ผู้เขียน หัวข้อ: มัสยิดดิร๊อร  (อ่าน 1575 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
มัสยิดดิร๊อร
« เมื่อ: ก.พ. 01, 2008, 05:31 AM »
0

 salam

บิสมิ้ลลาฮิรร่อมานิรร่อฮีม
มัสยิดดิร๊อร
โดยอาจารย์อับดุลการีม วันแอเลาะ

และมุนาฟิกีนกลุ่มหนึ่งได้ทำการสร้างมัสยิดขึ้น  โดยพวกเขามิได้กระทำเพื่ออัลลอฮ์
หากแต่กระทำเพื่อให้เกิด  "ดิร๊อร"  บ่อนทำลาย  เพื่อให้เกิด  "กุฟร"  การปฏิเสธ  เพื่อแยกมุมินีน
เพื่อวซ่องสุมบรรดาผู้ที่สงครมกับอัลลอฮ์และร่อซูลมาตั้งแต่แรก  และพวกเขาก็ต่างสาบานกันว่า
พวกเขามิได้ปรารถนาอะไรในการก่อสร้างมัสยิด  นอกจากความดี
อัลลอฮ์ทรงเป็นพยานว่าพวกเขาคือบรรดาผู้ที่โกหก
อัตเตาบะฮ์ : 107

โอ้ร่อซูล  ท่านอย่าได้ละหมาดที่มัสยิดนี้โดยเด็ดขาด  แท้จริง  มัสยิดที่ก่อสร้างขึ้นเพื่ออัลลอฮ์
เพื่อหวังความโปรดปรานของอัลลอฮ์ตั้งแต่ต้นก็คือ  มัสยิดกุบาอ์  เป็นมัสยิดที่สมควรยิ่ง
ที่ท่านจะละหมาด  ประกาศศักดิ์ศรีแห่งอัลลฮ์  ณ มัสยิดแห่งนี้  มีผู้คนที่รักการทำความสะอาด
ร่างกายและหัวใจเพื่อทำอิบาดะฮ์ที่ถูกต้อง  ซึ่งอัลลอฮ์ทรงรักและทรงให้ผลบุญ
แก่บรรดาผู้ที่ใกล้ชิดพระองค์ด้วยความสะอาดทั้งร่างกายและวิญญาณ
อัตเตาบะฮ์ : 108

ไม่เหมือนกันระหว่างความเชื่อ  และพฤติกรรมของผู้ที่สร้างอาคารบนพื้นฐานแห่งความบริสุทธิ์ใจ
ในความยำเกรงต่ออัลลอฮ์  และหวังความโปรดปรานยินดีจากอัลลอฮ์
กับผู้ที่สร้างอาคารบนพื้นฐานแห่งความสัปปลับและปฏิเสธ  เพราะผลงานของผู้ที่ยำเกรงนั้นเที่ยงตรง
และยืนหยัดอยู่บนพื้นฐานที่แข็งแรง  ส่วนผลงานของผู้ที่สัปปลับนั้น
ประดุจการสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างริมนรก  แล้วมันก็จะทำให้ผู้ใช้ประโยชน์ในอาคารนั้น
ฝังลงขุมนรกญะฮันนัม  อัลลอฮ์จะไม่ชี้ทางที่ปลอดภัยแก่ผู้ที่ทำลายตัวเองด้วยการเป็นผู้ปฏิเสธ
อัตเตาบะฮ์ : 109

สิ่งปลูกสร้างของพวกสัปปลับ  จะยังคงก่อให้เกิดความสับสน  ยุ่งเหยิง
อีกทั้ง  จะยังทำให้หัวใจของพวกเขามีแต่ความกลัวอย่างไม่รู้จักจบสิ้น
จนกว่าหัวใจของพวกเขาจะเกิดความเสียใจ  เกิดความรันทดใจ  หรือไม่ก็พวกเขาตายไป
อัลลอฮ์ทรงรู้ทุกอย่าง  ทรงปรีชาญาณในงานและการตอบแทน
อัตเตาบะฮ์ : 110


