ผู้เขียน หัวข้อ: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?  (อ่าน 2115 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ IamCrying

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 376
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

 salam

แล้วจะเป็นอย่างไรมาติดจามกันผ่านมุมมองของนักวิชาการคนหนึ่งวันหลังจะมลงให้อ่านกัน
Closer than veins : Invite to the Way of thy Lord with wisdom... Qur.16:125

ออฟไลน์ intifad

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 148
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
    • www.sunnahstudents.com
Re: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.พ. 02, 2008, 12:24 AM »
0
ถ้าไม่มีอิสลามก็ไม่น่าจะมีโลกนี้อยู่แล้ว
แล้วถ้ามีโลกไม่มีอิสลามก็กียามัตอีกอยู่ดี

Al Fatoni

  • บุคคลทั่วไป
Re: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.พ. 03, 2008, 01:15 PM »
0
อัสสลามุ อลัยกุม

              ที่ไหนไม่มีอิสลาม ที่นั่นอาจจะมีแต่ความหายนะ

วัสสลามุ อลัยกุม

ออฟไลน์ IamCrying

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 376
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.พ. 03, 2008, 01:50 PM »
0
 salam

สำหรับบทแปลชิ้นนี้ นำมาจากงานเขียนของ Graham E. Fuller เรื่อง
A World Without Islam ตีพิมพ์ในวารสาร Foreign Policy
ฉบับเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ๒๐๐๘
โดย
สฤณี อาชวานันทกุล : แปลและเชิงอรรถ
นักวิชาการอิสระ และอาจารย์พิเศษ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

เป็นเรื่องเกี่ยวกับความรุนแรงที่เกิดขึ้น
ในปัจจุบัน มุสลิมตกเป็นแพะรับบาป ทั้งนี้จาก สถิติของยูโรโปล (Europol)
หน่วยงานตำรวจของสหภาพยุโรป ระบุว่า เกิดเหตุก่อการร้าย ๔๙๘ ครั้ง
ในสหภาพยุโรปในปี ๒๐๐๖ เพียงปีเดียว ในจำนวนนี้ ๔๒๔ ครั้ง เป็นฝีมือ
ของกลุ่มแบ่งแยกดินแดน ที่เหลืออีก ๕๕ ครั้งเป็นฝีมือของฝ่ายซ้ายหัวรุนแรง
อีก ๑๘ ครั้งเป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายกลุ่มอื่นๆ มีเพียงกรณีเดียวเท่านั้น
ที่เป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายชาวมุสลิม

ลัทธิล่าอาณานิคมใหม่ยังคงเฟื่องฟู การตักตวงทรัพยากรยังคงดำเนินต่อไป
ภายใต้การนำของโลกตะวันตก ศาสนาอิสลามเป็นเพียงผ้าคลุมและเครื่องมือ
ที่ผนึกชาติพันธุ์ต่างๆ ที่เสียเปรียบให้มารวมตัวกันในการต่อสู้กับเกมผลประโยชน์นี้
แม้ภูมิภาคตะวันออกกลางจะปราศจากศาสนาอิสลาม การต่อสู้กับผู้รุกราน
การเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคมใหม่ ก็จะยังคงเกิดขึ้นภายใต้ผ้าคลุมผืนอื่น

ลัทธิล่าอาณานิคมใหม่ยังคงเฟื่องฟู การตักตวงทรัพยากรยังคงดำเนินต่อไป
ภายใต้การนำของโลกตะวันตก ศาสนาอิสลามเป็นเพียงผ้าคลุมและเครื่องมือ
ที่ผนึกชาติพันธุ์ต่างๆ ที่เสียเปรียบให้มารวมตัวกันในการต่อสู้กับเกมผลประโยชน์นี้
แม้ภูมิภาคตะวันออกกลางจะปราศจากศาสนาอิสลาม การต่อสู้กับผู้รุกราน
การเผชิญหน้ากับการล่าอาณานิคมใหม่ ก็จะยังคงเกิดขึ้นภายใต้ผ้าคลุมผืนอื่น

ติดตามต่อไปนะครับ วันหลังจะเอามาให้อ่านอีก
watsalam
Closer than veins : Invite to the Way of thy Lord with wisdom... Qur.16:125

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ก.พ. 03, 2008, 05:52 PM »
0
ถ้าเป็นผม อาจจะมีลูกแล้วก็ได้นะ บางที...

