สื่อเดนมาร์ก อีกแล้ว...

[มะฮฺ-คับ]

 salam

ขนาดเค้าประท้วงกันครึกโครมทั่วโลก มันยังไม่แลตามาดู เลยครับ ซ้ำยัง ปล่อยให้ทำแบบนี้อีกรอบ
คิดว่า การเสวนาอย่างมีเหตุผล มันคงไม่รู้สึก รู้สาอะไร
ฝรั่งมันเชิดชูพวกต่อสู้เพื่อเสรีภาพแทบตาย  แต่พวกมันเองก็สร้างภาพความขยะแขยงของเสรีภาพที่พวกมันเทิดทูน นักหนาด้วย

อย่างไรก็ดี กรณีที่เราประท้วงคราวที่แล้ว ก็มีเสียงวิพากษ์มาเหมือนกัน ว่า คือ มีการร้องตะโกน เดนหมา เดนหมาก อะไรสักอย่าง
ตรงนี้ อยากให้เราใช้ความบริสุทธิ์ใจเข้าปกป้องนบี แต่อย่าเอาความหยาบคายไปต่อสู้เลยครับ
รักนบี ไม่ต้องมีคำหยาบก็ได้

 

[قطوف من أزاهير النور]

Danish cartoonist dies

Erik Abild Soerensen, one of the 12 cartoonists that back in 2005 contributed to Jyllands-Postens cartoons of the prophet Muhammed has died at the age of 89.

Mr. Soerensen worked for Jyllands-Posten from 1938 until 1985. He was educated at an private art school and became a staff cartoonist at Jyllands-Posten in 1956. The Muhammed cartoon was the last published work in a career that spanned half a century. It was published under the caption: “Prophet! Daft and dumb. Keeping women under thumb.”

As a consequence of the death threats against the cartoonists Danish police showed up at Mr. Soerensen’s apartment in Aarhus offering security instructions. Soerensen replied:

”I have passed the age of 85, I am sick and I have just lost my wife. Can it get worse? I don’t think so.”

[Al Fatoni]

อัสสลามุ อลัยกุม

             ผมว่า เชิญผู้ทำการ์ตูนมารับรู้อะไรเกี่ยวกับอิสลามก็ดีไม่เบานะครับ ยิ่งเราประท้วง เขาก็ยิ่งได้ใจ เพราะจุดประสงค์ของเขาต้องการสื่อว่า "อิสลาม" คือศาสนาแห่งความป่าเถื่อน ที่อะไรนิดอะไรหน่อย จะใช้ความรุนแรง และการประท้วงเรื่องนี้จนมีการนองเลือด มันก็เป็นบทพิสูจน์ที่ยิ่งเป็นการตอกย้ำในสิ่งที่พวกเขาต้องการให้เป็นไปอย่างเข้าเป้าเข้าล็อกเปะๆ แล้วทีนี้ อะไรหละคือว่าคำว่า "อิสลาม" ที่แปลว่า "สันติ" นี่คือคำถามที่พวกเขาจะวนกลับมาถามพวกเราอย่างเจ็บแสบที่สุด คุณอยากได้ยินคำถามข้างต้นไหมหละ โอเค การประท้วงเป็นการแสดงจุดยืนว่าเราไม่พอใจ ผมเห็นด้วยในส่วนนี้ แต่หากการประท้วงที่เราๆ ก็รู้ว่า อาจจะบานปลายจนมีการนองเลือด ทำลายข้าวของ ภาพที่ตีแพ่ไปทั่วโลกคือ ชาวมุสลิมแสดงความไม่พอใจด้วยการเผาสถานทูต และฆ่าชาวต่างชาติ ลองคิดดูสิว่า ชาวโลกจะมองว่าเราชอบสันติ หรือรุนแรง และหากการประท้วงต้องมีการโหร้องด่าทอต่อว่ากัน ที่ไม่ต่างอะไรกับนักเลง แล้วไหนหละอัคลากที่นบี ศ.ล. อันเป็นที่รักของเราสั่งเสียนักสั่งเสียหนา ตลอดชีวิตของท่าน และท่านก็ปฏิบัติให้ผู้คนของท่านดู จนแม้กระทั่งศัตรูของที่เกลียดท่านจนเข้ากระดูกดำยังอดที่จะตะลึงในความงามแห่งจิตใจและกิริยามารยาทของท่านไม่ได้ แล้วชาวมุสลิมปัจจุบันหละ เป็นไปตามที่ว่าไหม? เราไม่เพียงแต่ประท้วงตามอย่างข้างต้นเท่านั้น แต่เรายังไม่ด่าทอ ด่าว่ากันเองอีกว่า ไอพวกที่ทำเมาลิด บอกว่ารักนบี ทำไมถึงไม่ไปประท้วงหละ ทีแบบนี้ทำเป็นเงียบกริบ มันเกิดอะไรขึ้นหรือกับสังคมมุสลิมเราปัจจุบัน ต่างคนต่างเชิดชูสิ่งที่ตนทำ แทนที่จะเชิญชวนดีๆ หากเขาไปทำ ก็ดุอาอฺให้เขาได้ทำ มิใช่มาด่าว่ากัน เพื่อดึงคะแนนจากประชานิยมมาฝ่ายตน เราคงปฏเสธไม่ได้ว่าสิ่งที่ท่านทำ เป็นสิ่งที่ดี การที่ท่านประท้วง ผมก็เห็นด้วย แต่หากระหว่างการประท้วงนั้น เป็นไปตามแบบฉบับนบี ศ.ล. ประท้วงแบบสันติ และแจกเอกภาพสร้างความเข้าใจที่ดีเกี่ยวกับอิสลาม แนะนำอิสลามด้วยวาจา การกระทำ และจิตใจ ระหว่างการประท้วง ท่านคงรู้ตัวดีอยู่เสมอว่า สื่อกำลังจับตามองคุณอยู่ทุกวินาที แล้วทำไมไม่ถือโอกาสนี้แสดงมารยาทที่ดีของอิสลามไปละ สิ่งนี้จะไม่ได้ผลดีกว่าการประท้วงแล้วไปด่าทอเขาแบบหยาบคายดอกหรือ หรือเราถือคติที่ว่า มันป่าเถื่อนต่อเรา เราต้องป่าเถื่อนต่อเขา เขาถึงจะฟัง มันถึงหน่ำใจ แล้วไหนหละคือ "อิสลาม" ที่แปลว่า "สันติ" อันได้มาจากการอยู่อย่างไม่บาดหมางกัน สร้างความเข้าใจกันด้วยมาราทที่ดีแบบอิสลามทั้งวาจา กาย และจิตใจ - วัลลอฮุ อะอฺลัม

