِ، وَكَانَ النَّاسُ يَقُومُونَ أَوَّلَهُ

จากอับดุรเราะห์มาน บุตร อับดุลกอรี   เขากล่าวว่า  ฉันได้ออกไปพร้อมกับท่านอุมัร บุตร ค๊อฏฏอบ  ในเดือนรอมาดอน  ไปยังมัสยิด  ได้พบว่าประชาชนได้แยกกันเป็นกลุ่ม ๆ คนหนึ่งละหมาดคนเดียวตามลำพัง  คนหนึ่งมีคนละหมาดตามหมู่หนึ่ง  ท่านอุมัรได้กล่าวขึ้นว่า  ถ้าหากพวกเขารวมกันละหมาดตามคนที่อ่านถูกต้องเพียงคนเดียวก็จะเป็นการดียิ่ง  ต่อมาท่านอุมัรก็ได้รวมผู้คนให้ละหมาดตามอุบัยย์ บุตร กะอับ  จากนั้นฉันได้ออกไปพร้อมกับเขาในอีกคืนหนึ่ง  ประชาชนกำลังละหมาดตามผู้นำของเขา ท่านอุมัรกล่าวว่า "นี่เป็นอุตริ (บิดอะฮ์) ที่ดี  ช่วงเวลาที่พวกเขานอนกันนั้น  ดีกว่าช่วงเวลาที่พวกเขาละหมาดกิยาม  เขาหมายถึงช่วงเวลาท้ายคืน  แต่ประชาชนจะละหมาดกยามในตอนหัวค่ำ"
...

คุณmuminครับ   

คุณอย่าหนีความจริงซิครับ ในบันทึกหะดิสที่ผมยกมานี่มันเป็นสิ่งซอเหียะ สิ่งที่คุณก็ใฝ่หาและชื่นชอบมัน  แต่เมือคุณพบว่าสิ่งที่ผมยกมาเป็นสายรายงานที่ซอเหียะแล้ว  แต่คุณกลับปฏิเสธและบิด

เบือนในความเข้าใจ กับสิ่งทีท่านอุมัรพูดและกระทำไว้  โดยแปลความหมายจากคำพูดเป็นเชิงภาษาว่า  เป็นการฟื้นฟู ผมถามว่าใครละครับที่รับรองคำแปลเหล่านี้ ซอฮาบะหรือ ตาบีอีนฯลฯหรืออุ

ลามะสลัฟ คนไหนครับที่รับรองว่า มันแปลว่า การฟื้นฟูใหม่ของซอฮาบะ อุมัร(รด)

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คุณmuminครับ ผมรู้ว่าคุณนั้นก็ไม่ปฎิเสธอุลามะในยุคสลัฟที่ท่านนบีรับรองอย่างท่านอีม่ามชาฟีอี(รด)

ฉนั้นในเรื่องนี้ 

บรรดาอุลามาอ์ หลายๆทานได้จำกัดคำนิยามคำว่า "บิดอะฮ์" ไว้มากมาย
1. อิมามอัช-ชาฟิอีย์ (ร.ฏ.)
สิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น มี 2 ประเภท
(1) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ ที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ คำพูดที่ถูกรายงานมา และอิจญฺมาอ์ สิ่งนี้ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง
(2) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่จากคุณงามความดี ที่ไม่ขัดกับอันหนึ่งอันใด(ที่กล่าวมาแล้ว)นี้ และนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่โดยไม่ถูกตำหนิ
ท่านอุมัรได้กล่าว เกี่ยวกับ(การรวม)ละหมาดตะรอวิหฺ ว่าنعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"



ดังนั้นหลักฐานข้างบน   มัน หมายความว่า"การ(รวมตัว)ละหมาดตะรออวิหฺ(20 ร่อกะอัต)ในคืนร่อมาฏอนนี้ คือสิ่งที่ทำขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเมื่อมีการกระทำขึ้นมาแล้ว ก็ไม่เป็นการขัดต่อสิ่งที่กล่าวมา " และสายรายงานนี้ ซเฮี๊ยะห์ ดู หนังสือ มะนากิบ อัช-ชาฟิอีย์ เล่ม1 หน้า 468 - 469

