ผู้เขียน หัวข้อ: !!! ซัยยิด อบุล-อะอฺลา เมาดูดี !!!  (อ่าน 1946 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
0

ผู้นำการฟื้นฟูอิสลามแห่งศตวรรษที่ 20

               ต้นตอแห่งกระแสการฟื้นฟูอิสลามในศตวรรษที่ ๒๐  ดูเหมือนจะมีเค้ามาจากปฏิกิริยาของมุสลิมต่อลัทธิล่าอาณานิคมของตะวันตก

ในเอเชียและในแอฟริกา  ขณะเดียวกัน  กระแสที่เกิดการตื่นตัวไปทั่วนี้  อาจจะเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นในกรณีของประเทศมุสลิมบางประเทศ

          เราสามารถสังเกตปรากฏการณ์นี้ได้ในหลาย ๆ ประเทศที่มิได้ถูกปกครองโดยจักรวรรดินิยมของตะวันตก  ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มี

การเรียกร้องในการค้นหาสาเหตุที่สำคัญมากกว่าคำอธิบายที่พบเห็นกันโดยทั่วไป   เพราะแม้ว่าจะมีการอธิบายปรากฏการณ์การตื่นตัว

ของอิสลามว่าเป็นปฏิกิริยาต่อต้านลัทธิล่าอาณานิคมของยุโรป  แต่ปรากฏการณ์นี้ก็ยังคงความเป็นจริงในแง่ของประวัติศาสตร์ที่ความจริง

ในตัวของมันเองได้ถูกมองข้ามไป

                การศึกษาอย่างจริงจังโดยเข้าถึงแหล่งกำเนิดคำสอนของอิสลามซึ่งก็คือ อัล-กุรอาน และซุนนะฮฺ  จะแสดงให้เห็นว่าอิสลาม

ก็คือแบบแผนในการดำเนินชีวิต  เป็นระบบที่สมบูรณ์โดยตัวมันเองที่มีลักษณะเฉพาะโดยธรรมชาติและมีกลไกในการที่จะกระตุ้นและ

ปลุกเร้าจากภายในนั่นก็คือ  กระบวนการวินิจฉัยในอิสลาม  หลักการเชิงพลวัตที่รับผิดชอบต่อปรากฏการณ์ดังกล่าว  ซึ่งถูกกล่าวไว้จากหะดีษ

ของท่านรอซู้ลก็คือการ ‘อิจญฺติฮาด’ (การปฏิรูปทางความคิดอย่างเป็นระบบ)   เมื่อใดก็ตามที่ประชาชาติอิสลามเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความกดดัน

และตกต่ำ  ก็ด้วยการอิจญฺติฮาด  (หรือบางครั้งเรียกว่า ญิฮาด)  ที่ช่วยให้ประชาชาติอิสลามกลับมามีชีวิตอีกครั้ง  ซึ่งในศตวรรษที่ ๑๙ 

ประชาชาตินี้ตกอยู่วิกฤติทั้งทางการปกครอง  เศรษฐกิจ  และสังคม  กระนั้นก็ตามเราไม่สามารถที่จะคิดได้ว่า  อย่างน้อยที่สุดบุคลิก

ลักษณะแบบ ‘สุดโต่ง’ มิได้เกิดขึ้นมาเพื่อนำประชาชาตินี้ออกจากวิกฤติ พร้อมกับการอิจญฺติฮาด

                ท่านซัยยิด  อบุล-อะอฺลา เมาดูดี  (๒๔๔๖ - ๒๕๒๒)  ยอดนักคิดมุสลิม  ได้เข้าเผชิญหน้ากับวิกฤติของประชาชาติอิสลาม

ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ ๒๐  ด้วยวิธีการอันลึกซึ้ง  โดยท่านเป็นผู้ริเริ่มในการใช้กระบวนการ  ‘อิจญฺติฮาด’ ในระดับที่มีความเข้าใจและทราบ

ถึงสถานการณ์โดยรอบด้าน ท่านได้เสนอแนวคิดอันเป็นทางเลือกให้แก่โลกยุคใหม่  เป็นความท้าทายแห่งยุคสมัยที่ต้องเผชิญกับแนวคิด