วัสสลามุ อลัยกุม

[۞QolbunSaleem۞]

อัสลามุอาลัยกุม..
     เอาหล่ะครับ ต่างคนต่างความคิด บางกลุ่มคิดว่าไปประท้วงเป็นสิ่งที่ดี บางกลุ่มคิดว่าไม่ควรจะไปประท้วง เดี๋ยวจะเป็นการสร้างภาพในทางลบ ดังนั้นแล้วเมื่อท่านนบีถูกเหยียดหยามอย่างนี้ เราในฐานะเป็นมุสลิมคนนึง ก็ควรจะทำอะไรสักอย่างนึง ที่เป็นการแสดงถึงความไม่เห็นด้วยต่อการกระทำ จะด้วยวิธีไหนก็ตาม  แต่เราต้องไม่นิ่งเฉยนะครับ เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า อาคีเราะห์อัลลอฮจะสอบถามเราหรือเปล่า ว่าเมื่อศัตรูอิสลามเหยียดหยามนบี ท่านได้ทำอะไรบ้าง เราๆจะได้มีคำตอบกับอัลลอฮไงหล่ะครับ จะทำเรื่องเล็กๆน้อยๆที่เราสามารถทำได้ก็ทำไป หรือจะรวมพลังกันประท้วงโดยอยู่ในกรอบของศาสนาก็ทำไป ขอให้ทุกคนได้แสดงจุดยืนของเราให้มั่นคงไว้  ส่วนเขาจะมีวัตถุประสงค์แอบแฝงอะไรหรือเพื่อต้องการให้มุสลิมนั้นมีภาพลบในเรื่องการประท้วงที่รุนแรงอย่างไรนั้น เราไม่ทราบ วัลลอฮอะลัม
   ดังนั้นแล้ว ก็อย่างเฉยเมยต่อเรื่องนี้นะครับ ทำอะไรได้ก็ทำไป ไม่ใช่ว่านบีโดนเหยียบหยามขนาดนี้ เราก็ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

[คะลัคคะลุย]

อัสลามุอาลัยกุม..
     เอาหล่ะครับ ต่างคนต่างความคิด บางกลุ่มคิดว่าไปประท้วงเป็นสิ่งที่ดี บางกลุ่มคิดว่าไม่ควรจะไปประท้วง เดี๋ยวจะเป็นการสร้างภาพในทางลบ ดังนั้นแล้วเมื่อท่านนบีถูกเหยียดหยามอย่างนี้ เราในฐานะเป็นมุสลิมคนนึง ก็ควรจะทำอะไรสักอย่างนึง ที่เป็นการแสดงถึงความไม่เห็นด้วยต่อการกระทำ จะด้วยวิธีไหนก็ตาม  แต่เราต้องไม่นิ่งเฉยนะครับ เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า อาคีเราะห์อัลลอฮจะสอบถามเราหรือเปล่า ว่าเมื่อศัตรูอิสลามเหยียดหยามนบี ท่านได้ทำอะไรบ้าง เราๆจะได้มีคำตอบกับอัลลอฮไงหล่ะครับ

การแสดงถึงความไม่เห็นด้วยนั้น  แสดงให้ใครเห็น  ให้อัลเลาะฮ์เห็นหรือให้มนุษย์เห็น  และวันกิยามะฮ์นั้นอัลเลาะฮ์ไม่ถามหรอกว่าไปประท้วงหรอเปล่า   

งั้นพี่น้องอ่านบทความนี้ 

http://www.sunnahstudents.com/index.php?option=com_content&task=view&id=53&Itemid=1

เพราะรู้สึกว่าพี่น้องที่คึกคะนองในการประท้วงจะไม่พอใจ  และผู้ที่ไม่เห็นด้วยในการประท้วงก็ไม่พอใจ  สรุปคือหากจะประท้วงก็เป็นเรื่องมุบาห์แต่ให้อยู่ในกรอบอิสลาม 