ท่านอบู นุอัยม์ ได้นำเสนอรายงานอีกสายรายงานหนึ่ง ไว้ในหนังสือ หิลยะตุลเอาลิยาอ์ เล่ม 9 หน้า 113 ว่า "ท่านอิมามอัช-อัชชาฟิอีย์ กล่าวว่า บิดอะฮ์นั้น มี 2 ประเภท คือบิดอะฮ์ที่ถูกสรรเสริญ และบิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิ ดังนั้น สิ่งที่สอดคล้องกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกสรรเสริญ และสิ่งที่ขัดกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ และอิมามชาฟิอีย์ ได้อ้างหลักฐานด้วยคำกล่าวของท่านอุมัร(ร.ฏ.) เกี่ยวกับ ละหมาดตะรอวิหฺในเดือนรอมฏอนที่ว่า
نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"



 :allahuakbar:และที่คุณกล่าวว่า  แสดงว่าที่ท่านอุมัรพูดว่า " نعمت البدعة هذه" ก็ไม่ได้หมายถึงบิดอะฮาซานะฮ์แล้วล่ะครับ มันหมายถึงคำว่า "การริเริ่มที่ดี" มากกว่า
เพราะเป็นสิ่งที่นบีเคยทำตัวอย่างไว้ให้แล้ว แล้วจะเป็นการต่อเติมศาสนาได้อย่างไรครับ? 555 

ตรงนี้ คุณเข้าใจผิดแล้วครับโปรดดูหลักฐานครับ

หลักฐานดังกล่าวก็คือ ได้รายงานจาก ท่านหญิง อาอิชะฮ์ (ร.ฏ.) ท่านกล่าวว่า ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)

من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد

หมายความว่า"ผู้ใดที่กระทำขึ้นมาใหม่ ในการงาน(ศาสนา)ของเรานี้ กับสิ่งที่ไม่มีมาจากมัน(คือจากการงานของเรา)แล้ว สิ่งนั้นย่อมถูกปฏิเสธ" (รายงานโดย บุคอรีย์ หะดิษที่2698 และมุสลิม หะดิษที่1718)

.....เห็นไหมครับว่า สิ่งที่ท่านอุมัรกระทำนั้น มันคือสิ่งที่มาจากศาสนาหรือการงานมาก่อนนั้นเอง ฉนั้นคุณจะมาบอกว่า ท่านอุมัรกระทำนั้นไม่เป็นบิดอะได้อย่างไร ก็ในเมื่อ ท่านกล่าวยืนยังเอง ว่ามันเป็นบิดอะที่ดี(คือตารอวิห์)


และที่นี่คุณได้โปรดมาดูคำอธิบายความเข้าใจของหะดิษต่อไปนี้  ว่าอุลามะเขามีความเข้าใจของหะดิษนี้ อย่างไร

กับสิ่งที่ทางฝ่ายวาฮาบีที่คุณชื่นชอบ    ที่มักจะกล่าวเสมอว่า     สิ่งใดที่ท่านนบีไม่ได้กระทำ มันคือบิดอะ  กระทำไม่ได้ ไม่ว่ามันจะดีอย่างไรก็ตาม

من أحدث فى أمرنا هذا ما هو منه فهو مقبول

"ผู้ใดที่กระทำขึ้นมาใหม่ ในการงานของเรานี้ กับสิ่งที่มีมาจากการงานของเรา สิ่งนั้นย่อมถูกตอบรับ"


ซึ่งหลักฐานจากคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.)ที่เราต้องการนั้น คือفى أمرنا هذا "ในการงานของเรานี้" และอีกสายรายงานหนึ่งกล่าวว่าفى ديننا "ในศาสนาของเรา" (ชัรหฺอัซซุนนะฮ์ หะดิษที่103 ของท่าน อัลบะฆอวีย์)