มูลเหตุแห่งการประทานโองการข้างต้น
               มัสยิดที่กล่าวไว้ในอายะห์ข้างต้นนี้  มุนาฟิกที่มะดีนะฮ์กลุ่มหนึ่งได้สร้างขึ้นด้วยเจตนาชั่ว  พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อให้เกิดความสับสน
แก่มัสยิดกุบาฮ์  ที่เผ่าอัมร  บิน  อาวฟ์  ได้สนับสนุนให้ก่อสร้างขึ้นและได้รับการสนับสนุนจากท่านร่อซูล ศ้อลฯ  ด้วยการทำละหมาด
อิบนุอามิร  อัร-รอฮิบ  มีความอิจฉาริษยา  จึงได้สนับสนุนให้มุนาฟิกทำการสร้างมัสยิดขึ้นอีกหลังหนึ่ง   เพื่อแสดงความผยองต่อบรรดาผู้สร้างมัสยิดกุบาอ์

               บรรดาอานารยชนนั้น  จะแข่งขันกันสร้างมัสยิด  ทั้งนี้  เพื่อจะได้มีไว้เป็นศูนย์รวมเพื่อการสมคบกันทำลายสังคมของศรัทธาชน

               หลังจากที่พวกเขาสร้างเสร็จแล้ว  พวกขาได้เชิญให้ท่านร่อซู้ล ศ้อลฯ ไปละหมาด  ทั้งนี้  เพื่อพวกเขาจะได้ละหมาดกันที่นั่นต่อไป
และเนื่องจากการเป็นเผ่านิยมของพวกเขาและการแบ่งแยกของพวกเขา

               ท่านร่อซู้ล ศ้อลฯ  เกิดความสับสนว่าควรจะตอบรับคำเชิญหรือไม่?  เนื่องจากไม่อาจล่วงรู้เจตนาของพวกเขา

               อัลลอฮ์ท่านได้ทรงบอกให้ท่านร่อซูล ศ้อลฯ  รู้ในตอนที่เดินทางกลับจากสงครามตะบู๊ก  โดยท่านร่อซู้ล ศ้อลฯ
ทรงตั้งใจจะตอบรับคำเชิญ  ว่า  อย่า  อย่าไปที่นั่น  และเป็นสำคัญสำหรับไปละหมาดที่นั่น


คำสอนที่ได้รับจากโองการต่างๆ  ข้างต้น
               โองการต่างๆ  ข้างต้นให้ความเข้าใจแก่เราว่า  มัสยิดนั้นมีสองประเภทคือ  มัสยิดที่ใช้ให้เราละหมาด
กับมัสยิดที่ห้ามมิให้เราละหมาด  กล่าวคือมัสยิดที่สร้างขึ้นเพื่ออิบาดะห์ต่ออัลลอฮ์   กับมัสยิดที่สร้างขึ้น
เพื่อการอื่น  อาจเพื่อ ดิร๊อร  (บ่อนทำลาย)  หรือเพื่อต่อต้าน  หรือเพื่อแบ่แยก  หรือเพื่อใช้เป็นที่ซ่องสุมศัตรู
ของอัลลอฮ์และร่อซู้ล  หรือเจตนาอื่นใด  นอกจากอิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์

