ผู้เขียน หัวข้อ: แฉ!เบื้องหลังผมถูกแบนจากเวปอัซซุนนะ(วะฮาบี)  (อ่าน 6589 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

  :allahuakbar:อัสลามมูอาลัยกมวาเราะมาตุ้ลลอฮ์วาบาอกาตุฮ์ ::)

ก่อนอื่นผมต้องขออนุญาตจากจากเวปมาสเตอร์ก่อนครับที่ นำกระทู้นี่มาลง ซึ่งที่จริงแล้วผมนั้นพึ่งสมัครเป็นสมาชิกและถือว่าเป็นน้องใหม่ของเวปนี้ครับ  หวังว่าเวปมาสเตอร์คงไม่ว่าอะไรครับในการนำสาระประโยชนมาเผยแพร่

ผมหวังเสมอว่า เวปนี้คง่ใช่เวปไม่ปิดกั้นข้อมูลข่าวสาร  ของสมาชิกเหมือนกับบางเวปไซด์ ที่จะเปิดรับเฉพาะข้อมูลข่าววสารที่ต้องอยู่ในแนวทางของตนเสมอ
ประวัติย่อๆ

เดิมผมเคยชื่นชอบกับทัศนะของ  ชีอะคือชีอะอาลี(รด)กล่าวกันว่ามาจากเชื้อสายทีสืบต่อเป็นซัยดินาอาลี แต่ปัจจุบันนี้มีไม่มาก ไม่นิยมด่าทอบรรดาซอฮาบะ ที่ท่านอาลี(รด)และวงค์วานให้ความเคารพ แต่ที่เมืองไทยส่วนมากจะเป็นในแนว ของชีอะอัลเราะบีเฎาะ(12อีม่าม)  ซึ่งไม่ยอมรับซอาบะของท่านนบีบางท่าน

ผมเคยชักจูงของเพื่อนๆครับและอ่านกระทู้ ของ บังอัลอัชฮารีที่เข้าโต้กับเวปอิสลามโพสด้วย  แรกผมไม่ชอบ บัง อัลอัชฮารีเลย   ซึ่งก่อนนั้นผมเคยสนใจเวปของกลุ่มวาฮาบีย์โดยเฉพาะเชคของ  อ.ริดอ และเวปอ.มุรีดแต่พวกเขาด่าว่าผมและใช้คำหยาบคายบ่อยครับ   แต่เมื่อแอบมาดูลาดเลาที่เวปนี้ผมก็เลยแอบค้นหาหลักฐานที่มาหักล้างกับกลุ่ม วาฮาบีย์ที่เคยทำพูดจาดูถูกผมโดยเฉพาะผมรู้วา พวกเขาไม่ยอมรับ การกระทำของซออาบะอุมัร(รด)และบุตรชายของท่านในเรื่อง บิดอะที่ดี   ผมคิดว่าผมจะแก้แค้นพวกเขาให้ได้และอยากจะเก่งแบบบังอัลอัชฮารีย์ด้วย

ข้างล่างคือ บทสนทนาระหว่างผมกบโตะครูที่ทางเวปอัซซุนนะเขาจ้างมาที่มีนามว่า asan

 โตะครูแห่งเวปอัซซุนนะ  กล่าวว่า

ถ้าท่านบอกว่า ในเรื่อง เกี่ยวกับศาสนา มีบิดอะฮที่ดี ขอให้นำหลักฐานมา
ท่านอิหม่ามเชากานีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وهذا الحديث من قواعد الدين لأنه يندرج تحته من الأحكام ما لا يأتي عليه الحصر وما مصرحه وأدله على إبطال ما فعله الفقهاء من تقسيم البدع إلى أقسام وتخصيص الردببعضها بلا مخصص من عقل ولا نقل
فعليك إذا سمعت من يقول هذه بدعة حسنة بالقيام في مقام المنع مسندا له بهذه الكلية وما يشابهها من نحو قوله صلى الله عليه وآله وسلم كل بدعة ضلالة طالبا لدليل تخصيص تلك البدعة التي وقع النزاع في شأنها بعد الاتفاق على أنها بدعة فإن جاءك به قبلته وإن كاع كنت قد ألقمته حجرا واسترحت من المجادلة
"และหะดิษนี้ (หะดิษكل بدعة ضلالة ) เป็นส่วนหนึ่งจากหลักการศาสนา เพราะได้กล่าวถึงหุกุมของสิ่งที่ไม่ได้จำกัด และ คำชี้แจงและหลักฐานของมันชัดเจน ต่อการลบล้างสิ่งที่บรรดาฟุเกาะฮา(อุลามาอฺฟิกฮ) ได้กระทำ เกี่ยวกับการแบ่งบิดอะฮเป็นประเภทต่างๆ และ การจำกัดเฉพาะ(การกำหนดข้อยกเว้น)ของการคัดค้านบางส่วน โดยไม่ได้เจาะจง(ไม่ได้แสดงบอก)หลักฐาน ทางด้านเหตุผลหรือหลักฐานทางด้านการรายงาน(หลักฐานจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ) ดังนั้น เมื่อได้ยินผู้ใดก็ตามที่กล่าวว่า " นี้คือบิดอะฮหะสะนะฮ"(บิดอะฮที่ดี) หน้าที่ของท่านจะต้องยกหลักฐานคัดค้าน โดยอ้างอิง มัน(หะดิษดังกล่าว) ว่าหมายถึง ครอบคลุมถึงบิดอะฮทั้งหมด และ และหะดิษที่คล้ายๆคลึงกับมัน เช่น คำพูดของท่านนบี  ที่ว่า "ทุกบิดอะฮ คือ การหลงผิด " โดยขอหลักฐานการจำกัดเฉพาะ(ที่มากำหนดข้อยกเว้น)บิดอะฮดังกล่าว ทีมีข้อขัดแย้งกันในเรื่อง ลักษณะของมัน หลังจากที่ได้มีมติ(ของนักวิชาการ)แล้วว่า มันเป็นบิดอะฮ ดังนั้น หากเขานำหลักฐานมาได้ ก็ให้ท่านยอมรับ และถ้าหากเขาไม่สามารถนำหลักฐานมาได้ ท่านก็จงเอาก้อนหินยัดปากเขาผู้นั้น และให้ท่านพักจากการโต้แย้งนั้นเสีย - นัยลุลเอาฏอร เล่ม 2 หน้า 69-70
“””””
abubak

z, ขอแนะนำตัวครับ คือ ผมน้องใหม่ของเวปนี้ครับ ผมอ่านบทความที่บังโพสมาแล้วก็เข้าใจบ้างครับ แต่ก็ยังมีความสงสัยว่า เวปของเด็กนักศึกษา เขาก็มีข้อมูลอ้างว่า การกระทำของท่านอุมัรและอิบนุอุมัรนั้นเป็นบิดอะที่ดีโดยอ้างคำพูดของศอฮาบะทั้ง 2 ท่านตามหลักฐานที่เขายกมา ผมเข้ามาเพื่อหาความรู้ครับ และยังแยกอะไรๆหลายอย่างจากข้อมูลวิชาการแต่ละเวปฯที่ป้อนให้ไม่ค่อยออกและไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าใดครับ ยังงัยๆก็มาอัฟด้วยครับ

เวปนักศึกษาเขาคงคงได้ข้อมูลจากการศึกษา มาจากสถาบันของเขาที่เขาร่ำเรียนมา อย่างน้อยบรรดาอาจารย์ของเขาที่นั่น ใช่ไหมครับเลย กล้า นำข้อมุลที่เขาได้รับมา บอกว่าบิดอะที่ดีก็มี
แต่ทางเวปฯของบังบอกว่าไม่มี ทั้งดีและเลว ทางบังก็มีน้ำหนัทางโน้นก็มีน้ำหนัก แล้วคนความรู้น้อยอย่างผมจะเชื่อใครดีครับ
ยังไงบัง ช่วยชี้แจงให้ผมเข้าใจด้วยนะครับ

ญาซากัลลอฮ์..........


โตะครูแห่งเสปอัซซุนนะ  กล่าวว่า

: เวปนักศึกษาเขาคงคงได้ข้อมูลจากการศึกษา มาจากสถาบันของเขาที่เขาร่ำเรียนมา อย่างน้อยบรรดาอาจารย์ของเขาที่นั่น ใช่ไหมครับเลย กล้า นำข้อมุลที่เขาได้รับมา บอกว่าบิดอะที่ดีก็มี
แต่ทางเวปฯของบังบอกว่าไม่มี ทั้งดีและเลว ทางบังก็มีน้ำหนัทางโน้นก็มีน้ำหนัก แล้วคนความรู้น้อยอย่างผมจะเชื่อใครดีครับ
ยังไงบัง ช่วยชี้แจงให้ผมเข้าใจด้วยนะครับ
ญาซากัลลอฮ์..........

 คุณอ่านจริงหรือเปล่าครับที่ผมเขียน ในตัวหนังสือสีแดงคุณเอามาจากใหน ส่วนที่ว่าท่านอุมัรรวบรวมคนให้ละหมาดตะรอเวียะภายใต้การนำของอิหม่ามคนเดียวกันนั้นท่านกล่าวว่า "บิดอะฮที่ดีคือ อันนี้ " ท่านหมายถึงการริเริ่มฟื้นฟูสุนนะฮขึ้นมาอีก
ท่านหาฟิซอิบนุหะญัรกล่าวว่า
استنبط عمر ذلك من تقرير النبي صلى الله عليه وسلم من صلى معه في تلك الليالي، وإن كان كره ذلك لهم فإنما كرهه خشية أن يُفرض عليهم إلى أن قال ناقلاً عن غيره قيام رمضان سنة؛ لأن عمر إنما أخذه من فعل النبي صلى الله عليه وسلم ، وإنما تركه النبي صلى الله عليه وسلم خشية الافتراض
ท่านอุมัร ได้วิเคราะห์ดังกล่าวนั้นจากการยอมรับ(ตักรีร)ของท่านนบี  และผู้ที่ละหมาดพร้อมกับท่านในบรรดาคืนดังกล่าวนั้น และแม้ท่านนบีไม่ชอบการกระทำดังกล่าวสำหรับพวกเขา เพราะว่า ความจริงแล้วท่านเกรงว่าจะถูกกำหนดให้เป็นฟัรดูแก่พวกเขา จนกระทั้ง ท่านได้กล่าวโดยรายงานจากผู้อื่นอื่นจากเขา ว่า การละหมาดตอนกล่างคืนในเดือนเราะมะฏอนนั้น คือ สุนนะฮ เพราะความจริง ท่านอุมัรได้เอามันมาจากการกระทำของท่านนบี  และความจริงที่ท่านนบี  ได้ทิ้งมัน ก็เพราะเกรงว่าจะถูกกำหนดให้เป็นฟัรดู - สรุปจาก ฟัตหุ้ลบารี เล่ม 4 หน้า 252


abubak

     คืออย่างนี้ครับที่บังเขียนมานั้นผมได้อ่านแล้ว และพอจะสรุปได้ว่า สิ่งที่บังอ้างมานั้นว่าบิดอะนั้นมีอย่างเดียวใช่ไหมครับ สิ่งผมมาถามบังนั้นคือสิ่งที่ผมได้อ่านมาจากเวปนักศึกษามาก่อนครับเลยสงสัยและเเวะเข้ามาถามบังให้อธิบายให้อีกครั้งเท่านั้น
ผมขออนุญาตคุยเรื่องบิดอะต่อครับ ...
บังครับ ผมอยากได้หลักฐานตรงๆเพื่อนำไปโต้กับเวปนักศึกษา เอาที่มันซอเหียะ ๆ โดยมาจากคำพูดของท่านนบี(ซล)แบบชัดๆที่อ้างว่า การกระทำของซอฮาบะอุมัร(รด)นั้นเป็นการกระทำที่บิดอะแบบลุ่มหลง โดยไม่ต้องการคำอธิบายใดจากอุลามะคนใดครับ เดียวจะเข้าทางนักศึกษาเขา
...

เพราะถ้าบังนำมันมาให้ได้ผมจะยอมรับและจะเป็นแนวร่วมกับกลุ่มวาฮาบีย์ครับ
แต่ถ้าบังหาให้ผมไม่ได้ผมก็ยังเชื่อว่า บิดอะที่ดีนั้นยังคงมีอยู่เหมือนกับที่ ซอฮาบะอัรรอซีดีนอย่างท่านอุมัร(รด)กล่าวว่า การรวมละหมาดตารอวิ 20รอกาอัตโดยให้ท่านอุบัย(รด)เป็นอีม่ามฝ่ายผู้ชายนั้นเป็น บิดอะที่ดี ซึ่งท่านพูดตามตัวอักษร(ทั้งเชิงภาษาและการกระทำ)โดยไม่มีการตีความหมายว่า เป็นการฟื้นฟู เหมือนที่บังให้ความหมาย ว่า เป็นการฟื้นฟูซุนนะท่านนบี

และจากรายงานโดย อิบนุอบีชัยบะฮ์ ด้วยสายรายงานที่ซอฮิหฺ จาก อัลหะกัม บิน อะอฺร๊อจฐฺ จากท่านอัลอะอฺร๊อจญฺ เขากล่าวว่า
سألت ابن عمرعن صلاة الضحى ؟ فقال : بدعة ونعمت البدعة
" ฉันได้ถาม ท่านอิบนุอุมัร จากเรื่องละหมาด ดุฮา ท่านอิบนุอุมัรกล่าวว่า มันเป็นบิดอะฮ์ และเป็นบิดอะฮ์ที่ดี

ผมยังคงเชื่อว่า การกระทำและคำพูดของซอฮาบะทั้ง2นั้น หมายถึง บิดอะที่ดี โดยไม่ต้องแปลงความหมายเป็นอย่างอื่น
      ดังนั้นหลักฐานจากอุลามะที่คัดค้านในเรื่องนี้ผมจึงไม่ต้องการเช่นเดียวกัน เพราะมันมาทีหลัง และมันถือว่าเป็นการโต้แย้งที่ไม่สิ้นสุดเพราะยังงัยฮ่าดิสที่เป็นคำพูดของท่านนบีนั้นมันหมายถึงยอมรับการกระทำของบรรดซออาบะด้วยไม่ว่าทั้งคำพูดและการกระทำ

เพราะท่านนบี กล่าวว่า
عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي ، تمسكوا بها وعضوا عليها بالنواجذ ، وإياكم ومحدثات الأمور ، فإن كل محدثة بدعة ، وكل بدعة ضلالة
พวกท่านจงยึดมั่นในสุนนะฮ(แบบอย่าง)ของฉัน และบรรดาเคาะลิฟะฮผู้ชี้ทางที่ถูกต้อง ผู้ได้รับทางนำหลังจากฉัน จงยึดถือมัน และจงกัดกรามต่อมัน(หนักแน่นอดทน) และพึงระวังสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นใหม่ในศาสนา และแท้จริงทุกสิ่งอุตริขึนใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และทุกบิดอะฮ นั้น เป็นการหลงผิด" - บันทึกโดยอะหมัด และ อัตติรมิซีย์
อีกอย่างผมเชื่อแน่ว่าทั้งท่านเคาะลิฟะฮอุมัร และอิบนุอุมัร(รด) ต้องไม่ฝ่าฝืนในคำสั่งท่านนบีแน่นอน และท่านถึงกล้าพูดว่า การกระทำของท่านนั้นบิดอะฮที่ดี
เพราะการกระทำของเคาะลิฟะฮในเรื่อง ศาสนา นั้นท่านย่อมจะเข้าใจมากกว่าผู้อื่น ดังนั้นท่านจึงยืนยันเช่นนั้น

สุดท้ายนี้ ผมหวังว่าบังคงจะไม่บลอ็กและลบข้อความผมและคงจะหาทางออกในการดำเนินชีวิตในการตัดสินใจที่เดินตามที่ถูกต้องให้ผมด้วย เพราะตอนนี้ ผมเองยังสับสนมาก
แต่ตอนนี้ผมยังให้น้ำหนักไปยังเวปนักศึกษาครับ60 กับ40ครับ


 ว่างๆผมจะเข้ามาทวงหลักฐานที่ขอไปนะครับ.วัสลาม \
…………………


โตะครูแห่งเปอัซซุนนะ  กล่าวว่า
...

บังครับ ผมอยากได้หลักฐานตรงๆเพื่อนำไปโต้กับเวปนักศึกษา เอาที่มันซอเหียะ ๆ โดยมาจากคำพูดของท่านนบี(ซล)แบบชัดๆที่อ้างว่า การกระทำของซอฮาบะอุมัร(รด)นั้นเป็นการกระทำที่บิดอะแบบลุ่มหลง โดยไม่ต้องการคำอธิบายใดจากอุลามะคนใดครับ เดียวจะเข้าทางนักศึกษาเขา
...