ดังกล่าวนั้น หมายถึง การกระทำขึ้นมาใหม่ กับสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องของศาสนา จากบรรดาขนบธรรมเนียมประเพณีทั่วไป หรือจากสิ่งที่ไม่ได้เป็นเรื่องของอิบาดะฮ์ ก็ย่อมไม่เข้าอยู่ ในคำนิยามของหลักศาสนา ที่แบ่งบิดอะฮ์ออกเป็น บิดอะฮ์ทางนำ และบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง

แต่การกระทำที่มีการสนับสนุนให้กระทำความดีนั้นย่อมสามารถกระทำได้แม้ว่า รูบแบบจากท่านนบีไม่วางไว้ก็ตาม เช่น  การรำลึกถึงท่านนบี การอ่านตัลกีน การเฝ้ากุบุรฯลฯย่อมเข้าในหะดิสนี้เลยครับ

ดังนั้น ผู้ที่มีสติปัญญา เขาจะไม่กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากสมัยของท่านนบี(ซ.ล.) เช่น การขี่เครื่องบิน ขี่รถยนต์ และอื่น ๆ จากสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่ ว่าเป็นบิดอะฮ์ตามคำนิยามตามหลักศาสนา ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ดี หรือว่า น่าเกียจก็ตาม

ส่วนคำแปลของตัวบทฮะดิษ คำว่า ซันน่า ที่ถุกต้องนั้นต้องแปลว่า  การวางแนวทาง หรือการกระทำขึ้น การริเริ่ม คำๆนี้ไม่ได้แปลว่า เจริญรอยตาม หรือแปลว่า ฟื้นฟู ตามที่ผู้รู้วาฮาบีเขาแปลกันแบบเบี่ยงเบนประเด็น

เพราะนักหะดิษของแปลว่า  วางแนวทาง  ทำขึ้นมา  ริเริ่ม  กระทำขขึ้นมา  ไม่ใช่แปลความหมายแบบบิดเบือนเหมือนวะฮาบีย์ ที่แปลว่า การฟื้นฟู

ฉนั้น คำว่า سَنَّ (ริเริ่มทำขึ้นมา) ได้มีความหมายว่า"ฟื้นฟู" เลยแม้แต่น้อย และไม่มีอุลามาอ์ท่านใด ตีความหมายว่า "เป็นฟื้นฟู" นอกจากกลุ่มวะฮาบีย์ปัจจุบัน ที่พยายามตีความหมายเป็นอย่างดังกล่าวให้เป็นไปตามที่ตนต้องการ

ดูหลักฐานครับคุณ  mumin 

ท่านอิมาม อันนะวาวีย์ ได้ให้ความหมายคำว่า سَنَّ นั้น คือการริ่เริ่มทำขึ้นมาใหม่ الإبتداء และการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ الإختراع อิมามอันนะวาวีย์กล่าวอธิบายว่า

من سن في الإسلام سنة حسنة فله أجرها وأجر من عمل بها بعده من غير أن ينقص من أجورهم شيء ومن سن في الإسلام سنة سيئة كان عليه وزرها ووزر من عمل بها من بعده من غير أن ينقص من أوزارهم شيء
فيه : الحث على الابتداء بالخيرات وسن السنن الحسنات ، والتحذير من إختراع الأباطيل والمستقبحات...

ในหะดิษนี้ ได้ส่งเสริมให้ทำการริเริ่มขึ้นมาด้วยการกระทำบรรดาความดีงาม และกระทำขึ้นมา กับบรรดาแนวทางทางที่ดี และเตือนให้ระวัง จากการประดิษฐ์บรรดาสิ่งที่เป็นโมฆะและสิ่งที่น่ารังเกียจ และสาเหตุที่นบี(ซ.ล.)กล่าวในหะดิษนี้ คือในช่วงแรกผู้รายงานกล่าวว่า " ได้มีชายคนหนึ่ง(ที่ยากจนแล้วบรรดาซอฮาบะฮ์ก็บริจาคทำการช่วยเหลือ) ได้นำถุงกระสอบหนึ่งที่มือของเขายกเกือบไม่ไหว แล้วบรรดาผู้คนก็ติดตาม(บริจาคให้อีก)" ดังนั้น ความประเสริฐอันยิ่งใหญ่ สำหรับผู้ที่ริเริ่ม ด้วยการทำความดีนี้ และสำหรับผู้ที่เปิดประตูของการกระทำความดีงามนี้ และในหะดิษนี้ ได้มาتخصيص ทอนความหมายคำหะดิษท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) ที่กล่าวว่า

