ผู้นำการฟื้นฟูอิสลามแห่งศตวรรษที่ 20
ต้นตอแห่งกระแสการฟื้นฟูอิสลามในศตวรรษที่ ๒๐ ดูเหมือนจะมีเค้ามาจากปฏิกิริยาของมุสลิมต่อลัทธิล่าอาณานิคมของตะวันตก
ในเอเชียและในแอฟริกา ขณะเดียวกัน กระแสที่เกิดการตื่นตัวไปทั่วนี้ อาจจะเกิดขึ้นจากสาเหตุอื่นในกรณีของประเทศมุสลิมบางประเทศ
เราสามารถสังเกตปรากฏการณ์นี้ได้ในหลาย ๆ ประเทศที่มิได้ถูกปกครองโดยจักรวรรดินิยมของตะวันตก ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มี
การเรียกร้องในการค้นหาสาเหตุที่สำคัญมากกว่าคำอธิบายที่พบเห็นกันโดยทั่วไป เพราะแม้ว่าจะมีการอธิบายปรากฏการณ์การตื่นตัว
ของอิสลามว่าเป็นปฏิกิริยาต่อต้านลัทธิล่าอาณานิคมของยุโรป แต่ปรากฏการณ์นี้ก็ยังคงความเป็นจริงในแง่ของประวัติศาสตร์ที่ความจริง
ในตัวของมันเองได้ถูกมองข้ามไป
การศึกษาอย่างจริงจังโดยเข้าถึงแหล่งกำเนิดคำสอนของอิสลามซึ่งก็คือ อัล-กุรอาน และซุนนะฮฺ จะแสดงให้เห็นว่าอิสลาม
ก็คือแบบแผนในการดำเนินชีวิต เป็นระบบที่สมบูรณ์โดยตัวมันเองที่มีลักษณะเฉพาะโดยธรรมชาติและมีกลไกในการที่จะกระตุ้นและ
ปลุกเร้าจากภายในนั่นก็คือ กระบวนการวินิจฉัยในอิสลาม หลักการเชิงพลวัตที่รับผิดชอบต่อปรากฏการณ์ดังกล่าว ซึ่งถูกกล่าวไว้จากหะดีษ
ของท่านรอซู้ลก็คือการ อิจญฺติฮาด (การปฏิรูปทางความคิดอย่างเป็นระบบ) เมื่อใดก็ตามที่ประชาชาติอิสลามเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความกดดัน
และตกต่ำ ก็ด้วยการอิจญฺติฮาด (หรือบางครั้งเรียกว่า ญิฮาด) ที่ช่วยให้ประชาชาติอิสลามกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ซึ่งในศตวรรษที่ ๑๙
ประชาชาตินี้ตกอยู่วิกฤติทั้งทางการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม กระนั้นก็ตามเราไม่สามารถที่จะคิดได้ว่า อย่างน้อยที่สุดบุคลิก
ลักษณะแบบ สุดโต่ง มิได้เกิดขึ้นมาเพื่อนำประชาชาตินี้ออกจากวิกฤติ พร้อมกับการอิจญฺติฮาด
ท่านซัยยิด อบุล-อะอฺลา เมาดูดี (๒๔๔๖ - ๒๕๒๒) ยอดนักคิดมุสลิม ได้เข้าเผชิญหน้ากับวิกฤติของประชาชาติอิสลาม
ที่เกิดขึ้นในศตวรรษที่ ๒๐ ด้วยวิธีการอันลึกซึ้ง โดยท่านเป็นผู้ริเริ่มในการใช้กระบวนการ อิจญฺติฮาด ในระดับที่มีความเข้าใจและทราบ
ถึงสถานการณ์โดยรอบด้าน ท่านได้เสนอแนวคิดอันเป็นทางเลือกให้แก่โลกยุคใหม่ เป็นความท้าทายแห่งยุคสมัยที่ต้องเผชิญกับแนวคิด
ของทุนนิยม มาร์กซิสต์และฟาสซิสต์ ซึ่งได้แพร่หลายในช่วงศตวรรษที่ ๑๙ ของยุโรป