...........
 
ผมว่า ไม่จริงหรอกครับ เพราะกระทำของซอฮาบะอุมัร(รด)นั้นเป็นการกระทำที่บิดอะแบบลุ่มหลง ได้อย่างไร และเราไม่เคยกล่าวหาว่า ท่านทำบิดอะฮที่ลุ่มหลง เพราะ
1. ท่านทำในสิ่งที่ท่านนบี  เคยทำ ดังหะดิษอบีซัรริน กล่าวว่า
صمنا مع رسول الله صلى الله عليه وسلم رمضان ، فلم يقم بنا شيئاً من الشهر حتى بقي سبع فقام بنا حتى ذهب ثلث الليل ، فلما كانت السادسة لم يقم بنا ، فلما كانت الخامسة قام بنا حتى ذهب شطر الليل ، فقلت : يا رسول الله ! لو نفّلتنا قيام هذه الليلة ، فقال : " إن الرجل إذا صلى مع الإمام حتى ينصرف حسب له قيام ليلة " فلما كانت الرابعة لم يقم ، فلما كانت الثالثة جمع أهله ونساءه والناس ، فقام بنا حتى خشينا أن يفوتنا الفلاح ، قال : قلت : وما الفلاح ؟ قال : السحور ، ثم لم يقم بنا بقية الشهر ) حديث صحيح ، أخرجه أصحاب السنن
"พวกเราได้ถือศีลอดเดือนเราะมะฎอน ร่วมกับท่านร่อซูลุลอฮ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ซึ่งในช่วงต้นๆ(ของเดือน) ท่านไม่ได้นำ
ละหมาดพวกเราเลยสักคืนจากเดือนนั้น จนกระทั้งเหลือเจ็ดคืน แล้วท่านได้นำละหมาดพวกเรา จนกระทั้งผ่านไปหนึ่งในสามของกลางคืน แล้ว
ปรากฏว่าในคืนที่หก (นับจากคืนสุดท้าย) ท่านไม่ได้นำละหมาดพวกเรา แล้วในคืนที่ห้า ท่านได้นำละหมาดพวกเรา จนกระทั้งผ่านไปครึ่งคืน แล้ว
ข้าพเจ้ากล่าวกับท่านรซูลว่า ”โอ้ศาสนทูตของอัลลอฮ ถ้าพวกเราอาสาจะลุกขึ้นละหมาดในคืนเหล่านี้(คืนที่เหลือ)จะดีไหม แล้วท่านได้กล่าวตอบว่า
“แท้จริงคนใดเมื่อเขาได้ละหมาดพร้อมกับอิหม่ามจนกระทั้งเสร็จ เขาจะได้รับการตอบแทนเท่ากับละหมาดทั้งคืน แล้วในคืนที่สี่ ท่านไม่ได้นำ
ละหมาดพวกเรา แล้วเมื่อเหลืออีกสามคืน ท่านได้ชุมนุมครอบครัวของท่าน บรรดาภรรยาของท่านและบรรดาผู้คน แล้วท่านได้นำละหมาดพวกเรา
จนกระทั้งพวกเราเกรงว่าจะพลาด อัล-ฟัลลาห เขา(อบูซัร)กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า “อัล-ฟัลลาหนั้นคือ อะไร ท่านได้ตอบว่า คือ การ
รับประทานสะหูร แล้วคืนที่เหลือในเดือนนั้น ท่านก็ไม่ได้ละหมาดนำพวกเราเลย
- หะดิษเศาะเหียะ รายงานโดยเจ้าของสุนัน
........
ส่วนประเด็นเรื่องจำนวนเราะกะอัต ไม่มีใครพูดว่า เป็นบิดอะฮ
2. การกระทำของท่านอุมัร เป็นสุนนะฮ ตามที่หะดิษที่คุณยกมาคือ
ท่านนบี กล่าวว่า
عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي ، تمسكوا بها وعضوا عليها بالنواجذ ، وإياكم ومحدثات الأمور ، فإن كل محدثة بدعة ، وكل بدعة ضلالة
พวกท่านจงยึดมั่นในสุนนะฮ(แบบอย่าง)ของฉัน และบรรดาเคาะลิฟะฮผู้ชี้ทางที่ถูกต้อง ผู้ได้รับทางนำหลังจากฉัน จงยึดถือมัน และจงกัดกรามต่อมัน(หนักแน่นอดทน) และพึงระวังสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นใหม่ในศาสนา และแท้จริงทุกสิ่งอุตริขึนใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และทุกบิดอะฮ นั้น เป็นการหลงผิด" - บันทึกโดยอะหมัด และ อัตติรมิซีย์
.......
ส่วนการพูดของเหล่าเศาะหาบะฮท่านอื่นนั้น เป็นการอิจญติฮาด ซึ่งไม่ใช่หลักฐาน ที่จะอามาอ้างความชอบทำในการประดิษฐ์อิบาดะฮ ของคนยุคหลัง เช่น ทำเมาลิด การทำเมาลิดเศาะหาบะฮคนใดทำหรือ? ไม่เลย ความเข้าใจผิดในคำว่า "เนียะมะตุลบิดอะฮ" ประโยคเดี่ยว เป็นผลให้มีการอุตริบิดอะฮขึ้นมามากมาย, คุณบอกว่าคุณเป็นน้องใหม่ แล้วทำไมคุณจึงการันตี โดยให้คะแนน เว็บสุนนะฮสะติวเด้น 60 และให้เว็บอัสสุนนะฮ 40 ? แสดงว่า คุณเป็นผู้รู้ สามารถให้น้ำหนักทัศนะที่แตกต่างกันได้ คุณเอาหะดิษใหนมาวัด มีใหมที่ท่านนบี  บอกว่า "มีบิดอะฮที่ดี" ? คุณลองไปทบทวนดูว่า "เวลาเรากล่าวคำปฎิญานนั้น ศาสนาสอนให้เรารับรองคำพูดของใคร ?
........
มีอีกหะดิษหนึ่งที่ฝ่ายทำบิดอะฮเอามาอ้างเพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการทำบิดอะฮต่างๆที่ปรากฏอยู่ปัจจุบัน คือหะดิษที่ จากรายงานโดย อิบนุอบีชัยบะฮ์ ด้วยสายรายงานที่ซอฮิหฺ จาก อัลหะกัม บิน อะอฺร๊อจฐฺ จากท่านอัลอะอฺร๊อจญฺ เขากล่าวว่า
سألت ابن عمرعن صلاة الضحى ؟ فقال : بدعة ونعمت البدعة
" ฉันได้ถาม ท่านอิบนุอุมัร จากเรื่องละหมาด ดุฮา ท่านอิบนุอุมัรกล่าวว่า มันเป็นบิดอะฮ์ และเป็นบิดอะฮ์ที่ดี
จริงๆหะดิษนี้ก็ได้อธิบายมาแล้ว และไม่ควรนำมาอ้างสนับสนุนบิดอะฮ และการอ้างแบบนี้ตกไป เพราะมีหะดิษจากท่านนบี  ว่าท่านเคยทำละหมาดฎุหา และส่งเสริมให้ทำ
ถ้าท่านไม่เข้าใจคำว่า"บิดอะฮ" ลองอ่านนิยามข้างล่างอีกที่
البدعة في اللغة تعم كل ما فعل ابتداءً من غير مثال سبق، وأما البدعة الشرعية فما لم يدل عليه دليل شرعي
บิดอะฮ ในทางภาษา ครอบคลุมทุกสิ่งที่ถูกกระทำเป็นการเริ่มต้นโดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน และสำหรับบิดอะฮที่เกี่ยวกับศาสนบัญญัติ คือ สิ่งที่ไม่มีหลักฐานทางศานบัญญัติแสดงบอกเอาไว้"

...................

ยังมีต่อครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 05, 2008, 01:35 PM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แฉ!เบื้องหลังผมถูกแบนจากเวปอัซซุนนะ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.พ. 05, 2008, 09:36 AM »
0
 salam

เสวนาไปก็เปล่าประโยชน์  เพราะพวกเขาไม่เคยฟังเราชี้แจง   และเรื่องการแบ่งบิดอะฮ์นี้  ทางเว็บนี้ก็ได้ทำการชี้แจงไปแล้ว  ซึ่งพวกเขาไม่สามารถตอบโต้อ้างอิงแบบรายละเอียดทีละบรรทัด ๆ เลย  ได้แต่เอาไปอ้างอิงแบบตัดตอนอำพราง  แล้วทำการโต้แบบจับมากระเดียดน่ะครับ (มะอัฟที่พูดคำนี้เพราะไม่รู้จะพูดคำใหน)  ที่พวกเขาทำอย่างนี้เพราะหมดทางไปในการแก้ต่าง   คำพูดของอุลามาอ์ที่พวกเขาอ้างอิง  พวกเขาก็ไม่เข้าใจ  ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่พวกเขาอ้างอิงบางทีก็สนับสนุนแนวทางของเราด้วยซ้ำ  แต่พวกเขาไม่รู้ตัวและไม่เข้าใจ

ดังนั้นการที่เราไปเสวนากับพวกที่คิดว่าตนเองเท่านั้นที่ถูกคิดอ้างว่าตามนบีเพียงฝ่ายเดียว  ฉะนั้นหากคุยกันตามซุนนะฮ์นบีก็พอคุยกันได้  แต่คุยกันแบบซุนนะฮ์(แนวทาง)ฟิรอูนแล้ว  มันเปล่าประโยชน์ไม่ได้อะไร

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

قَالَ فِرْعَوْنُ مَا أُرِيكُمْ إِلَّا مَا أَرَى وَمَا أَهْدِيكُمْ إِلَّا سَبِيلَ الرَّشَادِ

"ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"

ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบอย่างผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"


วัสลาม

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=1846.0  mycool:
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แฉ!เบื้องหลังผมถูกแบนจากเวปอัซซุนนะ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.พ. 05, 2008, 09:38 AM »
0
 salam

เสวนาไปก็เปล่าประโยชน์  เพราะพวกเขาไม่เคยฟังเราชี้แจง   และเรื่องการแบ่งบิดอะฮ์นี้  ทางเว็บนี้ก็ได้ทำการชี้แจงไปแล้ว  ซึ่งพวกเขาไม่สามารถตอบโต้อ้างอิงแบบรายละเอียดทีละบรรทัด ๆ เลย  ได้แต่เอาไปอ้างอิงแบบตัดตอนอำพราง  แล้วทำการโต้แบบจับมากระเดียดน่ะครับ (มะอัฟที่พูดคำนี้เพราะไม่รู้จะพูดคำใหน)  ที่พวกเขาทำอย่างนี้เพราะหมดทางไปในการแก้ต่าง   คำพูดของอุลามาอ์ที่พวกเขาอ้างอิง  พวกเขาก็ไม่เข้าใจ  ยิ่งกว่านั้นสิ่งที่พวกเขาอ้างอิงบางทีก็สนับสนุนแนวทางของเราด้วยซ้ำ  แต่พวกเขาไม่รู้ตัวและไม่เข้าใจ

ดังนั้นการที่เราไปเสวนากับพวกที่คิดว่าตนเองเท่านั้นที่ถูกคิดอ้างว่าตามนบีเพียงฝ่ายเดียว  ฉะนั้นหากคุยกันตามซุนนะฮ์นบีก็พอคุยกันได้  แต่คุยกันแบบซุนนะฮ์(แนวทาง)ฟิรอูนแล้ว  มันเปล่าประโยชน์ไม่ได้อะไร

ลองอ่านกระทู้นี้ซิครับ  เห็นภาพจากสิ่งที่พวกเขาแสดงให้เราเห็นเลย

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

قَالَ فِرْعَوْنُ مَا أُرِيكُمْ إِلَّا مَا أَرَى وَمَا أَهْدِيكُمْ إِلَّا سَبِيلَ الرَّشَادِ

"ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"

ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบอย่างผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"


วัสลาม

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=1846.0  mycool:
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แฉ!เบื้องหลังผมถูกแบนจากเวปอัซซุนนะ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.พ. 05, 2008, 10:01 AM »
0
ดูตัวอย่างการบิดเบือนอำพรางการอ้างอิง

คุณอะสันกล่าวว่า

วันนี้เข้าไปในเว็บสุนนะฮสะติวเด้นของโต๊ะครูอัลอัซฮารี น้องรักของผม ปรากฏว่า น้องบ่าวของเรายังยืนยันกระต่ายขาเดียว(ขาหนึ่งอาจจะพิการ) ว่า " บิดอะฮหะสะนะฮหรือ บิดอะฮที่ดี หมายถึง สุนนะฮของเหล่าเศาะหาบะฮ โดยอ้างหะดิษที่ว่า
รายงานโดย อิบนุอบีชัยบะฮ์ ด้วยสายรายงานที่ซอฮิหฺ จาก อัลหะกัม บิน อะอฺร๊อจฐฺ จากท่านอัลอะอฺร๊อจญฺ เขากล่าวว่า
سألت ابن عمرعن صلاة الضحى ؟ فقال : بدعة ونعمت البدعة
" ฉันได้ถาม ท่านอิบนุอุมัร จากเรื่องละหมาด ดุฮา ท่านอิบนุอุมัรกล่าวว่า มันเป็นบิดอะฮ์ และเป็นบิดอะฮ์ที่ดี " ดู อัลมุซันนัฟ ของอิบนุอบีชัยบะฮ์ เล่ม 2 หน้า 406 อัลมั๊วะญัม อัลกะบีร ของท่าน อัฏฏ๊อบรอนีย์ หะดิษที่ 13524 และฟัตหุลบารีย์ เล่ม 3 หน้า 45

ข้อโต้แย้ง
ไปดูนิยามของคำว่า "บิดอะฮ" คือ
อิหม่ามอัชชาฏิบีย์กล่าวว่า
البدعة: طريقة في الدين مخترعة، تضاهي الشرعية، يقصد بالسلوك عليها ما يقصد بالطريقة الشرعية
บิดอะฮคือ แนวทางในเรื่อง ศาสนา ซึ่งถูกอุตริขึ้นมาใหม่ เลียนแบบศาสนบัญญัติ โดยมีจุดมุ่งหมายในการปฏิบัติ เหมือนกับจุดมุ่งหมายตามแนวทางศาสนบัญญัติ – ดูอัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 37
เมื่อพิจารณาจากนิยามเรื่องบิดอะฮ ข้างต้น ละหมาดฎุอา จะเป็นบิดอะฮได้อย่างไร ในเมื่อมันไม่ใช่สิ่งที่ถูกอุตริขึ้นใหม่ แต่ตรงกันข้าม มันเป็นสุนนะฮที่ท่านนบี เคยทำและใช้ให้ทำ
عن أبي هريرة رضي الله عنه قال: "أوصاني خليلي رسول الله صلى الله عليه وسلم بصيام ثلاثة أيام من كل شهر، وركعتي الضحى، وأن أوتر قبل أن أرقد" (صحيح رواه البخاري ومسلم وأبوداود
รายงานจากอบีฮุรัยเราะฮ (ร.ฎ) กล่าวว่า "สหายสนิทของฉัน,รซูลุ้ลลอฮได้สั่งเสียฉันว่า ให้ถือศีลอด 3 วัน จากทุกๆเดือน , ให้ละหมาดฎุหา สองเราะกะอัต และ ให้ละหมาดวิตริ ก่อนที่ฉันจะเข้านอน - เป็นหะดิษเศาะเฮียะ รายงานโดย บุคอรี,มุสลิมและอบีดาวูด
.......
เพราะฉะนั้น ละหมาดสุนนะฮ ฎุหา กลายเป็น บิดอะฮที่ดีได้อย่างไร ในเมื่อ หลักฐานยืนยันว่าท่านนบได้เคยปฏิบัติ และสั่งให้เหล่าเศาะหาบะฮปฏิบัติ
ท่านอิหม่ามนะวาวีย(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวถึงละหมาดฎุหาว่า
صلاة الضحى سنة مؤكدة
ละหมาดฎุหา เป็นสุนนะฮมุอักกะดะฮ - ดู อัลมัจญมัวะ เล่ม 4 หน้า 36

ส่วนคำพูดที่ท่านอุมัร กล่าวว่า "มันเป็นบิดอะฮ์ และเป็นบิดอะฮ์ที่ดี "
ทำไมท่านจึงพูดอย่างนี้ มาดูที่มาที่ไปครับ
1. ท่านหาฟิซอิบนุหะญัร กล่าวว่า
وفي الجملة ليس في أحاديث ابن عمر ما يدفع مشروعية صلاة الضحى، لأن نفيه محمول على عدم رؤيته، لا على عدم الوقوع في نفس الأمر، أو الذي نفاه صفة مخصوصة
สรุปแล้ว ในบรรดาหะดิษอิบนุอุมัร ไม่ใช่สิ่งที่มาคัดค้าน การบัญญัติใช้ให้ละหมาดฎุหา เพราะการปฏิเสธของเขา(อิบนุอุมัร) นั้น เป็นไปได้ว่า ท่านไม่เคยเห็น ไม่ใช่ไม่มีจริง หรือ(เป็นไปได้ว่า)ที่ท่านปฏิเสธมัน(ละหมาดฎุหา) คือ ทำในลักษณะรูปแบบที่เฉพาะ.....