               มัสยิดที่ก่อสร้างขึ้นเพื่ออิบาดะฮ์ต่ออัลลอฮ์  ก็ต้องหมายถึงชุมชนนั้นไม่มีมัสยิดหรือมีแต่คับแคบ
ไม่เพียงพอต่อผู้ทำอาบาดะห์และขยายไม่ได้  หากชุมชนนั้นมีมัสยิดอยู่แล้ว  และก็ยังกว้างขวาง
พอที่จะรองรับผู้ทำอิบาดะฮ์ได้  การสร้างขึ้นมาอีกก็เป็นการแบ่งแยก  ส่วนจะเป็นมัสยิดดิร๊อร
มัสยิดกุฟร  หรือมัสยิดซ่องสุมศัตรูของอัลลอฮ์และร่อซู้ลหรือไม่นั้น  นั่นเป็นเรื่องเจตนาของผู้สร้าง
ไม่มีใครตัดสินได้  แต่ที่ตัดสินได้ก็คือแบ่งแยกศรัทธาชน  แทนที่จะบ่งชี้ถึงการอีกเอกภาพในสังคม
กลับบ่งชี้ถึงการแบ่งหรือแตกแยก  ซึ่งก็ส่งผลให้หมดพลังหรืออำนาจต่อรอง  ดังอัล-กุรอ่าน "อย่าขัดแย้งกัน"
แล้วท่านจะล้มเหลวและพลังความเข้มแข็งของพวกท่านก็จะหมดไป
  ดังนั้น  มัสยิดที่ใช้ละหมาดได้
ต้องเป็นมัสยิดที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานของตักวาเท่านั้น

               ท่านศาสดาได้ใช้ให้ทำลายมัสยิดที่ไม่ได้สร้างขึ้นบนพื่นฐานของตักวา  ด้วยการให้เผาและกำหนดให้พื้นที่นั้นเป็นที่ทิ้งขยะ.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 01, 2008, 07:27 AM โดย Deeneeyah »

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
Re: มัสยิดดิร๊อร
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.พ. 01, 2008, 07:26 AM »
0
ความหมายของอัล-กุรอ่านซูเราห์อัตเตาบะฮ์  โองการที่ 107-110
จากตัฟซีรกะลามุนมันนาน  ของท่านเชคอับดุลเราะฮ์มาน  นาซีรอัซซะดีย์  หน้า 309-310


...โองการที่ 107...
                ชาวมุนาฟิกีนที่อาศัยอยู่ ณ หมุ่บ้านกุบาอ์  ได้ร่วมกันสร้างมัสยิดขึ้นหลังหนึ่งใกล้ๆ  กับมัสยิดกุบา  โดยมีเป้าหมายเพื่อให้เกิดความยุ่งยากและความสับสนแก่บรรดาศรัทธาชน
และถือกันว่าผู้ที่เข้ามารวมกัน  ณ  มัสยิดแห่งนี้คือ  บรรดานักรบเพื่ออัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์  พวกเขาจะเป็นผู้คอยเฝ้าระวัง  เป็นกำแพงปกป้องเมื่อต้องการ

                อัลลอฮ์ได้ทรงเปิดเผยความมดเท็จของพวกเขาและทรงเปิดโปงสิ่งที่พวกเขามดเท็จ  โดยกล่าว่า : บรรดาผู้ที่ร่วมกันสร้างมัสยิดเพื่อก่อการร้าย  แก่บรรดาศรัทธาชนและมัสยิดของศรัทธาชน
และกุฟร  (เป็นการทรยศ)  ในขณะที่ผู้อื่นจากพวกเขามีเจตนาเพื่อการศรัทธา

                และพวกเขาแยกระหว่างศรัทธาชน  หมายถึงทำให้แตกแยกกัน  ขัดแย้งกัน  และซ่องสุม  เตรียมการให้ความช่วยเหลือแก่บรรดาผู้ที่ทำลายอัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์แก่ปางก่อน
(เป็นการรองรับบรรดาผู้ทำสงครามกับอัลลอฮ์และรอซูล  ที่เคยปกิบัติการและเคลื่อนไหวมาก่อนหน้านั้นแล้ว)  เช่น  อะบีอะมีร  อัรรอฮิบ  ซึ่งเดิมเป็นชาวมะดีนะฮ์  เมื่อท่านนบีศ้อลฯ  ได้อบพยบ
เขาก็เดินทางไปสมคบกับบรรดามุซริกีน  เพื่อยกทัพมาทำลายท่านนะบีศ้อลฯ  และเมื่อไม่เป็นไปตามแผนที่ต้องการ  เขาก็เดินทางไปยัง  "กอยศอร"
                แต่เขาผู้เป็นศัตรูของอัลลอฮ์ก็พินาศ  (ตาย)  ก่อนเดินทางถึงเมืองกอยศอร  เขาเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมสร้างมัสยิดดิร๊อร  (อันตราย)  อัลลอฮ์จึงได้ประทานวะฮีลงมา  แล้วนะบี ศ้อลฯ 
ก็ได้ไปทำลายและเผามัสยิดหลังนั้น  ซึ่งในเวลาต่อมาสถานที่แห่งนั้นก็กลายเป็นที่ทิ้งขยะและสิ่งปฏิกูลของชาวกุบา