ออฟไลน์ ActionMask

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 250
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
Re: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ก.พ. 03, 2008, 10:15 PM »
0
ยุโรปก็จะยัง จับแม่มด ล่ามังกร เอาไขมันแมวมาทาแผลอยู่เหมือนเดิม อาจจะดกว่าเดิมนิดหน่อย

ทางตะวันออกก็คงจะคิดว่า แผ่นดินไหวเพราะปลาพลิกตัวอยู่

สรุปง่ายๆ คือ ถ้าไม่มีอิสลาม โลกก็จะยังป่าเถื่อนอยู่ต่อไปนั่นแหละครับ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ก.พ. 04, 2008, 11:23 AM »
0
หากโลกนี้ไม่มีอิสลาม  ก็ลองนึกภาพในสมัยญาฮิลียะฮ์ดูซิครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ก.พ. 04, 2008, 08:00 PM »
0
 salam
หากโลกนี้ไร้ซึ่งอิสลาม แน่แท้ โลกนี้คงมีแต่การปล้นฆ่า 
หากโลกนี้ไร้ซึ่งอิสลาม คงมีแต่การกดขี่ ข่มเหง
หากโลกนี้ไร้ซึ่งอิสลาม การผิดประเวณี คงเกลือนกลาด
หากโลกนี้ไร้ซึ่งอิสลาม แน่แท้ โลกนี้ คงไร้ซึ่งความสงบสุข และสันติภาพ
หากโลกนี้ไร้ซึ่งอิสลาม  แน่แท้ คงไม่มีฉันคนนี้ ( เพราะ ยุคสมัยยาฮีลิยะห์ นิยม ฆ่าลูกสาว เพราะกลัว ความอับอาย )  <<  อัลฮัมดูลิลละห์
หากโลกนี้ ไร้ซึ่งอิสลาม ......................โลกเราคงวุ่นวายและยุ่งเหยิง น่าดู 
^
^
นึกๆ แล้ว ก้อ  คิดถึงวันกียามัต ขึ้นมาทันที
เหมือนกับ คำกล่าวที่ว่า "  อิสลามมาอย่างคนแปลก หน้า และ จะกลับไปอย่างคนแปลกหน้า  "^
^
วันนี้  ... วันที่อิสลามยังอยู่
เรา... ทำอะไร เพื่อยกและฟื้นฟูอิสลามกันบ้างแล้วยัง ?
อย่ารอจนถึงวันที่อิสลามเหลือ แค่ชื่อ  !! ?
อินชาอัลลอฮ  >>>  เราจะพยายามไปด้วยกัน     wink: wink:

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ IamCrying

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 376
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: A World Without Islam : โลกไร้อิสลามจะหน้าตาอย่างไร?
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: ก.พ. 05, 2008, 02:00 PM »
0
 salam

ความนำ
 
โลกที่ไม่เคยมีอิสลามจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร? ความคิดนี้ทำให้บางคนรู้สึกดี พวกเขามองว่าโลกแบบนั้น

จะไม่มีการปะทะกันระหว่างอารยธรรม ไม่มีสงครามศาสนา ไม่มีผู้ก่อการร้าย ศาสนาคริสต์จะครอบงำโลก

แบบนั้นหรือเปล่า? ตะวันออกกลางจะเป็นประทีปแห่งประชาธิปไตยอันสงบสุขหรือไม่? โศกนาฏกรรม

9/11 จะเกิดขึ้นหรือไม่? ในความเป็นจริง ถ้าเราลบอิสลามออกไปจากหน้าประวัติศาสตร์ โลกก็จะยังดำเนิน