قال عياض وغيره: إنما أنكر ابن عمر ملازمتها وإظهارها في المسجد وصلاتها جماعة، لأنها مخالفة للسنة، ويؤيده ما رواه ابن أبي شيبة عن ابن مسعود أنه رأى قوماً يصلونها فأنكر عليهم، وقال: إن كان ولابد ففي بيوتكم

อัลยาฎและคนอื่นจากเขา ได้กล่าวว่า " ความจริงที่ท่านอุมัร คัดค้านนั้น คือ การละหมาดเป็นประจำและกระทำโดยเปิดเผยในมัสญิดและละหมาดฎุหาในรูปแบบของการละหมาดญะมาอะฮ เพราะขัดกับอัสสุนนะฮ และสิ่งที่มาสนับสนุนมัน(คำพูดนี้)คือ สิ่งที่อิบนุอบีชัยบะฮได้รายงานจากอิบนิมัสอูดว่า เขาได้เห็นคนกลุ่มหนึ่ง ละหมาดฎุหา แล้วเขาได้ห้ามพวกนั้น และกล่าวว่า "ถ้าหากอดไม่ได้จริงๆก็ให้ละหมาดในบ้านของพวกท่าน" - ดูฟัตหุ้ลบารีย์ เล่ม 3 หน้า 52-53
2. รายงานจากมุญาฮิดกล่าวว่า

دخلت أنا وعروة بن الزبير المسجد , فاذا عبد الله بن عمر جالس الى حجرة عائشة ,واذا ناس يصلون فى المسجد صلاة الضحى , فسألناه عن صلاتهم , فقال بدعة

ฉันเองและอุรวะฮ บิน อัซซุบัยร์ เข้าไปในมัสญิด ขณะนั้น อับดุลลอฮ บิน อุมัร กำลังนั่งอยู่ที่ห้องของท่านหญิงอาอีฉะฮ และทันใดนั้น บรรดาผู้คน กำลังละหมาดฎุหาในมัสญิด เราจึงถามเขา(อิบนุอุมัร) เกี่ยวกับการละหมาดของพวกนั้น เขาตอบว่า "เป็นบิดอะฮ" - บันทึกโดย บุคอรี เล่ม 2 หน้า 630 และ มุสลิม เล่ม 2 หน้า 917
..........
หุกุมศาสนา ได้สมบูรณ์แล้วหลังจากที่ท่านนบีได้สิ้นชีวิต และละหมาดฎุหานั้นท่านนบี เคยทำและใช้ให้ทำ จึงไม่ใช่บิดอะฮ และคำพูดของท่านอิบนุอุมัร ที่ท่านได้กล่าวข้างต้น เพราะสาเหตุดังที่กล่าวมา และ คำพูดของท่านไม่ใช่หลักฐานที่นำไปรับรองบิดอะฮ และคำพูดที่ว่า "ละหมาดฎุหา เป็นบิดอะฮนั้น ตกไป เมื่อมีสุนนะฮอยู่แล้วในเรื่องนี้
ท่านอิหม่ามอัชเชากานีย์กล่าวว่า
الحقّ أنّ قول الصحابي ليس بحجّة، فإنّ الله سبحانه وتعالى لم يبعث إلى هذه الأُمة إلاّ نبيّنا محمّد(صلى الله عليه وآله وسلم) وليس لنا إلاّ رسول واحد، والصحابة ومن بعدهم مكلّفون على السواء بإتباع شرعه في الكتاب والسنة، فمن قال بأنّه تقوم الحجّة في دين الله بغيرهما، فقد قال في دين الله بما لا يثبت، وأثبت شرعاً لم يأمر الله به
ความจริง คำพูดของเศาหาบะฮนั้น ไม่ใช่หลักฐาน เพราะอัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา ไม่ได้ส่งผู้ใดมายังอุมมะฮนี้ นอกจากนบีของเราและไม่มีสำหรับเรา นอกจากท่านรซูลผู้เดียวเท่านั้นโดยที่ เหล่าเศาะหาบะฮและผู้ที่อยู่ในยุคหลังจากพวกเขา เป็นมุกัลลัฟ(เป็นผู้ที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับของศาสนา) เหมือนๆกัน ด้วยการปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระองค์ ในอัลกิตาบ(อัลกุรอ่าน)และอัสสุนนะฮ ดังนั้น ผู้ใดอ้างหลักฐาน ในเรื่อง ศาสนาของอัลลอฮ อื่นจากทั้งสอง(อื่นจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ) แน่นอนเขากล่าวในเรื่อง ศาสนาอัลลอฮ ด้วยสิ่งที่ไม่ได้ถูกรับรอง และเขารับรองบทบัญญัติ ที่อัลลอฮไม่ได้สั่งให้ปฏิบัติ - ดู มะฟาฮิมุลกุรอ่าน เล่ม 1 หน้า 631และ อิรชาดุลฟุหูล หน้า 214
--------------------------------------------------------------
พี่น้องลองมาพี่น้อง  คุณอะสันเขาบอกนำข้อความของอัลอัซฮะรีย์ไปอ้างอิง  โดยเข้าไปเองว่า  อัลอัซฮะรีย์ได้อ้างอิงทัศนะของท่านอิบนุอุมัรว่า การละหมาดดุฮาเป็นบิดอะฮ์  แล้วคุณอะสันก็ปั้นน้ำเป็นตัว  ทำการแก้แต่งแบบไม่ลืมหูลืมตาว่า  ละหมาดดุฮานั้น  เป็นซุนนะฮ์ไม่ใช่เป็นบิดอะฮ์เสียอร่อย  ทั้งที่อัลอัซฮะรีย์ชี้แจงหลังจากนั้นไปเรียบร้อยแล้วว่า  การละหมาดดุฮานั้นเป็นซุนนะฮ์  แต่การรวมตัวกันไปละหมาดุฮาที่มัสยิดนั้นเป็นบิดอะฮ์หะซะนะฮ์  เพราะไม่มีคำสั่งของท่านนบีให้ทำการรวมตัวละหมาดดุฮากันที่มัสยิด


พี่น้องลองดูคำอธิบายของอัลอัซฮะรีย์ที่คุณอะสันไม่ยอมเอาไปอ้างอิงให้หมด

พี่น้องพิจารณากันครับ  เมื่อท่านอุษมานถูกกุมสังหาร  จึงไม่ค่อยเห็นผู้คนทำการละหมาดดุฮากันที่มัสยิด  พอหลังจากนั้นในช่วงระยะหนึ่ง  บรรดาซอฮาบะฮ์ก็เริ่มทำละหมาดดุฮากันที่มัสยิด (ทั้งที่นบีไม่ได้ละหมาดดุฮาที่มัสยิด)  ดังนั้น  ท่านอิบนุอุมัร  จึงกล่าวว่า  การที่บรรดาซอฮาบะฮ์ละหมาดดุฮากันที่มัสยิดนั้น  เป็น "บิดอะฮ์ที่ดี"  ทั้งที่จะเรียกว่า "ซุนนะฮ์ที่ดี"  ก็ได้  หรือกล่าวอีกสำนวนหนึ่งว่า  การละหมาดดุฮานั้นมีรากฐานจากซุนนะฮ์  แต่การบรรดาซอฮาบะฮ์ทำการละหมาดุฮากันที่มัสยิดนั้นนบีไม่ได้ทำ  จึงเป็น "บิดอะฮ์ที่ดี" เพราะละหมาดดุฮาที่มัสยิดนั้นไม่ได้ขัดกับอัลกุรอาน , ซุนนะฮ์ , และอิจญ์มาอฺ

ดังนั้น  ผมขอย้ำว่า  พี่น้องอย่าสับสนนะครับ  กล่าวคือ การละหมาดดุฮานั้นเ็ป็นซุนนะฮ์  แต่ท่านอิบนุอุมัร  ได้กล่าวว่าเป็นบิดอะฮ์ในเชิงรูปแบบการละหมาดดุฮาเป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิด ซึ่งท่านถือว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ดี่
รายงานจากมุญาฮิด  เขากล่าวว่า "ฉันและอุรวะห์ บิน ซุบัยร์ ได้เ้ข้าไปมัสยิด  ทันใดนั้นก็เห็นท่านอิบนุอุมัรนั่งอยู่ที่ห้องของท่านหญิงอาอิชะฮ์  และขณะนั้นบรรดาผู้คนกำลังทำละหมาดดุฮาในมัสยิด(มะดีนะฮ์) ดังนั้น  เราจึงถามท่านอิบนุอุมัร เกี่ยวกับการละหมาดของพวกเขา  ท่านอิบนุอุมัรตอบว่า มันเป็นบิดอะฮ์"  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม  ดู  ซอฮิห์บุคอรีย์ เล่ม 2 หน้า 630 และซอฮิห์มุสลิม เล่ม 2 หน้า 917

ดังนั้น บิดอะฮ์ตรงนี้  ถือว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ดี  เนื่องจากรายงานข้างต้นจากท่านอิบนุชัยบะฮ์นั้น  มาจำกัดความว่า  มันเป็นบิดอะฮ์ที่ีดี 

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2327.15

ดูซิครับ  อัลอัซฮะรีย์บอกว่า   ดังนั้น  ผมขอย้ำว่า  พี่น้องอย่าสับสนนะครับ  กล่าวคือ การละหมาดดุฮานั้นเ็ป็นซุนนะฮ์  แต่ท่านอิบนุอุมัร  ได้กล่าวว่าเป็นบิดอะฮ์ในเชิงรูปแบบการละหมาดดุฮาเป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิด ซึ่งท่านถือว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ดี่

ดังนั้น  สรุปคือ  คุณอะสันและพรรคพวกไม่ยอมอ่านคำชี้แจงของคนอื่นเลยครับ  แล้วเรามีประโยชน์อะไรที่จะไปเสวนาเชิงวิชาการกับพวกเขา และตอนนี้พวกเขาก็เอาทุกทางแล้วครับ ไม่มีจะดีหรือร้ายแม้อำพรางตัดตอนคำพูดของคนอื่น  พวกเขาก็ยอม  นั่นคือเครื่องหมายของความอ่อนแอแนวทางของตน
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

ออฟไลน์ الأزاهرة

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 139
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: แฉ!เบื้องหลังผมถูกแบนจากเวปอัซซุนนะ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ก.พ. 05, 2008, 10:14 AM »
0
ดูความไม่เข้าใจของคุณอะสันกันต่อ  เขาบอกว่า

บิดอะฮทั้งห้าประเภทของท่านอิหม่ามอิซซุดดีน
น้องอัลอัชอารีย์ โต๊ะครูในเว็บสุนนะฮสะติวเด้น กล่าวว่า
หนทางที่ 1. คือแนวทางของท่าน อิซซุดดีน บิน อับดุสลาม โดยที่ท่านได้พิจารณาว่า แท้จริงสิ่งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยกระทำนั้น เป็นบิดอะฮ์ และท่านได้แบ่งบิดอะฮ์ออกเป็นหุกุ่มต่างๆ โดยกล่าวว่า "(บิดอะฮ์คือ)การกระทำที่ไม่เป็นที่รู้จักกันในสมัยของท่านร่อซุลเลาะฮ์(ซ.ล.)นั้น คือมันแบ่งออกเป็น บิดอะฮ์วายิบ , บิดอะฮ์หะรอม , บิดอะฮ์สุนัต , บิดอะฮ์มักโระฮ์ , และบิดอะฮ์มุบาห์....." (ดู ก่อวาอิด อัลอะหฺกาม ฟี มะซอลิหฺ อัลอะนาม เล่ม 2 หน้า 204)
.........

วิจารณ์
การแบ่งบิดอะฮ 5 ประเภทของท่านอิซซุดดีน บิน อับดุสสลาม เป็นการแบ่งบิดอะฮในทางภาษา ไม่ได้หมายถึง บิดอะฮในทางศาสนา ซึ่งหมายถึง ประดิษฐความเชื่อ หรือ รูปแบบอิบาดะฮขึ้นมาใหม่
อิบนุหะญัร อัลหัยตะมีย์ กล่าวไว้ในอัลฟาตาวีย์ อ้างอิงโดยหนังสือ อัลอิบดาอ์ว่า
فإن البدعة الشرعية ضلالة كماقال رسول الله صلى الله عليه وسلم ومن قسمهامن العلماء الى حسن وغيرحسن فإنماقسم البدعة اللغوية ومن قال كل بدعة ضلالة فمعناه البدعة الشرعية
แน่นอน บิดอะฮ ที่เกี่ยวกับศาสนบัญญัตินั้น เป็นการหลงผิด ดังที่รซูลุ้ลลอฮได้กล่าวไว้ และนักวิชาท่านใดที่แบ่งมัน เป็นบิดอะฮที่ดีและบิดอะฮที่ไม่ดีนั้น ความจริง เขาแบ่งบิดอะฮในทางภาษา และผู้ใดกล่าวว่า "ทุกบิดอะฮ เป็นการหลงผิด" ความหมายของเขาก็คือ บิดอะฮที่เกี่ยวกับศาสนบัญญัติ
- อัลอิบดาอ์ หน้า 39

1. อิบนุกะษีร (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
والبدعة على قسمين تارة تكون بدعة شرعية كقوله فإن كل محدثة بدعة وكل بدعة ضلالة وتارة تكون بدعة لغوية كقول أمير المؤمنين عمر بن الخطاب عن كم إياهم على صلاة التراويح واستمرارهم نعمت البدعة . اهـ
และบิดอะฮนั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท บางที่เป็นบิดอะฮเกี่ยวกับศาสนบัญญัติ เช่น ท่านนบีกล่าวว่า "แท้จริงทุกสิ่งที่ถูกประดิษขึ้นใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และทุกบิดอะฮนั้น เป็นการหลงผิด" และบางที่เป็นบิดอะฮที่เกี่ยวกับภาษา เช่น ผู้นำแห่งบรรดาศรัทธาชน ,อุมัร บุตร อัลคอฏฏอ็บ ได้รวบรวมพวกเขาให้ละหมาดตะรอเวียะ(ภายใต้การนำของอิหม่ามคนเดียว)และ ท่านได้ให้พวกเขาดำเนินต่อไป โดยกล่าวว่า"เป็นบิดอะฮที่ดี" - ตัฟสีรอิบนิกะษีร 1/162

2. อิบนุตัยมียะฮ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า

أكثر ما في هذا تسمية عمر تلك بدعة مع حسنها وهذه تسمية لغوية لا تسمية شرعية وذلك أن البدعة في اللغة تعم كل فعل ابتداء من غير مثال سابق وأما البدعة الشرعية فكل ما لم يدل عليه دليل شرعي

ส่วนมาก สิ่งที่อยู่ในการเรียกของอุมัร ดังกล่าวว่าเป็นบิดอะฮที่ดี และนี้คือ การเรียกชื่อตามหลักภาษา ไม่ใช่เรียกชื่อตามหลักศาสนบัญญัติ และดังกล่าวนั้น แท้จริง บิดอะฮในทางภาษานั้น ครอบคลุมถึงทุกการกระทำ ที่เริ่มต้นโดยไม่มีตัวอย่างมาก่อน และสำหรับ บิดอะฮที่เกี่ยวกับศาสนบัญญัตินั้น คือ ทุกสิ่งที่ไม่มีหลักฐานทางศาสนบัญญัติแสดงบอกมันเอาไว้ - อิกติเฎาะอฺ อัศศิรอฏุลมุสตะกีม หน้า 276


เรามาดูกันครับท่านพี่น้อง

คุณอะสันทำการแก้ต่างว่า  บิดอะฮ์ลุ่มหลงนั้นคือบิดอะฮ์ทางศาสนา  ไม่ใช่บิดอะฮ์ทางภาษา

เราลองมาดูคำพูดที่อัลอัซฮะรีย์ชี้แจงไปก่อนหน้านี้ซิครับ  ซึ่งเขาชี้แจงว่า

ท่านอบู ชามะฮ์ กล่าวว่า " สิ่งที่กระทำขึ้นมาใหม่นั้น  ถูกแบ่งออกเป็น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี) และบิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจ (แล้วท่าน อบู ชามะฮ์ ก็อ้างอิงคำพูดของอิมามชาฟิอีย์  ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น)  จากนั้น  ท่านอบู ชามะฮ์กล่าวว่า  " ฉันขอกล่าวว่า  แท้จริง  มันก็เป็นอย่างเช่นดังกล่าว  เพราะท่านนบี(ซ.ล.) ส่งเสริมให้มีการละหมาดสุนัตในเดือนร่อมะฏอน  โดยที่ท่านนบี(ซ.ล.) ได้กระทำที่มัสยิด  โดยที่ซอฮาบะฮ์บางส่วนได้ทำการละหมาดตามท่านนบีเพียงไม่กี่คืน  หลังจากนั้น  ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ทิ้งการละหมาดดังกล่าวในรูปแบบญะมาอะฮ์  โดยท่านนบี(ซ.ล.)ให้เหตุผลในเรื่องดังกล่าวว่า  เกรงจะถูกฟัรดูแก่พวกเขา  ดังนั้น  เมื่อท่านนบี(ซ.ล.)ได้เสียชีวิต  แล้วการปฏิบัติดังกล่าวก็ยุติลง  ช่วงหลังจากนั้น บรรดาซอฮาบะฮ์จึงลงมติให้ทำการละหมาด(ตะรอวิหฺ)ในเดือนรอมาฏอนที่มัสยิดแบบญะมาอะฮ์ เพื่อเป็นการฟื้นฟูเอกลักษณ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงใช้  และได้ส่งเสริมให้กระทำมัน  วัลลอฮุอะลัม

จากที่ได้กล่าวมานี้จึงสามารถสรุปได้ว่า 

فالبدع الحسنة : متفق على جواز فعلها ، والإستحباب لها ، ورجاء الثوب امن حسنت نيته فيها ، وهى كل مبتدع موافق لقواعد الشريعة غير مخالف لشيىء منها ولا يلزم من فعله محذور شرعى .

บรรดาบิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น  บรรดาปวงปราชญ์แห่งโลกอิสลามได้ลงมติเห็นพร้องว่า  อนุญาติให้กระทำได้   myGreat:และมีความหวังได้ผลบุญ  สำหรับผู้ที่มีเจตนาที่ดี  โดยที่บิดอะฮ์นั้น  จะต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่และสอดคล้องกับกฏเกณฑ์ต่าง ๆ ของหลักศาสนา (ชะรีอะฮ์) และจะต้องไม่มีข้อห้ามตามหลักศาสนาหากได้กระทำมัน" (ดู  อัลบาอิษ อะลา อินการิลบิดะอ์ วัลหะวาดิษ ของท่าน อบี ชามะฮ์  หน้า 93)

ท่านอบู ชามะฮ์  ได้ให้คำนิยามของบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ จากคำพูดของท่านที่ว่า "บรรดาปวงปราชญ์แห่งโลกอิสลามได้ลงมติเห็นพร้องว่า  อนุญาติให้กระทำได้"  ซึ่งเขาหมายถึงบุคคลที่คำพูดของเขานั้น  เป็นที่ยอมรับในเรื่องการอิจญฺมาอ์  ดังนั้น  ผู้ที่ไม่เป็นที่ยอมรับกับคำพูดของเขา  ก็ถูกคัดออกไป  เช่นคำกล่าวของท่านอิบนุตัยมียะฮ์  และผู้ที่มีแนวทางเดียวกับเขา  เพราะฉะนั้น  จึงไม่อนุญาตให้กับผู้ที่คัดค้านทัศนะคำกล่าวนี้  เนื่องจากเป็นการแหวกมติของประชาชาติอิสลาม  และการแหวกมติของประชาชาติอิสลามนั้น  เป็นสิ่งที่หะรอม

ดังนั้น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นี่เองที่ เขาเรียกว่า บิดอะฮ์เชิงภาษา    ซึ่งหมายถึงบิดอะฮ์ที่อยู่บนรากฐานของศาสนาโดยไม่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน , ซุนนะฮ์ , และอิจญ์มาอฺ   

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2327.15

---------------------------------------------

สรุปคือ  คุณอะสัน  ไม่รู้เรื่องและไม่ฟังไม่สนใจคำชี้แจงของคนอื่นเลย   น่าสงสารครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 05, 2008, 10:20 AM โดย elharm »
อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า "ฟิรอูนกล่าวว่า ข้ามิได้ให้พวกท่านออกความเห็นนอกจากสิ่งที่ฉันมีความเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น"  ฆอฟิร 29  ดังนั้น ฟิรอูนจึงเป็นแบบฉบับผู้ที่ชอบกล่าวและเชื่อว่า "ข้าเท่านั้นที่ถูกและข้าเท่านั้นที่เป็นผู้ชี้ทางนำ"

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
Re: แฉ!เบื้องหลังผมถูกแบนจากเวปอัซซุนนะ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ก.พ. 05, 2008, 11:52 AM »
0
 salamครับพี่น้องของผมทุกคนในที่นี้

สิ่งที่น้องabubukนำมาเปิดเผยเป็นสิ่งดีมากครับ และน่าชมเชย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำบทความของเวปอะลิสซุนนะฯไปตอบโต้แบบไม่หมกเม็ด
และตรงไปตรงมา   

ส่วนการที่บังหะสันทำการแบนหรือบล้กกระทู้นั้น เราถือว่าเป็นเรื่องวธรรมดาจนชาชินกับการกระทำของแกแล้วครับ

บังหะสันแกคงรับไม่ได้  กับคำถามที่โดนแบบเต็ม ๆ โดยเฉพาะคำถามของน้อง abubuk  นั้นเหมาะแล้วที่จะถามบังหะสัน  เพราะ บังหะสันแกสร้างภาพให้ใครรู้ว่าแกยืนยัดในกีตาบุลลอฮ์ และซุนนะนบี  พอมาเจอคถามของน้อง abubukแบบนี้ แกเลย พาลโกรธนะครับ เลยลบกระทู้ไปเฉยเลย

แต่ผมว่า วาฮาบีที่กวนแบบ ไม่รู้ปัญญาของตัวเอง คงไม่พ้นนาย mumin แต่ นายคนนั้น แกไปๆมาๆ จนป่านนี้ ยังไม่รู้ว่าหายหน้าไปไหน   คงจะไม่เข้าใจในคำถามตนเองเลยไม่กล้ากลับเข้ามา     ที่ร้ายกว่านั้นคือไป ใส่ร้ายกล่าวหาน้องอัลอัชฮารีย์ ในเวปของบังหะสัน อย่างน่าเกลียด ด้วยถ้อยคำที่ว่า .................ทางเวปอะลิสซุนนะไม่สามารถตอบให้เขาได้  แล้ว ไปเที่ยวโพทนาว่า ตัวเอง นั้นตัดสินใจ ถูกแล้วที่เลือกทางเดินให้ครอบครัวตามหนทาง ของวาฮาบีย์    ผมขำๆมากครับ...กะแค่  เหตุผลที่ว่า ด้วยคำถามทีตนไม่เข้าใจคำตอบ

แต่ของน้องabubuk  มีการถามตอบแบบรอบคอบและสุภาพ ซึค่งผมได้อ่านบทความการสนทนากับบังหะสันแล้ว  และยังทราบมาว่า กระทู้หลังสุดของของ


สำหรับเวป อาจสูญนะ ของบังหะสันนั้น  ผมเองยังเคยโดนมาแบบสดๆร้อนๆเลยครับ  วันก่อนผมแค่จะเข้าไปอ่าน ในสิ่งที่บังหะสันตอบโต้แบบบิดเบือนในกระทู้เรื่องบิดอะหาสานาะ ที่ตัดตอนมาแก้ไข  จากน้องอัลอัชฮารี ในเวปอะลิสซถนนะฯ  และผมต้องการที่จะเข้าไปช่วยเสริม น้อง abubuk อีกแรง  แต่ผมกลับโดนแบบ แบบว่าเข้าไม่ได้เลย

ผมนึกแล้วขำมากเลยครับ คงจะมีเวป บังหะสันเวปเดียวกระมั้งครับ ที่เขียนบทความที่ตัดตอนคำพูดด้วยอารมณ์ตัวเอง  และตั้งกระทู้ในการดานเสวนา
แบบ ถามและตอบคนเดียว คนอื่นไม่มีสิทธิใช้ความคิดเห็น  โดยเฉพาะทัศนะของอีม่ามชาฟีอี(รฮ)ที่โดนโจมตีและใส่ร้าย  จากเวปวาฮาบี เกือบทุกเวปมาตลอด

สิ่งคุณ elhram กล่าวมานั้น  เป็นความจริงครับ ว่าคำพูดของ อัลอัชฮารีย์  ถูกตัดต่อและบิดเบือนอย่างน่าละอายยิ่งในเวป อาจสูญนะ ของ  บันหะแส

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salamผมต้องขอขอบคุณ บังๆที่ให้โอกาสผมในการนำสิ่งดังกล่าวมาเผยแพร่  และบัดนี้ผมมั่นใจแล้วว่า ตัวเป็นเองนั้นเป็นคนหนึ่งที่เป็นชาวอะลิสซุนนะ เพราะนามพอสมควรที่ผมค้นหามัน และเกือบที่จะพลาดพลั้งมัน เพราะแต่ละทัศนะก็อ้างว่าอะลิสซุนนะทั้งนั้น

ตอนนี้ผมมั่นใจ อะลิสซุนนะวั,ยามาอะทั้ง4มัสหับแล้วครับ

ขอบคุณบังeiharmและคนอื่นด้วยครับโดยเฉพาะเวปมาสเตอร์คนใจดี

เอาละครับผมจะนำมาแฉต่อว่า ทำไมโตะครูที่เวปอัซซุนนะถึงลบกระทู้และแบนไม่ให้ผมเข้าไปตอบโต้เชิงสนทนา ด้วยวิชาการ

ต่อครับ
abubak

 บังครับด้วยความนับถือที่บังเป็นผู้อวุโสและ ในฐานะที่บังเป็นโตะครูประจำที่เวปแห่งนี้ ผมอยากให้บัง ใจเย็นๆก่อนครับ ผมนั้นไม่ได้เข้าก่อกวนใดๆบังนะครับ แต่ผมแค่เข้ามาเพื่อถามในสิ่งที่ผมไม่รู้เท่านั้น

ส่วนเรื่องการให้น้ำหนักความน่าเชื่อถือกับทาง เวปนักศึกษา 60% นั้นผมให้ตามหลักฐาน ที่ผมได้รับและผมคิดว่า น่าจะเป็นอย่างนั้น ส่วนที่ผมให้ทางฝ่ายบัง 40% นั้น เพราะผมถือว่าต่างฝ่ายต่างอ้างหลักฐานจากทัศนะของตน และเวปของบังแค่นำหลักฐานใหม่มาหักล้างหลักฐานเก่าเท่านั้น

โดยการยกคำอธิบายจากนักวิชาการที่บังเห็นด้วย ซึ่งตรงนี้ผมถือว่า มันไม่ใช่เป็นคำพูดที่ตรงๆและตายตัวจากซอฮาบะอุมัรและอิบนุอุมัร (รด)ที่ท่านได้บ่งบอกจากคำพูดและชี้ถึงการกระทำหรือจะเรียกว่าเป็นการฟื้นฟูของท่านก็ตาม

แต่ที่ท่านได้ริ่เริ่มกระทำนั้น มันก็คือ บิดอะสำหรับท่านทั้งสอง โดยที่ท่านบอกในฮาดิสแบบตรงๆไม่ต้องตีความหมายใดๆว่า มันคือบิดฮะหะสานะ....

ดังนั้น การให้น้ำหนักของผมนั้น จะดูหลักฐานก่อน และพิจารณาในสิ่งที่ซอฮาบะท่านนบี(ซล)อย่างท่านอุมัร(รด)ที่มีฉายาว่า อัลฟารุคพูดและท่านคือผู้ที่แยกความจริงออกความเท็จ

ฉนั้นผมถือว่ามันชัดเจนและยิ่งคำพูดของซอฮาบัต ผู้เป็นลูกซอและที่มีความรู้ที่เยี่ยมยอดอย่างอิบนุอมัรด้วยแล้ว และถือว่า ทัศนะนี้มีน้ำหนักมากกว่า ส่วนคำกล่าวหรือความเห็นของนักวิชาการบางท่านที่ไม่เห็นด้วยนั้นผมถือว่า นั้นคือความเข้าใจ
ของเขาเหล่านั้น ส่วนนักวิชาการคนไหนน่าเชื่อถือหรือมีความรู้และเป็นที่ยกย่องทั้ง ความรู้ คุณธรรม สติปัญญา ประสปการณ์และฯลฯนั้นมจะไม่ขออกความเห็นใดๆ

แต่ถ้าหาก บังลำบากใจหรือไม่อยากตอบหรือตอบไม่ได้ก็บอกมา ผมจะได้ไปถามที่เวปไซด์อื่นอีก ในสิ่งที่ผมสงสัย เพราะผมจะได้ตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ถูกต้องให้กับครอบครัวและภรรยาของผม

จริงๆแล้วบังเคยบอกไม่ใช่หรือว่า บิดอะนั้นมีอย่างเดียว ไม่มีบิดอะฮาสานะและบิดอะซัรยีอะ ดังนั้นสิ่งที่ผมยึดตามคือ คำพูดของซอฮาบะของท่านนบี(ซล)ที่ชื่อ อุมัร(รด)ที่ท่านทำการรวบรวมผู้คนที่กระจัดกระจายให้ละหมาดแบบญามาอะ 20 รอกาอัตในเดือนรอมาดอนในครั้งนั้น และท่านเป็นผู้กล่าวเองว่า…ในสิ่งนั้นว่า
نعمت البدعة هذه
"มันเป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"
(ดู หนังสือ ตัลบีส อิบลีส หน้า 7)
และ อีกสายรายงานหนึ่งจาก อิบนุอบีชัยบะฮ์ ด้วยสายรายงานที่ซอฮิหฺ จาก อัลหะกัม บิน อะอฺร๊อจฐฺ จากท่านอัลอะอฺร๊อจญฺ เขากล่าวว่า
سألت ابن عمرعن صلاة الضحى ؟ فقال : بدعة ونعمت البة
" ฉันได้ถาม ท่านอิบนุอุมัร จากเรื่องละหมาด ดุฮา ท่านอิบนุอุมัรกล่าวว่า มันเป็นบิดอะฮ์ และเป็นบิดอะฮ์ที่ดี
...................
ผมต้องการแค่นี้เท่านั้นและเพียงพอแล้วในการจัดสินใจเลือกแนวทางที่ยึดถือ สำหรับหลักฐานจากนักวิชาการ ผมไม่ต้องการ ได้คำอธิบายใดๆ ไม่ว่าจากคำนิยาม หรือความหมาย ในคำว่าบิดอะ เพราะแต่ละเวปไซด์นั้นให้คำนิยามและความหมายไม่เหมือนกัน
เพราะต่างคนต่างยึดถือ ตามทัศนะของตนเองและคำพุดของนักวิชาการของตัวเองทั้งนั้น มันจึงไร้กรอบแห่งความถูกต้องและการยึดตาม
ผมไม่ได้เข้าเพื่อดิสเครดิสใครทั้งนั้น แต่เพื่อต้องการค้นหาสัจธรรมและความจริงของซอฮาบะที่ท่านนบีรักใคร่เขาเหล่านั้นดุจสายเลือดเดียวกันเท่านั้น และต้องการเรียกร้องความเป็นธรรมให้เขาเหล่านั้น ที่ถูกบิดเบือนด้านคำพูด และการกระทำจากนักวิชาการรุ่นหลัง ที่คอยละเลงความคิดตนเองมาตัดสิน ด้วยกับอารมณ์ของตัวเองด้วยแค่ทัศนะที่ตนยึดถือ
ส่วนคำพูดของบังที่ว่า
บิดอะฮในทางศาสนานั้น ไม่มีคำว่า บิดอะหะสะนะ หรือ บิดอะฮที่ดี โดยอ้างคำพูดของท่านนบี ศอลฯ กล่าวว่า

"كل بدعة ضلالة، وكل ضلالة في النار" [رواه النسائي في "سننه" (3/188 ـ 189

ทุกบิดอะฮ เป็นการหลงผิด และทุกการหลงผิดนั้น จะอยู่ในนรก –รายงานโดย อัลนะสาอีย์ ในสุนันของท่าน – 3/188-189
“””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””””
คำตอบตรงนี้นั้น ผมจะไม่ตอบเพราะผมไม่ศักยภาพเพียงพอในการตอบโต้คำพูดและการกระทำของซอฮาบะของท่านนบี ดังนั้น บังต้องไปถาม ซอฮาบะทั้ง2 คน(ท่านอุมัรและท่านอิบนุอุมัร) เอาเอง ว่าทำไมท่านกล้ากระทำและกล้าพูดเสียเองว่า สิ่งท่านกระทำนั้นคือ มันคือ บิดอะทีดี
วัสลาม




โตะครูแห่งเปอัซซุนนะ  กล่าวว่า

จริงๆแล้วบังเคยบอกไม่ใช่หรือว่า บิดอะนั้นมีอย่างเดียว ไม่มีบิดอะฮาสานะและบิดอะซัรยีอะ ดังนั้นสิ่งที่ผมยึดตามคือ คำพูดของซอฮาบะของท่านนบี(ซล)ที่ชื่อ อุมัร(รด)ที่ท่านทำการรวบรวมผู้คนที่กระจัดกระจายให้ละหมาดแบบญามาอะ 20 รอกาอัตในเดือนรอมาดอนในครั้งนั้น และท่านเป็นผู้กล่าวเองว่า…ในสิ่งนั้นว่า
نعمت البدعة هذه
"มันเป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"
(ดู หนังสือ ตัลบีส อิบลีส หน้า 7)
...................