                และอัลลอฮ์ได้ทรงเปิดเผยถึงเป้าหมายอันเลวทราวของพวกเขาว่า  "พวกเขายังสาบานกันว่า  พวกเขามิได้มีเจตนาในการก่อสร้างมัสยิดหลังนี้เพื่ออื่นใดนอกจากความดีเท่านั้น"
(คือให้ความช่วยเหลือผู้อ่อนแอ  ผู้ถูกข่มเหง  ผู้ถูกอธรรม)

                และอัลลอฮ์ได้ทรงยืนยันและสาบานว่า  แท้จริงพวกเขาคือบรรดาผู้มดเท็จ  ซึ่งแน่นอน  การสาบานของอัลลอฮ์เชื่อถือได้มากกว่าการสาบานของพวกเขา  แล้วอัลลอฮ์ได้กล่าวต่อไปว่า...

...โองการที่ 108...
                มูฮำหมัดเอ๋ย  อย่าได้ละหมาดที่มัสยิดนั้นโดยเด็ดขาด  เพราะเป็นมัสยิดที่สร้างขึ้นเพื่อการทำลายเสถียรภาพของสังคม  อัลลอฮ์ไม่ต้องการและท่านก็ไม่ได้จำเป็นต้องไป

...โองการที่ 109...
                อันมัสยิดที่ก่อสร้างขึ้นบนพื้นฐานแห่งการมีความยำเกรงตั้งแต่วันแรก  ที่อิสลามประจักษ์ขึ้น  ณ  มะดีนะฮ์คือ  "กุบาอ์"  เป็นมัสยิดที่ก่อสร้างขึ้นบนพื้นฐานแห่งความอิคลาศในศาสนาของพระองค์
เป็นมัสยิดที่สถาปนาขึ้นเพื่อการระลึกถึงอัลลอฮ์และประกาศศักดิ์ศรีแห่งอัล-อิสลาม  เป็นมัสยิดที่ถูกสร้างขึ้นก่อนมัสยิดดิร๊อร  มัสยิดอันประเสริฐนี้  เป็นมัสยิดที่สมควรต่อการที่ท่านจะทำการละหมาด
ทำการสักกะระ  ทำการซิเกรต่ออัลลอฮ์  เป็นมัสยิดที่ทรงความเป็นเลิส  และแน่นอนผู้คนก็มีศักดิ์ศรีและมีความเป็นเลิศ  ด้วยเหตุนี้อัลลอฮ์จึงได้สรรเสริญพวกเขาไว้ในอัล-กุรอ่านว่า  ณ  มัสยิดแห่งนี้
มีผู้คนรักที่จะชำระเพื่อให้เกิดความสะอาดจากความผิดและความสกปรกต่างๆ

                เป็นที่แน่นอนว่า  ใครรักสิ่งใด  เขาจะต้องพยายามที่จะแสวงหาหรือเดินไปหาสิ่งนั้น  และก็จะพยายามทำทุกอย่างตามที่สิ่งนั้นรัก

                มีผู้ถามท่านนะบี ศ้อลฯ  ถึงอัล-กุรอ่านที่สรรเสริญพวกเขา  ท่านนะบี ศ้อลฯ  ตอบว่าเพราะในการทำความสะอาดปัสสาวะหรืออุจจาระนั้น  พวกเขาล้างด้วยน้ำอีกครั้งหนึ่งหลังจากที่ทำความสะอาด
ด้วยหินแล้ว