[۞QolbunSaleem۞]

อัสลามุอาลัยกุม..
     เอาหล่ะครับ ต่างคนต่างความคิด บางกลุ่มคิดว่าไปประท้วงเป็นสิ่งที่ดี บางกลุ่มคิดว่าไม่ควรจะไปประท้วง เดี๋ยวจะเป็นการสร้างภาพในทางลบ ดังนั้นแล้วเมื่อท่านนบีถูกเหยียดหยามอย่างนี้ เราในฐานะเป็นมุสลิมคนนึง ก็ควรจะทำอะไรสักอย่างนึง ที่เป็นการแสดงถึงความไม่เห็นด้วยต่อการกระทำ จะด้วยวิธีไหนก็ตาม  แต่เราต้องไม่นิ่งเฉยนะครับ เพราะผมก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า อาคีเราะห์อัลลอฮจะสอบถามเราหรือเปล่า ว่าเมื่อศัตรูอิสลามเหยียดหยามนบี ท่านได้ทำอะไรบ้าง เราๆจะได้มีคำตอบกับอัลลอฮไงหล่ะครับ

การแสดงถึงความไม่เห็นด้วยนั้น  แสดงให้ใครเห็น  ให้อัลเลาะฮ์เห็นหรือให้มนุษย์เห็น  และวันกิยามะฮ์นั้นอัลเลาะฮ์ไม่ถามหรอกว่าไปประท้วงหรอเปล่า   

งั้นพี่น้องอ่านบทความนี้ 

http://www.sunnahstudents.com/index.php?option=com_content&task=view&id=53&Itemid=1

เพราะรู้สึกว่าพี่น้องที่คึกคะนองในการประท้วงจะไม่พอใจ  และผู้ที่ไม่เห็นด้วยในการประท้วงก็ไม่พอใจ  สรุปคือหากจะประท้วงก็เป็นเรื่องมุบาห์แต่ให้อยู่ในกรอบอิสลาม 

เรื่องนี้อยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นครับ เราอย่าไปสงสัยเขาให้เป็นฟิตนะห์เลยครับ ปล่อยให้เป็นเรื่องระหว่างเขากับอัลลอฮ

[นูรุ้ลอิสลาม]

เรื่องนี้อยู่ที่ความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นครับ เราอย่าไปสงสัยเขาให้เป็นฟิตนะห์เลยครับ ปล่อยให้เป็นเรื่องระหว่างเขากับอัลลอฮ

     พอดีไปอ่านเว็บมุรีดเกี่ยวกับการเสวนาเรื่องการประท้วง  ซึ่งผลสรุปอย่างปฏิเสธไม่ได้ก็คือ  การประท้วงเป็นบิดอะฮ์  วะฮาบีแบ่งบิดอะฮ์ออกเป็น 2 นัยยะ  คือ บิดอะฮ์ศาสนาและบิดอะฮ์ดุนยา  ซึ่งตามหลักการของวะฮาบีย์แล้ว  การประท้วงเป็นบิดอะฮ์ดุนยา  คือสิ่งที่นบีไม่ได้ทำโดยไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา  ดังนั้นการประท้วงไม่ได้เป็นเรื่องของศาสนา  แต่เป็นเรื่องดุนยา

     แต่กระนั้น  เราจึงแปลกใจว่า  ทำไมวะฮาบีเขาพูดสนับสนุนทัศนะตนเองในเรื่องการประท้วงเหมือนกับมันเป็นเรื่องศาสนา  บางคนบอกว่าใครปฏิเสธการประท้วงกล่าวว่ามันเป็นบิดอะฮ์ต้องตรวจสอบอีหม่าน?! ทั้งที่การประท้วงเป็นเรื่องดุนยา  บางคนบอกว่าหากผู้ไม่สนับสนุนการประท้วงถือว่าไม่ปกป้องท่านนบี  และจะถูกสอบถามจากอัลเลาะฮ์?!  หากเป็นแบบนี้จริงแสดงว่ามุสลิมเป็นพันล้านทั่วโลกที่ไม่ได้ประท้วงต้องถูกสอบถามจากอัลเลาะฮ์หรืออย่างไรกัน?!  หากการประท้วงเป็นสิ่งที่ดีงามและปกป้องท่านนบี  อุลามาอ์โลกทั้งหลายต้องมีบ้างล่ะขอรับที่เป็นแกนนำในการเดินประท้วง   

     ใครหรือครับที่ให้คำนิยามหรือกำหนดหลักการว่าการประท้วงคือการปกป้องท่านนบีเท่านั้น   ทั้งที่ปัจจุบันนี้มีอุลามาอ์ของเรามากมายที่ทำการคัดค้านโดยตรงและอยู่ในกรอบของอิสลาม   มีการเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลเดนมาร์ก  เรียกร้องความเป็นธรรมให้ยุติอย่างสันติ  ซึ่งภาระหน้าที่ในรูปแบบดังกล่าวนั้นระดับอุละมาอ์โลกได้จัดการดำเนินการอยู่แล้ว  ซึ่งเป็นวิธีการที่พวกเดนมาร์กเขาไม่ชอบ  เนื่องจากพวกเขาต้องการให้มุสลิมลุกฮือเดินทางกลางถนนตะโกนประท้วงเพื่อให้ชาวโลกได้เห็นภาพลักษณ์ของมุสลิม