ของทุนนิยม  มาร์กซิสต์และฟาสซิสต์  ซึ่งได้แพร่หลายในช่วงศตวรรษที่  ๑๙ ของยุโรป 
             
           ท่านซัยยิด  เมาดูดีได้เข้าเผชิญกับความท้าทายนี้ในสามระดับที่แตกต่างกัน  ระดับแรกเป็นระดับทางแนวคิด   ทั้งทุนนิยมและมาร์กซิสต์

 ต่างก็อ้างว่าสามารถที่จะแก้ปัญหาทั้งเศรษฐกิจ  สังคม  และปัญหาทางการเมืองได้ดีที่สุด  อำนาจทางการเมืองที่สูงขึ้นของประเทศในยุโรปถูก

อธิบายโดยแนวคิดที่เหนือกว่าระบบความคิดอื่น  อย่างไรก็ตาม  ในศตวรรษที่ ๒๐  ทุนนิยมและคอมมิวนิสต์ก็แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลว

ของการที่จะสร้างสวรรค์ยูโทเปียขึ้นบนโลกนี้ 

          แนวคิดสำคัญอันแรกที่ท่าน  ซัยยิด  เมาดูดี  ได้แสดงไว้อย่างชัดเจนโดยใช้วิสัยทัศน์แบบอิสลามในการวิเคราะห์สังคม  เศรษฐกิจ 

และรัฐ   โดยในขณะที่ท่านวิจารณ์แนวคิดทางตะวันตก  ท่านก็ได้เสนอระบบความคิดแบบอิสลามเป็นทางเลือกในรูปแบบที่ชัดเจน   ด้วย

การเผชิญหน้ากับความท้าทายแห่งยุคสมัย  คงจะไม่มีปัญญาชนมุสลิมท่านใดอีก  ทั้งในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐  ที่ได้เสนอแนวคิดอันประณีต

และละเอียดอ่อนที่แสดงถึงมิติต่าง ๆ  ของอิสลามทั้งทางการปกครอง  เศรษฐกิจ  และสังคม  ดังที่เราได้พบในงานเขียนของท่านซัยยิด  เมาดูดี

           ท่านซัยยิด  เมาดูดี  ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแนวความคิดแบบตะวันตก  สามารถที่จะเอาชนะได้ด้วยความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเท่านั้น 

นี่เป็นคำตอบว่าทำไมถึงต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อแนวคิดทุนนิยม  สังคมนิยมและฟาสซิสต์  ท่านได้แสดงให้เห็นถึงระบบความคิด

ของอิสลามในงานเขียนที่เด่นหลาย ๆ ชิ้นของท่าน  เช่น  Sud (ดอกเบี้ย),  Islamic civilization it genesis and principles, Tafhimat,

al-Jihad fi allslam and Tanqihat   ในการทำความเข้าใจกับแง่มุมต่าง ๆ ของระบบการปกครอง  เศรษฐกิจ  และสังคมแบบอิสลาม 

ขณะเดียวกันท่านก็ได้วิพากษ์แนวคิดแบบทุนนิยมและสังคมนิยมอีกด้วย

         เพื่อที่จะเข้าสู่พื้นฐานทางความคิดแห่งอัล-กุรอานอันละเอียดอ่อน  ท่านได้สร้างงานเขียนอันน่าจดจำ  ในการทำความเข้าใจอัล-กุรอาน

คือ ‘ตัฟฮีมุล-กุรอาน’     ขณะได้เพิ่มเติมรายละเอียดในการอธิบายความหมายของคำที่เป็นพื้นฐานของอัล-กุรอานในหนังสือชื่อ  Four Basic

Terms of the Qur’an and Islamic Ibadat par aik Tehqiqi Nazr    จุดประสงค์ของการอรรถาธิบายอัล-กุรอานของท่าน  ไม่ได้มุ่งใน

ประเด็นทางการศึกษาและการอภิปรายทางประวัติศาสตร์  แต่เป็นการนำเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์และการวิเคราะห์  เพื่อที่จะค้นหาสิ่ง

ที่อัล-กุรอานได้ให้หลักปฏิบัติต่อเหตุการณ์ร่วมสมัย     

                เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าแนวความคิดที่นำเสนอโดยท่านซัยยิด  เมาดูดี  เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักอันเป็นเบื้องหลังของขบวน

การฟื้นฟูอิสลามในวงกว้าง  แม้ผลงานของท่านจะเขียนเป็นภาษาอูรฺดูเท่านั้น  แต่ก็ได้รับการแปลเป็นภาษาอาหรับ  เปอร์เซีย  อังกฤษ  ฝรั่งเศส 