 
ผมบอกว่า "บิดอะฮในเรื่องศาสนา หรือ อิบาดฮนั้น ไม่มีบิดอะฮหะสะนะฮ และผมบอกว่า บิดอะฮในศาสนา เป็นบิดอะฮสัยยิอะฮ (บิดอะฮที่เลว) ส่วนที่คุณบอกว่า "ท่านอุมัรพูดเอง ว่า نعمت البدعة هذه
ผมขอตอบว่า"ใช่ท่านพูดเอง" แต่คุณไม่เข้าใจ และ ไม่ใช่หลักฐานที่บ่งบอกว่า ความเชื่อ และอิบาดะฮใดก็ตามที่คุณหรือนักวิชาการคนใดคิดขึ้นมา นั้น เป็นบิดอะฮที่ดี ที่ได้บุญ" โดยอ้างว่าเพราะมีหลักฐานจากท่านอุมัร แบบนี้ไม่ถูกต้องเพราะ ศาสนบัญญัติต้องมาจากอัลลอฮและรอซูล 
ต่อไปนี้อัลลอฮพูดเองเหมือนกัน
بَدِيعُ السّمَاوَاتِ وَالأرْضِ
ผู้ทรงบิดอะฮบรรดาฟากฟ้าและแผ่นดิน
จึงอยากถามคุณว่า "อัลลอฮทำบิดอะฮ"ใช่ไหม
..........
คนที่เขาเข้าใจ เช่น เช็คอัลฟูซานเขาก็อธิบายว่า
(بَدِيعُ السّمَاوَاتِ وَالأرْضِ،أي مخترعهماعلى غير مثال سابق
(ผู้ทรงประดิษฐ์บรรดาฟ้ากฟ้าและแผ่นดิน) หมายถึง ผู้ทรงประดิษฐ์มันทั้งสองขึ้นมาโดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน" - กิตาบุเตาฮีด ของเช็คฟูซาน หน้า 96
เพราะฉะนั้น คุณต้องดูต้นเรื่องว่า ที่ท่านอุมัรกล่าวนั้น มีความเป็นมาอย่างไร ไม่ใช่ว่า หุกุมว่า "การทำเมาลิด" เป็น บิดอะฮหะสะนะฮ เพราะมีหลักฐานจากคำพูดของท่านอุมัร แบบนี้ไม่เรียกว่า "การอุปโลกน์คำเท็จให้แก่ท่านอุมัรหรอกหรือ?
.............
วัสสลาม

 
คุณsharif1979กล่าวว่า

ขอถาม คุณ abubak น่ะครับ ว่า

1. นอกจากตัวของท่านนบีเองแล้ว ท่านนบีได้รับรองแบบฉบับของใครอีกที่ให้เราสามารถ
ปฎิบัติตามได้

2.ช่วยให้นิยามของคำว่าบิดอะฮฺตามที่คุณเข้าใจมาหน่อย

3. ตัวของท่านนบีนั้นได้ทำบิดอะฮิหรือไม่[/color

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Abubak
 คุณsharifถามผมนั้น ทั้งที่คุณก็รู้ดีว่า แนวทางอะลิสซุนนะนั้นยอมรับในการกระทำของบรรดาซฮาบะ  แต่ที่คุณถามมานั้นเหมือนกับว่าแนวทางคุณปฎิเสธเขาเหล่านั้น ดังนั้นผมจึงไม่แปลกใจว่า คำตอบจากเวปของอะลิสซุนนะบางประเด็นนั้นมุ่งโจมตีแนวทางของคุณในการปฎิเสธการกระทำของซอฮาบะท่านนบีเช่น การที่ท่านอุมัรและอิบนุอุมัร(รด)พูดและยอมรับการกระทำที่ใหม่ๆที่คิดขึ้นมาในรากฐานของศาสนา
ในเรื่องละหมาดจรอวิและละหมาด ดุฮา ท่านบอกว่ามันเป็นบิดอะที่ดีแต่แนวทางท่านกลับไม่ยอมรับและอีกหลายอย่างที่ซอฮบะกระทำหลังจากท่านนบีจากไป เหล่านี้คือบิดอะที่ดีทั้งนั้น
ที่คุณถามนั้นผมขอตอบแค่ข้อเดียวครับ
1. นอกจากตัวของท่านนบีเองแล้ว ท่านนบีได้รับรองแบบฉบับของใครอีกที่ให้เราสามารถ
ปฎิบัติตามได้
จริงๆผมว่าจำเป็นต้องคุยกับคุณเลยนะครับ  เพราะสิ่งที่คูณถามเพื่อการลองภูมินั้นมันน่าจะหมดยุคของพวกลิ้วล้ออย่างคุณตั้งนานแล้วครับ
ส่วน คำตอบผม ขอตอบคุณเพียงข้อเดียว เพราะไม่อยาก มากความไปกว่านี้
ท่านนบี กล่าวว่า
بها وعضوا عليها بالنواجذ ، وإياكم ومحدثات الأمور عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي ،

พวกท่านจงยึดมั่นในสุนนะฮ(แบบอย่าง)ของฉัน และบรรดาเคาะลิฟะฮผู้ชี้ทางที่ถูกต้อง ผู้ได้รับทางนำหลังจากฉัน จงยึดถือมัน และจงกัดกรามต่อมัน(หนักแน่นอดทน) .............- บันทึกโดยอะหมัด และ อัตติรมิซีย์
ส่วนท่านานอุมัรอละบุตรของท่านคือคอลีฟะผู้ที่ได้รับทางนำที่ถูกต้อง และเป็นผู้อยู่หลังจากท่านนบี...ฉนั้นตรงนี้หลังจากการปฏิญาน2กาลีเมาะแล้ว  นั้นคือการยอมรับต่ออัลเลาะและร้อซุล  แต่หากการกระทำบางอย่างที่ไม่มีในสมัยของท่านร้อซุล ฉนั้นบรรดาคอลีฟะนั้นคือเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำตามได้ดังกล่าวนั้นคือ คำพูดของท่านนบีที่ชี้ให้รู้ว่า ท่านอนุญาติ

ส่วนข้อ2และข้อ 3  ผมตอบไปก็เสียเวลาครับ เพราะคุณ..สามารถค้นหาเองได้ ขอโทษนะครับ ด้วยมารยาทนะ จริงๆ   ผมเองอยากถามกับโตะครูในเวปนี้เป็นการเฉพาะเท่านั้น.แต่คุณกลับมาถามผมเสียเอง....

...
โตะครูแห่งเวปอัซซุนนะกล่าวว่า

ท่านอิบนุหัซมิน(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
الحق حق وإن استقبحه الناس، والباطل باطل وإن استحسنه الناس، فصح أن الاستحسان شهوة واتباع للهوى وضلال، وبالله تعالى نعوذ من الخذلان
ความจริง ย่อมเป็นความจริง แม้บรรดาผู้คนรังเกียจมันก็ตาม และความเท็จ ก็คือ ความเท็จ แม้ว่าบรรดาผู้คนเห็นว่ามันดีก็ตาม ดังนั้น ที่ถูกต้องนั้น การอิสเตียะซาน(การกำหนดหุกุมหรือการคิดสิ่งใหม่ขึ้นมาในศาสนาตามที่เห็นว่าดีนั้น) เป็นความใคร่,เป็นการตามอารมณ์และเป็นการหลงผิด ,ด้วยอัลลอฮผู้ทรงสูงส่ง เราขอความคุ้มครอง ให้พ้นจากความผิดหวังด้วยเถิด" -อัลอะหกามฟีอุซูลลุลอะหกาม ของ อิบนิหัซมิน เล่ม 2 หน้า 759 (الأحكام في أصول الأحكام لابن حزم 6: 759
และท่านอิบนิหัซมินได้กล่าวอีกว่า
من المحال أن يكون الحق فيما استحسنا دون برهان؛ لأنه لو كان ذلك لكان الله تعالى يكلفنا مالا نطيق، ولبطلت الحقائق
ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้คือ ความจริง ที่ปรากฏในสิ่งที่เราคิดขึ้นมาเองว่าดี โดยปราศจากหลักฐาน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า อัลลอฮบังคับเราในสิ่งที่เราไม่มีความสามารถ และบรรดาความจริงกลับกลายเป็นโมฆะ" (เพราะของไม่จริง กลับกลายเป็นดี) -อัลอะหกามฟีอุซูลลุลอะหกาม ของ อิบนิหัซมิน เล่ม 2 หน้า 759
.........
เพราะฉะนั้น บิดอะฮที่ ที่ดี มันไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องของอิบาดะฮในศาสนา แต่มันเกี่ยวกับเรื่อง ทางโลก หรือ ทางภาษาเท่านั้น
@@

abubak
ท่านอิบนุ หัซมิน (ร.ห.) เสียชีวิตปี 456 ฮ.ศ.
ท่านอิบนุ หัซมินกล่าวว่า "บิดอะฮ์ในศาสนานั้น คือทุกสิ่งที่ไม่เคยมีระบุมาในอัลกุรอานและจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) นอกจากบิดอะฮ์ที่เจ้าของผู้กระทำจะถูกตอบแทน และได้รับการผ่อนปรนให้ ด้วยสิ่งที่เขามีเจตนาในการกระทำความดีงาม ดังนั้น ส่วนหนึ่งจากบิดอะฮ์ คือ สิ่งที่จะได้รับผลตอบแทน ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีโดยที่มันมีรากฐานเดิมที่อนุมัติให้กระทำได้ ซึ่งเสมือนกับสิ่งที่รายงานจากท่านอุมัร (ร.ฏ.) ว่า
نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้
"


โตะครูแห่งเปอัซซุนนะ  กล่าวว่า

ท่านอิหม่ามชาฟิอีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
الاستحسان باطل
การอิสเตียะซาน(การกำหนดหุกุมขึ้นมาตามที่เห็นว่าดี)นั้น ใช้ไม่ได้(เป็นเท็จ) - อัลอุม เล่ม 7 หน้า 373
และท่านอิหม่ามชาฟิอีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวอีกว่า
وإنّما الاستحسان تلذذ، ولو جاز لأحد الاستحسان في الدين لجاز ذلك لأهل العقول من غير أهل العلم، ولجاز أن يشرع في الدين في كلّ باب، وأن يخرج كلّ أحد لنفسه شرعاً
ความจริงการอิสเตียะซาน(การกำหนดหุกุมขึ้นมาตามที่เห็นว่าดี)นั้น คือ การตามอารมณ์ชอบ และหากอนุญาตให้คนหนึ่งคนใด ทำการอิสเตียะซาน(การกำหนดหุกุมขึ้นมาตามที่เห็นว่าดี)ในเรื่อง ศาสนา แน่นอน แน่นอนย่อมอนุญาตเรื่องดังกล่าวแก่ผู้ที่มีสติปัญญาดี(ฉลาด) โดยไม่ใช่ผู้มีความรู้ และแน่นอน ย่อมอนุญาต ให้กำหนดบทบัญญัติในศาสนา ในทุกๆเรื่อง และทุกคน สามารถออกบัญญัติศาสนาให้แก่ตัวเขาเอง" - อัรริสาละฮ หน้า 507
..............
ข้างต้น ชีให้เห็นว่า ท่านอิหม่ามชาฟิอี เข้าใจดีว่า การคิดสิ่งใหม่โดยเห็นว่าดีในเรื่องศาสนา นั้น ใช้ไม่ได้

ท่านอิบนุหัซมิน(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
الحق حق وإن استقبحه الناس، والباطل باطل وإن استحسنه الناس، فصح أن الاستحسان شهوة واتباع للهوى وضلال، وبالله تعالى نعوذ من الخذلان
ความจริง ย่อมเป็นความจริง แม้บรรดาผู้คนรังเกียจมันก็ตาม และความเท็จ ก็คือ ความเท็จ แม้ว่าบรรดาผู้คนเห็นว่ามันดีก็ตาม ดังนั้น ที่ถูกต้องนั้น การอิสเตียะซาน(การกำหนดหุกุมหรือการคิดสิ่งใหม่ขึ้นมาในศาสนาตามที่เห็นว่าดีนั้น) เป็นความใคร่,เป็นการตามอารมณ์และเป็นการหลงผิด ,ด้วยอัลลอฮผู้ทรงสูงส่ง เราขอความคุ้มครอง ให้พ้นจากความผิดหวังด้วยเถิด" -อัลอะหกามฟีอุซูลลุลอะหกาม ของ อิบนิหัซมิน เล่ม 2 หน้า 759 (الأحكام في أصول الأحكام لابن حزم 6: 759
และท่านอิบนิหัซมินได้กล่าวอีกว่า
من المحال أن يكون الحق فيما استحسنا دون برهان؛ لأنه لو كان ذلك لكان الله تعالى يكلفنا مالا نطيق، ولبطلت الحقائق
ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้คือ ความจริง ที่ปรากฏในสิ่งที่เราคิดขึ้นมาเองว่าดี โดยปราศจากหลักฐาน เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น ก็เท่ากับว่า อัลลอฮบังคับเราในสิ่งที่เราไม่มีความสามารถ และบรรดาความจริงกลับกลายเป็นโมฆะ" (เพราะของไม่จริง กลับกลายเป็นดี) -อัลอะหกามฟีอุซูลลุลอะหกาม ของ อิบนิหัซมิน เล่ม 2 หน้า 759
.........
เพราะฉะนั้น บิดอะฮที่ ที่ดี มันไม่ใช่เกี่ยวกับเรื่องของอิบาดะฮในศาสนา แต่มันเกี่ยวกับเรื่อง ทางโลก หรือ ทางภาษาเท่านั้น
@@

abubak
ท่านอิบนุ หัซมิน (ร.ห.) เสียชีวิตปี 456 ฮ.ศ.
ท่านอิบนุ หัซมินกล่าวว่า "บิดอะฮ์ในศาสนานั้น คือทุกสิ่งที่ไม่เคยมีระบุมาในอัลกุรอานและจากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) นอกจากบิดอะฮ์ที่เจ้าของผู้กระทำจะถูกตอบแทน และได้รับการผ่อนปรนให้ ด้วยสิ่งที่เขามีเจตนาในการกระทำความดีงาม ดังนั้น ส่วนหนึ่งจากบิดอะฮ์ คือ สิ่งที่จะได้รับผลตอบแทน ก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีโดยที่มันมีรากฐานเดิมที่อนุมัติให้กระทำได้ ซึ่งเสมือนกับสิ่งที่รายงานจากท่านอุมัร (ร.ฏ.) ว่า
نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"



.      

