ผู้เขียน หัวข้อ: ฮะดิษนบีกุร๊อยเซาะฮ์ เมื่อซอฮาบะฮ์ได้ขัดแย้งกัน  (อ่าน 1978 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

بسم الله الرحمن الرحيم

ท่านอิมามบุคอรี  ได้รายงานด้วยสายสืบของท่านไปยัง  ท่านอับดิลลาฮ์  อิบนุ  อุมัร  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา  ว่า

‏قال النبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏يوم الأحزاب ‏ ‏لا يصلين أحد العصر إلا في ‏ ‏بني قريظة ‏ ‏فأدرك بعضهم العصر في الطريق فقال بعضهم لا نصلي حتى نأتيها وقال بعضهم بل نصلي لم يرد منا ذلك فذكر ذلك للنبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏فلم ‏ ‏يعنف ‏ ‏واحدا منهم ‏

"ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวในวันสงครามอะห์ซาบว่า  คนหนึ่งคนใดจะไม่ละหมาดอัสริ  นอกจากที่บนีกุร๊อยเซาะฮ์  ดังนั้นส่วนหนึ่งได้ทำการละหมาดอัสริในระหว่างทาง  แต่ซอฮาบะฮ์บางส่วนกล่าวว่า เราจะไม่ละหมาดจนกระทั่งถึงบนีกุร๊อยเซาะฮ์  และบางส่วนกล่าวว่า  แต่เราจะทำการละหมาดเพราะท่านร่อซูลุลลอฮ์มิได้มีเป้าหมายดังกล่าวสำหรับเรา  เรื่องราวดังกล่าวจึงถูกเรียนแก่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  โดยที่ท่านไม่ได้ตำหนิคนใดจากพวกเขาเลย"  รายงานโดยมุสลิม

ท่านอิมามมุสลิม  ได้รายงานด้วยสายสืบของท่านไปยัง  ท่านอับดิลลาฮ์  อิบนุ  อุมัร  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา  ว่า

‏نادى فينا رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏يوم انصرف عن الأحزاب ‏ ‏أن لا يصلين أحد الظهر إلا في ‏ ‏بني قريظة ‏ ‏فتخوف ناس فوت الوقت فصلوا دون ‏ ‏بني قريظة ‏ ‏وقال آخرون لا نصلي إلا حيث أمرنا رسول الله ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏وإن فاتنا الوقت قال فما عنف واحدا من الفريقين

"ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ป่าวประกาศในหมู่พวกเรา  ในวันที่กลับจากสงครามอัลอะห์ซาบ  ว่า  คนหนึ่งคนใดจะไม่ทำการละหมาดซุฮ์ริ  นอกจากที่บนีกุร๊อยเซาะฮ์  ดังนั้นบรรดาซอฮาบะฮ์(บางส่วน)เกรงว่าจะไม่ทันเวลา  พวกเขาจึงทำละหมาดสถานที่อื่นจากบนีกุร๊อยเซาะฮ์  และซอฮาบะฮ์คนอื่น ๆ กล่าวว่า  เราจะไม่ละหมาดนอกจากสถานที่ที่ท่านร่อซูลุลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้สั่งใช้เรา  หากแม้นว่าเราจะไม่ทันเวลาก็ตาม  ท่านอับดุลเลาะฮ์ อิบนุ อุมัร  กล่าวว่า  ดังนั้นท่านร่อซูลุลลอฮ์ ไม่ได้ทำการตำหนิคนหนึ่งคนใดจากทั้งสองกลุ่มเลย"  รายงานโดยมุสลิม (3317)

เราจะพบว่า  สายรายงานนี้มีความแตกต่างกัน  ท่านบุคอรีย์รายงานเกี่ยวกับเรื่องละหมาดอัสริ  ส่วนท่านมุสลิมรายงานเกี่ยวกับละหมาดซุฮ์ริ
ท่านอัลหาฟิซ อิบนุ  หะญัร  กล่าวว่า  "อุลามาอ์บางส่วนได้รวมระหว่างสองรายงานนี้  โดยตีความว่า  ก่อนท่านนบีได้ออกคำสั่งนั้นซอฮาบะฮ์บางส่วนได้ละหมาดซุฮ์ริแล้ว  และอีกบางส่วนยังไม่ได้ละหมาด  ดังนั้นจึงถูกออกคำสั่งแก่ผู้ที่ยังไม่ได้ละหมาดว่า  คนใดอยากทำการละหมาดซุฮ์ริ(จนกระทั่งถึงบนีกุร๊อยเซาะฮ์) และสั่งผู้ที่ละหมาดซุฮริแล้วว่า  คนใดอย่าทำละหมาดอัสรินอกจากที่นบีกุร๊อยเซาะฮ์" ฟัตหุลบารีย์