     ดังนั้นเมื่อมีอุลามาอ์ระดับโลกได้ดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว  คนอย่างเราๆ ในเมืองไทยก็พยายามขอดุอา  ร่วมด้วยช่วยกันขอกันทุกละหมาดขอให้พวกเขามีการตกลงด้วยสันติวิธีและขอให้ผู้ไม่หวังดีอิสลามนั้นได้รับการตอบที่เหมาะสมจากอัลเลาะฮ์  แต่เป็นที่แปลกใจที่ว่า  มีบางคนที่สนับสนุนการปะท้วงได้วิจารณ์ผู้ทำการขอดุอาว่าเป็นพวกนิ่งเฉยหรือนิ่งดูดาย  ทั้งที่ซุนนะฮ์นบีบอกว่า "การขอดุอาเป็นอาวุธของผู้ศรัทธา"   ความเลยเถิดในเรื่องการประท้วงซึ่งเป็นบิดอะฮ์ดุนยาเป็นเหตุให้ตำหนิพี่น้องมุสลิมที่เลือกแนวทางการขอดุอาตามซุนนะฮ์นบี 

     ดังนั้นเมื่อการประท้วงเป็นบิดอะฮ์ดุนยาแล้ว  คนที่ไม่สนับสนุนในเรื่องบิดอะฮ์ดุนยา  ทำไมต้องถูกวิจารณ์ถูกตราหน้าว่าไม่ปกป้องนบีล่ะ   และเมื่ออุลามาอฺระดับโลกได้ดำเนินการแล้ว  พวกเดนมาร์กเขาก็รู้แล้วว่ามุสลิมไม่พอใจในสิ่งที่พวกเขากระทำ  ฉะนั้นหากไปประท้วงเพื่อแสดงจุดยืนให้เดนมาร์กทราบ  กระผมขอบอกว่าพวกเดนมาร์กเขาทราบมานานก่อนที่จะตีพิมพ์ภาพวาดครั้งที่สองเสียอีก  หากจะแสดงให้มนุษย์รู้  เราก็ได้แค่การแสดงให้มนุษย์รู้  หากจะแสดงจุดยืนให้อัลเลาะฮ์รู้  แน่นอนว่าการประท้วงไม่เป็นเงื่อนไขในการปกป้องนบี  เพราะอุลามาอฺโลกอิสลามไม่มีใครไปเดินประท้วง  และหากการประท้วงหมายถึงการปกป้องนบี  แสดงว่าอุลามาอฺโลกอิสลามไม่ได้ปกป้องนบีน่ะซิขอรับ

     สรุปคือการประท้วงเป็นบิดอะฮ์ดุนยาตามทัศนะของวะฮาบี  หรือเป็นบิดอะฮ์มุบาห์ตามทัศนะของเรา  แต่ไปอ่านบางกระทู้ของเว็บดังกล่าว  มีคนบอกว่า  หากการประท้วงกระทำได้ด้วยการอ้างเหตุผลว่ารักนบีและปกป้องนบี  ก็แสดงว่าเมาลิดก็ทำได้เช่นกัน  เป็นจุดหนึ่งที่น่าคิดเหมือนกันขอรับ 

[۞QolbunSaleem۞]

แล้วเราจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอุละมาร์ระดับโลกอย่างเดียวหรือครับ...เราไม่ใช่อุละมาร์ระดับโลกก็ไม่ต้องทำอะไรใช่มั๊ยขอรับนอกจากการดุอาอ์  แล้วการนำเรื่องนี้มาเปรียบเทียบกับเรื่องงานเมาลิด ผมคิดว่ามันคนละเรื่องนะครับ คุณนุรุ้ลอิสลาม (ความคิดส่วนตัว ผิดพลาดก็ขอมาอัฟด้วยครับ)

[قطوف من أزاهير النور]

Danish cartoonist dies

Erik Abild Soerensen, one of the 12 cartoonists that back in 2005 contributed to Jyllands-Postens cartoons of the prophet Muhammed has died at the age of 89.

Mr. Soerensen worked for Jyllands-Posten from 1938 until 1985. He was educated at an private art school and became a staff cartoonist at Jyllands-Posten in 1956. The Muhammed cartoon was the last published work in a career that spanned half a century. It was published under the caption: “Prophet! Daft and dumb. Keeping women under thumb.”

As a consequence of the death threats against the cartoonists Danish police showed up at Mr. Soerensen’s apartment in Aarhus offering security instructions. Soerensen replied:

”I have passed the age of 85, I am sick and I have just lost my wife. Can it get worse? I don’t think so.”

หนึ่งในผู้วาดการ์ตูนล้อเลียนนบีมุฮัมมัด ซล. เสียชีวิตแล้ว

แต่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการเสียชีวิต (เพราะงั้นคงไม่ใช่เรื่องฆาตกรรม)

..........................................

ส่วนเรื่องการประนามการกระทำนี้มีหลายมุมมองให้อ่าน .. ลองตามไปอ่านดู

เมื่อเดนมาร์กไม่ยอมหยุด...

