بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
มีนักปราชญ์ฟิกห์มากมายอนุญาตให้นำการถือศีลอดสุนัตเข้าไปอยู่ภายใต้การถือศีลอดฟัรดู แต่ทว่าไม่อนุญาตให้เหนียตศีลอดฟัรดูให้ไปอยู่ภายใต้การเหนียตศีลอดสุนัต (หมายความว่าต้องเหนียตสุนัตตามหลังฟัรดู)
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ มินฮาจญุฏฏอลิบีน ของท่านว่า
وَتَحْصُلُ بِفَرْضٍ أَوْ نَفْلٍ آَخَرَ
"ถือว่าได้ซุนนะฮ์ละหมาดเคารพ(ตะฮียัต)มัสยิดแล้ว ด้วยการทำละหมาดฟัรดูหรือละหมาดสุนัตอื่น ๆ" หนังสือ กุลยูบีย์วะอุมัยเราะฮ์ 1/273
ท่านญะลาลุดดีน อัลมุฮัลลีย์ กล่าวอธิบายว่า "ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ (อัลมัจญ์มั๊วะอฺ)ชัรหุลมัซอัซซับ ว่า หากบุคคลหนึ่งได้ละหมาดมากกว่าสองรอกะอัตด้วยการให้สลามครั้งเดียว ก็อนุญาตกระทำได้ และการละหมาดทั้งหมด(ที่มากกว่าสองรอกะอัต)นั้น ถือเป็นการเคารพ(ตะฮียัตมัสยิด)แล้ว เพราะการละหมาดดังกล่าวได้ครอบคลุมถึงสองรอกะอัต(ของละหมาดตะฮียัตมัสยิด) "และถือว่าได้ซุนนะฮ์ละหมาดเคารพ(ตะฮียัต)มัสยิดแล้ว ด้วยการทำละหมาดฟัรดู (เช่นละหมาดที่บนบานไว้)หรือละหมาดสุนัตอื่น ๆ" ไม่ว่าละหมาดเคารพมัสยิดจะถูกเหนียตพร้อมกับละหมาดฟัรดูและสุนัตอื่นหรือไม่ก็ตาม เพราะจุดมุ่งหมาย(การละหมาดเคารพมัสยิดนั้น) คือให้มีการละหมาดเกิดขึ้นก่อนทำการนั่ง ซึ่งการละหมาดได้มีขึ้นจากสิ่งที่ถูกกล่าวมาแล้ว และถือว่าไม่เป็นโทษใด ๆ สำหรับเขาด้วยการเหนียตละหมาดเคารพมัสยิดด้วย(หรือไม่เนียตก็ได้) เพราะการละหมาดเคารพมัสยิดเป็นละหมาดสุนัตที่ไม่มักซูดะฮ์ (คือไม่ใช่เกิดขึ้นโดยมีเป้าหมายในตัวของมันเองแต่เพราะมีสิ่งอื่นเป็นเหตุทำให้เกิดการละหมาด เช่น ละหมาดเคารพมัสยิดเพราะมีการเข้ามัสยิด ละหมาดสองรอกะอัตหลังอาบน้ำละหมาดเพราะมีการอาบน้ำละหมาด หรือละหมาดสุนัตก่อนฏอว๊าฟเพราะมีการฏอว๊าฟ เป็นต้น) ซึ่งแตกต่างกับการเหนียตละหมาดฟัรดู (เช่นละหมาดที่เราได้บนบานไว้ เราจะทำการเหนียตพ่วงกับละหมาดอื่นไม่ได้นอกจากต้องเหนียตเป็นการเฉพาะอย่างเป็นเอกเทศ) หรือละหมาดสุนัตที่มักซูดะฮ์ (คือละหมาดที่มีเป้าหมายในตัวของมันเอง เช่นละหมาดดุฮา เราจะเอาละหมาดุฮาไปเนียตพ่วงกับละหมาดสุนัตอื่นไม่ได้ นอกจากต้องเหนียตเป็นการเฉพาะอย่างเป็นเอกเทศ)" หนังสือ กุลยูบีย์วะอุมัยเราะฮ์ 1/273