มาถึงจุดที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ไม่มีผิดเพี้ยน

ลองนึกภาพโลกที่ปราศจากอิสลาม ซึ่งแน่นอนว่าเป็นโลกที่เราแทบจะจินตนาการไม่ออก เมื่อคำนึงว่าอิสลามครอบครองพื้นที่พาดหัวข่าวประจำวันเพียงใด ดูเหมือนว่าอิสลามจะอยู่เบื้องหลังความวุ่นวายระหว่างประเทศที่มีขอบเขตกว้างขวางมาก ไม่ว่าจะเป็นการโจมตีแบบพลีชีพ การระเบิดรถ การบุกยึดพื้นที่ด้วยกำลังทหาร สงครามต่อต้าน การจลาจล ฟัตวา (fatwas) จิฮาด (jihad) สงครามกองโจร วีดีโอขู่ขวัญ และโศกนาฏกรรม 9/11 ทำไมเหตุการณ์เหล่านี้จึงเกิดขึ้น? ดูเหมือนว่า "อิสลาม" จะกลายเป็นคำตอบที่สำเร็จรูปไม่ซับซ้อน ที่ทำให้เราสามารถทำความเข้าใจกับโลกทุกวันนี้ที่ดิ้นรนไม่อยู่นิ่ง และอันที่จริง คนที่มีแนวคิดแบบอนุรักษ์นิยมใหม่ (Neoconservatives) บางคนก็เชื่อว่า "Islam fascism" (ลัทธิเผด็จการฟาสซิสต์อิสลาม) ได้กลายเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเราใน "สงครามโลกครั้งที่สาม" ที่ส่อแววว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

แต่ขอให้ลองหยุดฟังผมสักครู่นะครับ ถ้าสมมุติว่าอิสลามไม่เคยเกิดขึ้นเลยล่ะ? ถ้าสมมุติว่าโลกไม่เคยมีศาสดาชื่อโมฮัมหมัด ไม่มีเรื่องราวของการเผยแผ่อิสลามไปสู่ภูมิภาคตะวันออกกลาง ทวีปเอเชีย และทวีปแอฟริกา?

ความหมกมุ่นของเราทุกวันนี้ในประเด็นการก่อการร้าย สงคราม และลัทธิต่อต้านอเมริกัน ซึ่งล้วนเป็นประเด็นระดับโลกที่สั่นสะเทือนอารมณ์ทั้งสิ้น ทำให้เป็นเรื่องสำคัญยิ่งที่เราจะต้องเข้าใจต้นเหตุที่แท้จริงของวิกฤตเหล่านี้ อิสลามเป็นต้นเหตุของปัญหาจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าต้นเหตุแท้จริงคือปัจจัยอื่นๆ ที่อยู่ลึกกว่าและมองเห็นยากกว่า? เพื่อให้เราอภิปรายประเด็นนี้กันง่ายขึ้น ลองนึกดูว่า ตะวันออกกลางที่ไม่เคยมีอิสลามจะเป็นอย่างไร ในโลกแบบนั้น เราจะสามารถหลบเลี่ยงปัญหาหลายประการที่เราเผชิญอยู่ในปัจจุบันได้หรือไม่? ตะวันออกกลางจะมีความสงบสุขกว่านี้หรือไม่? ความสัมพันธ์ระหว่างตะวันออก-ตะวันตกในกรณีนั้น จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร? ถ้าไม่มีอิสลาม แน่นอนว่าระเบียบโลกจะมีหน้าตาแตกต่างจากที่มันเป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่เราจะแน่ใจได้หรือเปล่า?
ถ้าไม่มีอิสลาม จะมีอะไร?

ตั้งแต่ยุคแรกเริ่มของตะวันออกกลาง ดูเหมือนว่าอิสลามจะเป็นเค้าโครงปทัสถานทางวัฒนธรรม (cultural norms) และแม้กระทั่งรสนิยมทางการเมืองของผู้นับถือศาสนานี้ ดังนั้นเราจะแยกอิสลามออกจากตะวันออกกลางได้อย่างไร? ในความเป็นจริง เรื่องนี้ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิด

ลองเริ่มที่ชาติพันธุ์ก่อน ถ้าไม่มีอิสลาม ตะวันออกกลางก็จะยังคงเป็นทวีปที่มีความซับซ้อนและความขัดแย้งระหว่างชาติพันธุ์อันหลากหลาย กลุ่มชาติพันธุ์ใหญ่ๆ ในทวีปนี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวอาหรับ เปอร์เซีย ตุรกี เคิร์ด ยิว เบอร์เบอร์ และพาชทุน ก็จะยังคงครอบงำการเมืองในภูมิภาค ลองยกกรณีของเปอร์เชียเป็นตัวอย่างก็ได้ - นานก่อนที่อิสลามจะเกิด อาณาจักรเปอร์เซียอันยิ่งใหญ่ยุคแล้วยุคเล่าก็ได้ขยายขอบเขตไปถึงธรณีประตูของเอเธนส์ (เมืองหลวงอาณาจักรกรีกโบราณ - ผู้แปล) และเป็นคู่ปรับตลอดกาลของใครก็ตามที่ตั้งรกรากในเขตอนาโตเลีย (Anatolia คือคาบสมุทรตุรกีในปัจจุบัน) นอกจากนั้น ชนชาติยิวโบราณก็สู้รบกับชาวเปอร์เซียตลอดบริเวณ "Fertile Crescent" และอิรัก