และเยอรมัน  เพียงแค่ระยะเวลา  ๒ ทศวรรษของการที่ท่านได้ก่อตั้งขบวนการฟื้นฟูอิสลามขึ้นในประเทศปากีสถาน  ช่วงปลายทศวรรษ

ที่ ๒๔๙๓  ท่านเป็นผู้ที่ออกมากล่าวถึงอิสลามว่าเป็นระบอบแห่งอนาคต  โดยการนำเสนออิสลามอย่างกระจ่างชัด และการทำความเข้าใจ

อย่างเป็นระบบ  ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักดีในหมู่ปัญญาชน คนหนุ่มสาว  ทั้งในประเทศซูดาน  อิหร่าน  และประเทศในตะวันออกกลาง

           ผลงานสำคัญลำดับที่สองของท่านคือการเป็นผู้ก่อตั้งขบวนการฟื้นฟูอิสลามขึ้นในประเทศปากีสถาน  กับการเริ่มต้นอย่างเรียบง่ายในปี

 ๒๔๘๔  การตื่นตัวก็ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศและสามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดการศึกษาอย่างจริงจัง จุดประสงค์แรกเริ่มของการเคลื่อนไหว

คือการเปลี่ยนแปลงสภาพของปัจเจกชนด้วยกับหมู่คณะ  เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปสังคม เศรษฐกิจ  และรัฐในที่สุด  ท่านได้พัฒนาวิธีใน

การเปลี่ยนแปลงสังคมโดยองค์รวม  ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิม ๆ ของพิธีการการชำระตนเองให้บริสุทธิ์  การเข้าถึงจิตวิญญาณ  หรือรูปแบบอื่น

ที่เป็นที่นิยมในขบวนการทั่วไป   แต่ขบวนการฟื้นฟูอิสลามที่ท่านก่อตั้งนั้น  มุ่งประเด็นไปที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้าง  นั่นรวม

ไปถึงการเคลื่อนไหวทางการเมือง  กระนั้นก็ตาม  การเคลื่อนไหวทางการเมืองมิใช่จุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียว  แต่มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ

กระบวนการเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างสมบูรณ์  อันมีรากฐานทางความคิดที่มาจากการศึกษาถึงแก่นของอัล-กุรอานและซุนนะฮฺ

         เป็นที่ยอมรับว่าไม่มีปัญญาชนมุสลิมท่านใดอีกในศตวรรษที่ ๒๐  ที่จะสามารถอธิบายระบบการปกครองแบบอิสลามได้อย่างชัดเจนเช่นท่าน 

หนังสือของท่านที่ชื่อ  Islamic State, Islamic law and Constitution, Khilaft-o-Mulukiat, How to establish an Islamic State 

และบทความอีกหลาย ๆ ชิ้น  แสดงถึงแง่มุมต่าง ๆ ของระบบการปกครองแบบอิสลาม  เป็นหลักฐานให้กับข้อสังเกตนี้ได้เป็นอย่างดี  ขณะที่ 

อิกบาล  อัฟฆอนี  หรือโคมัยนี  มิได้กล่าวถึงความจำเป็นของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมุสลิมในการปกครอง  หรือพันธะของมุสลิม

ในการที่จะจัดตั้งรัฐอิสลาม  ไม่มีใครในเขาเหล่านั้นที่จะสามารถร่าง ‘พิมพ์เขียว’ ของการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองอย่างอิสลามได้ 

แต่ในทางตรงกันข้าม  ท่านซัยยิด  เมาดูดี  สามารถที่จะวางโครงร่างอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงสังคมและ

การปกครอง  เพื่อนำไปสู่การจัดระเบียบสังคมอย่างแท้จริง

          ผลงานที่เห็นเด่นชัดอีกข้อหนึ่งของท่านซัยยิด  เมาดูดี  คือการสร้างบรรยากาศในขบวนการ  ยามาอะฮฺ อิสลามียะฮฺ  ด้วยกับบุคลิกภาพ

ที่มีเสน่ห์ของการเป็นผู้นำ  ด้วยการปฏิบัติที่เป็นกันเอง  ขณะที่ทำการสนับสนุนบุคคลที่มีความคิดโดดเด่น  จากงานเขียนและการพัฒนา