จุดยืนของเราต่อการเยาะเย้ยล้อเลียนท่านนบีมุหัมมัด ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม

ดูหมิ่นอิสลาม : วงจรอุบาทว์ของอารยธรรมไร้ศาสนา

และรวมถึง ความรักท่านนบี(ซ.ล.)ต่อจุดยืนการดูหมิ่นท่านนบี(ซ.ล.)ของเดนมาร์ก

และอื่น ๆ ที่พี่ hamzah เอามาวาง บอกได้ว่าลีลาการประนามแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคลิกแต่ละคน (แต่ละเวบ) ใครจะว่ายังไงไม่รู้แต่ชามองว่ามันเป็นกระแสที่ดี ดีกว่าการนิ่งเฉยต่อการล้อเลียนท่านนบีมุฮัมมัด ซล. 

การประท้วงก็ดี การออกมาประนามของพี่น้องเราในประเทศไทยก็ดียังไม่ถึงขั้น ไม่สวยงาม เพราะฉะนั้นอัลฮัมดุลิ้ลลา ไม่ว่าใครจะเคลื่อนไหวอย่างไร แม้เราอาจไม่ได้เข้าร่วมด้วย แต่ก็จะช่วยขอดุอาอฺให้  เพราะการปกป้องท่านนบีมุฮัมมัด ซล. เป็นจุดยืนที่เราต้องยืนร่วมกัน แม้วิธีเราจะต่างกันก็ตาม

ประเด็นที่ท่านอัซฮารีหยิบยกมาพูด (จากลิ้งค์หน้าเวบ) น่าสนใจว่า การนำประเด็นท่านนบีมุฮัมมัด ซล. มาทำให้มุสลิมแสดงออกซึ่งความรุนแรงอาจเป็นเหตุผลสำคัญที่เขาทำสิ่งนี้ขึ้นมา  มุสลิมต้องเข้าใจว่าการคิดให้ทันศัตรู สำคัญมากกว่าการแสดงออกอย่างเดียว ในขณะที่เขาล้อเลียนและทำให้ท่านนบีมุฮัมมัด ซล. มีภาพลักษณ์ที่ไม่ดี เรามุสลิมสมควรอย่างยิ่งจะต้องชูภาพลักษณ์ที่ดี ที่เป็นจริงของท่าน  ไม่ว่าจะผ่านการประท้วง หรือ การตอบโต้ไม่ว่าลักษณะใดก็ตาม


ส่วนบางบุคคลที่ยังดื้อ เอาเรื่องกลุ่ม/สำนัก มาแบ่งจุดยืนของพี่น้องเี่ราด้วยเพราะวิธีการปกป้องท่านนบีมุฮัมมัด ซล. ที่แตกต่างกัน ก็ขอให้พระองค์อัลลอฮฺ ซบ. เปิดหัวใจอันขุ่นมัวของเขา  ขอให้เขามีความเข้าใจในศาสนาด้วยเถิด 

[fathai 2]

แล้วเราจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอุละมาร์ระดับโลกอย่างเดียวหรือครับ...เราไม่ใช่อุละมาร์ระดับโลกก็ไม่ต้องทำอะไรใช่มั๊ยขอรับนอกจากการดุอาอ์ 

   
                    ดุอาอฺ เป็นอาวุธของมุอฺมิน สถานการณ์ที่ดีขึ้นไม่ว่าจะเรื่องเดนมาร์ก เรื่องปาเลสไตน์ หรือแม้ปัญหาส่วนตัวของเราเองก็ตาม ไม่ใช่ดีขึ้นด้วยความสามารถหรือเพราะการประท้วงของมนุษย์คนใด ดังนั้นควรดุอาอฺ หากยังไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น หรือปัญหายังไม่ลุล่วงไป ก็เช็คดูว่าเรายังบกพร่องกับอามั้ล ซุนนะฮฺเรื่องใด แล้วอิสละห์ปรับปรุงเสียใหม่ แล้วละหมาดฮายัต แล้วดุอาอฺอีก ทำอย่างนี้แหละครับ อินชาอัลลอฮฺ จะดีขึ้น หรืออัลลอฮฺ ทรงเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
                  กรณีเดนมาร์กเป็นเรื่องศาสนาแน่นอน การประท้วงเดนมาร์ก จึงเป็นการประท้วงในเรื่องศาสนา ท่านนบีฯซล.เป็นกะลีมะฮฺที่สองของเรา พูดเกี่ยวกับท่าน แล้วบอกว่าไม่เกี่ยวกับศาสนา(อิสลาม)ได้งัย

[คนอยากรู้]

 salam

พี่น้องครับถ้าจะพูดถึงการคุกคามของประเทศต่างๆที่ทำตัวเป็นศัตรูอิสลามนั้น มีอยู่มากมายครับเพียงแต่ว่า ศัตรูเหล่านั้นมันจะกล้าแสดงออกหรือเป็นเงาอำพรางให้เรารู้ทันหรือไม่เท่านั้น

หลายๆครั้งเราจะพบว่า ประเทศแถวยุโรปนั้นจะทำตัวเป็นปรปักษ์กับเรามาตลอดและแถบอาหรับ(ยิว)บางประเทศ หรือแม้แต่อเมริกาเองก็ตาม อาจจะด้วยความที่เกลียดชังประเทศมุสลิมและการเพขึ้นของประชากรในประเทศของเขาไม่ว่าการเข้ารับอิสลามหรือการเข้ารีตในอิสลามที่เพิ่มขึ้นจากประชากรเดิมของเขา ไม่เว้นแต่ละวัน(ประเทศอมริกาและอังกฤษแม้กระทั่ง้เดนมาร์ค)