كل محدثة بدعة وكل بدعة ضلالة

"ทุกสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่นั้น บิดอะฮ์ และทุกบิดอะฮ์นั้น ลุ่มหลง"


โดยที่จุดมุ่งหมายของหะดิษนี้ ก็คือ บรรดาสิ่งที่อุตริทำขึ้นมาใหม่ที่เป็นโมฆะและบรรดาบิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิเท่านั้น (สำหรับบิดะฮ์ที่ดีนั้นไม่ถูกตำหนิ)..." (ดู ชัรหฺ ซอฮิหฺมุสลิม ของท่านอิมาม อันนะวาวีย์ เล่ม 4 หน้า 113 ตีพิมพ์ ดารุลหะดิษ ตีพิมพ์ครั้งแรก ปี ฮ.ศ. 1415- ค.ศ. 1994

หวังว่าอัลเลาะคงประทานฮีดายะให้กับคุณกลับมาสู่ร่มเงาอะลิสซุนนะวัญญามอะมัสหับทั้ง4 นะคับ และวันกียามัต   เราจะได้เห็นคุณด้วยว่า   คุณนั้นคือผู้หนึ่งที่จะไม่ถูกไล่จากร่มเงานั้นcool2:

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ต่อครับ

ฉนั้น

เป้าหมายของหะดิษนั้น คือเป้าหมายตามทัศนะของเรา ที่เอามาจากการอธิบายของ อุลามาอ์ของโลกอิสลาม ดังนั้น อุลามาอ์หะดิษแห่งโลกอิสลามให้ความคำว่า سَنَّ นั้น หมายถึง أبتدأ (ริเริ่มกระทำขึ้นมา) ไม่ใช่ให้ความหมายบิดเบือน ว่า أحيا (ฟื้นฟู) ตามที่ผู้คัดค้านนี้ได้ให้ความหมายกัน เพื่อหลีกหนี การตีกซีร หะดิษ "ทุกบิดอะฮ์นั้นลุ่มหลง" และไม่มีอุลามาอ์ท่านใด ตั้งแต่ 1400 กว่า ปี ที่ให้ความหมายคำว่า سَنَّ นั้น หมายถึง أحيا (ฟื้นฟู)

ดังนั้น การอธิบายคำว่า سَنَّ นั้น หมายถึง أبتدأ (ริเริ่มกระทำขึ้นมา) นั้น

1. เพราะมันเป็นเจตนารมณ์ของท่านนบี(ซ.ล.) ที่อุลามาอ์หะดิษแห่งโลกอิสลามตั้งแต่ 1400 กว่าปี ได้เข้าใจกัน

2. การให้ความหมายว่า "ริเริ่มกระทำขึ้นมา" นั้น เป็นอธิบายที่ตรงกับหลักภาษาอาหรับ ของคำว่า سَنَّ

3. การให้ความหมายคำว่า سَنَّ หมายถึง "การริเริ่มกระทำขึ้นมา" นั้น ย่อมเป็นการอธิบาย تفسير หะดิษตามอุลามาอ์หะดิษผู้ปกป้องซุนนะฮ์ของท่านนบี(ซ.ล.) แต่ไม่มีอุลามาอ์หะดิษแห่งโลกอิสลาม อธิบาย تفسير คำว่า سَنَّ ให้อยู่ในความหมาย أحيا (ฟื้นฟู)