                แท้จริง  อัลลอฮ์ทรงรักบรรดาผู้ที่รักความสะอาด  สะอาดทั้งทางนามธรรม  เช่น  ไม่ซิริก  และสะอาดจากพฤติกรรมที่ต่ำทราม  และรูปธรรม  เช่น  การชำระล้างสิ่งโสโครกและการเปลื้องฮะดัส
                หลังจากนั้นพระองค์ได้แยกความเด่นที่แตกต่างกันของมัสยิดโดยทั่วไป  ตามเป้าหมายที่สอดประสานกับความพอพระทัยของพระองค์หรือไม่ว่า  ผู้ที่สร้างที่พำนักของพวกเขาบนตักวาต่ออัลลอฮ์
คือด้วยเจตนาที่ดีและบริสุทธิ์  และความยินดีของพระองค์  คือสอดคล้องกับคำบัญชาใช้ของพระองค์  และได้ผสมผสานกิจกรรมของพวกเขา  ระหว่างความบริสุทธิ์ใจและการปฏิบัติตามคำบัญชาของอัลลอฮ์
นั้นดีกว่าหรือผู้ที่ก่อสร้างที่พำนักของเขาบนปากหรือริมตลิ่งที่กำลังจะพัง  แล้วมันก็พังลงในนรกญะฮันนัม  ดีกว่า     อัลลอฮ์จะไม่ชี้นำกลุ่มชนที่อธรรม

...โองการที่ 110...
                การก่อสร้างที่พำนักของพวกเขา  รังแต่จะทำให้พวกเขาสับสน  ไม่สบายใจ  โดยพวกเขามีความเสียใจสุดๆ  หากพวกเขาทำการเตาบัตต่อผู้อภิบาลของพวกเขา  และมีความกลัวต่อผู้อภิบาลของเขาสุดๆ
อัลลอฮ์ก็จะให้อภัยพวกเขา  มิฉะนั้นแล้ว  สิ่งก่อสร้างของพวกเขาก็จะไม่เกิดประโยชน์อันใดนอกจากความสับสน  และความกลับกลอกร่ำไป  อัลลอฮ์ทรงรู้ในสิ่งทั้งมวล  ทั้งภายในและภายนอก  ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ซ่อนเร้นไว้
หรือเปิดเผยก็ตาม  พระองค์ทรงปรีชาญาณ  คือ  ไม่ทำ  ไม่ให้บังเกิด  ไม่ใช้  ไม่ห้าม  นอกจากสิ่งที่ตอบสนองฮิกมะฮ์ของพระองค์เท่านั้น.


ยังมีต่อ...อินซาอัลลอฮ์

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
Re: มัสยิดดิร๊อร
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.พ. 01, 2008, 02:48 PM »
0
ประโยชน์ที่ได้รับจากโองการข้างต้น
____________________________________________________________________________________

1.การก่อสร้างมัสยิดที่มีเจตนาสร้างความวุ่นวายให้แก่มัสยิดอื่นที่อยู่ใกล้ๆ  นั้นเป็นหะรอม  จำเป็นต้องรื้อหรือทำลาย

2.การกระทำนั้นแม้จะเลิศประเสริฐเพียงใดก็เปลี่ยนแปลงเป็นชั่วเป็นเลวได้ด้วยเจตนา  ซึ่งจากที่สนับสนุนให้กระทำ 
ก็จะกลายเป็นห้ามไม่ให้กระทำ  ดังเจตนาชั่วของชาวมัสยิดดิร๊อร

3.ทุกเรื่องที่ก่อให้เกิดการแตกแยกระหว่างพี่น้องมุสลิม  ถือเป็นคามชั่วที่จำเป็นต้องละทิ้ง  และทำลายล้างทั้งสิ้น 
ในทางกลับกัน  ทุกเรื่องที่ก่อให้เกิดการรวมตัว  ก่อให้เกิดความรักความสามัคคีในระหว่างพี่น้องมุสลิม  จำเป็นต้องถือปฏิบัติ 
และจำเป็นต้องใช้  ต้องให้คำแนะนำกัน  และต้องร่วมกันรักษาไว้

