13. ห้ามสตรีอยู่ตามลำพังกับชายอื่น
ท่านอับดุลเลาะฮ์ อิบนุ อับบาส (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุมา) กล่าวว่า ฉันได้ยินท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวสุนทรพจน์ ความว่า "ชายคนหนึ่งจะไม่อยู่ตามลำพังกับผู้หญิงคนหนึ่ง นอกจากพร้อมกับนางต้องมีมะห์รอม(ผู้ที่แต่งงานร่วมกันไม่ได้)" รายงานโดย อัลบุคอรีย์และมุสลิม
ท่านอุกบะฮ์ บิน อามิร (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ) ได้รายงานว่า แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "พวกท่านจงระวังการเข้าไปหาบรรดาสตรี ผู้ชายคนหนึ่งจากชาวอันซ๊อร ตั้งคำถามขึ้นว่า ท่านเห็นว่าอย่างไรเกี่ยวกับพี่น้องของสามี? ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ตอบว่า พี่น้องสามีคือความตาย" รายงานโดย อัลบุคอรีย์และมุสลิม
ดังนั้น สองหะดิษนี้ ระบุชัดเจนในเรื่องของการห้ามอยู่ร่วมตามลำพังระหว่างบุรุษและสตรีอื่น และเราได้นำเสนอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เนื่องจากสตรีส่วนมากทำเบาความเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว ด้วยการอนุญาตให้ชายอื่นเข้าไปพบนางได้ นั่งร่วมคุยกับนางได้ ด้วยการอ้างว่า เขาเป็นเพื่อนหรือคนรู้จักของครอบครัว แต่นางได้ทำให้เสื่อมเกียรติด้วยการอ้างเหตุผลที่คลุมเครือดังกล่าว ทำลายครอบครัวของตนเอง
ฉะนั้น จึงมีความจำเป็นต่อสตรีมุสลิมะฮ์ ต้องไม่ให้ผู้ใดเข้ามาในบ้านของสามีนอกจากผู้ที่สามีพอใจ และให้นั่งคุยด้วยมารยาทตามกฏบัญญัติของศาสนา ด้วยการคลุมฮิญาบ ไม่นั่งตามลำพังสองต่อสอง และต้องมีความจำเป็นเท่านั้น ดังนั้น สตรีผู้เป็นภรรยาต้องไม่นั่งพร้อมกับชายอื่น - แม้กระทั่งอยู่ต่อหน้าสามีหรือคนใดจากผู้ที่ไม่สามารถแต่งงานกับนางได้ก็ตาม - เพียงเพื่อนั่งพูดคุยหรือพูดจาพาทีกับอีกฝ่ายหนึ่ง แต่ทว่า การนั่งพูดคุยนั้น เพราะมีความจำเป็นทางด้านศาสนา เช่นเพื่อการเยียวยารักษาหรือเพื่อการแต่งงาน
สตรีบางส่วนนั่งคุยกับชายอื่นโดยมีบุตรเล็ก ๆ ของตนร่วมอยู่ด้วย และอ้างว่าหากมีบุตรเล็ก ๆ ทั้งหญิงหรือชาย ร่วมอยู่ด้วยถือว่าไม่เป็นการอยู่ร่วมกันตามลำพัง ซึ่งดังกล่าวนี้ ถือว่าไม่ถูกต้อง เพราะการมีเด็กเล็ก ๆ ร่วมอยู่ด้วยนั้น เหมือนกับไม่มี เนื่องจากไม่มีความละอายใด ๆ ให้กับเด็กเพราะอายุยังน้อย และเช่นเดียวกัน ในกรณีที่บรรดาชายอื่นมากกว่าหนึ่ง ได้อยู่ร่วมกับสตรีเพียงคนเดียว ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องห้าม
และบางครั้งผู้ชายพบกับผู้หญิงพบกันระหว่างทางโดยบังเอิญ ก็ถือว่าอนุญาตให้เดินทางพร้อมกับเขาได้ แต่ให้ผู้ชายเดินนำหน้าสตรี เสมือนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับท่านหญิงอาอิชะฮ์ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา) ในขณะที่ท่านหญิงได้เดินทางอยู่ข้างหลังกองทหาร ซึ่งอยู่ในช่วงของเหตุการณ์ที่ท่านหญิงถูกกล่าวหาในครั้ง
วัลลอฮุอะลัม