สำหรับประเด็นคำถามนั้น บรรดานักปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์มีทัศนะว่า ผู้ใดทำการชดใช้ศีลอดเดือนรอมะดอนในหกวันของเดือนเชาวาล การถือศีลอดชดใช้ย่อมพ้นพันธะจากเขาด้วยหกวันดังกล่าวแล้ว และได้ผลบุญการถือศีลอดเดือนเชาวาลด้วย โดยที่เขาไม่ต้องเหนียตศีลอดเดือนเชาวาลก็ได้ แต่ให้เหนียตถือศีลอดชดใช้เดือนรอมะดอนเท่านั้น และการถือศีลอดชดใช้เดือนรอมะดอนที่อยู่ในช่วงหกวันของเชาวาล ก็ได้รับผลบุญเช่นเดียวกัน เพราะความเมตตาโปรดปราณของอัลเลาะฮ์นั้น กว้างขวางยิ่งนัก
ท่าน อัลลามะฮ์ อิมาม อัรรอมลีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ ได้ตอบคำถามผู้ที่ถือศีลอดกอฏอเดือนมะดอนในเดือนเชาวาลว่า "คำถาม : ถือว่าเป็นการกอฏอเดือนรอมะดอนและได้ผลบุญของการถือศีลอดหกวันในเดือนเชาวาลหรือไม่? และสิ่งดังกล่าวมีการถ่ายทอดทัศนะไว้หรือเปล่า?" ท่านอิมามอัรรอมลีย์ ตอบว่า "การถือศีลอดของเขาถือว่าเป็นได้อยู่ในฐานะการชดใช้ศีลอดเดือนรอมะดอนแล้ว หากแม้นว่าเขาได้เหนียตศีลอดอื่นจากการถือศีลอดหกวันจากเดือนเชาวาลก็ตาม (เช่นถือศีลอดวันจันทร์และวันพฤหัสบดีภายใน 3 สัปดาห์ของเดือนเชาวาล) และถือว่าได้รับผลบุญการถือศีลอดหกวันของเดือนเชาวาลด้วย และประเด็นปัญหานี้ ได้มีกลุ่มนักปราชญ์ยุคหลังได้กล่าวไว้" ฟะตาวา อัรรอมลีย์ 2/66
ตามหลักการดังกล่าว ก็อนุญาตให้ทำการถือศีลอดชดใช้ของเดือนรอมะดอนในเดือนเชาวาลได้ และด้วยสิ่งดังกล่าว ถือว่าเพียงพอจากการถือศีลอดชดใช้หกวันแทนจากการถือศีลอดหกวันของเดือนเชาวาล และได้รับผลบุญด้วย เพราะการถือศีลอดชดใช้นี้ได้อยู่ในเดือนเชาวาล และสิ่งดังกล่าว ได้ทำการกิยาส(เทียบเคียง) กรณีผู้ที่เข้าไปในมัสยิด แล้วทำการละหมาดสองรอกะอัตด้วยการเหนียตละหมาดฟัรดูหรือละหมาดสุนัตรอวาติบก่อนละหมาด ก็ถือว่าได้ผลบุญการละหมาดสองรอกะอัตเคารพมัสยิดอยู่ในตัวของมันแล้ว วัลลอฮุตะอาลา อะลาวะอะลัม ( อ้างอิงสรุปเล็กน้อย จากหนังสือ อัลบะยาน ละมา ยุลฆิลุลอัซฮาน ของ มุฟตีแห่งประเทศอียิปต์ ชัยค์ ด๊อกเตอร์ อะลี ญุมอะฮ์ หน้า 304 - 305)
ดังนั้น การถือศีลอดชดใช้เดือนรอมะดอนนั้น หากนำมาทำการถือศีลอดชดใช้ในวันจันทร์หรือวันพฤหัสบดี ก็ถือว่าได้ผลบุญการถือศีลอดวันจันทร์กับวันพฤหัสบดีเช่นเดียวกันครับ แต่หากจะเหนียตก็ให้เหนียตศีลอดชดใช้ที่เป็นฟัรดูก่อน แล้วเหนียตศีลอดสุนัตครับ
والله تعالي أعلى وأعلم