ท่านซัยยิด เมาดูดีได้เข้าเผชิญกับความท้าทายนี้ในสามระดับที่แตกต่างกัน ระดับแรกเป็นระดับทางแนวคิด ทั้งทุนนิยมและมาร์กซิสต์
ต่างก็อ้างว่าสามารถที่จะแก้ปัญหาทั้งเศรษฐกิจ สังคม และปัญหาทางการเมืองได้ดีที่สุด อำนาจทางการเมืองที่สูงขึ้นของประเทศในยุโรปถูก
อธิบายโดยแนวคิดที่เหนือกว่าระบบความคิดอื่น อย่างไรก็ตาม ในศตวรรษที่ ๒๐ ทุนนิยมและคอมมิวนิสต์ก็แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลว
ของการที่จะสร้างสวรรค์ยูโทเปียขึ้นบนโลกนี้
แนวคิดสำคัญอันแรกที่ท่าน ซัยยิด เมาดูดี ได้แสดงไว้อย่างชัดเจนโดยใช้วิสัยทัศน์แบบอิสลามในการวิเคราะห์สังคม เศรษฐกิจ
และรัฐ โดยในขณะที่ท่านวิจารณ์แนวคิดทางตะวันตก ท่านก็ได้เสนอระบบความคิดแบบอิสลามเป็นทางเลือกในรูปแบบที่ชัดเจน ด้วย
การเผชิญหน้ากับความท้าทายแห่งยุคสมัย คงจะไม่มีปัญญาชนมุสลิมท่านใดอีก ทั้งในศตวรรษที่ ๑๙ และ ๒๐ ที่ได้เสนอแนวคิดอันประณีต
และละเอียดอ่อนที่แสดงถึงมิติต่าง ๆ ของอิสลามทั้งทางการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคม ดังที่เราได้พบในงานเขียนของท่านซัยยิด เมาดูดี
ท่านซัยยิด เมาดูดี ได้ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าแนวความคิดแบบตะวันตก สามารถที่จะเอาชนะได้ด้วยความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลเท่านั้น
นี่เป็นคำตอบว่าทำไมถึงต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อแนวคิดทุนนิยม สังคมนิยมและฟาสซิสต์ ท่านได้แสดงให้เห็นถึงระบบความคิด
ของอิสลามในงานเขียนที่เด่นหลาย ๆ ชิ้นของท่าน เช่น Sud (ดอกเบี้ย), Islamic civilization it genesis and principles, Tafhimat,
al-Jihad fi allslam and Tanqihat ในการทำความเข้าใจกับแง่มุมต่าง ๆ ของระบบการปกครอง เศรษฐกิจ และสังคมแบบอิสลาม
ขณะเดียวกันท่านก็ได้วิพากษ์แนวคิดแบบทุนนิยมและสังคมนิยมอีกด้วย
เพื่อที่จะเข้าสู่พื้นฐานทางความคิดแห่งอัล-กุรอานอันละเอียดอ่อน ท่านได้สร้างงานเขียนอันน่าจดจำ ในการทำความเข้าใจอัล-กุรอาน
คือ ตัฟฮีมุล-กุรอาน ขณะได้เพิ่มเติมรายละเอียดในการอธิบายความหมายของคำที่เป็นพื้นฐานของอัล-กุรอานในหนังสือชื่อ Four Basic
Terms of the Quran and Islamic Ibadat par aik Tehqiqi Nazr จุดประสงค์ของการอรรถาธิบายอัล-กุรอานของท่าน ไม่ได้มุ่งใน
ประเด็นทางการศึกษาและการอภิปรายทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นการนำเบื้องหลังทางประวัติศาสตร์และการวิเคราะห์ เพื่อที่จะค้นหาสิ่ง