4. การให้ความหมายคำว่า سَنَّ หมายถึง "การริเริ่มกระทำขึ้นมา" นั้น ไม่ใช่เป็นการตีความ تأويل เนื่องจากการตีความนั้น หมายถึง การผันคำเดิมให้อยู่ในความหมายอื่นที่สอดคล้องกับที่เจ้าของภาษาอาหรับเขาใช้กัน แต่การกล่าวว่า سَنَّ หมายถึง أحيا (ฟื้นฟู) นั้น ไม่ใช่เป็นการตีความ เนื่องจากเจ้าของภาษาอาหรับ เขาไม่เคยใช้คำว่า سَنَّ หมายถึง أحيا (ฟื้นฟู)

5. เมื่อคำว่า سَنَّ ไม่ได้ถูกอธิบายให้อยู๋ในความหมายว่า أحيا (ฟื้นฟู) ตามทัศนะของอุลามาอ์หะดิษแห่งโลกอิสลาม และไม่ใช่การเป็นตีความแล้ว ซึ่งแน่นอนว่า การให้ความหมายคำว่า سَنَّ หมายถึง أحيا (ฟื้นฟู) นั้น คือการ تحربف บิดเบือน ความหมายของหะดิษ บิดเบือนหลักภาษาอาหรับ ที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อนตั้งแต่ 1400 ร้อยกว่าปี




วัสลาม

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
 ::)โฮ hihi:  กระทู้นี้มีผู้ชมวันนี้ ถึง 40 สายonlineไปไกลแล้วเวปฯพี่น้องของเรา   ไม่น่าละ   เราตกข่าวอยู่คนเดียว

สุดยอดและเจ๋ง   to be number one  """"" myGreat:

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
หรอยจริงครับ เอาอีกๆ ได้ความรู้มาก เอาไปโม้ต่อสบายเลย
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ mumin

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 41
  • เพศ: ชาย
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
เอ ผมโดนบล็อกกระทู้นี้แล้วละครับ
วิถีชีวิตของมุสลิม...

ออฟไลน์ mumin

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 41
  • เพศ: ชาย
  • Respect: -1
    • ดูรายละเอียด
  ฉนั้นคำถามข้อที่คุณkoweeถามว่า
1.  การรวมผู้คนตามอิมามคนเดียวในการทำละหมาดตะฮัจญุดหลังละหมาดตะรอวิห์ในมัสยิดฮะรอมมักกะฮ์และมะดีนะฮ์"
ตอบ. อืมม ถามผม ผมก็ไม่รู้หรอกครับ อาจจะมีหลักฐานหรือไม่ก็ได้ ถ้ามีก็ทำได้ แต่ถ้าไม่มี ต่อให้มักกะฮ์หรือมาดีนะฮ์ทำ  ผมก็ไม่ขอทำตาม เพราะไม่มีหลักฐานจากท่านนบีฯ

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอางี้ ถ้าคุณอยากได้คำตอบจริงๆ เดี๋ยวผมไปหาเบอร์โทรของอาจารย์มูรีด อาจารย์ฟารีด และเชคริฏอมาให้เอามั้ยครับ?

คุณอยากรู้อะไรจะได้ถามเลยตรงๆ ได้คำตอบจากผู้รู้ไปเลยตรงๆ เสียเวลามาถามคนชาวบ้านที่ไม่ค่อยมีความรู้น่
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------
        เอ!     แล้วทำไมคุณ   mumin    ไม่ไปถาม อาจารย์มูรีด อาจารย์ฟารีด และเชคริฏอมาละครับ แล้วนำมาตอบ  ฉอด ๆๆๆ  ในเวบนี้อีกที  ในเมื่อมีอากีดะห์เดียวกัน     ทีเรื่องบิดอะห์ฮาซานะห์ คุณก็ยกคำของ อ. เหล่านั้นมาละเลงในเวบนี้โดยวกไปวนมา  ถ้าคุณ  หาเบอร์โทร ของ อใท้ง3คน เจอแล้วก็รบกวนช่วยถามมาด้วยดีกว่า  คุณจะได้ไม่ต้องตอบคำถามเดิมเช่น
                          "  อืมม ผมก็ไม่รู้หรอกครับ แต่ถ้าเค้าทำแล้วมันเกี่ยวกับเรื่องศาสนพิธี ไม่มีหลักฐานรับรอง ผมก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้วครับ "
                          "อืมม ถามผม ผมก็ไม่รู้หรอกครับ อาจจะมีหลักฐานหรือไม่ก็ได้ ถ้ามีก็ทำได้ แต่ถ้าไม่มี ต่อให้มักกะฮ์หรือมาดีนะฮ์ทำ
                     ผมก็ไม่ขอทำตาม เพราะไม่มีหลักฐานจากท่านนบีฯ แต่ถ้าถามหาถึงฮาดีษเรื่องการเป็นอีหม่ามละหมาดในเวลากลางคืนที่
                     ท่านนบีเคยกระทำละก็ ก็พอจะมีครับ"
                            " แหม ผมจะชวนตีได้ไงครับ ผมแค่เห็นว่าคุณ elharm เค้าเก๋าจริง แล้วก็อยากรู้คำตอบมาก ก็เลยอยากช่วยน่ะครับ
                    ผมไม่อยากให้ใครมาครหาน้องเค้าได้ว่าเก๋า แต่คนเอาวามน่ะครับ
                          ส่วนที่จะเชิญอาจารย์มาเสวนาเว็บนี้ ผมว่าโทรไปถามเลยดีกว่าครับ สะดวกดี ทันใจ ไม่กว่าเหรอ?


                                        ผม  ไม่เก๋า นะครับ  เลยไม่อยากโทรถาม    ฉนั้น!!          เลยวานให้ คุณ  mumin    ที่เก๋ากว่า ไปถามมาให้เรียบร้อยโรงเรียนจีน
                     แล้วค่อยมาตอบก็ได้ครับ



โทรถามหรือไม่โทรถาม ความจริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับเก๋าไม่เก๋าหรอกครับ
มันอยู่ที่ใครอยากจะรู้จากผู้รู้ของสายนั้นจริงๆ มากกว่า

ผมเองก็ไม่ได้บอกว่าผมเก๋านี่ครับ แล้วที่จริงคำถาม 5 ข้อนี้ ผมก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่
ผมอยากรู้คำถามอื่นๆ ที่ผมสงสัยของผมเองมากกว่าน่ะครับ

คำถาม 5 ข้อข้างต้น คนทางฝั่งคุณเองต่างหากที่อยากรู้ แล้วดันมาถามคนไม่รู้แบบผม
ผมก็แค่แนะนำว่าให้โทรไปถามผู้รู้ตัวจริงๆ ไปเลย ถ้าอยากรู้แบบด่วนๆ

คุณมาให้คนที่ไม่ได้สงสัยในเรื่องนี้ ไปถามมาให้คนที่อยากรู้อย่างคุณ

ผมว่ามันจะกินแรงคนอื่นไปหน่อยมั้งครับ? อยากรู้ก็ไปถามเองสิครับ หรือไม่กล้า?

ไม่กล้าก็บอกตรงๆ ให้มันรู้ไป มัวแต่ลีลาอยู่นั่นแหละ  sad:

วัสสลามมุอลัยกุมว่าเราะมะตุ้ลลอฮ์
วิถีชีวิตของมุสลิม...

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
เรียนคุณ Abubak
คือผมเคยฟังการตอบคำถามของ อ.อาลี เสือสมิง ที่ผมก็โหลดมาจากเว็ปไซด์นี้แหล่ะครับ
อาจารย์ก็ตอบคำถามได้ดีมากเลยนะครับเรื่อง การรวมตัวละหมาดตะรอเวียะห์ 20 ร่อกะอัต
คุณ Abubak เคยฟังหรือยังครับ...ถ้ายัง ผมแนะนำให้โหลดมาฟังนะครับ แล้วมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณโพสดู

น่าจะเป็นลิ้งค์นี้ นะครับ...ถ้าไม่ใช่ขอมาอัฟด้วยนะครับ..ผิดพลาดอะไรก็ขอมาอัฟด้วยครับ...
http://www.uploadd.com/download.aspx?pku=37EA1DACD7GIJH9ZOFQYV8PV28PYYZ

