***โต๊ะครูหัจญีสุหลง อุลามาอฺ อัล ฟาฏอนีย์ คนที่ 2****

[budu]

Tweet

โต๊ะครูหัจญีสุหลง (1895 ? 1954)
 
           
1. ชื่อเต็ม หะญีมุหัมมัด สุลม ถูกกำเนิดเมื่อปี ค.ศ. 1895 ณ บ้านอาเนาะรู อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี บิดาชื่ออับดุลกอดีร์ บิน มุหัมมัด (เป็นหลานของต่วนมีนาล ผู้เขียนกิตาบที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายที่มีชื่อว่า กัชฟ์ อัลลิซาน ) มารดาของท่านชื่อว่า เจ๊ะอามีนะฮ์ หรือเรียกกันว่า เจ๊ะโซม เสียชีวิตขณะที่หัจญีสุหลงอายุเพียง 12 ปีเท่านั้น



2. การศึกษาเบื้องต้น โดยทั่วไปแล้วเด็ก ๆ ในสังคมปัตตานีสมัยนั้น จะต้องได้รับการศึกษาอัลกุรอานเป็นความรู้พื้นฐาน หัจญีสุหลงก็เช่นเด็กคนอื่น ๆ ที่จะต้องได้เล่าเรียนอัลกุอานก่อน ท่านได้เล่าเรียนอัลกุอานกับครูคนแรกของท่านคือ บิดาของท่านเองคือ หัจญีอับดุลกอดีร


      เมื่ออายุของท่านราว ๆ 8 ขวบ ผู้เป็นบิดาได้ฝากท่านเข้าเรียนกับหัจญีอับดุลรอชีด ปอเนาะบานา ปัตตานี หลังจากได้ร่ำเรียนอยู่ที่นั่น ได้ศึกษากับผู้รู้ท่านใดบ้าง แต่เป็นที่เข้าใจว่าอาจารย์ของท่านเป็นชาวอาหรับและอียิปต์ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1924 ท่านจึงเดินทางกลับภูมิลำเนา โดยตั้งใจว่าจะเดินทางไปยังมักกะฮ์อีก

3. บุตรธิดา ท่านมีบุตรธิดาจำนวนทั้งสิ้น 10 คน ได้แก่
      1. มะห์มูด เสียชีวิตตั้งแต่ยังเล็กที่นครมักกะฮ์ หลังจากการเสียชีวิตของลูกคนแรกคนนี้ ท่านหัจญีสุหลงจึงกลับมาภูมิ ลำเนาของท่าน คือปัตตานี
      2. อะห์มัด เป็นลูกที่ท่านได้พาไปเพื่อเป็นผู้แปลภาษา ขณะเข้าพบกับผุ้ตรวจราชการกรมตำรวจ ที่จังหวัดสงขลา ภายหลังลูกชายก็สูญหายพร้อม ๆ กับท่าน
      3. หัจญีมุหัมมัดอามีน อดีต สส. จังหวัดปัตตานี
      4. รูก็อยยะฮ์
      5. ซัยนัล อาบิดีน (อดีต สส. จังหวัดปัตตานี)
      6. อาซีซะฮ์
      7. ซัยนับ
      8. ซากียะฮ์
      9. มุหัมมัดกามิล และ
      10. มุหัมมัดยูซุฟ

4. ก่อตั้งปอเนาะ หลังจากกลับภูมิลำเนาได้ไม่นาน ท่านจึงดำริให้เปิดโรงเรียน อัลมะอาริฟ อัลวาตอนียะฮ์ (เป็นโรงเรียนสอนศาสนาแห่งแรกของจังหวัดปัตตานี) อย่างไรก็ตาม โรงเรียนแห่งนี้ได้ดำเนินการไม่นานนัก รัฐบาลสยามในสมัยนั้นได้สั่งปิดโรงเรียนดังกล่าว ในที่สุดหัจญีสุหลงจำเป็นต้องสอนกิตาบในสุเหร่าของท่านแทน สำหรับกิตาบต่าง ๆ ที่ท่านได้สอนได้แก่ มุนยัต มุศ็อลลี ฟารีดะฮ์ อัลฟาฟรออิดอะกีดะฮ์ อัลนาญีน เป็นต้น ท่านเป็นที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ลึกซึ้งในวิชาอุศูลุดดีนและวิชาตัฟซีร และการสอนของท่านได้รับความสนใจจากประชาชนทั่วไปเป็นพิเศษ เพราะการนำเสนอการตัฟซีรในรูปแบบของแนวใหม่ เช่น การตัฟซีรเกี่ยวกับอายัตเกี่ยวกับการญิฮาด เป็นต้น