ยังไม่นับชนเผ่าเร่ร่อน และพ่อค้าชาวอาหรับที่ทั้งขยับขยายและโยกย้ายถิ่นฐานเข้าไปในบริเวณอื่นๆ ที่ชาวยิวอาศัยอยู่ในตะวันออกกลาง นานก่อนอิสลามจะเกิด ชาวมองโกลจะยังคงบุกโจมตีและทำลายอารยธรรมทั้งหมดในเอเชียกลาง และอารยธรรมส่วนใหญ่ในตะวันออกกลางในคริสตศตวรรษที่ 13 ตุรกีจะยังคงยึดครองคาบสมุทรอนาโตเลีย และคาบสมุทรบัลข่านจนถึงกรุงเวียนนา และตะวันออกกลางเกือบทั้งหมด การปะทะกันเหล่านี้เพื่อแย่งชิงอำนาจ ดินแดน อิทธิพล และการค้า ดำรงอยู่เนิ่นนานก่อนที่อิสลามจะเข้าถึง
อย่างไรก็ตาม อาจเป็นเรื่องไม่มีเหตุผลถ้าเราจะแยกศาสนาทุกศาสนาออกจากสมการ ถ้าโลกไม่มีอิสลาม คนในตะวันออกกลางแทบทั้งหมดก็จะยังคงนับถือคริสต์นิกายต่างๆ เหมือนกับที่เคยนับถือก่อนอิสลามจะเกิด เพราะไม่มีศาสนาหลักอื่นใดนอกจากโซโรแอสเตรียน (Zoroastrian) และยิวซึ่งเป็นที่นับถือในหมู่ชนกลุ่มน้อยเท่านั้น

แต่ถ้าตะวันออกกลางทั้งทวีปยังนับถือศาสนาคริสต์อยู่ ทวีปนี้จะปรองดองกับโลกตะวันตกได้จริงหรือ? ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นความฝันเท่านั้น เพราะกรณีดังกล่าวเราต้องสมมุติว่า โลกตะวันตกยุคกลางที่อยู่ไม่สุขและชอบขยายดินแดน จะไม่แผ่อำนาจและอิทธิพลเข้าไปในประเทศเพื่อนบ้านทางทิศตะวันออกในการเสาะหาที่มั่นทางเศรษฐกิจและภูมิศาสตร์การเมือง เพราะท้ายที่สุดแล้ว สงครามครูเสด (Crusades) คืออะไรเล่า หากไม่ใช่การผจญภัยของโลกตะวันตกที่ขับดันด้วยความต้องการทางการเมือง สังคม และเศรษฐกิจ? ธงศาสนาคริสต์เป็นเพียงสัญลักษณ์อันทรงพลัง เป็นสัญญาณระดมพลที่สร้างความชอบธรรมให้กับความต้องการทางโลกย์ของชาวยุโรปผู้ครองอำนาจ

ในความเป็นจริง ศาสนาของ "ชนพื้นเมือง" ไม่เคยเป็นที่สนใจของการกรีฑาทัพของโลกตะวันตกที่ปรารถนาจะเป็นเจ้าโลก ยุโรปอาจใช้ถ้อยคำที่ฟังดูสูงส่งว่ากำลัง "นำคุณธรรมของชาวคริสต์ไปสู่ชนพื้นเมือง" แต่เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขาคือ การก่อตั้งด่านอาณานิคมทั่วโลก ให้เป็นแหล่งผลิตความมั่งคั่งสำหรับศูนย์กลางอำนาจ และเป็นฐานที่มั่นสำหรับการแผ่อิทธิพลของโลกตะวันตกออกไปเรื่อยๆ