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
คุณ Abubak เคยฟังหรือยังครับ...ถ้ายัง ผมแนะนำให้โหลดมาฟังนะครับ แล้วมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่คุณโพสดู
ครับขอบคุณ Qolbun_saleem*ที่ส่งมาให้แต่รู้สึกว่าจะเป็นเรื่อง การดูเดือนเสี้ยวเข้าอออกบวชนะครับ   ถ้ามีที่คุณว่าก็ส่งไฟล์มานะครับจะเปิดใจรับฟัง



ผมยินดีรับฟังเสมอครับแต่ คำพูดของแต่ละอจ.นั้นก็ใช่ว่าผมจะต้องตามในทุกๆเรื่อง เหมือนใครบางคนนะครับ 


คุณmumin  ว่างัยคำถามและข้อโต้แย้งที่ตอบไปหลายๆข้อคุณยังไม่ตอบกลับเลย


เอาให้มันเป็นทางการสักเรื่องซิครับคุณmumin  อย่าเปลี่ยนกระทู้บ่อยตามอารมณ์ตนเองนัก  เอาที่ๆคุณไม่เข้าใจจริงๆนะครับไม่ใช่ลองภูมิวิชากัน

ผมจะรอคำตอบของคุณกับสิ่งที่ผมได้อ้างมาข้างผมเเล้วนะครับ  อย่าลืมครับ  ผมจะคอย

ออฟไลน์ admin

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • *****
  • กระทู้: 464
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • ..
คุณ mumin โดนระงับสิทธในการแสดงความคิดเห็นแล้วครับ

ออฟไลน์ multi

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 413
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
โทรถามหรือไม่โทรถาม ความจริงก็ไม่ได้เกี่ยวกับเก๋าไม่เก๋าหรอกครับ
มันอยู่ที่ใครอยากจะรู้จากผู้รู้ของสายนั้นจริงๆ มากกว่า

ผมเองก็ไม่ได้บอกว่าผมเก๋านี่ครับ แล้วที่จริงคำถาม 5 ข้อนี้ ผมก็ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่
ผมอยากรู้คำถามอื่นๆ ที่ผมสงสัยของผมเองมากกว่าน่ะครับ

คำถาม 5 ข้อข้างต้น คนทางฝั่งคุณเองต่างหากที่อยากรู้ แล้วดันมาถามคนไม่รู้แบบผม
ผมก็แค่แนะนำว่าให้โทรไปถามผู้รู้ตัวจริงๆ ไปเลย ถ้าอยากรู้แบบด่วนๆ

คุณมาให้คนที่ไม่ได้สงสัยในเรื่องนี้ ไปถามมาให้คนที่อยากรู้อย่างคุณ

ผมว่ามันจะกินแรงคนอื่นไปหน่อยมั้งครับ? อยากรู้ก็ไปถามเองสิครับ หรือไม่กล้า?

ไม่กล้าก็บอกตรงๆ ให้มันรู้ไป มัวแต่ลีลาอยู่นั่นแหละ 

วัสสลามมุอลัยกุมว่าเราะมะตุ้ลลอฮ์
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
             salam
                           ผมไม่เก๋าไงครับ  เลยไม่กล้าโทรถามเพราะผมไม่เก่งด้านนี้ถ้าผมเก่งอย่างคุณ   mumin  ที่ชอบโยกโย้  เยกเย้วกวน  วนเวียน    ผมคงจะกล้าละครับ       
             แต่ผมว่า  คุณน่ะแหล่ะ  ไปถามมาดีแล้วดีที่สุดด้วย    ไหนบอกวาฮาบีเก๋ากว่า  ถามไปเลย  แล้วเอาคำตอบ เก๋าๆ เหล่านั้นมาเลยครับ
          วัสสลามมุอลัยกุมว่าเราะมะตุ้ลลอฮ์
         

 

GoogleTagged