ที่อัล-กุรอานได้ให้หลักปฏิบัติต่อเหตุการณ์ร่วมสมัย
เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าแนวความคิดที่นำเสนอโดยท่านซัยยิด เมาดูดี เป็นหนึ่งในองค์ประกอบหลักอันเป็นเบื้องหลังของขบวน
การฟื้นฟูอิสลามในวงกว้าง แม้ผลงานของท่านจะเขียนเป็นภาษาอูรฺดูเท่านั้น แต่ก็ได้รับการแปลเป็นภาษาอาหรับ เปอร์เซีย อังกฤษ ฝรั่งเศส
และเยอรมัน เพียงแค่ระยะเวลา ๒ ทศวรรษของการที่ท่านได้ก่อตั้งขบวนการฟื้นฟูอิสลามขึ้นในประเทศปากีสถาน ช่วงปลายทศวรรษ
ที่ ๒๔๙๓ ท่านเป็นผู้ที่ออกมากล่าวถึงอิสลามว่าเป็นระบอบแห่งอนาคต โดยการนำเสนออิสลามอย่างกระจ่างชัด และการทำความเข้าใจ
อย่างเป็นระบบ ทำให้ท่านเป็นที่รู้จักดีในหมู่ปัญญาชน คนหนุ่มสาว ทั้งในประเทศซูดาน อิหร่าน และประเทศในตะวันออกกลาง
ผลงานสำคัญลำดับที่สองของท่านคือการเป็นผู้ก่อตั้งขบวนการฟื้นฟูอิสลามขึ้นในประเทศปากีสถาน กับการเริ่มต้นอย่างเรียบง่ายในปี
๒๔๘๔ การตื่นตัวก็ได้แพร่กระจายไปทั่วประเทศและสามารถที่จะกระตุ้นให้เกิดการศึกษาอย่างจริงจัง จุดประสงค์แรกเริ่มของการเคลื่อนไหว
คือการเปลี่ยนแปลงสภาพของปัจเจกชนด้วยกับหมู่คณะ เพื่อนำไปสู่การปฏิรูปสังคม เศรษฐกิจ และรัฐในที่สุด ท่านได้พัฒนาวิธีใน
การเปลี่ยนแปลงสังคมโดยองค์รวม ซึ่งแตกต่างจากรูปแบบเดิม ๆ ของพิธีการการชำระตนเองให้บริสุทธิ์ การเข้าถึงจิตวิญญาณ หรือรูปแบบอื่น
ที่เป็นที่นิยมในขบวนการทั่วไป แต่ขบวนการฟื้นฟูอิสลามที่ท่านก่อตั้งนั้น มุ่งประเด็นไปที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมในวงกว้าง นั่นรวม
ไปถึงการเคลื่อนไหวทางการเมือง กระนั้นก็ตาม การเคลื่อนไหวทางการเมืองมิใช่จุดประสงค์เพียงหนึ่งเดียว แต่มันเป็นเพียงส่วนหนึ่งของ
กระบวนการเปลี่ยนแปลงของสังคมอย่างสมบูรณ์ อันมีรากฐานทางความคิดที่มาจากการศึกษาถึงแก่นของอัล-กุรอานและซุนนะฮฺ
เป็นที่ยอมรับว่าไม่มีปัญญาชนมุสลิมท่านใดอีกในศตวรรษที่ ๒๐ ที่จะสามารถอธิบายระบบการปกครองแบบอิสลามได้อย่างชัดเจนเช่นท่าน
หนังสือของท่านที่ชื่อ Islamic State, Islamic law and Constitution, Khilaft-o-Mulukiat, How to establish an Islamic State
และบทความอีกหลาย ๆ ชิ้น แสดงถึงแง่มุมต่าง ๆ ของระบบการปกครองแบบอิสลาม เป็นหลักฐานให้กับข้อสังเกตนี้ได้เป็นอย่างดี ขณะที่
อิกบาล อัฟฆอนี หรือโคมัยนี มิได้กล่าวถึงความจำเป็นของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของมุสลิมในการปกครอง หรือพันธะของมุสลิม