4.ห้ามละหมาดในสถานที่ม๊ะซีฮัต  และให้ห่างไกล  อย่าเข้าใกล้สถานที่นั้น

5.ความชั่วนั้นมีอิทธิพลหรือส่งผลสู่สถานที่  ดังการส่งผลหรืออิทธิพลของความชั่วที่บรรดามุนาฟิกีนกระทำ  ซึ่งส่งผลสู่มัสยิด
จนกลายเป็นมัสยิดอันตราย  ถึงกับมีคำสั่งห้ามมิให้เข้าร่วมกิจกรรมใดๆ  กับพวกเขา  ในทำนองเดียวกับการกระทำการภักดี
ก็มีอิทธิพลหรือส่งผลสู่สถานที่  เช่น  มัสยิดกุบาอ์  ถึงกับอัล-กุรอ่านกล่าวชมเชย  และเนื่องจากมัสยิดกุบาอ์เป็นมัสยิด
ที่มีความประเสริฐมากกว่ามัสยิดใดๆ  มิฉะนั้นท่านศาสดา ศ้อลฯ  จะไม่ไปเยี่ยมเยียนในทุกวันเสาร์เพื่อไปละหมาดที่นั่น 
และใช้ให้ประชากรทำการละหมาดที่นั่น

6.สรุปข้อความสำคัญๆ  จากเหตุผลตามที่ปรากฏในโองการดังกล่าวข้างต้นได้ดังนี้
   -  ทุกการกระทำที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่มุสลิม  หรือที่เป็นการทำม๊ะซีฮัตต่ออัลลอฮ์  หรือที่เป็นการแบ่งแยกศรัทธาชน (มุมิน)
    -  หรือที่เป็นการให้ความช่วยเหลือผู้ที่ละเมิดคำสั่งของอัลลอฮ์และรอซูลของพระองค์   ทั้งหมดเหล่านี้เป็นกุฟร  เป็นบาป  เป็นสิ่งต้องห้าม     
      และเป็นหะรอมทั้งสิ้น

7.เมื่อมัสยิดกุบาอ์เป็นมัสยิดที่สถาปนาขึ้นบนพื้นฐานแห่งตักวา  มัสยิดนะบีที่ท่านได้สร้างด้วยมืออันทรงเกียรติของท่านย่อมต้องประเสริฐกว่า

8.อะมั้ลที่ต้องอยู่บนความบริสุทธิ์ใจ  และอยู่ในกรอบของหลักการ  คืออะมั้ลที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งตักวาที่เชื่อมต่อหรือนำไปสู่สรวงสวรรค์อันนะอีม

ส่วนอะมั้ลที่ตั้งอยู่บนเจตนาที่ชั่ว  หรือ  อุตริกรรม  คืออะมั้ลที่สมือนการก่อสร้างที่พักบริเวณปากเหว  ในที่สุดก็ต้องตกไปในนรกญะฮันนัม.

อัลลอฮ์ไม่นำทางบรรดาผู้ฉ้อฉล
ไม่มีที่ว่างสำหรับส่วนผสมที่ไม่ใช่เพื่ออัลลอฮ์

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
Re: มัสยิดดิร๊อร
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.พ. 01, 2008, 02:57 PM »
0
ความรู้เกี่ยวกับมัสยิดจากฮาดีสของท่านรอซูล  ศ้อลฯ
_____________________________________________________________________________________________________________

1.สนับสนุนให้สร้างมัสยิด
จากอาอีซะอ์  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ท่านร่อซูล  ศ้อลฯ  ได้ใช้ให้สร้างมัสยิดในชุมชน  โดยให้มัสยิดมีความสะอาด  และมีกลิ่นหอม
รายงานโดยอะห์หมด  อบูดาวู๊ด  และติรมีซีย์