จากการสังเกตุการณ์เราจะพบว่า ประชากรที่ตั้งตัวเป็นศัตรูอิสลามนั้น  พลเมืองของเขานั้นประมาณเกือบ10%ที่นับถือศาสนาอิสลามและเป็นการเพิ่มที่รวดเร็วทวีคูณ  อาจด้วยสาเหตุต่างๆกันที่เขาเหล่านั้น  มีความกระตือรือร้นในการเข้ามานับถือศาสนาอิสลาม  ในช่วงยุคหลัง

ฉนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เหล่าศัตรูอิสลาม เหล่านั้นจะกระทำทุกอย่างที่จะกล่าวร้ายต่อศาสนาอิสลาม ด้วยวิธีการต่างๆนา  ที่จะสร้างให้เกิดการก่อตัวและประท้วงแบบครั้งใหญ่ที่สุดของโลกก็ว่าได้  พวกเขามีความปรารถนาเช่นนั้น     พวกเขาต้องการให้มุสลิมสร้างความว่นวายในสังคมโลก และดูเหมือนว่า แผนการของเขานั้นเกือบจะได้ผลทุกครั้ง  จากการที่พวกเขากระทำเรื่องต่างๆขึ้นมา


การเสดงออกด้วยการคัดค้านหรือประท้วงของผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามนั้น ไม่ใช่เรื่องผิด หลักศาสนาและสามารถกระทำได้  ถ้าไม่ผิดกฏหมายและกฏระเบียบของบ้านเมือง

การแสดงออกถึงความไม่พอใจต่อบางประเทศที่ดูหมิ่นนามของศาสนาทูตในอิสลามของเรานั้น เป็นสิ่งสมควรยิ่งที่เราจะต้องปกป้องและเกลียดชังกับพวกเขา   
แต่การแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยนั้นสามารถกระทำได้ด้วยหลายรูปแบบ
ไม่ว่าการละหมาดฮายัต  การขออดุอาสามปแช่ง การบอยคอดสินค้า  การประท้วงทางสถาทูต ฯลฯ  นี่คือช่องทางในการเลือกประนามหรือแสดงออกต่อประเทศที่ดูหมิ่น ศาสนทูตของอัลอิสลาม


ประเด็นมันอยู่ที่ว่า รูปแบบดังกล่าวนั้นใคร จะมีการแสดงออกอย่างไร   ก็ไม่น่าจะมากล่าวหารกันหรือมุ่งที่จะโจมตีกลุ่มอื่นที่ไม่ได่กระทำเช่นเดียวกับกลุ่มของตน  ทางที่ดีใครที่อยู่ใกล้สถานทูตก็น่าจะกระทำการยื่นหนังสือและประกาศจุดยืนให้ชัดเจน  ใครที่อยู่ใกล้ประเด็นมาร์คก็น่าจะส่งตัวแทนไปเจรจา ใครที่อาศัยอยู่ที่ประเทศเดนมาร์คก็น่าจะกระทำการตอบโต้ในเชิงสร้างสรรค์และไม่ออกกรอบข้อกำหนดของประเทศนั้นๆ

การออกมาตอบโต้นั้นไม่ได้เป็นข้อบังคับตายตัว เช่น มีผู้กล่าวว่า ผู้ที่รักท่านนบีนั้นจะต้องจำเป็นแสดงออกมาเพื่อ การรวมตัวเพื่อประท้วงหน้าสถานทูตเดนมาร์คเท่านั้น
พี่น้องครับ นี่คือ การชักชวนของพี่น้องบางกลุ่มที่ชอบที่จะให้ผู้คนรู้ว่า  อิสลามนั้น เป็นศาสนาที่รุนแรง ใครแรงมาก็ต้องแรงไป  แค้นก็ต้องชำระ หนี้มันต้องชดใช้ด้วยชีวิต 

จริงๆแล้ว เราสามารถจะเลือกกระทำในรูปแบบอื่นๆได้อีกมากมาย  และไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องขึ้นรถมาจากอิสานหรือภาคใต้และภาคอื่นๆโดยต้องมาร่วมตัวกันประท้วงตามคำเรียกร้องของพี่น้อง
บางกลุ่มออกไปที่บอกว่า จะต้องประกาศความเป็นมุสลิม  ด้วยการทุกคนจะต้องออกไปรวมตัวกัน ประท้วงเท่านั้น  ไม่ว่าการชักชวนทางวิทยุหรือสื่อใบปลิวและอินเตอร์เนท


แต่อีกมุมหนึ่งในสิ่งที่เราได้จากการกล่าวหาหรือโจมตีของประเทศเดนมาร์คหรือประเทศอื่นๆจากการกระทำของเขานั้นก็คือที่ชวนให้ฉุกคิด