ในการที่จะจัดตั้งรัฐอิสลาม ไม่มีใครในเขาเหล่านั้นที่จะสามารถร่าง พิมพ์เขียว ของการเปลี่ยนแปลงทางการปกครองอย่างอิสลามได้
แต่ในทางตรงกันข้าม ท่านซัยยิด เมาดูดี สามารถที่จะวางโครงร่างอย่างเป็นขั้นเป็นตอนของกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงสังคมและ
การปกครอง เพื่อนำไปสู่การจัดระเบียบสังคมอย่างแท้จริง
ผลงานที่เห็นเด่นชัดอีกข้อหนึ่งของท่านซัยยิด เมาดูดี คือการสร้างบรรยากาศในขบวนการ ยามาอะฮฺ อิสลามียะฮฺ ด้วยกับบุคลิกภาพ
ที่มีเสน่ห์ของการเป็นผู้นำ ด้วยการปฏิบัติที่เป็นกันเอง ขณะที่ทำการสนับสนุนบุคคลที่มีความคิดโดดเด่น จากงานเขียนและการพัฒนา
ขบวนการฟื้นฟูอิสลามของท่าน ท่านได้นำข้อบกพร่องออกไปจากจิตใจของผู้ตาม อันได้แก่ การเคารพบูชาและการยึดติดในตัวผู้นำ
อย่างเกินขอบเขต ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติสำหรับขบวนการเคลื่อนไหว นำไปสู่การลดบทบาทของแนวคิดสุดโต่งหรืออนุรักษ์นิยมภายใน
ขบวนการและได้พัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้นภายใต้อิทธิพลแนวความคิดของท่าน
สำหรับผู้ที่ไม่เคยใช้เวลาเพียงพอในการศึกษาแนวคิด บุคลิกลักษณะ และขบวนการเคลื่อนไหวของท่านซัยยิด เมาดูดี มันเป็นเรื่อง
ที่ออกจะไม่ยุติธรรมในการที่จะตัดสินว่าการเรียกร้องของท่านให้มีการ อิจญฺติฮาด บนพื้นฐานของแห่งกำเนิดคำสอนแห่งอิสลาม นั่นคือ
อัล-กุรอาน และซุนนะฮฺ ว่าเป็นแนวคิด อนุรักษ์นิยม โดยผู้รู้ชาวคริสเตียนหลาย ๆ ท่าน สำหรับคำว่า อนุรักษ์นิยม นั้นมีความเกี่ยวพัน
กันอย่างลึกซึ้งกับเทววิทยาของชาวคริสเตียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงปลายศตวรรษที่ ๒๐ มีชาวคริสเตียนที่เชื่อว่าขบวนการเคลื่อนไหว
ที่มีแนวคิดโดยยึดตามตัวบทและกลับไปสู่คัมภีร์ไบเบิ้ล เพื่อการปลดปล่อยในแต่ละปัจเจกชน จนกระทั่งนำมาซึ่งแนวคิดสุดโต่งและทัศนคติ
ที่ไร้ข้อพิสูจน์ระหว่างพวกเขากันเอง ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเรียกร้องให้กลับไปสู่อัล-กุรอานและซุนนะฮฺ
โดยกระบวนการ อิจญฺติฮาด อย่างเป็นเหตุเป็นผล เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาร่วมสมัย กระบวนการนี้สามารถอธิบายได้ดีที่สุดในฐานะวิธีการที่
เป็นระบบเชิงพลวัตที่ต้องเผชิญกับความท้าทายแห่งสมัยนิยม ก็ด้วยเหตุนี้เองมันจึงไม่สามารถให้คำจัดความว่า อนุรักษ์นิยม ได้