ขบวนการฟื้นฟูอิสลามของท่าน  ท่านได้นำข้อบกพร่องออกไปจากจิตใจของผู้ตาม  อันได้แก่  การเคารพบูชาและการยึดติดในตัวผู้นำ

อย่างเกินขอบเขต  ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับขบวนการเคลื่อนไหว  นำไปสู่การลดบทบาทของแนวคิดสุดโต่งหรืออนุรักษ์นิยมภายใน

ขบวนการและได้พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นภายใต้อิทธิพลแนวความคิดของท่าน   

         สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้เวลาเพียงพอในการศึกษาแนวคิด  บุคลิกลักษณะ  และขบวนการเคลื่อนไหวของท่านซัยยิด  เมาดูดี  มันเป็นเรื่อง

ที่ออกจะไม่ยุติธรรมในการที่จะตัดสินว่าการเรียกร้องของท่านให้มีการ  ‘อิจญฺติฮาด’ บนพื้นฐานของแห่งกำเนิดคำสอนแห่งอิสลาม  นั่นคือ 

อัล-กุรอาน  และซุนนะฮฺ   ว่าเป็นแนวคิด  ‘อนุรักษ์นิยม’  โดยผู้รู้ชาวคริสเตียนหลาย ๆ ท่าน  สำหรับคำว่า  ‘อนุรักษ์นิยม’ นั้นมีความเกี่ยวพัน

กันอย่างลึกซึ้งกับเทววิทยาของชาวคริสเตียน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายศตวรรษที่  ๒๐  มีชาวคริสเตียนที่เชื่อว่าขบวนการเคลื่อนไหว

ที่มีแนวคิดโดยยึดตามตัวบทและกลับไปสู่คัมภีร์ไบเบิ้ล  เพื่อการปลดปล่อยในแต่ละปัจเจกชน  จนกระทั่งนำมาซึ่งแนวคิดสุดโต่งและทัศนคติ

ที่ไร้ข้อพิสูจน์ระหว่างพวกเขากันเอง   ในทางตรงกันข้าม  ความเชื่อนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องให้กลับไปสู่อัล-กุรอานและซุนนะฮฺ 

โดยกระบวนการ ‘อิจญฺติฮาด’  อย่างเป็นเหตุเป็นผล  เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาร่วมสมัย  กระบวนการนี้สามารถอธิบายได้ดีที่สุดในฐานะวิธีการที่

เป็นระบบเชิงพลวัตที่ต้องเผชิญกับความท้าทายแห่งสมัยนิยม  ก็ด้วยเหตุนี้เองมันจึงไม่สามารถให้คำจัดความว่า  ‘อนุรักษ์นิยม’  ได้               

           ด้วยกับภูมิปัญญาและความเข้าใจในสถานการณ์  ท่านซัยยิด  เมาดูดี  เป็นผู้ริเริ่มในการฟื้นฟูกระบวนการอิจญฺติฮาดทั้งในภาคเศรษฐกิจ 

การเมืองและสังคม  มันไม่ยุติธรรมที่จะกล่าวหาแนวคิดและขบวนการของท่าน  ที่เรียกร้องให้กลับไปสู่อัล-กุรอานและซุนนะฮฺ  ว่าเป็นเช่นเดียว

กับบางกลุ่มที่มีแนวคิด ‘อนุรักษ์นิยม’   กลุ่มเหล่านี้เมื่อพวกเขาได้เรียกร้องให้กลับไปสู่อัล-กุรอานและซุนนะฮฺ   จะหมายถึงการปฏิบัติตาม

แนวทางการกระทำและการใช้ชีวิตของชาวสลัฟ ‘อย่างเคร่งครัด’  โดยขบวนการที่เรียกร้องเช่นนี้อาจจะนำไปสู่แนวคิดที่ล้าสมัย  ขณะที่ขบวนการ

ที่เรียกร้องให้มีการฟื้นฟูและอิจญฺติฮาดนำไปสู่ความก้าวหน้า  การพัฒนา  และทันต่อยุคสมัย

           แท้จริงแล้ว  อิสลามคือกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม  เป็นความเข้าใจอย่างแท้จริงต่อความยุติธรรมทางสังคมสำหรับมนุษยชาติ 