 1> ในพี่น้องมุสลิมของเราเองก็ไม่เคยเห็นแลบะรู้ว่า  รูปร่างหน้าตาของท่านรอซุ้ล ของเราเป็นเช่นไร  และการที่หนังสือพิมพ์เดนมาร์คเขียนการ์ตูน(การตูนคือสิ่งหรือภาพที่สมมุติขึ้นมาเพื่อล้อเลียนที่ไม่เหมือนจริง)   และเมื่อเราเข้าใจเช่นนี้ แล้ว เราก็น่าจะรู้ดีว่า การกระทำของสื่อเดนมาร์คนั้นเพื่ออะไร  และถ้าเราไม่ให้ความสำคัญในสิ่งนี้เลย สักวัน เหตุการ์ดังกล่าวอาจจะเบาบางลง

 2> การล้อเลียน โดยใช้ชื่อหรือนามของท่านร้อซุลนั้น  เป็นสื่งที่ไม่สมควรเรื่องนี้เราต้อง ทำการหนังสือไปยังประเทศดังกล่าวในการนำชื่อของศาสนาทูตของอิสลามมาดูหมิ่นนั้น  มีความผิดอย่างไร และจะแก้ปัญหาได้หรือไม่ โดยให้เป็นไปตามขบวนการแต่อย่าให้มีความรุนแรง  ตามมา

3>กรรวมละหมาดฮายัตนและยกมือเป็นประจำและขอดุอาในละหมาดซุบฮฺนั้นเป็นสุนัตที่ท่านนบีใช้และพร้อมทั้งวิงวอนขอดุอาสาบแช่งให้พบกับความวิบัติทุกครั้งหลังละหมาดนั้น  สมควรที่จะกระทำกว่า การออกมาตะโกนว่า  เรารักนบีๆๆแต่เป็นแค่ลมปาก   ที่ผ่านไปผ่านมาเท่านั้น   

4>การทำเมาลิดเพื่อรำลึกถึงท่านร้อซุลนั้นเป็นสิ่งที่น่าจะกระทำมากกว่า ที่จะออกไปประท้วงจนให้เกิดความวุ่นวายภายในประเทศ  และยังเป็นการตอกย้ำให้ชาวโลกให้รู้ว่า  ยิ่งมีประเทศใดที่ประกาศเป็นปรปักษ์กับอิสลามและโจมตีชื่อท่านนบี   เราก็ยิ่งประกาศให้เขาได้รู้ว่า  อิสลามนั้นเทิดทูนนท่านนบีและให้เกีรยติท่านตลอด  แม้ว่าท่านจพะจากเราไปมากกว่า 1429ปีแล้วก็ตามแต่เราก็ยังซอลาวัตต่อท่าน คิดถึงท่านตลอดเวลา  โดยเฉพาะเดือน รอบีอุลเอาวัลที่ประเสริฐ  ที่อัลลอฮ์ตะอาลา  ได้ส่งท่านมาจุติในเดือนๆนี้ 


 และเป็นสิ่งที่ดีมากถ้าพี่น้องที่บอกว่า รักท่านบี  จะร่วมการจัดงานวันมาสู่โลกของท่านนบี ให้ประชาชาติอื่นรับทราบว่า    ท่านนบีของเรานั้นยิ่งใหญ่ยิ่งนักเหนือกว่าการ์ตูนที่พวกเขาสมมุติขึ้นอิงชาอัลลออ์





แต่

[Al Fatoni]

อัสสลามุ อลัยกุม

ดุอาอฺ เป็นอาวุธของมุอฺมิน

[/b][/size]

เห็นด้วยอย่างยิ่งกับสัจธรรมข้อนี้ครับ

ใครเก่งภาษาอาหรับ เวลากุนูตก็อย่าลืมดุอาอฺให้คนที่หมิ่นอิสลามได้รับทางนำสู่อิสลามด้วยนะครับ อามีน ยา ร็อบบัลอาละมีน

วัสสลามุ อลัยกุม

[คะลัคคะลุย]

                  กรณีเดนมาร์กเป็นเรื่องศาสนาแน่นอน การประท้วงเดนมาร์ก จึงเป็นการประท้วงในเรื่องศาสนา ท่านนบีฯซล.เป็นกะลีมะฮฺที่สองของเรา พูดเกี่ยวกับท่าน แล้วบอกว่าไม่เกี่ยวกับศาสนา(อิสลาม)ได้งัย

กลุ่มที่นิยมการประท้วงเขาจะนำมาเป็นเรื่องศาสนาไม่ได้  เพราะจะกลายเป็นบิดอะฮ์

[Al Fatoni]