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
                  boulay:... boulay:
ต่อไปนี้คือ  คำตอบโต้ครั้งหลังสุด  ก่อนที่ทางเวปอัซซุนะจะทำการบล็อกและลบกระทู้ใหม่ของผม

และนี้คือ ข้อความครั้งหลังสุดที่ผม ถูกเวปอัซซุนนะแบนและบล็อกกระทู้จนผมไม่สามารถเข้าไปชี้แจงถึงเหตุผลและรายละเอียดเกี่ยวกับความเข้าใจผิดที่ทางโตะครูที่ทำหน้าที่ประจำเวปดังกล่าวให้ท่านผู้อ่านรับทราบข้อเท็จจริงได้  เนื่องจากความพยายามของพวกเขาที่จะกีดกัน ความสัจจะของศาสนาจะปรากฏขึ้น ผมนั้นแม้จะความรู้น้อยแต่ชอบถามอะไรตรงๆ ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าผมจะไม่ยอมรับความเห็นหรือผลงานของนักมุตาฮิดที่เขาอิตติฮาด เพราะเขานั้นคือคลังแห่งความรู้ที่ดียิง

แต่เวปดังกล่าวมักชอบเอาแต่สิ่งที่ทัศนะตัวเอวพึงพอใจแล้วก็โจมตีหรือบิดเบือนผู้รู้จากทัศนะอื่นๆ


        ฉนั้น เวปดังกล่าวจึงใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมกับสิ่งที่ผมพยามจะชี้แจงความถูกต้องที่พวกเขาเบี่ยงเบนและเข้าใจผิดมาตลอด 
  และในเวลาใกล้เคียงในวันเดียวกันเมื่อผมพยายาจะตั้งกระทู้ใหม่ที่ชื่อ ว่าบิดอะหาสานะมีจริงๆ แต่ก็โดนลบกระทู้ทิ้ง  แต่ในขณะเดียวกันโตะครูประจำเวปอัซซุนนะกลับเอาคำพูดที่ผมชี้แจงที่ได้ตอบโต้ไปก่อนหน้านั้นแต่ ทำการสังคยนาด้วยการเสนอความเท็จและบิดเบือนไม่ตรงกับความเป็นจริง ในทัศนะของงอีม่ามชาฟีอีทัศนะ และบรรดาสานุศิษย์ที่เจริญรอยตาม
 

บังกล่าวว่า

ท่านอิหม่ามชาฟิอีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
الاستحسان باطل
การอิสเตียะซาน(การกำหนดหุกุมขึ้นมาตามที่เห็นว่าดี)นั้น ใช้ไม่ได้(เป็นเท็จ) - อัลอุม เล่ม 7 หน้า 373
และท่านอิหม่ามชาฟิอีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวอีกว่า
وإنّما الاستحسان تلذذ، ولو جاز لأحد الاستحسان في الدين لجاز ذلك لأهل العقول من غير أهل العلم، ولجاز أن يشرع في الدين في كلّ باب، وأن يخرج كلّ أحد لنفسه شرعاً
ความจริงการอิสเตียะซาน(การกำหนดหุกุมขึ้นมาตามที่เห็นว่าดี)นั้น คือ การตามอารมณ์ชอบ และหากอนุญาตให้คนหนึ่งคนใด ทำการอิสเตียะซาน(การกำหนดหุกุมขึ้นมาตามที่เห็นว่าดี)ในเรื่อง ศาสนา แน่นอน แน่นอนย่อมอนุญาตเรื่องดังกล่าวแก่ผู้ที่มีสติปัญญาดี(ฉลาด) โดยไม่ใช่ผู้มีความรู้ และแน่นอน ย่อมอนุญาต ให้กำหนดบทบัญญัติในศาสนา ในทุกๆเรื่อง และทุกคน สามารถออกบัญญัติศาสนาให้แก่ตัวเขาเอง" - อัรริสาละฮ หน้า 507 
...
วิจารณ์..
.....ผมเคยบอกหลายครั้งแล้ว การยกนักวิชาการแต่ละท่านมาอ้างโดยเพื่อประกอบในสิ่งที่ตนเห็นด้วยนั้น มันไม่มีวันที่จะสิ้นสุด
และจบง่ายๆ เพราะนักวิชาการแต่ละท่าน ก็ล้วนอ้างถึงเหตุผลที่ตนค้นคว้ามานำมากล่าวอ้างแบบไม่สิ้นสุดในทัศนะเขาเหล่าน้น  และบรรดาคนยุคถัดมาที่ชื่นชอบหรือเห็นด้วยกับการคำตอบที่มีผลจากการค้นค้วาจากนักวิชาการเหล่านั้น ก็จะมีถ่ายทอดคำพูดและให้การสนับสนุนคำพูดนั้นมาเป็นทอดๆจนยุคถึงปัจจุบัน  เพราะต่างคนต่างก็อ้างว่า สิ่งที่ตนยึดถือนั้นมันถูกต้อง  จนคนยุคเราไม่รู้จะเอามาตรฐานไหนมาเป็นเกรท์ในการตัดสิน 
ทำไมหรือ
ผมถามพวกเขาตรงว่า  ในเมื่อมีคำพูดและการกระทำที่ดี (อุมัรและอินุอุมัร)ของซอฮาบะท่านนบีได้กล่าวไว้ในฮาดิสซอเหียะอย่างนี้แล้ว      และก่อนหน้านั้นว่า....ท่านนบีก็ได้ชี้นำและตักเตือนใช้ให้เราตามหลังจากเขาเหล่านั้น(ซฮาบะ) ก่อนที่ท่านจากไป 
      และด้วยเหตุผลใดเล่า   ที่พวกท่านจึงพยามยามกล้าที่จะ ขัดซุนนะท่านนบีในด้านคำพูดอย่าง ขาดเยื่อใย ต่อความรู้จากซฮบะเหล่านั้น      กี่ครั้งแล้ว  ที่กลุ่มของพวกท่านทำการบิดเบือนคำพูดและการกระทำของซฮาบะที่ดีเลิศของท่านนบี      ไม่เว้นทั้งตาบีอีนฯลฯ และบรรดาผู้มีคุณะธรรม  อย่างไร้จิตสำนึกในคุณงานความดีของซฮาบะเหล่านั้น   
แต่กลับไปยกยอสรรญเสริญ คำพูดและการกระทำของนักวิชาการยุคใหม่ ด้วยการบิดเบือนความหมาย  ไม่ว่าด้านคำพูดและการกระทำ
โดยเฉพาะประเด็นที่    การกระทำกระทำสิ่งใหม่ๆ(บิดอะ)ที่ไม่ขัดกับอัลกรุอ่านและอัลฮาดิส     ของซฮาบะทั้ง2 ท่าน  อย่างน่าละอายใจ ทั้งๆที่ซฮาบะทั้ง2เป็นคนที่นบีรับรองและมีความรู้มากกว่านักวิชาการ ยุคหลัง แต่พวกท่านกลับกล้าบิดเบือน โดยการที่พยายามเอาคำพูดของนักวิชาการที่ตนชื่นชอบด้วยการตีความหมายให้มันเพี้ยนทั้งคำพูดและการกระทำของซฮาบะทั้ง2 โดยวัตถุประสงค์หลักคือ  ทำให้ผิดไปจากเป้าหมายเดิม  จากการกระทำของซฮาบะทั้ง  2 ท่าน   แบบน่าหดหู่ใจเป็นอย่างมาก

และอีกอย่าง    ถ้าหากผมจะยกความรู้มาจากนักวิชาการเหล่านั้นด้วยแล้ว  ผมถือว่า นักวิชาการที่ผมยกมานั้น มีความน่าเชื่อถือ ทั้งความรู้ทีดีและมีชื่อเสียงพร้อมเป็นที่ยอมรับของนักปราชญ์ หลายยุคหลายสมัยไม่ว่าจากคนในยุคสลัฟและคอลัฟด้วย  หลักฐานที่ดี  ทีมีความเข้าใจมากกว่านักวิชาการยุคใหม่ๆที่ บังยกมา   มากมายนัก     แต่ผมกลัวจะกลายเป็นว่า บัง กับผมนั้นพยายามที่จะยึดถือและดึงเอานักวิชาการแต่ละฟากหรือเฉพาะบางคำพูดมาตีกันเอง
 ซึ่งผมไม่เห็นด้วยมาตลอด
            เช่นในเรื่อง บิดอะ  ที่บังพยายามจะยกคำอ้างของท่านอีม่ามชาฟีอีมาสนับสนุนในเรื่องของหลักฐานของคำว่าบิดอะ    แต่ในขณะเดียวกันบังก็เองนั้นไม่รอบคอบในเชิงอ้างอิง  ในการนำหลักฐานมาคัดค้าน  เพราะสิ่งที่บังนำคำพูดของท่านอีม่ามชาฟีอีมาอ้างข้างต้น เพื่อจะนำคำพูดของท่านมาผสมผสานให้มันเขวโดยการบิดเบือนความเข้าใจของผู้อ่านว่า มัน ในเรื่องบิดอะ    ทั้งๆที่มันคนละเรื่องกันเลย
ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมคนที่มีความรู้อย่างบังจึง มีจิตใจที่คับแคบในการเสนอความจริงกับ ความรู้ที่ถูกต้อง
ตลอดเวลา ในระหว่างทีผมยังไม่ได้ตัดสินใจในการเลือกเดินตามทัศนะของใคร นั้นผมได้มีโอกาสเห็นการตอบโต้ประเด็นคีลาฟียะ ในเวปๆหนึ่งซึ่ง ค่อนข้างจะดุเดือดพอสมควรและจะกินเวลาร่วมปี ในการโต้แย้งกัน     ผมเห็นว่า บังผู้ได้ชื่อเป็นโตะครูประจำเวปนี้ ที่เขาจ้างมาหรือไม่นั้นผมไม่ทราบ    .......หลายๆครั้งที่บังไม่มีความบริสุทธ์ใจนำการนำเสนอข้อมูลที่เป็นธรรมให้กับผู้อ่านเลย   หลายๆเรื่อง จะเห็นว่า การยกคำอ้างในเรื่องโต้แย้งทาง วิชาการนั้น บังมักจะ บิดเบือนอธิบานตามอารมณ์ของบังเป็นส่วนมาก   เพื่ออะไรละครับ  ไหนละที่อ้างว่า  บริสุทธิ์ใจ

เอาละนะไหนๆบังก็ยัดเยียดว่า  ผม เป็นเด็กมาจาก สาย  เวปนักศึกษา ทั้งที่ผมนั้นไม่ได้สมัครเป็นสมาชิกและไม่เคยมีชื่อผม นามว่า abubak เลย
 
ผมเข้ามาก็เพื่อที่จะค้นหาความจริงเท่านั้นวึ่งความคิดของผมก้คล้ายๆกับคำถมของคุณ mumin......และผมเองก็เคยพูดแล้วว่า  เพียงพื่อหาคำตอบและหลักฐานเท่านั้นไม่ได้ที่จะทารโต้แย้ง กับใครและคณะใด
 และจากการที่
 ผมเคยให้น้ำหนักด้านหลักฐานจากเวปนักศึกษา 60% ดังนั้นจึงไม่น่าเกลียดถ้าผมจะนำหลักฐานบางอย่างมาจากเวปดังกล่าวมาอ้างอิง  กับบัง   


ตัวอย่างเช่น การนำเสนอหลักฐานในเรื่องบิดอะ ที่เป็นประเด็น
     
........ ท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)เอง นั้น    ท่านก็มีความเข้าใจดีในคำพูดและการกระทำของบรรดาซฮาบะทั้ง2ว่า
สิ่งที่ซฮาบะทั้ง2กระทำนั้นมันคือรากฐานที่มา จากคำว่าบิดอะ และท่านเองก็มีความเข้าใจ ว่า มันเป็นบิดอะที่ดี ตามที่ท่านอุมัรและท่านอิบนุอุมัร(รด)
 
แต่ทำไม บังจึงไม่เสนอหลักฐานที่มันถูกต้อง จากสิ่งที่ ท่านอีม่ามเข้าใจ ละครับ  บิดเบือนทำไม  ละทิ้งทำไม  มีอคติอะไรนักหนากับการกระทำของพี่น้องฝ่ายมัสหับชาฟีอี

และด้วยจากรากฐานดังกล่าวที่มาจากคำพูดและการกระทำของซอาบะของ ท่านนบี(ซล)   ท่านจึงทำการแบ่ง บิดอะออกเป็น2ประเภทคือ บิดอะที่น่าสรรญเสริญ และบิดอะที่น่าตำหนิ

และนั้นคือรากฐานความเข้าใจ ของท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)ในเรื่องการแบ่ง บิดอะ เป็น2 ประเภท ว่าท่านมีความเข้าใจอย่างไร ซึ่งมันไม่ตรงกับตรงกับสิ่งที่โตะครูแห่งเวปนี้เสนอไป 
และเป็น สิ่งที่บังเข้าใจมาตลอดนั้น ว่ามันคลาดเคลื่อนหรือมันตรงกับความเข้าใจของท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)เข้าใจหรือไม่
.....พวกเขาพยายามชี้ให้เห็นว่า ข้างต้นนั้น ท่านอิหม่ามชาฟิอีเองนั้นไม่ยอมรับในสิ่งทีท่านอุมัรพูดและกระทำในสิ่งที่ท่านกล่าวว่า มันคือบิดอะที่ดี  ซึ่งพวกเขากล้าบิดเบือนในสิ่งท่านอีม่ามชาฟีอีเข้าใจ
ว่าท่านอีม่ามชาฟีอีเองก็ต่อต้านในสิ่งที่ท่านอุมัร(รด)พูดและกระทำ ในเดือนรอมาดอน.....และเขาอ้างว่า..การคิดสิ่งใหม่โดยเห็นว่าดีในเรื่องศาสนานั้นใช้ไม่ได้...


และท่านผู้อ่านคงจะมีคำตอบอยู่ในใจแล้ว  ว่าการ  นำเสนอของบังกับผมนั้นใคร บริสุทธิ์ใจกว่ากัน

หลักฐานในความเข้าใจของอีม่ามชาฟีอีในเรื่องบิดอะ

ท่านอีม่ามชาฟีอีคือบรรดาอุลามาอ์ในยุคสลัฟท่านหนึ่ง ได้จำกัดคำนิยามคำว่า "บิดอะฮ์" ไว้ว่า

บิดอะนั้น คือสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมาใหม่และถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ด้วยกัน

(1) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ ที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ คำพูดที่ถูกรายงานมา และอิจญฺมาอ์ สิ่งนี้ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง
(2) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่จากคุณงามความดี ที่ไม่ขัดกับอันหนึ่งอันใด(ที่กล่าวมาแล้ว)นี้ และนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่โดยไม่ถูกตำหนิ
ท่านอุมัรได้กล่าว เกี่ยวกับ(การรวม)ละหมาดตะรอวิหฺ ว่า
نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"
หมายความว่า"การ(รวมตัว)ละหมาดตะรอวิหฺ(20 ร่อกะอัต)ในคืนร่อมาฏอนนี้ คือสิ่งที่ทำขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเมื่อมีการกระทำขึ้นมาแล้ว ก็ไม่เป็นการขัดต่อสิ่งที่กล่าวมา " และสายรายงานนี้ ซอเฮี๊ยะห์ ดู หนังสือ มะนากิบ อัช-ชาฟิอีย์ เล่ม1 หน้า 468 - 469
ท่านอบู นุอัยม์ ได้นำเสนอรายงานอีกสายรายงานหนึ่ง ไว้ในหนังสือ หิลยะตุลเอาลิยาอ์ เล่ม 9 หน้า 113 ว่า "ท่านอิมามอัช-อัชชาฟิอีย์ กล่าวว่า บิดอะฮ์นั้น มี 2 ประเภท คือบิดอะฮ์ที่ถูกสรรเสริญ และบิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิ ดังนั้น สิ่งที่สอดคล้องกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกสรรเสริญ และสิ่งที่ขัดกับซุนนะฮ์ ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ และอิมามชาฟิอีย์ ได้อ้างหลักฐานด้วยคำกล่าวของท่านอุมัร(ร.ฏ.) เกี่ยวกับ ละหมาดตะรอวิหฺในเดือนรอมฏอนที่ว่า
نعمت البدعة هذه
"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้"
เมื่อหลักฐานที่ถูกต้องว่า ท่านอีม่ามชาฟีอีเองเข้าใจเรื่องบิดอะเช่นนี้ และบังซึ่งเป็นผู้อวุโสมีความรู้มากและเป็นโตะครูประจำเวปนี้  บังจะเข้าใจเช่นไรอีก.......