5. การเปลี่ยนแปลงการปกครอง หลังจากวันที่ 24 มิ.ย. 1923 มีการเปลี่ยนแปลทางการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราช เป็นระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตย
 
 6. เหตุการณ์ตึงเครียด ระหว่างปี ค.ศ. 1947 ? 1954 เป็นช่วงภาวะตึงเครียดที่สุดของประวัติศาสตร์ปัตตานี โดยได้มีการเรียกร้องข้อสำคัญ 7 ข้อ คือ
      1. ขอให้มีผู้นำมุสลิมที่เกิดในพื้นที่ 4 จังหวัดภาคใต้ โดยได้รับการคัดเลือกจากประชาชน 4 จังหวัด โดยให้มีอำนาจเด็ดขาด
      2. ให้มีการเรียนการสอนโดยใช้ภาษามลายูในทุกโรงเรียนประจำตำบลให้แก่นักเรียนที่มีอายุ 7 ขวบ ก่อนที่จะเข้าเรียนต่อในโรงเรียนประถม หรือให้มีการบูรณาการกับภาษาไทย
      3. รายได้หรือผลผลิตที่ได้จากทั้ง 4 จังหวัดให้ใช้เฉพาะใน 4 จังหวัดเท่านั้น
      4. ให้มีข้าราชการมุสลิมจำนวน 80 % ตามสัดส่วนของประชาชนที่เป็นมุสลิมโดยส่วนใหญ่
      5. ให้ภาษามลายูเป็นภาษาที่เป็นทางการ
      6. แยกศาลชะรีอะห์ออกจากศาลราชการ และให้มีกฎหมายเฉพาะมาบังคับใช้ในคดีที่เกี่ยวกับศาสนาอิสลาม
      7. ให้ยอมรับประชาชนที่อยู่ใน 4 จังหวัดเป็นสัญชาติมลายู

7. ถูกจับกุม ตอนเย็นของวันที่ 16 มกราคม 1948 ท่านถูกจับกุมในข้อหา ทรยศต่อชาติบ้านเมือง ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 3 ปี 2 เดือน

8. ผลงานวิชาการ งานเขียนของมีจำนวนไม่มากนัก ซึ่งที่ได้รับการตีพิมพ์แล้วมีจำนวนเพียง 3 เล่มเท่านั้นคือ
1. คุละศอต อัลญะวาฮิร
2. จาฮายา อิสลาม และ
3. คุคุซัน จาฮายา กือซือลามาตัน เป็นหนังสือที่ขึ้นชื่อมากทั้งนี้ เนื่องจากตอนที่ท่านได้เขียนหนังสือเล่มนี้ ขณะนั้นท่านถูกจำคุกอยู่ที่นครศรีธรรมราชขณะรอคำพิพากษาศาล อุทธรณ์

9. ศานุศิษย์ ขอกล่าวเพียงบางส่วนเท่านั้นคือ
1. หัจญีมุสตอฟา บินหัจญีอับดุลรอชีด (ปอเนาะบานา ปัตตานี)
2. หัจญีอับดุลกอดีร วามุ (นัดตันหยง)
3. หัจญีหะสัน เมาะโง
4. หัจญีมุหัมมัดนูร จะนะ
5. หัจญีมัด เปาฮ์ (บึนดัง ญือลาปัง)
6. หัจญีอับดุลเราะห์มา ปาดังรู (ยะหา)
7. ดะโต๊ะหัจญีมุหัมมัดนูร อิบรอฮีม (ผู้พิพากษารัฐกลันตัน)