มิใช่ขบวนการที่มองย้อนหลัง  อัล-กุรอานและซุนนะฮฺเป็นเช่นแสงนำทางสำหรับแบบแผนแห่งอนาคต  ผ่านทางหลักศรัทธา,  ระบอบชะรีอะฮฺ,

และรัฐอิสลาม  เพราะฉะนั้น  สืบเนื่องจากความกังวลของพวกเขาสำหรับบทบาทในอนาคตของอิสลาม  กระบวนการฟื้นฟูและ ‘อิจญฺติฮาด’

จึงไม่สามารถที่จะจัดให้อยู่ในกลุ่มพวกอนุรักษ์นิยมหรือพวกสุดโต่งได้โดยเด็ดขาด   

          อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าปรัชญาความคิดและแนวทางการทำงานของท่านซัยยิด  เมาดูดี  ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานแนวคิดอิสลาม  จะถูกนำ

ไปเปรียบเทียบกับแนวคิดที่มาจากนักวิชาการเซคคิวลาร์ในยุโรปเช่น  คาร์ล  มาร์กซ์  หรือ  ซิกมันด์  ฟรอยด์   เนื่องจากท่านมิใช่บุคคลที่จำกัด

ความคิดของตนเองอยู่ในกรอบของสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง  แต่ท่านได้ครอบคลุมองค์ความรู้ที่มากมายกว่านักวิชาการที่กล่าวมาข้างต้น  ซึ่ง

ก่อให้เกิดบทบาทอันน่าทึ่งท่ามกลางแนวคิดของยุโรปสมัยใหม่ 

         งานของท่านซัยยิด  เมาดูดีที่ได้สร้างกระแสการตื่นตัวอิสลามไปทั่วโลก  ยังคงไว้ซึ่งคุณค่าและมีผลต่อการทำความความเข้าใจใน

การเกิดขึ้นของขบวนการฟื้นฟูอิสลามทั้งในอเมริกาเหนือ  ยุโรป  แอฟริกา และในเอเชีย

          ได้มีการเรียกร้องให้ก่อตั้งสถาบันเพื่ออุทิศให้กับการศึกษาของท่านกับงาน  ๒๐๐ ชิ้นซึ่งได้รับการแปล ๒๘  ภาษา   การเริ่มต้นของ

ศตวรรษใหม่นี้  อาจจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการที่จะก่อตั้งสถาบันเช่นนี้  และในเดือนพฤษจิกายนปี  ๒๕๔๖  ก็ถือเป็นการครบรอบ ๑๐๐ ปี

เนื่องในวันเกิดของท่านด้วย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.พ. 11, 2008, 11:08 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ kakashi

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 190
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • บล็อกน้อยๆ ของข้าน้อยเอง
Re: !!! ซัยยิด อบุล-อะอฺลา เมาดูดี !!!
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.พ. 12, 2008, 08:41 PM »
0
อ้างถึง
       เพื่อที่จะเข้าสู่พื้นฐานทางความคิดแห่งอัล-กุรอานอันละเอียดอ่อน  ท่านได้สร้างงานเขียนอันน่าจดจำ  ในการทำความเข้าใจอัล-กุรอาน

คือ ‘ตัฟฮีมุล-กุรอาน’     ขณะได้เพิ่มเติมรายละเอียดในการอธิบายความหมายของคำที่เป็นพื้นฐานของอัล-กุรอานในหนังสือชื่อ  Four Basic

Terms of the Qur’an and Islamic Ibadat par aik Tehqiqi Nazr    จุดประสงค์ของการอรรถาธิบายอัล-กุรอานของท่าน  ไม่ได้มุ่งใน

ประเด็นทางการศึกษาและการอภิปรายทางประวัติศาสตร์  แต่เป็นการนำเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์และการวิเคราะห์  เพื่อที่จะค้นหาสิ่ง

ที่อัล-กุรอานได้ให้หลักปฏิบัติต่อเหตุการณ์ร่วมสมัย     

ตัฟซีรกุรอ่านฉบับนี้ ดีมากๆ เข้าใจง่าย กระชับดี บทนำก็มีการอธิบายเเนวทางการศึกษากุรอ่าน  บางอายัตก็มีการเปรียบเทียบกับคัมภีร์ไบเบิล หรือคำกล่าวอ้างของพวกต่อต้านอิสลาม
ลองอ่านดู เเล้วคุณจะรู้ ในสิ่งที่คุณต้องรู้ ! !


 

GoogleTagged