หลักฐานข้างล่างนั้นคือ
 คำแก้ต่างของบังซึ่งเป็นโตะครูประจำเวปอัซซุนนะที่ได้ทำการ ตอบโต้การชี้แจงของผมหลังจากที่ได้ทำการแบนกระทู้ใหม่ที่ชื่อ ว่าบิดอะหาสานาะมีจริง
โดยที่ทำการบิดเบือนคำพูดและความเข้าใจของท่านอีม่ามชาฟีอี(รฮ)ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้ทำการบิดเบือนคำพูดและการกระทำของซฮาบะอุมัรและอิบุอุมัร(อย่างไม่เป็นธรรม) เพื่อพยายามให้ท่านผู้อ่านเข่ใจผิดในสิ่งที่ตนตะอัศสุบ
บังกล่าวว่า อิหม่ามชาฟิอีกล่าวว่า


 1คำพูดของผู้ใดก็ตาม ไมสามารถที่จะมาหักล้างคำพูดของท่านนบี  ดังที่ท่านอิหม่ามอะหมัด (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ซึ่งเป็นศิษย์ของอิหม่ามชาฟิอีกล่าวว่า
ليس أحد إلا ويؤخذ من رأيه ويترك ما خلا النبي (صلى الله عليه وآله وسلم
ไม่มีบุคคลใด นอกจาก ความเห็นของเขาถูกนำมายึดถือและถูกทอดทิ้ง อื่นจากท่านนบี ศอลฯ(หมายถึงคำสอนของท่านนบี จะละทิ้งไม่ได้ ต้องปฏิบัติตาม)- ศิฟะตุเศาะลาตินนบี หน้า 28

2 คำพูดของท่านอิหม่ามชาฟิอี ท่านไม่ได้หมายถึง บิดอะฮในทางศาสนา ดังที่ท่านอิบนุเราะญิบกล่าวว่า
ومراد الشافعي رضي الله عنه ما ذكرناه من قبل أن أصل البدعة المذمومة ما ليس لها أصل في الشريعة ترجع إليه وهي البدعة في إطلاق الشرع وأما البدعة المحمودة فما وافق السنة يعني ما كان لها أصل من السنة ترجع إليه وإنما هي بدعة لغة لا شرعا لموافقتها السنة
และ จุดประสงค์ของชาฟิอี(ร.ฎ) คือ สิ่งที่เราเคยระบุมาก่อนหน้านี้แล้ว คือ แท้จริงรากฐานของบิดอะฮที่ถูกตำหนินั้น คือ สิ่งที่ไม่มีรากฐาน(ที่มา)ในศาสนบัญญัติ ที่จะกลับไปหามัน และมันคือ บิดอะฮ ใน ความหมายทางศาสนบัญญัติ(ที่กล่าวไว้กว้างๆ) และสำหรับ และสำหรับบิดอะฮ ที่ได้รับการชมเชยนั้น คือ สิ่งที่สอดคล้องกับสุนนะฮ หมายถึง สิ่งที่มีรากฐานมาจากสุนนะฮ ที่จะกลับไปหามัน และความจริง มันเป็น บิดอะฮทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮทางศาสนาบัญญัติ เพราะมันสอดคล้องกับสุนนะฮ - ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม อธิบายหะดิษที่ 28
วิจารณ์
....จากคำพูดของ ท่านอิหม่ามอะหมัด (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) ซึ่งเป็นศิษย์ของอิหม่ามชาฟิอีกล่าว
ليس أحد إلا ويؤخذ من رأيه ويترك ما خلا النبي (صلى الله عليه وآله وسلم
ไม่มีบุคคลใด นอกจาก ความเห็นของเขาถูกนำมายึดถือและถูกทอดทิ้ง อื่นจากท่านนบี ศอลฯ(หมายถึงคำสอนของท่านนบี จะละทิ้งไม่ได้ ต้องปฏิบัติตาม)- ศิฟะตุเศาะลาตินนบี หน้า 28
นี่คือการบิดเบือนและใส่ร้ายในความเข้าใจของท่านอีม่ามอะหมัดเจ้าของมัสหับฮับฮัมบาลีอย่างน่าเกลียด เป็นที่รู้ว่าสิ่งที่ท่านอะหมัดกล่าวนั้นไม่ได้กล่าวตำหนิในเรื่องการแบ่งบิอะออกเป็น2ประเภทเลย  แต่มันคือการตำหนิบุคคลที่ละเลยในสิ่งที่ท่านนบีนำมาบอกกล่าวเกี่ยวกับวาฮีย์และหูกมต่างๆมาให้แต่พวกเขาปฎิเสธและยืนยันจะนำสิ่งอื่นมายึดถือมากกว่าท่าน 
และหลักการของท่านอิมามอะหฺมัดก็ยอมรับในเรื่องนี้ ซึ่งท่านก็ได้อ้างอิงจากคำกล่าวของท่านอิบนุมัสอูด ซึ่งรายงานโดยท่าน อัลนะซาอีย์ ไว้ในสุนันของท่าน ในหะดิษที่ 5397 ว่า

فإن جاء أمر ليس في كتاب الله، ولا قضى به نبيه صلى الله عليه وآله وسلم، ولا قضى به الصالحون، فليجتهد رأيه
ท่านอิบนุมัสอูดกล่าวว่า "หากสิ่งหนึ่งที่ไม่มีระบุไว้ใน กิตาบุลเลาะฮ์ และท่านนบี(ซ.ล.)ไม่ได้ตัดสินชี้ขาดมันไว้ และบรรดาผู้มีคุณธรรมก็ไม่ได้ตัดสินชี้ขาดมันไว้ ดังนั้น เขาก็จงวินิจฉัยด้วยกับความเห็นของเขา" (เช่นการกิยาส)
และจากการที่ โตะครูประจำเวปนี้แนวอ้างว่าทางสะลัฟ ถือว่า   บิดอะฮ์มีบิดอะฮ์เดียวนั้น เป็นการแอบอ้างเพื่อเก็บเกี่ยวความไม่รู้หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของคนทั่วไป การที่บรรดาซอฮาบะฮ์บางท่านกล่าวคำว่า "บิดอะฮ์" เพียวๆนั้น ไม่ใช่ชี้ถึงว่า พวกเขาคิดว่า บิดอะฮ์มีประเภทเดียว แต่ชี้ให้เห็นว่า การกล่าวคำว่า "บิดอะฮ์" อย่างเดียวโดยไม่มีอะไรต่อท้ายนั้น เป็นบิดอะฮ์ที่กล่าวแบบ ( مطلق )ซึ่งเป็นที่ทราบดีว่าเป็น"บิดอะฮ์"ที่ลุ่มหลงเท่านั้นเอง ไม่ใช่ชี้ถึงว่า บิดอะฮ์มีประเภทเดียว แล้วนำไปแอบอ้างว่าสะลัฟเชื่อว่าบิดอะฮ์มีประเภทเดียว ทั้งที่สะลัฟอย่าง ท่านอุมัร(ร.ฏ.) ท่านอิบนุอุมัร (ร.ฏ.) ท่านอิมามอัชชาฟิอีย์ และบรรดานักปราชญ์แห่งโลกอิสลามส่วนมาก มีทัศนะว่า บิดอะฮ์นั้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภท แล้วมุรีด ทิมมะเสน บอกไปได้อย่างไรว่า สะลัฟถือว่าบิดอะฮ์มีบิดอะฮ์เดียว ซุบหานัลลอฮ์ !!! นิยามบิดอะฮ์ตามทัศนะของบรรดาอุลามาอ์
บรรดาอุลามาอ์ ได้จำกัดคำนิยามคำว่า "บิดอะฮ์" ไว้มากมาย
1. อิมามอัช-ชาฟิอีย์ (ร.ฏ.)
สิ่งที่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น มี 2 ประเภท
(1) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ ที่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ คำพูดที่ถูกรายงานมา และอิจญฺมาอ์ สิ่งที่นี้ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง
(2) สิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่จากคุณงามความดี ที่ไม่ขัดกับอันหนึ่งอันใด(ที่กล่าวมาแล้ว)นี้ และนี้ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกทำขึ้นมาใหม่โดยไม่ถูกตำหนิ
ท่านอุมัรได้กล่าว เกี่ยวกับ(การรวม)ละหมาดตะรอวิหฺ ว่าنعمت البدعة هذه"เป็นบิดอะฮ์ที่ดี คือ(ตะรอวิหฺ) อันนี้" หมายความว่า"การละหมาดตะรอวิหฺในคืนร่อมาฏอนนี้ คือสิ่งที่ทำขึ้นมาใหม่โดยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และเมื่อมีการกระทำมาแล้ว ก็ไม่เป็นการค้านให้กับสิ่งที่กล่าวมา " และสายรายงานนี้ ซอเฮี๊ยะห์ ดู หนังสือ มะนากิบ อัช-ชาฟิอีย์ เล่ม1 หน้า 468 - 469
ซึ่งเป็นที่รู้ด้วยหลักฐานแล้วว่า  ท่านอีม่ามชาฟีอีทำการแบ่งบิดอะออกเป็น 2 ประเภทด้วยตัวท่านเองได้กล่าวอธิบายไว้ในหลักฐานและจากการยืนยันของสานุศิษย์ของท่านมากมาย
และที่พวกเขาได้ยกหลักฐานของท่านอิบนุเราะญิบกล่าวว่า
ومراد الشافعي رضي الله عنه ما ذكرناه من قبل أن أصل البدعة المذمومة ما ليس لها أصل في الشريعة ترجع إليه وهي البدعة في إطلاق الشرع وأما البدعة المحمودة فما وافق السنة يعني ما كان لها أصل من السنة ترجع إليه وإنما هي بدعة لغة لا شرعا لموافقتها السنة
และ จุดประสงค์ของชาฟิอี(ร.ฎ) คือ สิ่งที่เราเคยระบุมาก่อนหน้านี้แล้ว คือ แท้จริงรากฐานของบิดอะฮที่ถูกตำหนินั้น คือ สิ่งที่ไม่มีรากฐาน(ที่มา)ในศาสนบัญญัติ ที่จะกลับไปหามัน และมันคือ บิดอะฮ ใน ความหมายทางศาสนบัญญัติ(ที่กล่าวไว้กว้างๆ) และสำหรับ และสำหรับบิดอะฮ ที่ได้รับการชมเชยนั้น คือ สิ่งที่สอดคล้องกับสุนนะฮ หมายถึง สิ่งที่มีรากฐานมาจากสุนนะฮ ที่จะกลับไปหามัน และความจริง มันเป็น บิดอะฮทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮทางศาสนาบัญญัติ เพราะมันสอดคล้องกับสุนนะฮ - ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม อธิบายหะดิษที่ 28
วิจารณ์
ท่านอิบนุ ร่อญับ ไม่ได้ปฏิเสธ การแบ่งบิดอะอ์ในเชิงภาษา (คือบิดอะอ์ที่มีรากฐานที่มา หรือบิดอะฮ์ที่อยู่บนหลักการของศาสนา) แต่ท่าน อิบน รอญับ ได้ปฏิเสธการแบ่งบิดอะฮ์ที่อยู่ในความหมายของศาสนา
ดังนั้น บิดอะฮ์ในเชิงภาษานั้น ย่อมมีทั้งบิดอะฮ์ที่ดี และบิดอะฮ์ที่ไม่ดี แม้จะอธิบายว่า มันเป็นแค่บิดอะฮ์เชิงภาษา ก็ไม่ได้ปฏิเสธแนวทางการแบ่งของเราเลยแม้แต่น้อย เมื่อการกระทำของท่านอุมัร นั้นเป็นซุนนะฮ์(แนวทาง) แต่ทำไมท่านอุมัร ถึงแรกว่า มันเป็นบิดอะฮ์ที่ดี ซึ่งประเด็นมันอยู่ตรงนี้ คือทำไมท่านอุมัรถึงเรียกว่า "มันเป็นบิดอะฮ์ที่ดี" ก็แสดงว่า บิดอะอ์ที่ดีนั้น ก็คือ ซุนนะฮ์
ดังนั้น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ก็คือ ซุนนะฮ์ นั่นเอง
ซึ่งท่าน อิบนุ อะษีร ได้กล่าวยืนยันไว้ว่า

والبدعة الحسنة فى الحقيقة سنة، وعلى هذا التأويل يحمل حديث " كل محدث بدعة" على ما خالف أصول الشريعة، وما لم يخالف السنة

"และบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ในความเป็นจริงแล้ว คือซุนนะฮ์ และบนการอธิบายตามนัยนี้ ก็ถูกตีความ หะดิษที่ว่า "ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น บิดอะฮ์" นั้น บนสิ่งที่ขัดกับหลักพื้นฐานของศาสนา และสิ่งที่ขัดกับซุนนะฮ์ " ดู หนังสือ อันนิฮายะฮ์ เล่ม 1 หน้า 80 (ถ่ายทอดจากหนังสือ อัลบะยาน หน้า 206 ฟัตวาที่ 50)
ท่านอิบนุหะญัร ได้กล่าว วินิฉัยคำกล่าวท่านอุมัร(ร.ฏ.) ที่ว่า نعمت البدعة هذه ดังนี้

البدعة: أصلها ما أحدث على غير مثال سابق، وتطلق في الشرع في مقابل السنّة فتكون مذمومة والتحقيق أنها إن كانت مما يندرج تحت مستحسن فى الشرع فهى حسنة وإن كانت مما يندرج تحت مستقبح فهى مستقبحة وإلا فهى من قسم المباح

ความว่า " บิดอะฮ ที่มาของมันคือ สิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน และในทางศาสนา ใช้เรียกแบบเฉยๆ( مطلق ) คือ สิ่งที่ตรงกันข้ามกับอัสสุนนะฮ ดังนั้น มันเป็นสิ่งที่ถูกตำหนิ และ(คำกล่าว)ที่ประณีตแน่นแฟ้นนั้น คือ แท้จริง บิดอะฮ์นั้น หากมันมีมา จากสิ่งที่อยู่ภายใต้สิ่งที่นับว่าดี ในหลักศาสนา มันก็คือ (บิดอะฮ์)หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี) และหากว่ามันมีมา จากสิ่งที่อยู่ภายใต้สิ่งที่ถือว่าน่ารังเกียจ มันก็คือ(บิดอะฮ์)ที่น่ารังเกียจ และถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น(จากบิดอะฮ์ทั้งสอง) มันก็มาจาก ประเภทที่มุบาห์" ( ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 4 หน้า 253)
จากตัวอย่าง เราจะเห็นว่า การที่ท่านนบีได้ทิ้ง หรือ ไม่ได้กระทำสิ่งหนึ่งนั้น ไม่ได้ชี้ถึงว่า สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่หะรอม
 
ท่าน อบู อัลฟัฏลฺ อัลฆุมารีย์ กล่าวว่า " การละทิ้งการกระทำเพียงอย่างเดียว โดยที่ไม่มีหลักฐานมาระบุว่าสิ่งที่ถูกทิ้งนั้นหะรอม ย่อมไม่เป็นหลักฐานชี้ว่าสิ่งนั้น เป็นสิ่งที่หะรอม แต่จุดมุ่งหมายนั้นก็คือ การที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ละทิ้งการกระทำดังกล่าว ย่อมเป็นสิ่งที่อนุญาติให้ละทิ้งการกระทำได้ และสำหรับการที่ท่านนบี(ซ.ล.)ได้ละทิ้งการกระทำ ที่เป็นสิ่งที่หะรอมนั้น ไม่ได้เข้าใจว่า เพราะท่านนบี(ซ.ล.)ได้ละทิ้งมัน แต่เป็นเพราะว่า มีหลักฐานมาระบุถึงการห้ามต่างหาก " ดู หุสนุด ตะฟะฮฺฮุม วัดดัรกฺ หน้า 1ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)กล่าวว่า

الحلال ما أحل الله فى كتابه ، والحرام ما حرم الله فى كتابه ، وما سكت عنه فهو مما عفا عنه
"หะล้าลก็คือสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงอนุมัติไว้ในคำภีร์ของพระองค์ และหะรอมก็คือสิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงห้ามไว้ในคำภีร์ของพระองค์ และสิ่งที่พระองค์ไม่นิ่งจากมัน ก็คือสิ่งที่พระองค์ผ่อนปรนให้" รายงานโดยท่านติรมีซีย์

สุดท้ายนี้   ผมต้องขอยุติ การโต้แย้งเพียงแค่นี้     เพราะเป็นที่รู้ว่า  หลักฐานของฝ่ายที่คัดค้านคำพุดการกระทำของท่านอุมัรและอิบนุอุมัร(รด)ที่ว่า ซฮาบะทั้งสอง ไม่ได้หมายถึง บิดอะที่ดี นั้น  มีอันตกเพราะ  ทางโตะครูประจำเวปอัซซุนนะไม่สามารถหาหลักฐาน จากอัลฮาดิสที่มายืนยันว่า ซฮาบะท่าน(อุมัรและท่านอิบนุอุมัร) ว่า ท่านทั้ง2 ไม่ได้กระทำบิดอะที่ดี  และท่านทั้ง2 เคยถูกตำหนิจากท่านนบีและจากบรรดาซฮาบะ