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  อธิบายว่า  "การขัดแย้งของบรรดาซอฮาบะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม เกี่ยวกับการรีบละหมาดช่วงจวนใกล้หมดเวลาและทำการล่าช้า(จนกระทั่งละหมาดนอกเวลา)นั้น  สาเหตุก็คือ  หลักฐานทางศาสนาได้คัดค้านกันเองตามทัศนะของพวกเขา  กล่าวคือ  การละหมาดนั้นถูกใช้ให้ละหมาดในเวลา  พร้อมกันนั้น  ความเข้าใจจากคำพูดของท่านบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า  "คนหนึ่งคนใดจะไม่ทำการละหมาดซุฮ์ริ  นอกจากที่บนีกุร๊อยเซาะฮ์" หมายถึงการรีบเดินทางและอย่าสนใจสิ่งใดนอกจากการเดินทาง  ไม่ใช่ให้เลื่อนเวลาละหมาด  ดังนั้นซอฮาบะฮ์บางส่วนได้ยึดความเข้าใจโดยพิจารณาถึงความหมาย(คือนบีสั่งให้รีบเดินทาง) ไม่ใช่เชิงถ้อยคำ (คือให้ไปละหมาดที่บนีกุร๊อยเซาะฮ์) ฉะนั้นพวกเขาจึงทำการละหมาดขณะที่เกรงว่าเวลาจะหมด  ส่วนซอฮาบะฮ์คนอื่น ๆ ได้ยึดความหมายแบบผิวเผินคำตรง (คือนบีให้ไปละหมาดที่บนีกุร๊อยเซาะฮ์)  พวกเขาจึงเลื่อนเวลาละหมาด  โดยท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไม่ได้ตำหนิติเตือนคนหนึ่งคนใดจากทั้งสองกลุ่มเลย  เพราะพวกเขาเหล่านั้นคือนักมุจญ์ฮิด(ผู้มีคุณสมบัติในการวินิจฉัยได้)" ชัรห์ ซอฮิห์มุสลิม

ดังนั้น  การที่ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ประกาศแก่บรรดาซอฮาบะฮ์ของท่าน ว่า "พวกท่านทั้งหลาย พึงทราบเถิดว่า บุคคลใดจากพวกท่านจะไม่ทำการละหมาดอัสริ นอกจาก ณ ที่หมู่บ้านนบีกุรอยเซฺาะฮ์ บรรดาซอฮาบะฮ์ทั้งหมด จึงมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านบนีกุรอยเซฺาะฮ์ เพื่อสนองคำสั่งของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) แต่มีซอฮาบะฮ์กลุ่มหนึ่งเดินทางล่าช้าตามหมายกำหนดการณ์ที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.)ได้กำหนดไว้ จึงมีการปรึกษากันขึ้นในหมู่พวกเขา ว่า จะทำการละหมาดอัสริระหว่างทางเพื่อพวกเขาจะได้ทำการละหมาดอัสริในเวลาได้ หรือว่าจะทำการล่าช้าในการละหมาด แม้นว่าจะไม่ได้ละหมาดในเวลาของอัสริก็ตามเพื่อไม่ขัดต่อคำสั่งของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) พวกเขาจึงได้ปรึกษากัน ซอฮาบะฮ์บางกลุ่มทำการละหมาดอัสริระหว่างทาง และอีกกลุ่มหนึ่งทำการละหมาดที่บนีกุรอยเซฺาะฮ์ เมื่อพวกเขาเดินทางถึงหมู่บ้านนบีกุรอยเซฺาะฮ์ ท่านนบี(ซ.ล.) จึงรับทราบและไม่ได้ตำหนิกรณีข้อขัดแย้งดังกล่าวของซอฮาบะฮ์ที่ไม่ได้มีความรุนแรงใดๆ เลย ไม่ว่าจะรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งก็ตาม เนื่องจากมันเป็นเพียงแค่การขัดแย้งในเชิงการวินิจฉัยอันเป็นที่อนุมัติตามหลักศาสนา ซึ่งการขัดแย้งดังกล่าว ต่างก็มีเป้าหมายเดียวกัน นั่นก็คือ เพื่อสร้างความใกล้ชิดต่ออัลเลาะฮ์(ซ.บ.) นั่นคือยุคสมัยแรกที่เข้าใจถึงคำบัญชาใช้ของอัลเลาะฮ์(ซ.บ.) และร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) พวกเขาได้ดำเนินบนวิถีทางนี้ แต่สำหรับวันนี้ บรรดามุสลิมีนส่วนมากต่างบริโภค ดื่มด่ำ
ปัญหาความขัดแย้งในด้านประเด็นการวินิจฉัย พวกเขาได้ทำให้มันเป็นปัจจัยหลัก อันเนื่องจากความเห็นแก่ตัว ทำให้เป็นปัจจัยที่มากระเทาะหลักวินิจฉัยต่างๆ ของมัซฮับ เพื่ออวดอ้างความรู้ของตนเองทั้งที่พวกเขายังไปไม่ถึงอีกฟากฝั่งหนึ่งเลย

والله تعالى أعلى وأعلم
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged