ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อสาวก(ซอฮาบะฮ์)ของ อ.ปราโมท และอ. มุรีด เขากล่าวว่า...??  (อ่าน 4259 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ۞QolbunSaleem۞

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

8.  วะฮาบีย์มักพยายามยัดเยียดการเจตนาและความนึกคิดให้กับคนอื่น  เพื่อทำการให้ร้ายและโจมตี

พี่น้องโปรดอ่าน

และผมก็ไม่เชื่ออีกเช่นกันว่าผู้รู้ระดับสูงเยี่ยงท่านจะมองไม่ออกว่าหะดีษ2บทนี้มีข้อผิดพลาดอย่างไรทำไมหรือครับ ท่านเป็นเพียงแค่มูก็อลลิด แต่กลับสถาปนาตนเองขึ้นเป็นมุญตะฮิด   

นี่ไงครับ  สาวก(ซอฮาบะฮ์)ของ อ.ปราโมท  หรือสาวก อ.มุรีด  มาบอกว่า  ผมสถาปนาตนเองเป็นมุญตะฮิด  oh:  คิดได้ไงครับเนี่ย     ระดับท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร และท่านอิมามอัสยูฏีย์  ซึ่งทั้งสองได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งใน  อะมีรุลมุอฺมินีในสาขาฮะดิษ  ก็มองว่า ฮะดิษดังกล่าว เกี่ยวกับการทำบุญให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด  ซึ่งทั้งสองก็เป็นอุลามาอ์มุจญฺฮิด  แต่ตรงนี้ไม่ใช่ประเด็นของกระทู้น่ะ  แต่อยากจะบอกว่า  ผมอ้างอิงจากอุลามาอ์  ไม่ใช่สถาปนาตนเองเป็นมุญตะฮิด  ตามที่วะฮาบีย์สาวกของ อ.ปราโมท และอ. มุรีด ยัดเยียดความนึกคิด       


สลามครับ...
ก็ได้อ่านกระทู้ถามตอบ ที่คุณYAMAN ได้ตั้งขึ้น...
แล้วอ.อัซฮารี ได้ไปเปิดตำรา ที่เขาให้ อ. ไปเปิด อีกสามมัสหับหรือยังครับ เปิดดูแล้วเป็นยังไงมั่ง อยากให้นำเสนอหน่ะครับ...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
สาวก​ ​อ​.​ปรา​โมทย์

ขำ​กลิ้ง​!!!​โต๊ะครู​ ​บ​.​ด​.​อ​. ​ไม่​กล้ารับคำ​ท้า

เงียบหายไปเลยนะครับคุณอัซอารีย์​ ​ว่า​ไงครับการบ้านที่ผมฝาก​ให้​ไปทำ​วันก่อน​4​ข้อ​  (ยั่งจ่ำ​ได๊​ไหม๊​ ​จ่ำ​ได๋​หรือ​เปล่า​..........) ​อีก​ทั้ง​ที่ผมท้าคุณเอา​ไว้​ถึง​2​ข้อคุณกล้า​แล้ว​หรือ​ยัง​ที่​จะ​รับคำ​ท้าของผม​ ​ถ้า​คุณบอกว่าคุณกล้า​ ​ผมก็อยาก​จะ​บอก​กับ​คุณว่าผมก็พร้อม​แล้ว​ที่​จะ​ปฏิบัติ​และ​ยอมรับว่า​ใน​ศาสนามีบิดอะฮ์หาสานะฮ์จริงดังที่คุณว่า​ ​แต่​ถ้า​คุณ​ไม่​กล้าปฏิบัติตามคำ​ท้าของผม​ ​คุณก็ควรแสดงสปิริตจรรยาบรรณของ​ความ​เป็น​นักวิชาการกล้าหาญที่​จะ​ยอมรับ​ความ​ผิดพลาด​ใน​ตัวคุณ​(อย่า​ให้​ผม​ต้อง​สมเพชเวทนาพวกคุณไปมากกว่านี้​เลย​เพราะ​ใน​สิ่งที่ผมท้าคุณ​ ​คุณ​จะ​ปฏิ​เสธิว่า​ไม่​ใข่บิดอะฮ์หาสานะฮ์ก็​ไม่​ได้​  ​จะ​รับมาปฏิบัติก็​ไม่​กล้า​เพราะ​กลัว​จะ​ถูกกล่าวหาว่าทำ​บิดอะฮ์) ​ถ้า​คุณไปไหน​ไม่​ได้​ก็​แล้ว​จะ​ดันทุรังไปทำ​หาพระ​แสงวิมารอะ​ไร​กัน​เล่า​? ​เอา​เถอะ​ ​ผม​ไม่​ได้​คาดคั้น​จะ​เอาอะ​ไร​จาก​คุณหรอกพูดไปก็​เท่า​นั้น​แหละ​ ​เสียเวลา​เปล่า​ ​เข้า​ตำ​ราพูดไปสองไพเบี้ย​ ​นิ่งเสียตำ​ลึงทอง​   ​ความ​จริงผมน่า​จะ​เชื่อท่านฮิชาม​ ​บินอุรวะฮ์​(​เป็น​ตาบีอีน​ ​และ​เป็น​หลานของท่านหญิงอาอิฉะฮ์​ ​ร​.​ฎ​. ​สิ้นชีวิต​ใน​ปี​145​หรือ​146)​ตั้งแต่​แรก​ ​ซึ่ง​ท่าน​ได้​กล่าวเอา​ไว้​ว่า​"พวกท่านอย่า​ไปถาม​ผู้​คน​ใน​สิ่งที่พวก​เขา​ได้​อุตริมันขึ้นมา​ ​เพราะ​พวก​เขา​จะ​เตรียมข้ออ้าง​(คำ​ตอบ)​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​แต่จงถามเรื่องซุนนะฮ์ซิ​แล้ว​พวก​เขา​จะ​ไม่​รู้จักมันเลยว่าซุนนะฮ์ว่าซุนนะฮ์​ใน​เรื่อง​นั้นๆ​เป็น​อย่างไร"  ​จาก​หนังสืออัล​-​อิบดาอ์ฟีมะฎอรร์อัล​-​อิบดาอ์หน้า​41   ​โปรดคิดสักนิดเถอะครับ​ ​สุดท้ายนี้ผมอยาก​จะ​ฝากข้อคิดคำ​คม​จาก​นักวิชาการท่านหนึ่ง​ใน​อดีตเพื่อหวัง​ความ​เมตตา​จาก​อัลลอฮ์​ให้​ความ​แหลมคมของข้อ​ความ​นี้​จะ​ไปทิ่มแทง​หรือ​สกิดหัวใจของใครบางคนแถวนี้​ให้​ฉุกยั้งคิด​ได้​(ขออัลลอฮ์ทรงรับดุอาอ์​ด้วย​เถิด)  ​ท่านอิหม่ามมาลิก​ ​บิน​ ​อนัส​(สิ้นชีวิต​ใน​ปีฮ​.​ศ​.179) ​ได้​กล่าว​ไว้​ ​ดังการรายงานของท่านอิบนุ​ ​มาญิชูน​ ​ว่า​"​ผู้​ใด​อุตริสิ่ง​ใด​ขึ้นมา​ใน​อิสลาม​ ​โดย​มองว่ามัน​เป็น​เรื่องที่ดี​ ​แน่นอน​เขา​ผู้​นั้น​กล่าวหาท่าน​ ​นบีย์มูฮัมหมัดว่าทุจริต​(​หรือ​บกพร่อง)​ใน​การปฏิบัติหน้าที่รอซู้ล​ ​เพราะ​อัลลอฮ์​ ​ซ​.​บ​. ​ทรงตรัสเอา​ไว้​แล้ว​ว่า​ ​วันนี้ข้า​ได้​ทำ​ให้​ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์​แล้ว​ ​ดัง​นั้น​สิ่ง​ใด​ก็ตาม​ถ้า​หาก​ใน​วัน​นั้น​มิ​ใช่​เป็น​เรื่องของศาสนา​ ​มา​ใน​วันนี้มันก็มิ​ใช่​เป็น​เรื่องของศาสนา​" ​จาก​หนังสือ​ ​อัล​-​เอี๊ยะอ์ติศอม​ ​เล่มที่​1​หน้า​49 ​สุดท้ายก็วัด​กัน​ที่จุดยืน

สาวก​ ​อ​.​มูรีด

เมาลิด​เป็น​สี่งที่นบีรังเกียจตามกฎการกียาสเอาลาวีย์

ท่านอะนัส​ ​บินมาลิก​ ​ได้​กล่าวว่า​  ​"​ไม่​มี​ผู้​ใด​แล้ว​ใน​โลกนี้​ผู้​ซึ่ง​เขา​(ศอหาบะฮ์)​อยาก​จะ​เจอหน้ายิ่งไปกว่าท่านรอซู้ล​ ​แต่ทว่า​ ​เมื่อพวก​เขา​เจอท่าน​ ​พวก​เขา​จะ​ไม่​ยืนขึ้นเลย​ ​เพื่อ​เป็น​การ​ให้​เกียรติท่านนบี​ ​เนื่อง​จาก​พวก​เขา​รู้ว่า​ ​ท่านรังเกียรติพฤพติการณ์ดังกล่าวนี้​" ​บันทึก​โดย​ ​ท่านบุคอรี​ ​ใน​ ​อัล​-​อะดับ​ ​อัล​-​มุฟร็อด​ ​หะดีษที่​946 ​ท่านอัต​-​ติรมีซีย์​ ​หะดีษที่​2754 ​ท่านอัฏ​-​เฏาะหาวีย์​ใน​มุชกิลอาษาร​ ​หะดีษที่​1276 ​ท่านอะฮ์หมัด​ ​เล่มที่​3 ​หน้า​132 ​ท่านอาบูยะฮ์ลา​ ​ใน​อัล​-​มุสนัด​ ​หะดีษที่​183/2    ​หว้า​!.....​กะอี​แค่ยีน​ให้​เกียรคินบี​ ​ซึ่ง​เป็น​เรื่องธรรมดาสามัญเหลือเกิน​ ​นบี​ยัง​รังเกียรติขยะ​แขยงจนศอหะบะฮ์​ไม่​กล้าทำ​ ​แล้ว​นับประสาอะ​ไร๊​กับ​จัดงานวันเกิด​ให้​ท่าน​ ​ซึ่ง​มันเอิกเกริกยิ่งกว่าหลาย​เท่า​นัก​....​มัน​ไม่​เว่อๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ไปหน่อย​หรือ​ ​หรือ​ท่านคิดว่านบีคงพอใจ​และ​ปลื้มสุดๆ​กับ​พิธีกรรมดังกล่าว​  ​ลอง​ใช้​สามัญสำ​นึกคิดดูดีๆ​ๆ​ซิครับ​  ​ฮิๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​   

สาวก​ ​อ​.​ปรา​โมทย์

บิดอะฮ์หาสานะฮ์มีจริง​หรือ

แหม​!  ​อะ​ไรๆ​ก็บิดอะหาสานะฮ์​ ​การที่ท่านเล่นถือวิสาสะนำ​เอาคำ​พูดของท่านอุมัรมาอ้างเพื่อที่​จะ​ชักลาก​เข้า​หาฝ่ายตัวเอง​ ​ผมอยาก​จะ​รู้จริงจิ๊งว่าทำ​ไมท่าน​ถึง​ไม่​กล้านำ​เอาคำ​อธิบายของท่านอิบนุหะญัรอัล​-​อัสกอลานี​ซึ่ง​เป็น​นักวิชาการหะดีษ​ใน​มัซฮับชาฟีอีย์​เองว่าท่าน​ได้​อธิบายหะดีษนี้อย่างไร​หรือ​ถ้า​จะ​ให้​ชัวลองเปิดหนังสือ​ ​อัล​-​อิบดาอ์ของเชคอะลีมะฟูศหน้า​39​ดูซิครับว่าท่านอัล​-​ฮัยตะมีย์นักวิชาการฟิกฮ์ระดับแนวหน้า​แห่งมัซฮับชาฟีอีย์ว่าท่านอธิบายคำ​ว่าบิดอะฮ์​เหมือนที่ท่าน​เข้า​ใจ​หรือ​เปล่า​ ​แหม​ ​อย่า​เพิ่งโกรธซิครับ​ ​ทีท่าน​ยัง​อ้างคำ​พูดของท่านอุมัร​(​และ​ถือวิสาสะอธิบายไปเอง) ​ผมอยาก​จะ​ให้​ท่านดูคำ​พูดของศอหาบะฮ์อีกท่านหนึ่งคือท่านอับดุลลอฮ์​ ​อิบนุอุมัร​ ​ซึ่ง​บันทึก​ใน​ ​ชัรฮูอูซูลิ​เอี๊ยะติกอดอะลิสซุนนะฮ์​ ​เล่ม​1 ​หน้า​92 ​และ​ท่านอัล​-​บัยฮะกีย์​ใน​ ​อัล​-​มัดคอลุอิลัซซุนนะฮ์นินกุบรอ​ ​หมายเลข​191 ​มี​ใจ​ความ​ดังนี้​"ทุกๆ​บิดอะฮ์​(ตามนัยของบทบัญญัติ)​คือ​ความ​หลงผิดแม้ประชาชน​ทั่ว​ไป​จะ​เห็นว่ามันดีก็ตาม"​เพื่อ​ให้​กระชับยิ่งขึ้นขอตบท้าย​ด้วย​หะดีษที่ว่า​"​ผู้​ใด​ที่อัลลอฮ์​ให้​ทางนำ​แก่​เขา​ก็​ไม่​มี​ใครทำ​ให้​เขา​หลง​ได้​ ​และ​ผู้​ใด​ที่อัลลอฮ์​ให้​เขา​หลงทาง​ ​ก็​ไม่​มี​ผู้​ใด​จะ​ชี้ทางนำ​แก่​เขา​ได้​ ​แน่นอนวาจาที่สัจ​จะ​ยิ่งคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์​ ​ทางนำ​ที่ดี​เลิศคือทางนำ​ของมุฮัมหมัด​ ​และ​ที่​เลวยื่ง​จาก​กิจการ​ทั้ง​หลายคือบรรดาสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นมา​ใหม่​ ​และ​ทุกอย่างที่ถูกอุตริขึ้นมา​ใหม่​เป็น​บิดอะฮ์​ ​ทุกๆ​บิดอะฮ์คือ​ความ​หลงผิด​ ​และ​ทุกๆ​ความ​หลงผิด​จะ​ต้อง​อยู่​ใน​นรก​......​"​โดย​ท่านนซาอีย์หะดีษที่​1577​ด้วย​สายรายงานที่ถูก​ต้อง​ ​อย่าดันทุรังหลอกตัวเอง​และ​ชาวบ้านเลยครับ​ ​ขออัลลอฮ์ทรงฮีดายะฮ์ทางนำ​แก่ท่าน​ด้วย​ ​เอาอย่างนี้ดี​ไหม​?​ถ้า​ท่านบอกว่า​ใน​ศาสนามีบิดอะฮ์ดี​(​ใน​ขณะที่นบี​และ​ท่านอิบนุอุมัรบอกว่าทุกบิดอะฮ์หลงผิด)​ท่าน​จะ​รับคำ​ท้าต่อไปนี้ของผมไหม​?1​อะซานเรียกร้อง​ให้​ผู้​คนมานมาซญะมาอะฮ์​ใน​วันอีด​หรือ​นมาซตะรอเวี๊ยะฮ์​ ​เอ้า​!​ไม่​ดีตรงไหน​หรือ​?​ก็อัลลอฮ์บอก​ไว้​ใน​ซู​เราะห์ฟุศศิลัต​ ​โองการที่​33​ว่า​"​ผู้​ใด​เล่า​จะ​เลอเลิศที่สุด​ใน​ด้านคำ​พูดยิ่งไปกว่า​ผู้​ที่​เรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮ์​ ​และ​เขา​ปฎิบัติดี​....." ​ฮิๆ​ๆ​ 2​จัด​ให้​มีคน​หรือ​มีขบวนอ่านอัล​-​กุรอ่านดังๆ​นำ​หน้าตอนหามมัยยิตไปฝังที่กุบุร​ ​หรือ​จะ​เถียงว่าอ่านอัลกุรอ่าน​ไม่​ดี​  ​อ้อ​! ​ก่อน​จะ​จบ​ถ้า​ท่านว่างๆ​ลองหา​ความ​หมาย​และ​ทำ​ความ​เข้า​ใจ​กับ​คำ​ศัพท์ที่ผม​จะ​ให้​ต่อไปนี้​ ​เผื่อว่าท่าน​จะ​เข้า​ใจอะ​ไรแจ่มชัดขึ้น​ 1​อัล​-​มะศอลิฮ์มุรสาละฮ์​  2​ซุนนะฮ์ตัรกียะฮ์​  3​บิดอะลูฆอวียะฮ์​  4​บิดอะฮ์ชัรอียะฮ์​ ​ผมว่า​ผู้​รู้ระดับสูงเยี่ยงท่านศัพท์​แค่นี้​ไม่​ยากเกินไปหรอก​ใช่​ไหมครับ​ ​เพียงแต่ขอ​ให้​ท่าน​ได้​ลดฐิถิลง​ ​และ​ขออัลลอฮ์ทรงฮีดายะฮ์ทางทางนำ​แก่ท่าน​ด้วย​ ​ถ้า​หากว่าท่าน​ยัง​ไม่​เข้า​ใจคำ​ศัพท์ที่ผม​ได้​ให้​ไว้​ ​วันหลังผม​จะ​มาอธิบาย​ให้​ท่าน​ได้​เข้า​ใจมากกว่านี้​ ​อินชาอัลลอฮ์​ ​แค่นี้ก่อน​แล้ว​กัน​ครับ​........​วัสสาลามูอะลัยกุมวา​เราะมาตุ้ลลอฮ์ฮิวะบารอกาตุฮ์

YAMAN

คุณอัซอารีย์​ ​อิคล๊าศ​ ​หรือ​เปล่า

เมื่อเดือนที่​แล้ว​ผม​ได้​อ่านกระทู้ของคุณเรื่อง​''​ทำ​บุณ​7​วัน​''​ซึ่ง​คุณ​ได้​อ้างหะดีษอะห์นัฟ​ ​บินก็อยส์​ ​และ​หะดีษ​ ​ฏอวูส​ ​ผม​ได้​นำ​หะดีษ​2​บทนี้​ไป​ให้​ ​อ​.​ท่านหนึ่ง​ได้​ตรวจสอบ​ ​ซึ่ง​บัดนี้ท่าน​ได้​ทำ​การวิ​เคราะห์​ ​หะดีษที่คุณอ้างจนเสร็จ​เป็น​รูปเล่ม​และ​ได้​ทำ​การแจกจ่าย​ให้​พี่น้องของเรา​ได้​อ่าน​กัน​ทั่ว​ภาค​ใต้​ซึ่ง​ผมก็อยาก​จะ​ส่งหนังสือเล่ม​นั้น​มา​ให้​คุณ​ได้​อ่านแต่ทราบว่าคุณอัซอารีย์​ไม่​ได้​อยู่​เมืองไทย​ ​น่า​เสียดาย​  ​ซึ่ง​ปรากฏว่าหะดีษที่คุณอ้างมีจุดบกพร่อง​อยู่​หลายจุด​ทั้ง​ใน​ด้านเนื้อหา​และ​ตัวบท​ ​และ​ผมก็​ไม่​เชื่ออีกเช่น​กัน​ว่า​ผู้​รู้ระดับสูงเยี่ยงท่าน​จะ​มอง​ไม่​ออกว่าหะดีษ​2​บทนี้มีข้อผิดพลาดอย่างไรทำ​ไม​หรือ​ครับ​ ​ท่าน​เป็น​เพียงแค่มูก็อลลิด​ ​แต่กลับสถาปนาตนเองขึ้น​เป็น​มุญตะฮิด​ ​เพราะ​ผมอยาก​จะ​ทราบว่ามีอิหม่ามมุญตะฮิดท่าน​ใด​ใน​อดีตที่คุณตักลีดตาม​เขา​ว่าพวก​เขา​จะ​เคยอ้างหะดีษ​2​บทนี้มา​เป็น​หลักฐานเรื่องกินบุญบ้านคนตายมาก่อน​ ​หรือ​ว่าคุณ​จะ​โต้​แย้งผมกลับว่า​ผู้​รู้​เหล่า​นั้น​อาจ​ไม่​พบหลักฐาน​ ​ท่านคนแรกงั้นซิ​? ​ที่พบหลักฐาน​ ​คุณอัซอารีย์ก็ทราบ​และ​ทราบดีกว่าผม​ด้วย​ซ้ำ​ไปว่านักวิชาการ​ทั้ง​4​มัซฮับต่างก็กำ​ชับ​และ​ห้ามปรามพฤติกรรมดังกล่าว​ ​และ​ที่น่าทึ่งยิ่งกว่า​นั้น​คือ​ ​นักวิชาการหลายท่าน​โดย​เฉพาะ​ใน​มัซฮับชาฟีอีย์อเงต่างก็ยืนยัน​เป็น​เสียงเดียว​กัน​ว่า​ ​ไม่​มีรายงานที่ถูก​ต้อง​มาก่อนเลย​ใน​เรื่องนี้​ ​ลอง​ใช้​สามัญสำ​นึกคิดดูง่ายๆ​ ​ถ้า​หะดีษที่คุณอ้างมาถูก​ต้อง​จริงมี​หรือ​ที่บรรดานักวิชาการ​(​ใน​มัซฮับชาฟีอีย์​เอง)​กลับคัดค้านรายงานดังกล่าว​ ​คุณคง​จะ​ลืม​(​หรือ​แกล้งลืม​กัน​แน่)​ใน​ที่นี้ผมขอทวน​ความ​จำ​ให้​คุณดังนี้

 ​มัซฮับชาฟีอีย์​ ​ท่านอิหม่ามนะวะวีย์​ ​ได้​กล่าว​ใน​หนังสือ​ ​อัล​-​มัญมั๊วะอ์​ ​เล่มที่​5​หน้า​320​ว่า
''​ท่านเจ้าของหนังสือ​ ​อัชชามิล​ ​และ​นักวิชาการท่าน​อื่นๆ​ได้​กล่าวว่า​ ​อนึ่งการที่ครอบครัว​ผู้​ตาย​ได้​จัดเตรียมอาหารอย่างดี​ ​และ​เชิญชวน​ผู้​คน​ให้​มาร่วมรับประทาน​นั้น​ ​พฤติกรรมนี้​ ​ไม่​เคยปรากฏมีรายงานหลักฐานมา​แต่อย่าง​ใด"​  ​การที่ท่านอิหม่ามนะวะวีย์​ ​ได้​คัดลอกข้อ​ความ​นี้มา​โดย​ไม่​มีการท้วงติงตามหลักการถือว่า​ ​ท่านยอมรับทัศนะที่ท่าน​ได้​คัดลอกมา

  -​ท่านซัยยิด​ ​บักรีย์​ ​เจ้าของหนังสือ​ ​อิอานะฮ์​ ​อัฏฏอลิบีน​ ​ได้​นำ​คำ​ตอบของท่านอะฮ์หมัด​ ​บินซัยนีย์​ ​ดะห์ลาน​ ​มุฟตีคนหนึ่งแห่งมัซฮับชาฟีอีย์​ซึ่ง​ใน​คำ​ตอบดังกล่าวมีการนำ​เสนอข้อมูล​จาก​คำ​กล่างของท่านอิบนุหะญัรอัลฮัยตะมีย์​ ​นักวิชาการฟิกฮ์ระดับแนวหน้า​แห่งมัซฮับชาฟีอีย์​จาก​หนังสือ​ ​ต๊ห์ฟะตุ้ลมุห์ตาจญ์​ ​ว่า​ ".​ใช่​แล้ว​ ​สิ่งที่ประชาชนกำ​ลังกระทำ​กัน​อยู่​คือการไปชุมนุม​ ​ณ​ ​ครอบครัวผุ้ตาย​ ​และ​มีการประกอบอาหาร​ ​ถือว่า​เป็น​หนึ่ง​จาก​บิดอะฮ์​ต้อง​ห้าม​ ​ซึ่ง​ผู้​คัดค้านสิ่งนี้​จะ​ได้​รับผลบุญ​ ​ท่านอัลลามะ​ ​อิบนุหะญัร​ได้​กล่าว​ใน​ ​ตุห์ฟะตุ้ลมุห์ตาจญ์​ ​ตำ​ราอธิบายหนังสืออัล​ ​มินฮาจญ์ว่า​ ​สุนัต​ ​ให้​บ้าน​ไกล้​เรือนเคียง​ผู้​ตายนำ​อาหารที่พอเพียงต่อพวก​เขา​(ลูกเมีย​ผู้​ตาย)​รับประทาน​ใน​วัน​และ​คืน​นั้น​เพราะ​ท่านนบีย์กล่วว่า​ ​พวกท่านจงทำ​อาหารไปเลี้ยงครอบครัวญะฟัรเถิด​ ​เพราะ​พวก​เขา​กำ​ลังประสบ​กับ​ความ​โศกเศร้า​ ​และ​สมควร​จะ​คะยั้นคะยอ​ให้​พวก​เขา​รับประทานอาหาร​ด้วย​  ​และ​สิ่งที่ถูกปฏิบัติจนกลาย​เป็น​ประ​เพณี​ไป​แล้ว​ ​อัน​ได้​แก่ครอบครัว​ผู้​ตายปรุงอาหารขึ้นมา​เพื่อเชิญชวน​ให้​ผู้​คนมากิน​นั้น​เป็น​บิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจเช่นเดียว​กับ​การตอบรับคำ​เชิญไปร่วม​ใน​งานนี้​(ก็​เป็น​เรื่องน่ารังเกียจเช่น​กัน)​" ​จาก​ ​อิอานะฮ์​ ​อัฏฏอลิบีนเล่ม​2​หน้า​145-146

-​เช็คอะห์หมัด​ ​ซัยนีย์ดะลาน​ยัง​ได้​กล่าวอีกว่า​ ​"​และ​ไม่​มีข้อสงสัย​ใดๆ​เลยว่าการห้ามปราม​ผู้​คน​จาก​บิดอะฮ์​ต้อง​ห้ามนี้​ ​เป็น​การฟื้นฟูซุนนะฮ์​และ​ทำ​ลายบิดอะฮ์​.....​"​จาก​อิอานะฮ์​ ​อัฏฏอลิบีนเล่ม​2​หน้า​135

-​หมายเหตุ​ ​คำ​ว่ามักโร๊ะอัน​เป็น​สำ​นวนที่นักวิชาการแทบทุกท่าน​ใช้​กล่าวคู่​กับ​บิดอะฮ์​ ​โปรด​เข้า​ใจ​ด้วย​ว่า​ความ​หมายของมันคือบิดอะฮ์​ต้อง​ห้าม​ ​หรือ​หะรอมนั่นเองมิ​ใช่​หมาย​ถึง​ถ้า​ไม่​ทำ​ได้​บุญ​ ​แต่​ถ้า​ทำ​ก็​ไม่​บาป​ ​โปรดดู​ ​กัชฟุชชุบฮาต​ ​หน้า​193

-​นี่​เป็น​แค่​ส่วน​หนึ่ง​จาก​คำ​กล่าวของนักวิชาการมัซฮับชาฟีอีย์​ ​จะ​ให้​ผมเปิดโปงคุณ​ด้วย​การนำ​คำ​กล่าวของนักวิชาการมัซฮับ​อื่น​มาอีกไหม​ ​ผม​ไม่​อยาก​จะ​ให้​พี่น้องที่ศรัทธา​ใน​ตัวคุณ​ต้อง​เสีย​ความ​รู้สึกไปมากกว่านี้​ ​ขอ​ให้​คุณไปเปิดดู​เอง​แล้ว​กัน​ดังนี้

1​มัซฮับฮัมบาลีย์​
-​ใน​อัลมันฮัล​ ​อัล​-​อัศบุลเมารูดเล่มที่​4​ส่วน​ที่​8​หน้า​273 
-​ใน​อัล​-​มุฆนีย์​ ​เล่มที่​2​หน้า​ 413
2​มัซฮับฮะนาฟีย์​
-​ใน​อัต​-​ตัซกิ​เราะฮ์​ ​หน้า​102
3​มัซฮับมาลิกีย์
-​ใน​อัล​-​หะวาดิษวัลบีดาอ์​ ​หน้า​ 170
-​ใน​มัตนุคอลีล​ ​(​จาก​ ​อัลมันฮัล​ ​เล่มที่​4​ส่วน​ที่​8​หน้า​272)               
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

เมื่อได้อ่านแล้ว  ปัญหามันอยู่ที่  บรรดาอัครสาวก ของ อ.ปราโมท และอ. มุรีด นั้น พวกเขาไม่เคยอ่านสิ่งที่เราได้ชี้แจงไป  เพราะหากเขาได้อ่านจริง  ก็จะไม่เขียนออกมาอย่างนี้

วัสลาม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

​และ​ท่านอัล​-​บัยฮะกีย์​ใน​ ​อัล​-​มัดคอลุอิลัซซุนนะฮ์นินกุบรอ​ ​หมายเลข​191 ​มี​ใจ​ความ​ดังนี้​"ทุกๆ​บิดอะฮ์​(ตามนัยของบทบัญญัติ)​คือ​ความ​หลงผิดแม้ประชาชน​ทั่ว​ไป​จะ​เห็นว่ามันดีก็ตาม"​เพื่อ​ให้​กระชับยิ่งขึ้นขอตบท้าย​ด้วย​หะดีษที่ว่า​"​ผู้​ใด​ที่อัลลอฮ์​ให้​ทางนำ​แก่​เขา​ก็​ไม่​มี​ใครทำ​ให้​เขา​หลง​ได้​ ​และ​ผู้​ใด​ที่อัลลอฮ์​ให้​เขา​หลงทาง​ ​ก็​ไม่​มี​ผู้​ใด​จะ​ชี้ทางนำ​แก่​เขา​ได้​ ​แน่นอนวาจาที่สัจ​จะ​ยิ่งคือคัมภีร์ของอัลลอฮ์​ ​ทางนำ​ที่ดี​เลิศคือทางนำ​ของมุฮัมหมัด​ ​และ​ที่​เลวยื่ง​จาก​กิจการ​ทั้ง​หลายคือบรรดาสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นมา​ใหม่​ ​และ​ทุกอย่างที่ถูกอุตริขึ้นมา​ใหม่​เป็น​บิดอะฮ์​ ​ทุกๆ​บิดอะฮ์คือ​ความ​หลงผิด​ ​และ​ทุกๆ​ความ​หลงผิด​จะ​ต้อง​อยู่​ใน​นรก​......​"​โดย​ท่านนซาอีย์หะดีษที่​1577​ด้วย​สายรายงานที่ถูก​ต้อง​ ​อย่าดันทุรังหลอกตัวเอง​และ​ชาวบ้านเลยครับ​ ​ขออัลลอฮ์ทรงฮีดายะฮ์ทางนำ​แก่ท่าน​ด้วย​

สาวก(ซอฮาบะฮ์) ของ อ.ปราโมท และ อ.มุรีด  เขาบอกกับผมว่า "อย่างดันทุรังหลอกตัวเอง"  แล้วอ้างหนังสือ อัลมัดค๊อล ของท่าน อิมามอัลบัยฮะกีย์  ผมว่า สาวกพวกนี้  ถูกหลอกมากกว่า   อ้างอิงจากตำรา อัลมัดค๊อล  ของท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์  และซ่อนเร้นอำพรางปกปิดอีกส่วนหนึ่งที่ไม่ตรงกับอารมณ์นัฟซูของตนเอง  แบบนี้ไม่ดีแน่ครับ 

พี่น้องลองมาดูเนื้อความของหนังสือ อัลมัดค๊อล ที่ท่านอิบนุตัยมียะฮ์(แถมให้อีก)  ได้ทำการอ้างอิง  ถึงการแบ่งแยกบิดอะฮ์ เป็น บิดอะฮ์ซัยยิอะฮ์(บิดดะฮ์ที่เลว) และบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ (บิดอะฮ์ที่ดี)  ความว่า

ท่าน อิบนุตัยมียะฮ์ กล่าวไว้ใน มัจญฺมั๊วะอฺ อัลฟะตาวา ว่า

ومن هنا يعرف ضلال من ابتدع طريقاً أو اعتقاداً زعم أن الايمان لا يتم إلا به، مع العلم بأن الرسول لم يذكره، وما خالف النصوص فهو بدعة باتفاق المسلمين، وما لم يعلم أنه خالفها فقد لا يسمى بدعة، قال الشافعي ـ رحمه الله ـ: البدعة بدعتان: بدعة خالفت كتاباً وسنة وإجماعاً وأثراً عن بعض [أصحاب] رسول الله صلى الله عليه وسلّم، فهذه بدعة ضلالة. وبدعة لم تخالف شيئاً من ذلك، فهذه قد تكون حسنة لقول عمر: نعمت البدعة هذه! هذا الكلام أو نحوه رواه البيهقي بإسناده الصحيح في المدخل

"จาก ณ ที่นี้ จึงรู้ถึง ความลุ่มหลง ของผู้ที่ได้อุตริ หนทางหนึ่ง หรือหลักการยึดมั่นหนึ่ง แล้วอ้างว่า การศรัทธานั้น จะไม่สมบูรณ์ นอกจากด้วยกับมัน พร้อมกับรู้ว่า แท้จริง ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ไม่ได้กล่าวมันเอาไว้ และสิ่งที่ขัดแยังกับ บรรดาตัวบท มันย่อมเป็นบิดอะฮ์ ด้วยมติของบรรดามุสลิมีน และสิ่งที่ไม่ทราบว่า มันขัดกับบรรดาตัวบท แท้จริงแล้ว มันย่อมไม่ถูกเรียกว่า เป็นบิดอะฮ์ ท่าน อิมาม อัชชาฟิอีย์ (ร.ห.) กล่าวว่า บิดอะฮ์นั้น มีสองประเภท คือบิดอะฮ์ที่ขัดแย้งกับ อัลกุรอาน ซุนนะฮ์ มติปวงปราชน์ และสิ่งรายงานจากบรรดาซออาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.) ดังนั้น มันนี้ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง และ(สอง)บิดอะฮ์ที่ไม่เคยทราบเลยว่า มันขัดกับสิ่งหนึ่งสิ่งใดจากดังกล่าวนั้น ดังนี้นั้น มันย่อมบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ เพราะคำกล่าวของ ท่านอุมัร ที่ว่า "บิดอะฮ์ที่ดี คือ อันนี้" คำกล่าวนี้ หรือเหมือนกับคำกล่าวนี้ ได้รายงานโดย ท่านอัล-บัยฮะกีย์ ด้วยสายรายงานของเขาที่ซอฮิหฺ ไว้ในหนังสือ อัลมัดค๊อล" ดู เล่ม 20 หน้า 159 ตีพิมพ์ ดารฺ อาลัม อัลกุตุบ

ท่าน อิบนุ ตัยมียะฮ์ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ดุรอุตตะอารุฏ ว่า

فإن ما خالف النصوص فهو بدعة باتفاق المسلمين وما لم يعلم أنه خالفها فقد يسمى لا بدعة قال الشافعي رضي الله تعالى عنه : البدعة بدعتان : بدعة خالفت كتابا أو سنة أو إجماعا أو أثرا عن بعض أصحاب رسول الله صلى الله عليه وسلم فهذه بدعة ضلالة وبدعة لم تخالف شيئا من ذلك فهذه قد تكون حسنة لقول عمر : نعمت البدعة هذه هذا الكلام أو نحوه رواه البيهقي بإسناده الصحيح في المدخل

"แท้จริง สิ่งที่ขัดแย้งกับ บรรดาตัวบทนั้น มันคือบิดอะฮ์ ด้วยมติปวงปราชน์มุสลิมีน และสิ่งที่ไม่ทราบว่า มันขัดแย้งกับบรรดาตัวบท แท้จริงแล้ว มันย่อมไม่ถูกต้องเรียกว่า เป็นบิดอะฮ์ ท่านอิมาม อัช-ชาฟิอีย์ กล่าวว่า บิดอะฮ์นั้น มีสองประเภท คือบิดอะฮ์ที่ขัดแย้งกับ อัลกุรอาน ซุนนะฮ์ มติปวงปราชน์ และสิ่งรายงานจากบรรดาซออาบะฮ์ของท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.) ดังนั้น มันนี้ย่อมเป็นบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง และ(สอง)บิดอะฮ์ที่ไม่เคยทราบเลยว่า มันขัดกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด จากดังกล่าวนั้น ดังนี้นั้น มันย่อมบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ เพราะคำกล่าวของ ท่านอุมัร ที่ว่า "บิดอะฮ์ที่ดี คือ อันนี้" คำกล่าวนี้ หรือเหมือนกับคำกล่าวนี้ ได้รายงานโดย ท่านอัล-บัยฮะกีย์ ด้วยสายรายงานของเขาที่ซอฮิหฺ ไว้ในหนังสือ อัลมัดค๊อล" ดู เล่ม 1 หน้า 140

ผมเชื่อว่า  คำกล่าวของท่านอิบนุตัยมียะฮ์  ที่ได้นำเสนอรายงานของท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์ ท่านนี้  วะฮาบีย์ขมขื่นแน่นอนครับ  จึงไม่พยายามยกมาให้หมด   no:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
แหม​!  ​อะ​ไรๆ​ก็บิดอะหาสานะฮ์​ ​การที่ท่านเล่นถือวิสาสะนำ​เอาคำ​พูดของท่านอุมัรมาอ้างเพื่อที่​จะ​ชักลาก ​เข้า​หาฝ่ายตัวเอง​ ​ผมอยาก​จะ​รู้จริงจิ๊งว่าทำ​ไมท่าน​ถึง​ไม่​กล้านำ​เอาคำ​ อธิบายของท่านอิบนุหะญัรอัล​-​อัสกอลานี​ซึ่ง​เป็น​นักวิชาการหะดีษ​ใน​ มัซฮับชาฟีอีย์​เองว่าท่าน​ได้​อธิบายหะดีษนี้อย่างไร​หรือ​

สาวก(ซอฮาบัต)ของ อ.ปราโมท และอ.มุรีด  ถูกหลอกอีกแล้วครับ  พูดจาอร่อยเหลือกินน่ะ  แม้พวกชีอะฮ์ยังสู้ไม่ได้   เขาบอกว่าว่า  "ทำไมผมไม่กล้านำเอาคำอธิบายของท่านอิบนุหะญรอัล-อัสกอลานีย์  มาอธิบาย"  นี่แหละครับ  ปัญหาของวะฮาบีย์คือ  เขาไม่ยอมอ่านสิ่งที่เราได้นำเสนอ  ซึ่งผมได้นำเสนอคำอธิบายของท่านอิบนุหะญัรไปตั้งนานตั้งแต่เว็บไซต์แห่งนี้เพิ่งมีขึ้นมาใหม่ ๆ  และเคยไปเสวนาเปิดโปงการตัดทอนถ้อยคำของวะฮาบีย์เกี่ยวกับการอ้างอิงคำพูดของท่านอิบนุหะญัร
ต่อไปนี้  เป็นคำอธิบายของท่านอิบนุหะญัร อัล-อัสกอลานีย์  ที่วะฮาบีย์ไม่มีกล้ายกมาอ้างอิง และพยายามตัดทอนมันทิ้ง
 
ท่านอิบนุหะญัร ได้กล่าว วิจารณ์คำกล่าวท่านอุมัร(ร.ฏ.) ที่ว่า نعمت البدعة هذه ดังนี้

البدعة: أصلها ما أحدث على غير مثال سابق، وتطلق في الشرع في مقابل السنّة فتكون مذمومة والتحقيق أنها إن كانت مما يندرج تحت مستحسن فى الشرع فهى حسنة وإن كانت مما يندرج تحت مستقبح فهى مستقبحة وإلا فهى من قسم المباح 

ความว่า " บิดอะฮ ที่มาของมันคือ สิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน และคำว่าบิดอะฮ์อย่างเดียว ( مطلق ) (คือพูดโดยใช้คำว่า"บิดอะฮ์" เฉย ๆ เพียงลำพังตัวเดียว)ในทางบทบัญญัติ  ได้ถูกนำมาใช้เรียกกับสิ่งที่ตรงข้ามกับซุนนะฮ์  จึงถือว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิ  และจากการตรวจสอบพบว่า  บิดอะฮ์นั้น  หากมันเข้าไปอยู่ภายใต้สิ่งที่นับว่าดีตามหลักการของศาสนา มันก็คือ (บิดอะฮ์)หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี)   wink: และหากว่ามันเข้าไปอยู่ภายใต้หลักการที่ถือว่าน่ารังเกียจ  มันก็คือบิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจ  และถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น(หมายถึงไม่เป็นทั้งบิดอะฮ์ทั้งสองประเภท) ก็ถือว่า มันเป็นบิดอะฮ์ ประเภทที่มุบาห์" ( ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 4 หน้า 253)

ชัดเจนครับ  การอ้างคำอธิบายของนักปราชญ์  แบบตัดทอนบางส่วนและอำพรางบางส่วนนั้น  ถือว่าเป็นทัศนะที่อ่อนและไม่มีอะมานะฮ์เชิงวิชาการครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เมื่อเดือนที่​แล้ว​ผม​ได้​อ่านกระทู้ของคุณเรื่อง​''​ทำ​บุณ​7​วัน​''​ซึ่ง​คุณ​ได้​อ้างหะดีษอะห์นัฟ​ ​บินก็อยส์​ ​และ​หะดีษ​ ​ฏอวูส​ ​ผม​ได้​นำ​หะดีษ​2​บทนี้​ไป​ให้​ ​อ​.​ท่านหนึ่ง​ได้​ตรวจสอบ​ ​ซึ่ง​บัดนี้ท่าน​ได้​ทำ​การวิ​เคราะห์​ ​หะดีษที่คุณอ้างจนเสร็จ​เป็น​รูปเล่ม​และ​ได้​ทำ​การแจกจ่าย​ให้​พี่น้องของเรา​ได้​อ่าน​กัน​ทั่ว​ภาค​ใต้​ซึ่ง​ผมก็อยาก​จะ​ส่งหนังสือเล่ม​นั้น​มา​ให้​คุณ​ได้​อ่านแต่ทราบว่าคุณอัซอารีย์​ไม่​ได้​อยู่​เมืองไทย​ ​น่า​เสียดาย​  ​ซึ่ง​ปรากฏว่าหะดีษที่คุณอ้างมีจุดบกพร่อง​อยู่​หลายจุด​ทั้ง​ใน​ด้านเนื้อหา​และ​ตัวบท​ ​และ​ผมก็​ไม่​เชื่ออีกเช่น​กัน​ว่า​ผู้​รู้ระดับสูงเยี่ยงท่าน​จะ​มอง​ไม่​ออกว่าหะดีษ​2​บทนี้มีข้อผิดพลาดอย่างไรทำ​ไม​หรือ​ครับ​ ​ท่าน​เป็น​เพียงแค่มูก็อลลิด​ ​แต่กลับสถาปนาตนเองขึ้น​เป็น​มุญตะฮิด​

หากบรรดาสาวก อ.ปราโมทและอ.มุรีด  หรือคนที่โพสต์มานี้  แน่จริง  ก็เอาคำวิจารณ์ที่อยู่ในรูปเล่มและแจกจ่ายไปนั้น  นำเสนอในกระทู้นี้ซิครับ  เข้ามาสมัครเป็นสมาชิก แล้วเสวนาเชิงวิชาการตามกฏการเสวนา  หรือว่าเสวนาการเชิงวิชาการแล้วไปไม่รอด  เพราะถนัดวิชากวนกะแนะกะแหนมากกว่าถึงกับพวกชีอะฮ์ยังแพ้  fouet:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
​​และ​ผมก็​ไม่​เชื่ออีกเช่น​กัน​ว่า​ผู้​รู้ระดับสูงเยี่ยงท่าน​จะ​มอง​ไม่​ ออกว่าหะดีษ​2​บทนี้มีข้อผิดพลาดอย่างไรทำ​ไม​หรือ​ครับ​ ​ท่าน​เป็น​เพียงแค่มูก็อลลิด​ ​แต่กลับสถาปนาตนเองขึ้น​เป็น​มุญตะฮิด​ ​เพราะ​ผมอยาก​จะ​ทราบว่ามีอิหม่ามมุญตะฮิดท่าน​ใด​ใน​อดีตที่คุณตักลีดตาม​ เขา​ว่าพวก​เขา​จะ​เคยอ้างหะดีษ​2​บทนี้มา​เป็น​ หลักฐานเรื่องกินบุญบ้านคนตายมาก่อน​ ​หรือ​ว่าคุณ​จะ​โต้​แย้งผมกลับว่า​ผู้​รู้​เหล่า​นั้น​อาจ​ไม่​พบหลักฐาน​ ​ท่านคนแรกงั้นซิ​?

นี่ไงครับ  สาวก(ซอฮาบะฮ์)ของ อ.ปราโมท  หรือสาวก อ.มุรีด  มาบอกว่า  ผมสถาปนาตนเองเป็นมุญตะฮิด  คิดได้ไงครับเนี่ย     ระดับท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร และท่านอิมามอัสยูฏีย์  ซึ่งทั้งสองได้รับฉายาว่าเป็นหนึ่งใน  อะมีรุลมุอฺมินีในสาขาฮะดิษ  ก็มองว่า ฮะดิษดังกล่าว เกี่ยวกับการทำบุญให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด  ซึ่งทั้งสองก็เป็นอุลามาอ์มุจญฺฮิด  ท่านอิมามอัสสะยูฏีย์  ก็ฮุกุ่มว่าเป็นฮะดิษซอฮิห์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
คุณคง​จะ​ลืม​(​หรือ​แกล้งลืม​กัน​แน่)​ใน​ที่นี้ผมขอทวน​ความ​จำ​ให้​คุณดังนี้

 ​มัซฮับชาฟีอีย์​ ​ท่านอิหม่ามนะวะวีย์​ ​ได้​กล่าว​ใน​หนังสือ​ ​อัล​-​มัญมั๊วะอ์​ ​เล่มที่​5​หน้า​320​ว่า
'' ​ท่านเจ้าของหนังสือ​ ​อัชชามิล​ ​และ​นักวิชาการท่าน​อื่นๆ​ได้​กล่าวว่า​ ​อนึ่งการที่ครอบครัว​ผู้​ตาย​ได้​จัดเตรียมอาหารอย่างดี​ ​และ​เชิญชวน​ผู้​คน​ให้​มาร่วมรับประทาน​นั้น​ ​พฤติกรรมนี้​ ​ไม่​เคยปรากฏมีรายงานหลักฐานมา​แต่อย่าง​ใด"​  ​การที่ท่านอิหม่ามนะวะวีย์​ ​ได้​คัดลอกข้อ​ความ​นี้มา​โดย​ไม่​มีการท้วงติงตามหลักการถือว่า​ ​ท่านยอมรับทัศนะที่ท่าน​ได้​คัดลอกมา

  -​ท่านซัยยิด​ ​บักรีย์​ ​เจ้าของหนังสือ​ ​อิอานะฮ์​ ​อัฏฏอลิบีน​ ​ได้​นำ​คำ​ตอบของท่านอะฮ์หมัด​ ​บินซัยนีย์​ ​ดะห์ลาน​ ​มุฟตีคนหนึ่งแห่งมัซฮับชาฟีอีย์​ซึ่ง​ใน​คำ​ตอบดังกล่าวมีการนำ​เสนอข้อมูล ​จาก​คำ​กล่างของท่านอิบนุหะญัรอัลฮัยตะมีย์​ ​นักวิชาการฟิกฮ์ระดับแนวหน้า​แห่งมัซฮับชาฟีอีย์​จาก​หนังสือ​ ​ต๊ห์ฟะตุ้ลมุห์ตาจญ์​ ​ว่า​ ".​ใช่​แล้ว​ ​สิ่งที่ประชาชนกำ​ลังกระทำ​กัน​อยู่​คือการไปชุมนุม​ ​ณ​ ​ครอบครัวผุ้ตาย​ ​และ​มีการประกอบอาหาร​ ​ถือว่า​เป็น​หนึ่ง​จาก​บิดอะฮ์​ต้อง​ห้าม​ ​ซึ่ง​ผู้​คัดค้านสิ่งนี้​จะ​ได้​รับผลบุญ​ ​ท่านอัลลามะ​ ​อิบนุหะญัร​ได้​กล่าว​ใน​ ​ตุห์ฟะตุ้ลมุห์ตาจญ์​ ​ตำ​ราอธิบายหนังสืออัล​ ​มินฮาจญ์ว่า​ ​สุนัต​ ​ให้​บ้าน​ไกล้​เรือนเคียง​ผู้​ตายนำ​อาหารที่พอเพียงต่อพวก​เขา​(ลูกเมีย​ ผู้​ตาย)​รับประทาน​ใน​วัน​และ​คืน​นั้น​เพราะ​ท่านนบีย์กล่วว่า​ ​พวกท่านจงทำ​อาหารไปเลี้ยงครอบครัวญะฟัรเถิด​ ​เพราะ​พวก​เขา​กำ​ลังประสบ​กับ​ความ​โศกเศร้า​ ​และ​สมควร​จะ​คะยั้นคะยอ​ให้​พวก​เขา​รับประทานอาหาร​ด้วย​  ​และ​สิ่งที่ถูกปฏิบัติจนกลาย​เป็น​ประ​เพณี​ไป​แล้ว​ ​อัน​ได้​แก่ครอบครัว​ผู้​ตายปรุงอาหารขึ้นมา​เพื่อเชิญชวน​ให้​ผู้​คนมากิน ​นั้น​เป็น​บิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจเช่นเดียว​กับ​การตอบรับคำ​เชิญไปร่วม​ใน​ งานนี้​(ก็​เป็น​เรื่องน่ารังเกียจเช่น​กัน)​" ​จาก​ ​อิอานะฮ์​ ​อัฏฏอลิบีนเล่ม​2​หน้า​145-146

-​เช็คอะห์หมัด​ ​ซัยนีย์ดะลาน​ยัง​ได้​กล่าวอีกว่า​ ​"​และ​ไม่​มีข้อสงสัย​ใดๆ​เลยว่าการห้ามปราม​ผู้​คน​จาก​บิดอะฮ์​ต้อง​ ห้ามนี้​ ​เป็น​การฟื้นฟูซุนนะฮ์​และ​ทำ​ลายบิดอะฮ์​.....​"​จาก​อิอานะฮ์​ ​อัฏฏอลิบีนเล่ม​2​หน้า​135

-​หมายเหตุ​ ​คำ​ว่ามักโร๊ะอัน​เป็น​สำ​นวนที่นักวิชาการแทบทุกท่าน​ใช้​กล่าวคู่​กับ​ บิดอะฮ์​ ​โปรด​เข้า​ใจ​ด้วย​ว่า​ความ​หมายของมันคือบิดอะฮ์​ต้อง​ห้าม​ ​หรือ​หะรอมนั่นเองมิ​ใช่​หมาย​ถึง​ถ้า​ไม่​ทำ​ได้​บุญ​ ​แต่​ถ้า​ทำ​ก็​ไม่​บาป​ ​โปรดดู​ ​กัชฟุชชุบฮาต​ ​หน้า​193

-​นี่​ เป็น​แค่​ส่วน​หนึ่ง​จาก​คำ​กล่าวของนักวิชาการมัซฮับชาฟีอีย์​ ​จะ​ให้​ผมเปิดโปงคุณ​ด้วย​การนำ​คำ​กล่าวของนักวิชาการมัซฮับ​อื่น​ มาอีกไหม​ ​ผม​ไม่​อยาก​จะ​ให้​พี่น้องที่ศรัทธา​ใน​ตัวคุณ​ต้อง​เสีย​ความ​ รู้สึกไปมากกว่านี้​ ​ขอ​ให้​คุณไปเปิดดู​เอง​แล้ว​กัน​ดังนี้

1​มัซฮับฮัมบาลีย์​
-​ใน​อัลมันฮัล​ ​อัล​-​อัศบุลเมารูดเล่มที่​4​ส่วน​ที่​8​หน้า​273
-​ใน​อัล​-​มุฆนีย์​ ​เล่มที่​2​หน้า​ 413
2​มัซฮับฮะนาฟีย์​
-​ใน​อัต​-​ตัซกิ​เราะฮ์​ ​หน้า​102
3​มัซฮับมาลิกีย์
-​ใน​อัล​-​หะวาดิษวัลบีดาอ์​ ​หน้า​ 170
-​ใน​มัตนุคอลีล​ ​(​จาก​ ​อัลมันฮัล​ ​เล่มที่​4​ส่วน​ที่​8​หน้า​272)               

ผมไม่ได้ลืมหรอกครับ  เพราะผมได้นำเสนอไปนานแสนนานแล้ว  แต่พวกคุณไม่ยอมอ่านของคนอื่น  ยึดติดต่อของบรรดาอาจารย์ตนเอง  แม้มีการอ้างอิงแบบตัดทอนและอำพราง   ก็เต็มใจเชื่อ  งั้นก็อ่านดูน่ะ  จากลิงค์ต่อไปนี้

http://www.sunnahstudents.com/index.php?option=com_content&task=view&id=4&Itemid=1

หรือว่าไม่ยอมอ่านอีก ?

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
​ความ​จริงผมน่า​จะ​เชื่อท่านฮิชาม​ ​บินอุรวะฮ์​(​เป็น​ตาบีอีน​ ​และ​เป็น​หลานของท่านหญิงอาอิฉะฮ์​ ​ร​.​ฎ​. ​สิ้นชีวิต​ใน​ปี​145​หรือ​146)​ตั้งแต่​แรก​ ​ซึ่ง​ท่าน​ได้​กล่าวเอา​ไว้​ว่า​"พวกท่านอย่า​ไปถาม​ผู้​คน​ใน​สิ่งที่พวก​ เขา​ได้​อุตริมันขึ้นมา​ ​เพราะ​พวก​เขา​จะ​เตรียมข้ออ้าง​(คำ​ตอบ)​ไว้​เรียบร้อย​แล้ว​ แต่จงถามเรื่องซุนนะฮ์ซิ​แล้ว​พวก​เขา​จะ​ไม่​ รู้จักมันเลยว่าซุนนะฮ์ว่าซุนนะฮ์​ใน​เรื่อง​นั้นๆ​เป็น​อย่างไร"  ​จาก​หนังสืออัล​-​อิบดาอ์ฟีมะฎอรร์อัล​-​อิบดาอ์หน้า​41   ​โปรดคิดสักนิดเถอะครับ​ ​สุดท้ายนี้ผมอยาก​จะ​ฝากข้อคิดคำ​คม​จาก​นักวิชาการท่านหนึ่ง​ใน​ อดีตเพื่อหวัง​ความ​เมตตา​จาก​อัลลอฮ์​ให้​ความ​แหลมคมของข้อ​ความ​นี้​จะ​ ไปทิ่มแทง​หรือ​สกิดหัวใจของใครบางคนแถวนี้​ให้​ฉุกยั้งคิด​ได้​ (ขออัลลอฮ์ทรงรับดุอาอ์​ด้วย​เถิด)  ​ท่านอิหม่ามมาลิก​ ​บิน​ ​อนัส​(สิ้นชีวิต​ใน​ปีฮ​.​ศ​.179) ​ได้​กล่าว​ไว้​ ​ดังการรายงานของท่านอิบนุ​ ​มาญิชูน​ ​ว่า​"​ผู้​ใด​อุตริสิ่ง​ใด​ขึ้นมา​ใน​อิสลาม​ ​โดย​มองว่ามัน​เป็น​เรื่องที่ดี​ ​แน่นอน​เขา​ผู้​นั้น​กล่าวหาท่าน​ ​นบีย์มูฮัมหมัดว่าทุจริต​(​หรือ​บกพร่อง)​ใน​การปฏิบัติหน้าที่รอซู้ล​ ​เพราะ​อัลลอฮ์​ ​ซ​.​บ​. ​ทรงตรัสเอา​ไว้​แล้ว​ว่า​ ​วันนี้ข้า​ได้​ทำ​ให้​ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์​แล้ว​ ​ดัง​นั้น​สิ่ง​ใด​ก็ตาม​ถ้า​หาก​ใน​วัน​นั้น​มิ​ใช่​เป็น​เรื่องของศาสนา​ ​มา​ใน​วันนี้มันก็มิ​ใช่​เป็น​เรื่องของศาสนา​" ​จาก​หนังสือ​ ​อัล​-​เอี๊ยะอ์ติศอม​ ​เล่มที่​1​หน้า​49 ​สุดท้ายก็วัด​กัน​ที่จุดยืน

ผมได้เคยชี้แจงไปในเว็บนี้แล้ว  กล่าวคือ :

ข้อควรทราบเกี่ยวกบเรื่องบิดอะฮ์อีกประการหนึ่งคือ  หากนักปราชญ์สะลัฟที่เอ่ยตำหนิเรื่องบิดอะฮ์นั้น  คือพวกเขาจะกล่าวและพูดคำว่า "บิดอะฮ์" เฉย ๆ เพียงอย่างเดียว  โดยไม่มีอะไรมาจำกัดความต่อท้าย  ซึ่งหมายถึง  บิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิ  ดังนั้น  การกล่าวบิดอะฮ์เฉย ๆ คำเดียวแบบเดี่ยว ๆ  พวกเขาได้กล่าวแบบ แบบมุฏลัก ( مطلق ) โดยไม่มีข้อแม้หรือคำที่มาจำกัดคุณลักษณะของมาต่อท้าย เช่นกล่าวว่า  สิ่งนั้นบิดอะฮ์  สิ่งนี้บิดอะฮ์  สิ่งโน้นบิดอะฮ์  ย่อมหมายถึง บิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงหรือบิดอะฮ์ฮารอมที่ส่วนมากเขาใช้กัน  ซึ่งอยู่ในประเด็นเดียวกับคำกล่าวของอิมามมาลิกข้างต้นนี้
แต่หากว่าเป็นบิดอะฮ์ที่กล่าวแบบมุก๊อยยัด ( مقيد ) คือมีคำที่มาจำกัดต่อท้าย  ก็ย่อมไม่ใช่หมายถึงบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง   เช่น  บิดอะฮ์ที่ดี (ตามคำกล่าวของท่านอุมัร)  บิดอะฮ์วายิบ  บิดอะฮ์สุนัต  บิดอะฮ์มุบาห์  เป็นต้น 

ตัวอย่างจากคำกล่าวของสะลัฟ  เช่นคำกล่าวของท่านอิบนุมัสอูด ที่ว่า

اتبعوا ولا تبتدعوا فقد كفيتم

"พวกท่านจงเจริญตาม  และพวกท่านอย่าอุตริบิดอะฮ์ขึ้นมา  เพราะพวกท่านเพียงพอแล้ว"  ดู  หนังสือ มัจญฺมะอ์ อัลซะวาอิด  เล่ม 1 หน้า 88

ท่านอิบนุอับบาสกล่าวว่า

ما أتى على الناس عام إلا أحدثوا فيه بدعة، وأماتوا فيه سنة حتى تحي البدع وتموت السنن

" ปีหนึ่งจะไม่ผ่านผู้คนไป นอกจากพวกเขาจะอุตริบิดอะฮ์หนึ่งขึ้นมา  และพวกเขาก็ทำให้ตายกับซุนนะฮ์หนึ่ง  จนกระทั้งบรรดาบิดอะฮ์นั้นฟื้นขึ้นมาและบรรดาซุนนะฮ์ก็ได้ตายลงไป" ดู  หนังสือ มัจญฺมะอ์ อัลซะวาอิด  เล่ม 1 หน้า 88

อิหม่ามมาลิก บุตร อะนัสกล่าวว่า

من ابتدع في الإسلام بدعة يراها حسنة فقد زعم أن محمدا صلى الله عليه وسلم خان الرسالة، لأن الله يقول: (اليَومَ أكْمَلْتُ لَكُم دِينَكُمْ) فما لم يكن يومئذ دينا فلا يكون اليوم دينا

"ผู้ใดอุตริบิดอะฮหนึ่งขึ้นมาในอิสลาม โดยเห็นว่ามันดี   แน่นอนเขาย่อมอ้างว่า  แท้จริงมุหัมหมัด ศอลฯ นั้น ไม่ซื่อสัตย์ต่อสาส์นแห่งพระเจ้า เพราะว่าอัลลอฮทรงกล่าวว่า (วันนี้เราได้ให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์สำหรับพวกเจ้าแล้ว)  เพราะฉะนั้นสิ่งใดก็ตามที่ไม่เป็นศาสนาในวันนั้น  ในวันนี้มันก็ไม่เป็นศาสนาด้วย" โปรดดูอัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 149 

จากที่ได้กล่าวมาแล้วสักครู่นี้  จะได้เห็นได้ว่า  คำกล่าวของซอฮาบะฮ์ที่เกี่ยวกับบิดอะฮ์นั้น  ก็คือบิดอะฮ์ที่อยู่ในความหมายแบบมุฏลัก (مطلق ) ที่อยู่ในความหมายประเภทบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลงเท่านั้น และโปรดทำความเข้าใจให้ดี  ไม่เช่นนั้น  หลักการศาสนาจะขัดแย้งกันเอง  แต่ความเป็นจริงแล้วศาสนาอิสลามมีความสมบูรณ์  ไม่มีการขัดแย้งกันเอง  แต่ความเข้าใจของผู้ที่อวดรู้บางคนต่างหากที่ไม่เข้าใจหลักการ  จึงทำให้โลกมุสลิมวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้

และคำกล่าวของอิมามมาลิกก็เช่นเดียวกัน  เพราะบิดอะฮ์ที่อิมามมาลิกกล่าวถึงนั้น  คือบิดอะฮ์ที่ลุ่มหลง  บิดอะฮ์ที่ไม่มีรากฐานมาจากศาสนา  หากผู้ใดเห็นว่าเป็นสิ่งที่ดี  เขาย่อมเป็นผู้อ้างว่าท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ไม่ซื่อสัตย์ต่อสาส์นของอัลเลาะฮ์  และบรรดาอุลามาอ์มัซฮับมาลิกีย์ ก็ไม่ได้เข้าใจว่า  บิดอะฮ์  ที่อิมามมาลิกกล่าวไว้นั้น  หมายถึงบิดอะฮ์หะสะนะฮ์  ที่มาจากบิดอะฮ์วายิบ  บิดอะฮ์สุนัต หรือบิดอะฮ์มุบาห์แต่อย่างใด  ดังนั้นท่านผู้อ่านพึงพิจารณาให้ดีไว้ใน ณ ที่นี้ด้วย

ท่านอิบนุหะญัร ได้กล่าว วิจารณ์คำกล่าวท่านอุมัร(ร.ฏ.) ที่ว่า نعمت البدعة هذه ดังนี้

البدعة: أصلها ما أحدث على غير مثال سابق، وتطلق في الشرع في مقابل السنّة فتكون مذمومة والتحقيق أنها إن كانت مما يندرج تحت مستحسن فى الشرع فهى حسنة وإن كانت مما يندرج تحت مستقبح فهى مستقبحة وإلا فهى من قسم المباح 

ความว่า " บิดอะฮ ที่มาของมันคือ สิ่งที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน และคำว่าบิดอะฮ์อย่างเดียว ( مطلق ) (คือพูดโดยใช้คำว่า"บิดอะฮ์" เฉย ๆ เพียงลำพังตัวเดียว)ในทางบทบัญญัติ  ได้ถูกนำมาใช้เรียกกับสิ่งที่ตรงข้ามกับซุนนะฮ์  จึงถือว่าเป็นบิดอะฮ์ที่ถูกตำหนิ  และจากการตรวจสอบพบว่า  บิดอะฮ์นั้น  หากมันเข้าไปอยู่ภายใต้สิ่งที่นับว่าดีตามหลักการของศาสนา มันก็คือ (บิดอะฮ์)หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี)   wink: และหากว่ามันเข้าไปอยู่ภายใต้หลักการที่ถือว่าน่ารังเกียจ  มันก็คือบิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจ  และถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น(หมายถึงไม่เป็นทั้งบิดอะฮ์ทั้งสองประเภท) ก็ถือว่า มันเป็นบิดอะฮ์ ประเภทที่มุบาห์" ( ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 4 หน้า 253)

หรือว่าไม่ยอมอ่านอีก?  fouet:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อย่าดันทุรังหลอกตัวเอง​และ​ชาวบ้านเลยครับ​ ​ขออัลลอฮ์ทรงฮีดายะฮ์ทางนำ​แก่ท่าน​ด้วย​ ​เอาอย่างนี้ดี​ไหม​?​ถ้า​ท่านบอกว่า​ใน​ศาสนามีบิดอะฮ์ดี​(​ใน​ขณะที่นบี​ และ​ท่านอิบนุอุมัรบอกว่าทุกบิดอะฮ์หลงผิด)​ท่าน​จะ​รับคำ​ ท้าต่อไปนี้ของผมไหม​?1​อะซานเรียกร้อง​ให้​ผู้​คนมานมาซญะมาอะฮ์​ใน​วันอีด ​หรือ​นมาซตะรอเวี๊ยะฮ์​ ​เอ้า​!​ไม่​ดีตรงไหน​หรือ​?​ก็อัลลอฮ์บอก​ไว้​ใน​ซู​เราะห์ฟุศศิลัต​ ​โองการที่​33​ว่า​"​ผู้​ใด​เล่า​จะ​เลอเลิศที่สุด​ใน​ด้านคำ​พูดยิ่งไปกว่า ​ผู้​ที่​เรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮ์​ ​และ​เขา​ปฎิบัติดี​....." ​ฮิๆ​ๆ​ 2​จัด​ให้​มีคน​หรือ​มีขบวนอ่านอัล​-​กุรอ่านดังๆ​นำ​ หน้าตอนหามมัยยิตไปฝังที่กุบุร​ ​

ผมขอตอบว่า  การอะซานญะมาอะฮ์ในวันอีด  เป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลง (ไม่ใช่บิดอะฮ์หะนะนะฮ์) การมีคนอ่านอัลกุรอานดัง ๆ นำหน้ามัยยิดไปฝังที่กุบูรเป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลง (ไม่ใช่บิดอะฮ์หะสะนะฮ์)  แถม ๆ   การอะซานตอนที่กำลังเอามัยยิดลงหลุม  ก็เป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลง  (ไม่ใช่บิดอะฮ์หะสะนะฮ์) 

ผมตอบอย่างนี้  สาวก อ.ปราโมท และอ.มุรีด  ก็ไม่พอใจผมอีก  เพราะผมอาจจะตอบไม่ตรงที่พวกเขาต้องการ   fouet:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อ้อ​! ​ก่อน​จะ​จบ​ถ้า​ท่านว่างๆ​ลองหา​ความ​หมาย​และ​ทำ​ความ​เข้า​ใจ​กับ​คำ​ ศัพท์ที่ผม​จะ​ให้​ต่อไปนี้​ ​เผื่อว่าท่าน​จะ​เข้า​ใจอะ​ไรแจ่มชัดขึ้น​ 1​อัล​-​มะศอลิฮ์มุรสาละฮ์​  2​ซุนนะฮ์ตัรกียะฮ์​  3​บิดอะลูฆอวียะฮ์​  4​บิดอะฮ์ชัรอียะฮ์​ ​ผมว่า​ผู้​รู้ระดับสูงเยี่ยงท่านศัพท์​แค่นี้​ไม่​ยากเกินไปหรอก​ใช่​ ไหมครับ​ ​เพียงแต่ขอ​ให้​ท่าน​ได้​ลดฐิถิลง​

ผมทราบว่า สาวก อ.ปราโมท และอ.มุรีด  คงคิดว่า  บิดอะฮ์ลูฆอวียะฮ์ (เชิงภาษา) นั้นไม่มีปัญหา  แต่บิดอะฮ์ชัรอียะฮ์ (เชิงศาสนา) นั้นคือปัญหาที่พวกเขาคัดค้านและยัดเยียดให้แก่ผู้อื่นจากตน

ทั้งที่ผมได้ชี้แจงไปตั้งนานแล้วว่า 

ท่านอบู ชามะฮ์ กล่าวว่า " สิ่งที่กระทำขึ้นมาใหม่นั้น  ถูกแบ่งออกเป็น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์(บิดอะฮ์ที่ดี) และบิดอะฮ์ที่น่ารังเกียจ (แล้วท่าน อบู ชามะฮ์ ก็อ้างอิงคำพูดของอิมามชาฟิอีย์  ที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น)  จากนั้น  ท่านอบู ชามะฮ์กล่าวว่า  " ฉันขอกล่าวว่า  แท้จริง  มันก็เป็นอย่างเช่นดังกล่าว  เพราะท่านนบี(ซ.ล.) ส่งเสริมให้มีการละหมาดสุนัตในเดือนร่อมะฏอน  โดยที่ท่านนบี(ซ.ล.) ได้กระทำที่มัสยิด  โดยที่ซอฮาบะฮ์บางส่วนได้ทำการละหมาดตามท่านนบีเพียงไม่กี่คืน  หลังจากนั้น  ท่านนบี(ซ.ล.) ได้ทิ้งการละหมาดดังกล่าวในรูปแบบญะมาอะฮ์  โดยท่านนบี(ซ.ล.)ให้เหตุผลในเรื่องดังกล่าวว่า  เกรงจะถูกฟัรดูแก่พวกเขา  ดังนั้น  เมื่อท่านนบี(ซ.ล.)ได้เสียชีวิต  แล้วการปฏิบัติดังกล่าวก็ยุติลง  ช่วงหลังจากนั้น บรรดาซอฮาบะฮ์จึงลงมติให้ทำการละหมาด(ตะรอวิหฺ)ในเดือนรอมาฏอนที่มัสยิดแบบญะมาอะฮ์ เพื่อเป็นการฟื้นฟูเอกลักษณ์ที่อัลเลาะฮ์ทรงใช้  และได้ส่งเสริมให้กระทำมัน  วัลลอฮุอะลัม

จากที่ได้กล่าวมานี้จึงสามารถสรุปได้ว่า 

فالبدع الحسنة : متفق على جواز فعلها ، والإستحباب لها ، ورجاء الثوب امن حسنت نيته فيها ، وهى كل مبتدع موافق لقواعد الشريعة غير مخالف لشيىء منها ولا يلزم من فعله محذور شرعى .

บรรดาบิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น  บรรดาปวงปราชญ์แห่งโลกอิสลามได้ลงมติเห็นพร้องว่า  อนุญาติให้กระทำได้   myGreat:และมีความหวังได้ผลบุญ  สำหรับผู้ที่มีเจตนาที่ดี  โดยที่บิดอะฮ์นั้น  จะต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่และสอดคล้องกับกฏเกณฑ์ต่าง ๆ ของหลักศาสนา (ชะรีอะฮ์) และจะต้องไม่มีข้อห้ามตามหลักศาสนาหากได้กระทำมัน" (ดู  อัลบาอิษ อะลา อินการิลบิดะอ์ วัลหะวาดิษ ของท่าน อบี ชามะฮ์  หน้า 93)

ท่านอบู ชามะฮ์  ได้ให้คำนิยามของบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ จากคำพูดของท่านที่ว่า "บรรดาปวงปราชญ์แห่งโลกอิสลามได้ลงมติเห็นพร้องว่า  อนุญาติให้กระทำได้"  ซึ่งเขาหมายถึงบุคคลที่คำพูดของเขานั้น  เป็นที่ยอมรับในเรื่องการอิจญฺมาอ์  ดังนั้น  ผู้ที่ไม่เป็นที่ยอมรับกับคำพูดของเขา  ก็ถูกคัดออกไป  เช่นคำกล่าวของท่านอิบนุตัยมียะฮ์  และผู้ที่มีแนวทางเดียวกับเขา  เพราะฉะนั้น  จึงไม่อนุญาตให้กับผู้ที่คัดค้านทัศนะคำกล่าวนี้  เนื่องจากเป็นการแหวกมติของประชาชาติอิสลาม  และการแหวกมติของประชาชาติอิสลามนั้น  เป็นสิ่งที่หะรอม

ดังนั้น บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นี่เองที่ เขาเรียกว่า บิดอะฮ์เชิงภาษา    ซึ่งหมายถึงบิดอะฮ์ที่อยู่บนรากฐานของศาสนาโดยไม่ขัดแย้งกับอัลกุรอาน , ซุนนะฮ์ , และอิจญ์มาอฺ   

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2327.15

หรือว่าบรรดาสาวกอาจารย์เหล่านั้น  ไม่ยอมเข้าใจอีก ?  fouet:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เมาลิด​เป็น​สี่งที่นบีรังเกียจตามกฎการกียาสเอาลาวีย์
ท่านอะนัส ​ ​บินมาลิก​ ​ได้​กล่าวว่า​  ​"​ไม่​มี​ผู้​ใด​แล้ว​ใน​โลกนี้​ผู้​ซึ่ง​เขา​(ศอหาบะฮ์)​อยาก​จะ​ เจอหน้ายิ่งไปกว่าท่านรอซู้ล​ ​แต่ทว่า​ ​เมื่อพวก​เขา​เจอท่าน​ ​พวก​เขา​จะ​ไม่​ยืนขึ้นเลย​ ​เพื่อ​เป็น​การ​ให้​เกียรติท่านนบี​ ​เนื่อง​จาก​พวก​เขา​รู้ว่า​ ​ท่านรังเกียรติพฤพติการณ์ดังกล่าวนี้​" ​บันทึก​โดย​ ​ท่านบุคอรี​ ​ใน​ ​อัล​-​อะดับ​ ​อัล​-​มุฟร็อด​ ​หะดีษที่​946 ​ท่านอัต​-​ติรมีซีย์​ ​หะดีษที่​2754 ​ท่านอัฏ​-​เฏาะหาวีย์​ใน​มุชกิลอาษาร​ ​หะดีษที่​1276 ​ท่านอะฮ์หมัด​ ​เล่มที่​3 ​หน้า​132 ​ท่านอาบูยะฮ์ลา​ ​ใน​อัล​-​มุสนัด​ ​หะดีษที่​183/2    ​หว้า​!.....​กะอี​แค่ยีน​ให้​เกียรคินบี​ ​ซึ่ง​เป็น​เรื่องธรรมดาสามัญเหลือเกิน​ ​นบี​ยัง​รังเกียรติขยะ​แขยงจนศอหะบะฮ์​ไม่​กล้าทำ​ ​แล้ว​นับประสาอะ​ไร๊​กับ​จัดงานวันเกิด​ให้​ท่าน​ ​ซึ่ง​มันเอิกเกริกยิ่งกว่าหลาย​เท่า​นัก​....​มัน​ไม่​เว่อๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ ไปหน่อย​หรือ​ ​หรือ​ท่านคิดว่านบีคงพอใจ​และ​ปลื้มสุดๆ​กับ​พิธีกรรมดังกล่าว​  ​ลอง​ใช้​สามัญสำ​นึกคิดดูดีๆ​ๆ​ซิครับ​  ​ฮิๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​ๆ​   

หากคุณจะใช้กิยาสเอาลาวีย์ จริง ๆ  ผมก็ขอใช้กิยาสเอาลาวีย์เช่นเดียวกันว่า  ท่านนบีนั้นเป็นมัคโลคที่เราสมควรให้เกียรติมากกว่าคนอื่น ๆ  หากการยืนให้เกียรติท่านนบีเป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ  ก็แสดงว่า  การยืนให้เกียรติคนอื่นจากท่านนบี  ก็น่ารังเกียจยิ่งกว่าหลายเท่านัก  แต่ทว่าท่านบีได้ใช้ให้ทำการยืนให้เกียรติ  คือในขณะที่ท่าน สะอัด บิน มุอาซฺ  ได้รับบาดเจ็บจากการถูกธนูในสงครามค๊อนดัก  ซึ่งกำลังกลับมายังมะดีนะฮ์ขณะอยู่บนลา  ท่านนบี  จึงกล่าวแก่ชาวอัลอันซ๊อรว่า  "พวกท่านจงยืน(ให้เกียรติ)แก่นาย(ซัยยิด)ของพวกท่าน"  รายงานโดยบุคอรีและมุสลิม  แต่ทำไมท่านนบีถึงไม่ชอบที่จะให้คนอื่นยืนให้เกียรติต่อท่าน  ก็เนื่องจากว่าท่านนบีนั้นมีความนอบน้อมถ่อมตนเป็นอย่างยิ่งยวด แม้กระทั่งในหนังสือ อัชชะมาอิล อัลมุฮัมมะดียะฮ์  ของท่านอัตติรมีซีย์  ได้นำฮะดิษดังกล่าวมาตั้งหัวข้อบทที่ว่า "ความนอบน้อมถ่อมตนของท่านนบี"  แต่ทว่าท่านนบีได้ทำการยืนให้เกียรติต่อคนอื่นอันเนื่องจากความนอบน้อมถ่อมต้น  ซึ่งมีฮะดิษซอฮิห์ระบุไว้มากมาย  ซึ่งผมไม่อยากจะนำมาเสนอในกระทู้นี้ 

แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่าคุณเอาไปเกี่ยวโยงกับเรื่องเมาลิด  ผมว่ามันนอกเรื่อง  และคุณถูกสอนมาผิด ๆ เข้าใจแบบผิด ๆ  เพราะการยืนมันไม่ได้เกี่ยวข้องกับการยืนให้เกียรติท่านนบี  หรือคิดว่านบีมาปรากฏตัวแล้วทำการยืนให้เกียรติ  ซึ่งเป็นเรื่องเหลวไหล

ผมขอนำเสนอคำตอบของท่าน อัลมุหัดดิษ อัซซัยยิด มุฮัมมัด อะละวีย์ อัลหะสะนีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) เกี่ยวกับเรื่องการยืนดังกล่าวว่า

"สำหรับการยืนในขณะอ่านเมาลิดนบี(บัรซันญี) ช่วงที่กล่าวถึงการประสูตและการออกมาลืมตาดูโลกของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น ผู้คนบางส่วนคิดในแง่ที่ผิด โดยไม่มีรากฐานตามทัศนะของนักปราชญ์เลย ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันรู้มา ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นมนุษย์ที่โง่เขลาอย่างยิ่ง จากผู้ที่ปรากฏตัวอยู่ในขณะอ่านเมาลิด (บัรซันญี) แล้วทำการยืนพร้อมกับบรรดาผู้ที่ยืนทั้งหลาย มีการคิดในแง่ร้ายก็คือ บรรดาผู้คนที่ทำการยืนต่างเชื่อว่าท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้ามาปรากฏด้วยร่างกายของท่านในช่วงเวลานั้น และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ บางส่วนมีความเห็นว่า ควันหอมหรือน้ำหอมนั้นสำหรับท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และน้ำที่วางอยู่ตรงกลางสถานที่ดังกล่าวนั้น เพื่อให้ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ดื่มมัน

และให้กับทุก ๆ ความคิดเหล่านี้ ต้องไม่ปราฏกอยู่ในสมองที่มีสติปัญญาของบรรดามุสลิมีนอยู่แล้ว โดยเราขอประกาศไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งดังกล่าวทั้งหมด เพราะมันเป็นความอุกอาจต่อตำแหน่งของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ฉันขอกล่าวว่า การคิดในแง่ร้ายดังกล่าวนี้ ถือเป็นการกล่าวอ้างมุสาโดยแท้ มันเป็นความอุกอาจไร้ยางอาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่กล่าวออกมานอกจากผู้ที่ริษยาแค้นเคืองหรือเป็นคนโง่เขลาที่ดื้อดึง

แต่กระนั้น , เราเชื่อว่าท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีชีวิตอยู่ในอาลัมบัรซักโดยสมบูรณ์ที่เหมาะสมกับเกียรติตำแหน่งของท่าน และด้วยนัยดังกล่าวคือ การมีชีวิตที่สมบูรณ์อีกทั้งสูงส่ง โดยวิญญาณของท่านสามารถตระเวนอยู่ในอาณาจักรของอัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา สามารถที่จะปรากฏอยู่สถานที่ต่าง ๆ ที่ประกอบคุณความดีงามและวิชาความรู้ และบรรดาวิญญานของผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง ๆ จากผู้ที่เจริญรอยตามท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็เฉกเช่นเดียวกัน

ท่านอิมามมาลิก กล่าวว่า ได้ทราบถึงฉันว่า "แท้จริงวิญญานนั้นจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระจะไปใหนก็ได้ตามที่ต้องการ" ท่านซัลมาน อัลฟาริซีย์ กล่าวว่า "บรรดาวิญญานของผู้ศรัทธาในอาลัมบัรซักจากผืนแผ่นดินนี้ พวกเขาสามารถไปใหนก็ได้ตามที่ต้องการ" (ได้กล่าวเช่นเดียวกันนี้ในหนังสือ อัรรั๊วะห์ ของ อิบนุ ก๊อยยิม หน้า 144)

เมื่อท่านทราบดังนี้แล้ว ท่านโปรดรู้เถิดว่า การยืนในเมาลิดนบีนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่วายิบ(จำเป็น) ไม่ใช่เป็นสิ่งที่สุนัต และไม่อนุญาตให้มีความเชื่อดังกล่าว แต่ทว่า มันเป็นการเคลื่อนไหวที่มนุษย์เผยแสดงให้เห็นถึงความดีใจและความปิติยินดีของพวกเขา ดังนั้น เมื่อถูกกล่าวขึ้นว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ประสูตลืมตาดูโลกแล้วนั้น ผู้ที่ได้ยินก็พยายามจิตนาภาพในช่วงเวลานั้นว่า ทั้งหมดแห่งสากลโลกได้แสดงความดีใจด้วยกับเนี๊ยะมัตดังกล่าวนี้ ฉะนั้น เขาได้ยืนเพราะแสดงความดีใจและปลื้มปิติยินดีดังกล่าว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ(อาดัต)ทั่วไปเท่านั้น หาใช่เป็นเรื่องศาสนา มันไม่ใช่อิบาดะฮ์ ไม่ใช่หลักชะรีอะฮ์ ไม่ใช่เป็นซุนนะฮ์ มันไม่ใช่เป็นอะไรเลยนอกจาก เป็นเรื่องปกติ(อาดัต)ทั่วไปที่ผู้คนเขาทำกัน (หมายถึงเป็นสิ่งที่มุบาห์)" (ดู หนังสือ เฮาลัลเอี๊ญะห์ติฟาล บิซิกรอ อัลเมาลิดินนะบี อัชชะรีฟ หน้า 40 - 42)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 11, 2008, 08:47 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ผมอยากเรียนพี่น้องว่า  ข้อเขียนที่ สาวก อ.ปราโมท และ สาวก อ.มุรีด ได้นำเสนอมานั้น  เขาไม่ยอมเข้าระบบเพื่อเสวนา  แต่เขาเอาไปโพสต์ในหมวดถาม - ตอบ ปัญหาศาสนา  ซึ่งผิดมารยาทอย่างยิ่ง  และถือเป็นการก่อกวน ใช้ถ้วยคำไม่เหมาะสมตามแบบฉบับของผู้ที่อ้างว่าตามซุนนะฮ์นบี  ดังนั้น  ผมจึงเอาลงมาไว้ในกระทู้นี้เลย  เพื่อให้คนที่โพสต์เข้าระบบแล้วมาเสวนาชี้แจงเชิงวิชาการและตามกฏระเบียบแห่งการเสวนา  ไม่ใช่มาโพสต์ แล้วก็ไป  แต่ต้องเสวนาแลกเปลี่ยนครับ

والسلام

 loveit:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 11, 2008, 04:27 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ julee

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 97
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้ม
     บุคคลที่อ้างว่าเป็น สาวกของอ.ปราโมทย์ และอ.มุรีดนะถือว่าเป็นคำพูดที่เสี่ยงนะคับ
แล้วนบีของเราท่านเอาไว้ตรงไหนละคับ  และชอบอ้างว่าพวกเราตามกีตาบและซุนนะห์
เราไม่ต้องไปพูดถึงการกระทำหรอกคับ  แค่ความคิดและคำพูดที่โพสมานะมันเป็นซุนนะห์
หรอเปล่า?  ส่วนปัญหาที่เหล่าบรรดาอุลามะหฺนยังมีความเห็นที่แตกต่างกันอยู่นะผมขอร้อง
ให้เหล่าบรรดาผู้ที่อ้างตัวเป็นสาวกทั้งหลายก่อนที่จะพูดป้ญหาเหล่านี่ผมอยากให้กลับไป
ศึกษาค้นคว้าวิชาที่ชื่อว่า (จริยะศาสตร์อิสลาม) เสียก่อน จะได้รู้ว่า  มารยาทนำหน้าวิชาการ
ถ้ามีแต่วิชาการแล้วขาดจริยะธรรมอิสลามแล้วเขาจะเรียกว่าอะไร?  อิสลามนะสูงส่งและไม่มี
อะไรที่จะสูงส่งกว่าอิสลามแล้ว....
                              วัสสลามคับ
الفخر كل الفخر أني اشعري

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
 hihi:r
พูดถึงบรรดาสาวกของ ของหัวหน้าแก๊งค์วาฮาบีย์ ทีเอ่ยนามมานั้น  ผมเห็นว่า ไม่เห็นจะน่ากลัวคนไหนเลย  อย่างน้อยก็แค่เข้ามา กวน(โอ้ย)แล้วก็เงียบหายไป

ไม่ว่า นายMuMin  ฉายาจอมล่องหนและกมมูดอหลายชื่อที่ ไปๆมาๆแล้วก็หาย.... แถมเอาแต่ใจ.........ไม่มีสาระ ....มุทะลุ.....ตะอัศสุบ...ขาดเหตุผล...ขี้โม้..ผมลองไปอ่านการโต้กลับของน้องabubukแล้วยัง เจ๋งกว่าเยอะ แม้จะมีหลัการน้อยก็ตาม     แต่ที่แน่ๆวาฮาบีตนนี้ไม่เข้า...ยา โบว์ๆเเน่ๆ เลยครับ smile:

สาวกอ.ปราโมทย์ยิ่งแล้วใหญ่ ไม่เข้าใจในเรื่องบิดอะhasana พ๊ไปตักลีดตามหัวหน้าใหญ่  วาฮาบีตนนี้กลัปฏิเสธทั้งคำพูดและการกระทำซอฮาบะของท่านนบีทั้ง2ท่านเลย

สาวกอ.มุรีด ก็เหมือนกัน  นีร้คงจะเสียผลประโยชน์ทางธุรกิจหนังสือหลายตัง เพราะช่วงนี้หนังสือเมาลิดบิดอะขายไม่ออกเลย  แถวใต้บ้านผมเขาทำกันทั้งระดับหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด และอีกไม่กี่วันช่วงใกล้เดือนแห่งความประเสริฐ(รอบีอุลเอาวั้ล)ที่อัลลอฮ์ได้ส่งศาสนทูตท่านสุดท้าย  เกือบทั้ง14จังหวัดเลยครับที่ทำเมาลิด ยังไม่รวมถาคกลางและภาคอื่น   

งานนี้หนังสือ บิดอะของสาวกมุรีด  คงเนื่อยใจมากและครับเพราะยิ่ง  ตีนุ่น มันก็ยิ่งฟุ้งเข้าหน้าตนเอง  55555ที่นี้และตายคานุ่น..แน่ครับ.
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 11, 2008, 12:30 PM โดย al-azhary »

 

GoogleTagged