ผู้เขียน หัวข้อ: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?  (อ่าน 5804 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: มี.ค. 05, 2015, 09:18 PM »
0


ปล.อีกที...โดยส่วนตัว ไม่แน่ใจว่าเป็นศิลปะในการตักเตือนหรือเปล่านะคะ
แต่ถ้าเราใช้ความจริงใจ ความบริสุทธิ์ใจ (อิคลาส) + เมตตาธรรม + หวังดี
+ ห่วงใย

^___^
อัสสลามุอะลัยกุมค่ะ
...ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ...
แต่...มันค่อนข้างจะเป็นนามธรรม และก็กว้างไปค่ะ
...อยากได้แบบตัวอย่างคำพูดค่ะ เช่น...
.....ฉันแต่งแบบนี้ไม่เชยหรอก อากาศที่นี่ก็ค่อนข้างหนาว ปกปิดไว้อย่างนี้อุ่นดีออก ที่สำคัญ---คือ???
.......หรือ!!!เธอว่าแบบนี้เชยเหรอ แล้วอะไรจะเป็นข้อบชี้ได้ล่ะว่าเราเป็นมุสลิม???
.........หรือ????.........
อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ จะใช้ศิลปะยังไงดี
เผื่อจะได้นำไปใช้เตือนเพื่อนได้แบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น
..."รบกวนชี้แนะด้วยนะคะพี่น้อง น้องพี่"...

ผิดพลาดประการใด ขอมาอัฟด้วยนะคะ
^______^
ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: มี.ค. 06, 2015, 02:48 AM »
0


ปล.อีกที...โดยส่วนตัว ไม่แน่ใจว่าเป็นศิลปะในการตักเตือนหรือเปล่านะคะ
แต่ถ้าเราใช้ความจริงใจ ความบริสุทธิ์ใจ (อิคลาส) + เมตตาธรรม + หวังดี
+ ห่วงใย

^___^
อัสสลามุอะลัยกุมค่ะ
...ขอบคุณสำหรับคำตอบนะคะ...
แต่...มันค่อนข้างจะเป็นนามธรรม และก็กว้างไปค่ะ
...อยากได้แบบตัวอย่างคำพูดค่ะ เช่น...
.....ฉันแต่งแบบนี้ไม่เชยหรอก อากาศที่นี่ก็ค่อนข้างหนาว ปกปิดไว้อย่างนี้อุ่นดีออก ที่สำคัญ---คือ???
.......หรือ!!!เธอว่าแบบนี้เชยเหรอ แล้วอะไรจะเป็นข้อบชี้ได้ล่ะว่าเราเป็นมุสลิม???
.........หรือ????.........
อะไรประมาณนี้อ่ะค่ะ จะใช้ศิลปะยังไงดี
เผื่อจะได้นำไปใช้เตือนเพื่อนได้แบบบัวไม่ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น
..."รบกวนชี้แนะด้วยนะคะพี่น้อง น้องพี่"...

ผิดพลาดประการใด ขอมาอัฟด้วยนะคะ
^______^

ถ้าเอาเป็นรูปธรรมเลยนั้น ต้องยกตัวอย่างของตัวเองแล้วล่ะค่ะ...
ถ้าเป็นในแบบที่เราพูดกับต่างศาสนิกเป็นการเตือนเขากรายๆ
หรืออธิบายเขาให้เข้าใจเรื่องละหมาดกับฮิญาบไปด้วย เตือนเขาเป็นนัยๆไปด้วยนัั้น
โดยส่วนตัวเจอมาหนักเหมือนกัน เพราะทำงานกับคนญี่ปุ่นที่ไม่ยอมรับเรื่องนี้เท่าไหร่

เขาให้เหตุผลว่า...ฮิญาบเป็นสิ่งที่เขาไม่คุ้นตา...ละหมาดทำให้เสียเวลางาน
ก็เลยบอกเขาไปว่า...

ฮิญาบสำหรับมุสลิมถือว่าเป็นเครื่องแต่งกาย เปรียบไปเหมือนชุดยูนิฟอร์มของบริษัทและองค์กรต่างๆ
และศาสนานั้นย่อมใหญ่กว่าองค์กร ซึ่งอิสลามมีชุดให้ผู้นับถือศาสนาส่วมใส่...
เป็นรูปแบบเครื่องแต่งกายที่เป็นอัตลักษณ์ แน่นอนว่า ย่อมไม่ปรากฏชุดแบบนี้ในองค์กรอื่นๆ
นอกจากทุกสายตาที่เห็นจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่แหล่ะมุสลิมล่ะ...
แค่พวกเขาเห็นชุดปุ๊บ เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนสวมคือมุสลิม...แม้ไม่รู้ว่าอิสลามคืออะไร
และทำอะไรกันบ้างในแต่ละวัน แต่พอเห็นชุดเขาก็รู้ได้ทันทีว่านี่แหล่ะมุสลิม...
มันเป็นชุดที่แน่นอนว่าแตกต่าง ไม่เหมือนใคร ไม่คุ้นตาไปบ้างก็มิใช่เรื่องแปลกเลย...

บางคนยังยอมใส่ชุดสีส้มซึ่งเป็นสีที่ตัวเองไม่ชอบเลยสักนิด
แต่ก็ยังสวมใส่มันเลย เพราะเป็นคนของบริษัทนั้นเป็นคนขององค์กรนั้นๆ...

และแน่นอนว่ามุสลิมก็รู้สึกไม่แตกต่างกันนักกับความรู้สึกเช่นกัน แล้วแต่คนแล้วแต่ใจ

แต่เชื่อมั้ยคะ ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมบางคนก็อยากสวมใส่ชุดนี้เพื่อเป้าหมายบางอย่างเหมือนกัน
และก็มีมุสลิมอีกมากมายเช่นกันที่ปฏิเสธที่จะสวมใส่ชุดยูนิฟอร์มนี้...

ลองคิดดูว่าถ้าบริษัทคุณมีชุดยูนิฟอร์มที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้แตกต่างกับบริษัทอื่นๆ
เพื่อบ่งชี้ความเป็นเอกลักษณ์ของบริษัท แต่พนักงานในบริษัทไม่ยอมสวมใส่มันมาทำงาน
เจ้าของบริษัทจะกริ้วโกรธแค่ไหน...เมื่อสั่งไม่เป็นสั่ง...

นั่นแหล่ะ...เราซึ่งนับถือศาสนาอิสลามก็รู้สึกเช่นกันว่าถ้าไม่สวมชุดที่พระเจ้าสั่งให้สวมใส่
ในชีวิตประจำวัน เราจะถูกพระองค์กริ้วโกรธแล้วจะลงโทษเรา...

เราไม่คิดว่าชุดนั้นต้องสวยหรือต้องทันสมัยหรือไม่...เมื่อถูกสั่งใช้เราก็น้อมรับ
เช่นดั่งพนักงานที่คงมิได้ชอบใจชุดยูนิฟอร์มของบริษัทเสียทุกคนไป

แต่เชื่อเถิดค่ะว่า...มีคนที่ภูมิใจมากมายที่ได้สวมใส่ชุดยูนิฟอร์มของบริษัทยักษ์ใหญ่
ที่มีชื่อเสียงเพื่อโชว์ให้คนอื่นๆรู้ว่าตนเป็นคนขององค์กรนั้น...

และเช่นกัน...ฉันภูมิใจในการสวมใส่ชุดยูนิฟอร์มของอิสลามมาก...
นั่นเพราะฉันภาคภูมิใจในศาสนาของฉัน...
มิใช่เพราะศาสนาของฉันกำลังยิ่งใหญ่หรือกำลังตกต่ำหรือกำลังโดนเหยียบย่ำ

แต่เพราะพระเจ้าของฉันนั้นยิ่งใหญ่เหลือเกิน...เกินกว่าที่ฉันจะกล้าฝ่าฝืนบัญชาของพระองค์...

(รอบนั้น เจ้านายคนก่อนยอมให้ค่ะ...ยอมให้สวมฮิญาบในขณะปฏิบัติงานได้
แถมยังได้รับคำชมว่าในความมั่นคงในศาสนาด้วย...ไม่มีใครคิดว่าจะสอบสัมภาษณ์งาน
ที่นั่นผ่านด้วยซ้ำตอนที่สวมฮิญาบไปสอบสัมภาษณ์งาน...แต่ก็ผ่านค่ะ...

แต่หลังๆมานี้ไปสัมภาษณ์งานทีี่อื่นๆหลายที่ที่เป็นบริษัทญี่ปุ่น แต่ก็กินแห้วตลอด...
ก็เลยคิดเสียว่าอัลลอฮฺไม่ประสงค์จะให้เราไปยืนตรงจุดนั้น...พระองค์ย่อมมีจุดให้เรา
ไปยืนที่ดีกว่านั้นแน่ๆ...มอบหมายต่ออัลลอฮฺค่ะ ตะวักกัล...)

ส่วนเรื่องละหมาด...อินชาอัลลอฮฺ จะนำมาร่วมเสวนาดูค่ะ...

(อันนี้กรณีที่ต้องพูดคุยอธิบายกับต่างศาสนิกนะคะ...หากเป็นมุสลิมด้วยกันจะง่ายกว่านี้เยอะเลย
อย่างน้อยก็ไม่โดนกระแสต่อต้านที่รุนแรงกลับมา...)

วันนี้...ขอไปนอนก่อนค่ะ...

(^_______^)


วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: มี.ค. 06, 2015, 05:55 AM »
0
^
^
^
 :salam:ค่ะ
...ญะซากิลลาฮุค็อยร็อนค่ะสำหรับคำตอบน่ารักๆของน้องพี่---คุณnadayoru...

 loveit:

.....อัลลอฮ์ทรงตอบแทน.....
ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: มี.ค. 06, 2015, 06:11 AM »
0
...ฉันคงทำได้เพียงขอดุอาอ์ให้เธอมาพบข้อความข้างต้น...
.....ในเมื่ออัลลอฮ์กำหนดให้เราต้องเดินไปในเส้นทางที่พระองค์ได้กำหนดไว้.....
.......ความจริงบางอย่างบนโลกใบนี้อาจทำให้ปวดร้าว.......

.........กับการยิงหมัดตรงของเธอด้วยกับสิ่งเหล่านี้.........
-มองกลับมาด้วยสายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
--ตอบฉันด้วยคำถามว่าทำไมฉันถึงไม่สวมชุดดำ แทนเสื้อผ้าสีสดใส
---ทำไมไม่ปิดปากปิดจมูกจนเหลือเพียงดวงตาแค่สองดวงล่ะ
 เป็นเพราะฉันเองคงยังไม่ดีและควรค่าพอที่จะตักเตือนอะไรเธอได้

ฉันจึงทำได้เพียงหลบมาอยู่ที่เดิมเพื่อดุอาอ์ให้ทั้งกับฉันและกับเธอ

"อิฮ์ดีนัซซีรอฏ็อลมุสตากีม" อามีน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 06, 2015, 06:14 AM โดย Rusnii717 »
ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: มี.ค. 06, 2015, 04:52 PM »
0
...ฉันคงทำได้เพียงขอดุอาอ์ให้เธอมาพบข้อความข้างต้น...
.....ในเมื่ออัลลอฮ์กำหนดให้เราต้องเดินไปในเส้นทางที่พระองค์ได้กำหนดไว้.....
.......ความจริงบางอย่างบนโลกใบนี้อาจทำให้ปวดร้าว.......