2.ห้ามทำกุโบรเป็นมัสยิด
จากอะบีฮุรอยเราะฮ์  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  อัลลอฮ์ได้ทรงเข่นฆ่าชาวยิวที่พวกเขาเอากุโบรของบรรดาศาสดา
ของพวกเขามาทำเป็นมัสยิด
รายงานสอดคล้อมกันระหว่างท่านบุคอรีและมุสลิม   โดยท่านมุสลิมได้เพิ่มคำว่า  "นะศอรอ"

บุคอรีและมุสลิม  จากอาอีซะฮ์  เล่าว่า  พวกเขาเหล่านั้นเมื่อคนดีๆ  คนที่มีคุณธรรมเสียชีวิต  พวกเขาจะร่วมกันสร้างมัสยิดที่กุโบรนั้น 
และได้กล่าวเสริมว่า  พวกเขาเหล่านั้นคือ  บรรดาสิ่งที่ชั่วที่เลวจากสิ่งที่อัลลอฮ์ให้บังเกิด

3.อาศัยมัสยิดเป็นที่คุ้มครอง
จากอะบีฮุรอยเราะฮ์  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่าท่านนบี  ศ้อลฯ  ได้ส่งผู้แทนขี่ม้าไปตามชายคนหนึ่งมา  เมื่อมาถึงเขาได้ผูกมันไว้กับเสาต้นหนึ่งของเสามัสยิด
ฮาดีสรายงานสอดคล้องกันระหว่างท่านบุคอรีและมุสลิม

4.ขับลำนำหรือบทกวี กาพย์กลอน  ในมัสยิดได้
จากอะบีอุรอยเราะฮ์  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  แท้จริงท่านอุมัร  รอดิยั้ลฯ  ได้เดินผ่าน  หัสซาน  สบิน  ซาบิต  อัล-อันศอรีย์  นักกวีของท่านรอซูล  ศ้อลฯ 
กำลังสขับร้องบทกวีของเขาอยู่ในมัสยิด  อุมัรได้ชำเลืองมองไปยังเขาพลางกล่าวว่า  "เมื่อก่อนฉันก็เคยขับร้องบทกวีในมัสยิดและ  ณ  ที่นั่น
มีคนที่ดีกว่าท่านอยู่ด้วย  (หมายถึงท่านรอซูล  ศ้อลฯ)
รายงานสอดประสานกันระหว่างบุคอรีและมุสลิม

5.ห้ามประกาศหาของหายในมัสยิด
จากอุมัร  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  ใครได้ยินคนหาของหายในมัสยิด  จงกล่าวว่า  "อัลลอฮ์ไม่ให้ท่านได้เจอมันหรอก" 
เพราะมัสยิดไม่ได้ถูกสร้างสขึ้นเพื่ออย่างนี้
รายงานโดยมุสสลิม

6.ห้ามซื้อ-ขายในมัสยิด
จากอุมัร  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  แท้จริงท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  เมื่อพวกท่านเห็นใครขายหรือซื้อของในมัสยิด  พวกท่านจงกล่าวแก่เขาว่า 
"อัลลอฮ์ไม่ให้ธุรกิจของท่านมีกำไร"
รายงานโดยนะซาอีและติรมีซีย์

7.อย่าชำระโทษในมัสยิด
จากหะกีม  บุตรหิซาม  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  ไม่มีการชำระโทษใดๆ  ในมัสยิด  และไม่มีการชดเชยค่าเสียหายใดๆ  ในมัสยิด
รายงานโดยอะห์มัด

8.ให้เอาคนบาดเจ็บมารักษาในมัสยิดได้
จากอาอีซะฮ์  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  สะอัดได้รับบาดเจ็บในสงครมสนามเพาะ  (คอนดั๊ก)  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  ได้กางเต้นให้พักรักษาตัวในมัสยิด 
เพื่อท่านจะได้เยี่ยมเยียนได้โดยง่าย
รายงานสอดประสานกันระหว่างบุคอรีและมุสลิม