    ฉะนั้น การตีความใดๆของนักวิชาการยุคสมัยใหม่ที่คัดค้านว่า การกระทำบิดะที่ดี ไม่ได้จากคำพูด/การกระทำของซฮาบะอุมัรและอิบนุอุมัร(รด)
นั่นคือคาพูดที่มีอคติกับผู้ที่ยึดตามทัศนะของอีม่ามชาฟีอี(รฮ)  ทั้งนี่เพื่อมุ่งเพียงอารมณ์ที่ตนตักลีดนจากคำพูดของนักวิชาการเหล่านั้นเท่านั้นแม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจนก็ตาม 

ดังนั้น พวกเราจงยึดมั่นในสิ่งที่ฮาบะทั้งสองพูดและกระทำนั้น ตามสิ่งที่ท่านนบีได้กำชับไว้ อย่างเหนียวและจงเชื่อมั่นในตัวซอฮาบะของท่าน 

และผมได้ตัดสินใจขอเลือกทางเดินของผมเองว่าผมจะเดินตามทัศนะไหน  และขอบคุณบัง ที่พยายามนำหลักฐานมาให้  ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงประเด็นที่ผมขอไว้ก็ตาม

วัสลาม

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
คุณ abubak  เหมือนเป็นกระจกสะท้อน ใครในเวปนี้หนอ คุ้นๆ จัง

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^

แฝดผู้พี่รึเปล่า
يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

หากเราจะเสวนาไปเว็บของพวกเขา  ก็สมควรนำเงื่อนไขการเสวนาของเราไปใช้เสวนา  หากแม้นพวกเขาจะไม่มีหลักการหรือระเบียบในการเสวนาก็ตาม 

والسلام

 loveit:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 ;Dคุณ abubak  เหมือนเป็นกระจกสะท้อน ใครในเวปนี้หนอ คุ้นๆ จัง smile:

เหมือนใครกันละคับบัง    smile:

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด


 ;Dหากเราจะเสวนาไปเว็บของพวกเขา  ก็สมควรนำเงื่อนไขการเสวนาของเราไปใช้เสวนา  หากแม้นพวกเขาจะไม่มีหลักการหรือระเบียบในการเสวนาก็ตาม 

..........ครับบังผมจะพยายามและถือว่าเป็นครั้งแรกและแย่มากๆของผมก็แล้วกัน   
คือจริงๆแล้วก็ไม่มีความรู้มาก่อนครับ  ได้แต่เข้ามาแอบอ่านและอยากโต้เพื่อแก้แค้นกับวาฮาบีบ้าง   แต่ไม่มีความรู้ เลยเอาความคิดยอดแย่ของผมผนวกกับคำพูดที่ดีและยอดเยี่ยมของของผู้มีความรู้เลย  ออกมาเช่นนี้แหล่ะครับ


 ;Dก็คิดดูซิคับ หลงไหลกับชีอะไปนาน  จะจับมือกับวาฮาบีมันก็ฝืน เพราะโดนทำร้ายทางคำพูดมามาก   เลยก็ต้องมาซบอก เวปอะลิสซุนนะมัสหับ ทั้ง 4นี้แหละบัง

ยังๆก็อย่าทิ้งกันละ.....ว่าแต่ว่า ข้างบนมีกระทู้ใหม่และสดๆร้อนๆมาอีกระบัง   บิดอะหาสานะมีจริงหรือ   สาวก อ.ปาโมด  boulay: ใครว้าไม่รู้จักอะครับ

ออฟไลน์ abubak

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 79
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 mycryบังๆครับทำไงดีคับ  ตอนนี้นายMUMIN เขาพาดพิงถึงผมในเวอัชซุนนะและกล่าวหาบัง al-azharyด้วยว่า  เป็นอีแอบ


ช่วยบอกทางออกให้ผมที่ครับบังนีคือหลักฐาน

อ้างจากกระทู้ "บิดอะดีจริงหรือ"



อัสสลามมุอลัยกุมครับ ท่านอาจารย์อะซัน และพี่น้องทุกๆ ท่าน

กลับมาจากไปมาเลเซียแล้วครับ อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์ สำหรับการเดินทางที่ราบรื่น ได้ไปเห็นหลายๆ อย่างเรื่องศาสนาที่นู่น
ที่มาเลเซียก็มีพวกทำบิดอะ กับซุนนะฮ์เหมือนกันเลยกับบ้านเราครับ แต่มัสยิดของคณะเก่าที่ทำบิดอะที่นู่น จะไม่ค่อย
มีวัยรุ่นมาละหมาดสักเท่าไหร่ จะมีก็แต่คนแก่ๆ มากถึง 2 แถวละหมาดทีเดียว ช่วงค่ำๆ หน่อย ก็พอจะมีเด็กประถม
มาละหมาดบ้าง แต่ก็มากับพ่อแม่ ซึ่งต่างกับมัสยิดของซุนนะฮ์ที่นู่น จะมีวัยรุ่นมาละหมาดด้วย แล้วยังมีการเรียนการสอน
ทั้งมุสลิมและมุสลิมะฮ์ในช่วงตอนค่ำด้วย วันศุกร์คนงี้ล้นมัสยิดเลยทีเดียวครับ

ตอนนี้ก็อัลฮัมดุลิลลาฮ์ครับ ท่านอาจารย์อะซัน ตอนนี้ผมสอนภรรยาผม จนเข้าใจซุนนะฮ์แล้ว แล้วยังดึงน้องชายคนเล็กอีก
คนให้อยู่ในซุนนะฮ์ได้ด้วย ส่วนน้องชายอีกคน ผมก็กำลังให้ศึกษาซุนนะฮ์อยู่ โดยน้องคนนี้ศึกษาอย่างเปิดใจทีเดียว ไม่มีอคติ
อินชาอัลลอฮ์ครับ จะพยายามเผยแพร่เเนวทางซุนนะฮ์ให้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ ครับ อ้อ ส่วนแม่ผมก็เป็นซุนนะฮ์ไปแล้วเช่นกันครับ

ส่วนนายคนที่ใช้ชื่อ abubak เนี่ย ดูจากการตอบแล้ว นอกจากจะตอบหรือถามแบบก็อบปี้ผมมาแล้วเนี่ย
มันน่าจะเป็นคนที่เป็นหัวหอกคนนึงในเว็บบิดอะสทิวเดนท์ ซึ่งก็คือ นายอัซฮารีย์ แต่ถ้าไม่ใช่คนที่ชื่ออัซฮารีย์นี้ ผมเองก็อยากจะ ทราบว่าคุณใช้ชื่อว่าอะไรที่เว็บซุนนะฮ์สทิวเดนท์ครับ คุณ abubak? ผมเองก่อนไปมาเลเซียก็เข้าๆ ออกๆ เว็บ
ซุนนะฮ์สทิวเดนท์บ่อยๆ ถ้าคุณบอกชื่อมาผมก็คงจะร้องอ๋อ ได้ทันที คุณใช้ชื่ออะไรครับ? ขอให้ตอบจริงๆ นะครับ โกหกมันบาปนะ  happy2:



อ้างจาก abubak

"แต่ถ้าหาก บังลำบากใจหรือไม่อยากตอบหรือตอบไม่ได้ก็บอกมา ผมจะได้ไปถามที่เวปไซด์อื่นอีก ในสิ่งที่ผมสงสัย เพราะผมจะได้ตัดสินใจเลือกในสิ่งที่ถูกต้องให้กับครอบครัวและภรรยาของผม "

"บังครับผมผิดหวังบังมาก ที่อุตสาห์เสียเวลาคอยอยู่นาน แต่บังก็ ไม่สามารถหาหลักฐานที่ชัดเจนมาให้ผมได้ เกี่ยวกับคำหักล้างที่มาจากท่านนบีและจากซออาบะ ว่า สิ่งที่ท่านอุมัรและอิบนุอุมัร(รด)กระทำนั้น ว่าไม่ใช่ บิดอะที่ดี

แต่บังกลับนำหลักฐานที่บังยกมาอ้างนั้น แบบซ้ำๆซากๆคือ หลักฐานจากนักวิชาการที่พยามยามแปลงคำพูดของซอฮาบะทั้ง2 ท่าน ตามบังตักลีด ตามให้จงได้ ซึ่งมีเพียงไม่กีคน

ซึ่งผมเคยบอกแล้วตั้งแต่ต้น ว่าไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ เพราะถ้าผมต้องการสิ่งนี้นั้นผมคงไม่มาค้นหาความรู้จากเวปต่างๆหรอกครับเพราะแต่ละเวปก็มีหลักฐานมาอ้างเหมือนกัน ยิ่งเวปฯที่อยู่ต่างทัศนะกับบัง เขาก็มีนักวิชาการรองรับเช่นเดียวกัน ดังนั้น ผมเข้ามาเพื่อมาขอ
สิ่งที่มาจากกีตาบุลเลาะและซุนนะบี 2สิ่งนี้เท่านั้น
และผมต้องการเฉพาะหลักฐานที่เพียว จากฮาดิสทีซอเหียะเท่านั้น ......ว่า การกระทำของซอฮาบะท่านนบีทั้ง2 ท่าน ไม่เป็นบิดอะและไม่ใช่บิดอะที่ดี เหมือนที่ท่านพูดและกระทำไปในหลักฐานที่ถูกอ้างถึงนั้น

แต่สิ่งที่บังตอบกลับมาให้ผม บังไม่เคยตอบตรงประเด็นที่ผมต้องการเลย แต่กลับกันพยายาม ยกเหตุผลของนักวิชาการมาอ้างในความหมายของคำว่า บิดอะ จนไม่รู้ว่า....มันคืออะไรกันแน่ "




ผมว่าคุณ abubak นี่ท่าทางจะประสาทกลับนะครับ ที่ดันมาขอฮาดีษที่นบีบอกว่าการกระทำของท่านศอฮาบะนั้นไม่ใช่บิดอะ
ที่ดี ซึ่งการกระทำของศอฮาบะนั้น เกิดหลังจากท่านนบีเสียชีวิตไปแล้ว นบีเสียชีวิตไปแล้ว แล้วจะลุกขึ้นมาตอบ มาบอกได้เหรอครับ
ว่าการกระทำที่ท่านศอฮาบะทำหลังจากนบีตายนั้นไม่ใช่บิดอะที่ดี? ว่ากันตามเนื้อผ้าแล้ว นบีบอกรับรองการกระทำของศอฮาบะไว้
ในเรื่องต่างๆ ให้ตามได้ แต่ไม่ได้รับรองการต่อเติมศาสนาที่เกิดมาในยุคหลังจากศอฮาบะซะหน่อย ไม่ได้รับรองการกระทำของโต๊ะครู
คนไหน ที่มันอุตริกรรมสร้างพิธีกรรมขึ้นมาเองในยุคหลังศอฮาบะนะครับ เช่น เมาลิดบ้าง ตัลกีนบ้าง อีซีย์กูโบร์บ้าง ฯลฯ อย่างดีที่สุด
การกระทำที่เพิ่มขึ้นมา นบีก็รับรองไว้เพียงสมัยของศอฮาบะเท่านั้น ไม่ได้รับรองในยุคหลังๆ มานี้ ผมเองนี่ ก็ยังสงสัยอยู่เลยว่า
ท่านอีหม่ามชาฟีอีนี่ เที่ยวงานเมาลิด อ่านตัลกีน นั่งอ่านอีซีย์กูโบร์กับเขาบ้างหรือเปล่า คุณ abubak ไม่เคยสงสัยบ้างเหรอครับ?

คุณ abubak ถ้าจะตอบก็น่าจะใช้สไตล์ของตัวเอง หรือมีหัวคิดเองในการถามการตอบมากกว่า ที่จะมาเลียนแบบลักษณะการ
ที่ผมเข้าไปถามที่เว็บซุนนะฮ์สทิวเดนท์นะครับ หนอย ทำเป็นถามเพื่อหาฮาดีษนบีที่บอกว่าการกระทำของศอฮาบะหลังจากนบีเสีย
ชีวิตไปแล้วไม่ใช่บิดอะที่ดี ปล่อยไก่แบบนี้ ผมว่าตามเคยครับ นายอัซฮารีย์ทำตัวอีแอบมาเว็บนี้แน่นอน

ทำไมคุณไม่ลองไปถามหาหลักฐานที่ท่านนบีบอกว่ามีบิดอะฮาซานะฮ์เองด้วยวาจาของท่านที่เว็บซุนนะฮ์สทิวเดนท์บ้างล่ะครับ?

อย่างนี้หรือที่บอกว่ากำลังศึกษาทั้งสองแนวทาง? ถามน่ะมันก็ต้องถามทั้งสองแนวทางสิครับ ถ้าคุณบริสุทธิ์ใจจริง ไม่ใช่เป็น
นักศึกษาบิดอะแล้วมาทำตัวอีแอ็บเป็นคนกำลังศึกษาของทั้งสองแนวทาง ถ้าให้แยกแยะให้ชัดเจนตอนนี้ ทางของซุนนะฮ์นั้น
บอกว่าไม่มีบิดอะฮาซานะฮ์โดยใช้ตัวบทหลักฐานที่นบีบอกชัดเจนว่า

كل بدعة ضلالة، وكل ضلالة في النار

"ทุกบิดอะฮ เป็นการหลงผิด และทุกการหลงผิดนั้น จะอยู่ในนรก"

ส่วนทางของอัลอะชาอิเราะห์ มีเพียงทัศนะนักวิชาการเท่านั้น ไม่มีมากเกินไปกว่านี้ แล้วผมก็ยังท้าไว้แล้วด้วยว่า

"ต่อให้พวกเค้าทุกๆ คนในเว็บซุนนะฮ์สทิวเดนท์รวมหัวกันทั้งชาติ ก็ไม่มีทางหาฮาดีษซอเฮียะหรือฮาซันที่น่าเชื่อถือ
มายืนยันได้ว่านบีมูฮัมหมัดพูดไว้เองตรงๆ รับรองไว้เองตรงๆ ว่าบิดอะฮ์ฮาซานะฮ์มีจริงในศาสนาอิสลาม บนโลกใบนี้ได้"
เอาละๆ ในเมื่อคุณ abubak ถามมาได้ว่าขอหลักฐานที่นบีบอกว่าที่ท่านศอฮาบะทำนั้นไม่ใช่บิดอะที่ดี งั้นผมขอถาม
แนวทางอัลอะชาอิเราะห์ที่คุณให้น้ำหนักหน่อยสิครับว่า

มีไหมที่ท่านนบีพูดว่าการทำเมาลิดของพวกท่าน การอ่านตัลกีนของพวกท่าน การทำอีซีกูโบร์ของพวกท่าน ฯลฯ เป็นบิดอะฮาซานะฮ์?

มีมั้ยครับ ฮาดีษซักบทที่นบีพูดไว้? ในเมื่อมันเกิดหลังจากนบีเสียชีวิตไปแล้ว? ก็เหมือนกันแหละครับ กับที่ท่านถามทำนอง
ที่ว่าขอฮาดีษนบีที่บอกว่าสิ่งที่ท่านศอฮาบะทำหลังจากนบีตายนั้น ไม่ใช่บิดอะที่ดี ผมว่าคุณท่าจะประสาทกลับครับ

ถ้าอิสลามมีบิดอะฮาซานะฮ์ผมว่าคงไม่ต่างอะไรกับศาสนายิว ศาสนาคริสต์ ที่ต่อเติมเรื่องบทบัญญัติของตัวเองขึ้นมาหรอกครับ
อย่างนี้จะไปโม้กับคนต่างศาสนิกได้ยังไงครับ ว่าอิสลามเรานี่แจ๋วจริง ยังคงไว้ซึ่งของเดิมเหมือนเมื่อพันสี่ร้อยปีที่แล้ว ก็เล่น
อุตริกรรมออกมาซะเยอะแยะ ห่วงแต่เรื่องเมาลิด ห่วงแต่เรื่องตัลกีน กินบุญบ้านคนตาย จะเอาอะไรไปสู้รบกับศัตรูอิสลามได้ละ
ครับนี่? ผมเห็นโต๊ะครูสายทำบิดอะนี้ ก็หาเรื่องแต่จะเอาผลประโยชน์จากชาวบ้านไปวันๆ โดยที่เอาหลักฐานที่ท่านนบีรับรอง
เองมาโชว์ให้ดูก็ไม่ได้ โต๊ะครูทำนองนี้ ถ้าก่อนตายไม่เตาบัตตัว ผมว่าวันกียามัต อัลลอฮ์คงลงโทษอย่างสาสมแน่นอนครับ วัลลอฮูอลัม

วัสสลามมุอลัยกุมว่าเราะมะตุ้ลลอฮ์ว่าบารอกาตุฮ์

 

GoogleTagged