10. เสียชีวิต ในปี ค.ศ. 1952 ท่านได้รับการปล่อยตัว แต่ในปี ค.ศ. 1954 ท่านถูกเรียกให้เข้าพบผู้ตรวจราชการกรมตำรวจที่จังหวัดสงขลา แต่หลังจากกลับจากการเข้าพบผู้ตรวจฯ ท่านและเพื่อนๆ สูญหายอย่างไม่มีร่องรอย ทางตำรวจได้แสดงหลักฐานการเซ็นชื่อว่าท่านและเพื่อนได้ออกจากสถานที่ดังกล่าวแล้ว แต่หลายคนเชื่อว่าพวกเขาถูกอุ้มไปฆ่าจนเสียชีวิต
 

[บาชีร]

10. เสียชีวิต ในปี ค.ศ. 1952 ท่านได้รับการปล่อยตัว แต่ในปี ค.ศ. 1954 ท่านถูกเรียกให้เข้าพบผู้ตรวจราชการกรมตำรวจที่จังหวัดสงขลา แต่หลังจากกลับจากการเข้าพบผู้ตรวจฯ ท่านและเพื่อนๆ สูญหายอย่างไม่มีร่องรอย ทางตำรวจได้แสดงหลักฐานการเซ็นชื่อว่าท่านและเพื่อนได้ออกจากสถานที่ดังกล่าวแล้ว แต่หลายคนเชื่อว่าพวกเขาถูกอุ้มไปฆ่าจนเสียชีวิต

ทำได้แสบมาก

[Al Fatoni]

 salam

         ไม่ทราบว่าคุณบูดู มีชีวประวัติของ Baba Ismail Spanjang Al Fatoni ไม๊ครับ อยากทราบชีวประวัติของท่านมากๆ เพราะได้ข่าวมาตลอดว่าท่านเป็นคนแตกฉานในเรื่องฟิกฮฺอย่างมากคนหนึ่งของอุลามาอฺอัล-ฟาฏอนีย์ในปัจจุบัน  :jazakallah

วัสสลามถ อลัยกุม

[ILHAM]

ผมภูมิใจที่ได้เรียนที่ร.ร.ธรรมวิทยามูลนิธิที่ท่านได้จัดตั้งขึ้น ตอนนี้ร.ร.ได้เข้ามาสู่ปีที่55แล้ว ผมก็อยู่ม.6แล้ว ยังจำภาพที่เขาขี่สกุ๊ตเตอร์มาสอนได้ติดตาครับ
วันที่ละหมาดญานาซัฮท่านผู้นี้ มีคนมาละหมาดเต็มมัสยิดกลางจ.ยะลา ไม่รู้ว่าละหมาดกันกี่รอบ คนต่างประเทศที่รู้ข่าวนี้ก็มากันตรึม
ท่านเสียสละมากครับ

[cliniccom]

 Re: ***โต๊ะครูหัจญีสุหลง อุลามาอฺ อัล ฟาฏอนีย์ คนที่ 2****
« ตอบ #3 เมื่อ: พ.ย. 16, 07, 10:11 PM » อ้างถึง 

--------------------------------------------------------------------------------
ผมภูมิใจที่ได้เรียนที่ร.ร.ธรรมวิทยามูลนิธิที่ท่านได้จัดตั้งขึ้น ตอนนี้ร.ร.ได้เข้ามาสู่ปีที่55แล้ว ผมก็อยู่ม.6แล้ว ยังจำภาพที่เขาขี่สกุ๊ตเตอร์มาสอนได้ติดตาครับ
วันที่ละหมาดญา

มันคนละคนกันแล้วครับ

[ILHAM]

ขอโทษครับ ผมรีบตอบ เลยไม่ได้อ่าน เห็นชื่อเหมือนกันเลยรีบๆตอบ ตอนนี้อ่านกระจ่างแล้วครับ