อัสสลามุ อลัยกุม

            ผมว่า หากประท้วงไป และระหว่างนั้นมีการเรียกฝ่ายเดนมาร์กมาเจารจา หากเขาไม่มา เราก็อาจจะสร้างความเข้าใจแก่ผู้คนรอบๆ นั้นมาดูการประท้วง ให้เข้าใจเกี่ยวกับอิสลาม หากเล่นจิตใจวิทยา โน้มน้าวใจคนกลุ่มดังกล่าวให้เห็นด้วยกับอิสลาม ก็จะยิ่งดี หากเป็นไปในลักษณะนี้ ผมเห็นด้วยกับการประท้วง ทีแรกผมนึกว่า ที่ปัตตานีมีการประท้วงเรื่องด้วย เพราะเพื่อนถามว่า ไม่ได้ประท้วงหรอ แต่ทราบมาตอนหลังว่า เขาประท้วงที่ กทม เลยตอนนี้ ทำได้แค่เพียงบอยคอตสินค้ายิว อเมริกา เดนมาร์ก และผู้ที่เกี่ยวข้อง ผมเองก็ได้รับเอกสารดังกล่าวทางเมลล์เหมือนกัน และพร้อมที่จะให้ความร่วมมือ แต่หากการประท้วง กลับกลายเป็นการสาปแช่ง ด่าทอ แสดงกิริยามารยาทที่ไม่ใช่แบบอิสลามแล้วละก็ ผมขอบายครับ เพราะไม่เห็นด้วยแบบนี้ เพราะอาจจะยิ่งเพิ่มแนงจูงใจให้พวกเขาทำขึ้นอีกต่อๆ ไป จนมีครั้งที่ 3, 4, 5  และต่อๆ ไป เรื่องมันอาจจะไม่จบแน่ เมื่อคนนี้ตาย ก็ใช่ว่า ทุกอย่างจะจบ เพราะจะต้องมีคนต่อไปแน่นอน หากเรายังไม่ใช่วิธีที่สร้างความเข้าใจต่อกันตามแบบฉบับนบี ศ.ล. - วัลลอฮุ อะอฺลัม

วัสสลามุ อลัยกุม

[قطوف من أزاهير النور]

มุสลิมทั่วโลกประณามภาพยนตร์ดัชที่เนื้อหาต้านอิสลาม




โดย คม ชัด ลึก วัน เสาร์ ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2551 19:17 น.
   

ชาติมุสลิมประสานเสียงประณามภาพยนตร์ของเนเธอร์แลนด์ที่มีเนื้อหาต่อต้านอิสลามและ เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์

(29มีค.) โฆษกกระทรวงต่างประเทศของอินโดนีเซียกล่าวว่า เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่อง ฟิตน่า ซึ่งแปลว่าความขัดแย้งในภาษาอารบิค กำลังก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เต็มไปด้วยการแบ่งแยกเชื้อชาติ และเป็นการแสดงความไม่รับผิดชอบต่อเสรีภาพที่มีขอบเขตของสื่อ

ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างโดยนาย เกิร์ต ไวล์เดอร์ สส.เนเธอร์แลนด์ สะท้อนภาพการโจมตีเพื่อก่อการร้ายของกลุ่มหัวรุนแรงที่นครนิวยอร์คของสหรัฐและที่กรุงมาดริดของสเปน โดยอ้างว่าเป็นการกระทำที่เชื่อมโยงกับบทบัญญัติในคัมภีร์อัลกุรอ่าน และได้เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ที่ชื่อ ไลฟ์ลีคดอทคอม Liveleak.com เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา



ขณะที่อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย มหาธีร์ โมฮัมหมัด ได้ประณามเรื่องนี้เช่นกัน และเชื่อว่ามีปัจจัยทางการเมืองอยู่เบื้องหลังสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องให้ชาวมุสลิมคว่ำบาตรสินค้าของเนเธอร์แลนด์ โดยว่า หากชาวมุสลิมทั่วโลก 1,300 ล้านคนเป็นหนึ่งเดียวกันเชื่อว่าส่งผลกระทบต่อธุรกิจของเนเธอร์แลนด์อย่างแน่นอน


ด้านรองนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ หว่อง คาน เส็ง ก็แสดงความไม่พอใจเช่นกัน โดยว่า เสรีภาพในการแสดงออกไม่ได้ให้สิทธิ์ใครคนหนึ่งดูหมิ่นศาสนาหรือเชื้อชาติของผู้อื่นได้

ขณะที่ เว็บไซต์ Liveleak.com ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในอังกฤษ เปิดเผยเช้าวันนี้ว่าได้ถอดภาพยนตร์เรื่องนี้ออกแล้ว หลังพนักงานถูกขู่ทำร้ายในรูปแบบต่างๆ แต่ยังปรากฏอยู่ได้ในเว็บไซต์อื่นๆรวมทั้งยูทู้บ

วิดีโอความยาว 15 นาทีผลงานของผู้นำพรรคฟรีดอมของเนเธอร์แลนด์ ถูกนำมาเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ตเมื่อเย็นวันพฤหัสบดี ปลุกกระแสเรียกร้องจากเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงกับกลุ่มอัลกออิดะห์ให้นำบุคคลผู้นี้มาสังหารด้วยการตัดศีรษะ และกลุ่มติดอาวุธควรโจมตีทหารเนเธอร์แลนด์ในอัฟกานิสถานให้มากขึ้น เนื้อหาของภาพยนตร์เรื่องนี้เรียกร้องให้ชาวมุสลิมฉีกบทกวีที่มีแต่ความโกรธแค้นออกจากคัมภีร์กุระอ่าน ภาพเปิดและปิดเรื่องเป็นภาพการ์ตูนของศาสดาโมฮัมหมัดที่มีระเบิดซุกอยู่ใต้ผ้าโพกศีรษะ และเสียงของระเบิดเวลาดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ ภาพการ์ตูนนี้ตีพิมพ์ครั้งแรกในหนังสือพิมพ์ของเดนมาร์ก ก่อให้เกิดกระแสต่อต้านในหมู่ชาวมุสลิมทั่วโลกและการบอยคอตต์สินค้าของเดนมาร์กในปี 2549 และเลขาธิการสหประชาชาติก็ออกมาประณามภาพยนตร์เรื่องนี้แล้ว