ด้วยกับภูมิปัญญาและความเข้าใจในสถานการณ์ ท่านซัยยิด เมาดูดี เป็นผู้ริเริ่มในการฟื้นฟูกระบวนการอิจญฺติฮาดทั้งในภาคเศรษฐกิจ
การเมืองและสังคม มันไม่ยุติธรรมที่จะกล่าวหาแนวคิดและขบวนการของท่าน ที่เรียกร้องให้กลับไปสู่อัล-กุรอานและซุนนะฮฺ ว่าเป็นเช่นเดียว
กับบางกลุ่มที่มีแนวคิด อนุรักษ์นิยม กลุ่มเหล่านี้เมื่อพวกเขาได้เรียกร้องให้กลับไปสู่อัล-กุรอานและซุนนะฮฺ จะหมายถึงการปฏิบัติตาม
แนวทางการกระทำและการใช้ชีวิตของชาวสลัฟ อย่างเคร่งครัด โดยขบวนการที่เรียกร้องเช่นนี้อาจจะนำไปสู่แนวคิดที่ล้าสมัย ขณะที่ขบวนการ
ที่เรียกร้องให้มีการฟื้นฟูและอิจญฺติฮาดนำไปสู่ความก้าวหน้า การพัฒนา และทันต่อยุคสมัย
แท้จริงแล้ว อิสลามคือกระบวนการเปลี่ยนแปลงทางสังคม เป็นความเข้าใจอย่างแท้จริงต่อความยุติธรรมทางสังคมสำหรับมนุษยชาติ
มิใช่ขบวนการที่มองย้อนหลัง อัล-กุรอานและซุนนะฮฺเป็นเช่นแสงนำทางสำหรับแบบแผนแห่งอนาคต ผ่านทางหลักศรัทธา, ระบอบชะรีอะฮฺ,
และรัฐอิสลาม เพราะฉะนั้น สืบเนื่องจากความกังวลของพวกเขาสำหรับบทบาทในอนาคตของอิสลาม กระบวนการฟื้นฟูและ อิจญฺติฮาด
จึงไม่สามารถที่จะจัดให้อยู่ในกลุ่มพวกอนุรักษ์นิยมหรือพวกสุดโต่งได้โดยเด็ดขาด
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปรัชญาความคิดและแนวทางการทำงานของท่านซัยยิด เมาดูดี ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานแนวคิดอิสลาม จะถูกนำ
ไปเปรียบเทียบกับแนวคิดที่มาจากนักวิชาการเซคคิวลาร์ในยุโรปเช่น คาร์ล มาร์กซ์ หรือ ซิกมันด์ ฟรอยด์ เนื่องจากท่านมิใช่บุคคลที่จำกัด
ความคิดของตนเองอยู่ในกรอบของสาขาวิชาใดวิชาหนึ่ง แต่ท่านได้ครอบคลุมองค์ความรู้ที่มากมายกว่านักวิชาการที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่ง
ก่อให้เกิดบทบาทอันน่าทึ่งท่ามกลางแนวคิดของยุโรปสมัยใหม่
งานของท่านซัยยิด เมาดูดีที่ได้สร้างกระแสการตื่นตัวอิสลามไปทั่วโลก ยังคงไว้ซึ่งคุณค่าและมีผลต่อการทำความความเข้าใจใน
การเกิดขึ้นของขบวนการฟื้นฟูอิสลามทั้งในอเมริกาเหนือ ยุโรป แอฟริกา และในเอเชีย
ได้มีการเรียกร้องให้ก่อตั้งสถาบันเพื่ออุทิศให้กับการศึกษาของท่านกับงาน ๒๐๐ ชิ้นซึ่งได้รับการแปล ๒๘ ภาษา การเริ่มต้นของ
ศตวรรษใหม่นี้ อาจจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการที่จะก่อตั้งสถาบันเช่นนี้ และในเดือนพฤษจิกายนปี ๒๕๔๖ ก็ถือเป็นการครบรอบ ๑๐๐ ปี
เนื่องในวันเกิดของท่านด้วย