9.จัดให้มีการละเล่นในมัสยิดได้
จากอาอีซะฮ์  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ฉันเห็นท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กั้นฉันไว้ในขณะที่ฉันมองดูชาวหะบะซะฮ์แสดงการละเล่นในมัสยิด  (ในวันอีดซึ่งเป็นวันที่ศาสนาผ่อนปรน)
รายงานสอดคล้องกันระหว่างบุคอรีและมุสลิม

10.ห้ามบ้วนหรือถ่มน้ำลายในมัสยิด
จากอะนัส  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  การถ่มน้ำลายหรือบ้วนเสมหะในมัสยิดนั้นถือเป็นบาป  และให้เปลื้องบาปนั้นด้วยการฝัง
(มัสยิดในสมัยท่านศาสดาเป็นพื้นทราย)
รายงานสอดคล้องกันระหว่างบุคอรีและมุสลิม

11.พักในมัสยิดได้
จากอาอีซะฮ์  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  เด็กหญิงผิวดำคนหนึ่งทำที่พักอยู่ในมัสยิด  และเขาก็เคยมาพูดคุยอยู่กับฉัน
ฮาดีสรายงานสอดคล้องกันระหว่างบุคอรีและมุสลิม

12.ส่วนหนึ่งจากเครื่องหมายของวันกิยามะฮ์คือการแข่งขันกันสร้างมัสยิด
จากอะนัส  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  วันกิยามะฮ์จะยังไม่เกิดขึ้นจนกว่ามนุษย์จะประดับประดาหรือตกแต่งมัสยิด
รายงานโดยผู้รายงานทั้งห้า

13.ห้ามแกะสลักหรือตกแต่งมัสยิด
จากอิบนิอับบาส  รอดิยั้ลลอฮุอันฮุมา  กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  ฉันไม่ได้ถูกใช้ให้ประดับประดามัสยิด
นำเสนอโดยอะบูดาวู๊ด

14.มัสยิดมีแต่ผลบุญ
จากอะนัส  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  ได้เสนอให้ฉันเห็นถึงผลานิสงค์แห่งประชากรของฉัน 
แม้เศษขยะที่ผู้คนนำมันออกไปจากมัสยิด
รายงานโดยอบูดาวู๊ด

15.ละหมาดก่อนนั่งในมัสยิด
จากก่อตาดะฮ์  รอดิยั้ลฯ  กล่าวว่า  ท่านรอซูล  ศ้อลฯ  กล่าวว่า  เมื่อใครเข้ามัสยิด  อย่าให้เขานั่งจนกว่าเขาจะละหมาดสองรอกอัต
รายงานสอดประสานกันระหว่างบุคอรีและมุสลิม

คัดจากบทที่ว่าด้วยมัสยิดในหนังสือบุลุฆุลมะรอม

คุณสมบัติของผู้บูรณะ  (บริหารหรืออุปโภค)  มัสยิด

"อัลกุรอ่านกล่าวว่า  ผู้ที่บูรณะมัสยิดของอัลลอฮ์  คือผุ้ที่  อีหม่านต่ออัลลอฮ์  ต่อวันปรโลก  และดำรงละหมาด  บริจากซะกาต  และไม่กลัวใครนอกจากอัลลอฮ์

"แท้จริง  บรรดามัสยิดนั้นเป็นของอัลลอฮ์  ท่านอย่าได้ของต่อใครพร้อมกับฃของต่ออัลลอฮ์"



ข้อมูลทั้งหมดนี้คัดมาจากหนังสืออนุสรณ์  งานขอบคุณ (ซุโกร) เนียะมัตการขยายอาคารมัสยิด น๊ะฮ์ฎอตุ้ลอิสละห์ - บางบัวทอง
และก่อสร้างหกพักชาย  วันศุกร์  และเสาร์ที่  30-31  พฤษภาคม 2546
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 01, 2008, 10:13 PM โดย Deeneeyah »

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



 

GoogleTagged