ด้วยเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ชาวคริสต์ผู้อาศัยอยู่ในทวีปตะวันออกกลาง จึงไม่น่าจะยินดีต้อนรับกองทัพเรือและพ่อค้าชาวยุโรปที่มีปืนตะวันตกหนุนหลังอยู่ ลัทธิล่าอาณานิคมคงจะยังเจริญรุ่งเรืองท่ามกลางชาติพันธุ์อันหลากหลายและขัดแย้งกันในภูมิภาคนั้น ซึ่งเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับการเล่นเกม "แบ่งแยกให้แตกหักแล้วค่อยปกครอง" (divide and rule) และชาวยุโรปก็จะยังคงแต่งตั้งคนพื้นเมืองที่ว่านอนสอนง่ายเป็นผู้ปกครองประเทศ เพื่อตอบสนองความต้องการของพวกเขา
ทีนี้ลองหมุนเข็มนาฬิกาเข้าสู่ยุคแห่งน้ำมันในตะวันออกกลาง

รัฐในตะวันออกกลางทั้งหลาย ถ้าสมมุติว่ายังเป็นคริสต์อยู่ จะต้อนรับ"การอารักขา"(protectorate) ของยุโรป เหนือดินแดนของพวกเขาหรือไม่? ไม่มีทาง. โลกตะวันตกจะยังต้องสร้างและควบคุมชัยภูมิสำคัญๆ เช่น คลองสุเอซ อิสลามไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้รัฐตะวันออกกลางต่อต้านโครงการล่าอาณานิคมของยุโรป ซึ่งชอบวาดพรมแดนระหว่างประเทศขึ้นมาใหม่ตามความต้องการของตัวเอง นอกจากนั้น ชาวคริสต์ในตะวันออกกลางก็จะยังไม่ยินดีต้อนรับบริษัทน้ำมัน ยักษ์ใหญ่จากตะวันตก ซึ่งถูกหนุนหลังโดยผู้สำเร็จราชการ นักการทูต สายลับ และกองทัพ มากไปกว่าถ้าพวกเขาเป็นชาวมุสลิม ลองดูประวัติการต่อต้านอเมริกาของชาวอเมริกาใต้ ที่ต่อต้านการครอบงำของอเมริกาในธุรกิจน้ำมัน เศรษฐกิจ และการเมืองในประเทศ ทวีปตะวันออกกลางจะยังคงอยากสร้างขบวนการเคลื่อนไหวชาตินิยมที่ต่อต้านนักล่าอาณานิคม เพื่อแย่งชิงดินแดน ตลาด อธิปไตย และชะตาชีวิตกลับคืนมาจากเงื้อมมือของชาวต่างชาติ ไม่ต่างจากขบวนการลักษณะเดียวกันในอินเดียที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาฮินดู, ประเทศจีน (ขงจื๊อ), เวียดนาม (พุทธ), และแอฟริกา (คริสต์และผี)

นอกจากนี้ แน่นอนว่าฝรั่งเศสจะยังคงขยายอาณาเขตเข้าไปในอัลจีเรีย (ประเทศที่คนส่วนใหญ่เป็นคริสต์) เพื่อยึดครองผืนดินอันอุดมสมบูรณ์และก่อตั้งอาณานิคม เช่นเดียวกัน การที่คนเอธิโอเปียส่วนใหญ่นับถือคริสต์ก็ไม่เคยหยุดอิตาลีจากการเปลี่ยนประเทศนั้นให้เป็นเมืองขึ้นที่อิตาลีปกครองอย่างเหี้ยมโหด กล่าวโดยสรุป ไม่มีเหตุผลใดๆ เลยที่จะทำให้เชื่อได้ว่า ปฏิกิริยาของรัฐในตะวันออกกลางต่อมหกรรมการล่าอาณานิคมของยุโรป จะแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญจากปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นภายใต้การนับถือศาสนาอิสลาม

แค่นี้ก่อนวันหลังมาใหม่อ่านดูเราอาจได้มุมมองอะไรใหม หรือ เราต้องกลับมามองตัวเองมากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
วัสาลามครับ
Closer than veins : Invite to the Way of thy Lord with wisdom... Qur.16:125

 

GoogleTagged