.........กับการยิงหมัดตรงของเธอด้วยกับสิ่งเหล่านี้.........
-มองกลับมาด้วยสายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า
--ตอบฉันด้วยคำถามว่าทำไมฉันถึงไม่สวมชุดดำ แทนเสื้อผ้าสีสดใส
---ทำไมไม่ปิดปากปิดจมูกจนเหลือเพียงดวงตาแค่สองดวงล่ะ
 เป็นเพราะฉันเองคงยังไม่ดีและควรค่าพอที่จะตักเตือนอะไรเธอได้

ฉันจึงทำได้เพียงหลบมาอยู่ที่เดิมเพื่อดุอาอ์ให้ทั้งกับฉันและกับเธอ

"อิฮ์ดีนัซซีรอฏ็อลมุสตากีม" อามีน



เรื่องฮิญาบ เรื่องนิกอบ หรือผ้าปิดหน้านั้น เป็นเรื่องของทัศนะค่ะ
บรรดาอุลามาอ์มีข้อวินิจฉัยแตกต่างกันไป...
โดยส่วนตัวยึดของท่านมุฟตีย์ อะลีย์ ญุมอะฮฺ...

ดังที่เคยมีการถกถึงประเด็นดังกล่าวยังด้านล่่างนี้ล่ะค่ะ
คือ นิกอบไม่ใช่วายิบ(สิ่งจำเป็น) แต่หากเกรงว่าการเปิดหน้าจะก่อฟิตนะ
เราก็เลือกที่จะปิดหน้า...เป็นการเลือกปฏิบัติ...
ซึ่งเป้าหมายของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป เราเองก็ไม่รู้ว่าแต่ละคน
เลือกปฏิบัติในการปิดหน้าด้วยนิกอบเพราะอะไร

แต่ถ้าปิดหน้าเพื่อให้คนอื่นๆเข้าใจว่าตัวเองนั้นเคร่งกว่า
เห็นจะไม่ใช่เรื่องที่ดีกับการเลือกปฏิบัติด้วยเหตุผลนี้ค่ะ...

ส่วนมากแล้วเลือกทำเพราะหมายจะป้องกันฟิตนะค่ะ...





กระทรวงศาสนสมบัติและกิจการศาสนาของอิยิปต์ เตรียมแจกจ่ายหนังสือกว่า 1 แสนเล่ม ซึ่งมีเนื้อหาระบุว่า "นิกอบ" หรือการปิดหน้าของมุสลิมะฮฺนั้น เป็นบิดอะฮฺ ไม่มีที่มาที่ไปในศาสนา และเป็นวัฒนธรรมทางสังคมที่น่ารังเกียจ!! ที่ตลกคือ คนที่พูดเช่นนั้น คือตัวรัฐมนตรีเอง...
ในหนังสือเล่มนี้ยังประกอบด้วยทัศนะต่างๆของชัยคุลอัซฮัร มุหัมมัด สัยยิด ฏ็อนฏอวีย์ และเชคมุฟตีใหญ่ อาลี ยุมอะฮฺอยู่ด้วย

เค้ามีแต่คิลาฟกันว่า การปิดหน้าเป็นวาญิบหรือไม่? หรือเป็นสุนัต? หรือจะปิดก็ได้ไม่ปิดก็ได้..
ยังไม่เคยพบอุละมาอ์อิสลามคนไหนในหน้าประวัติศาสตร์อิสลามที่มีทัศนะเช่นนี้

ลองเข้าไปอ่านรายละหมาดใน
http://www.islamonline.net/servlet/Satellite?c=ArticleA_C&cid=1225698021403&pagename=Zone-Arabic-News/NWALayout



ข้าพเจ้าเองก็ได้เข้าไปลองอ่านดูแล้วเช่นกัน ซึ่งในเวปอ้างถึงคำกล่าวของท่าน เชค อะลีย์ ญุมอะฮฺ  มุฟตีย์ อียิปต์ไว้ด้วย 
โดยบอกไว้แบบ เน้นๆ ในเครื่องหมายคำพูดของท่านมุฟตีย์ ที่ว่า....


 "الدكتور علي جمعة مفتي الجمهورية قال في الكتاب: إن النقاب "ليس بواجب"

ท่านด็อกเตอร์ อะลีย์ ญุมอะฮฺ มุฟตีย์แห่งอียิปต์กล่าวว่า "แท้จริงการปิดหน้านั้น ไม่ใช่สิ่งที่วาญิบ"(มีต่ออีก.......)


ซึ่งผมลองเข้าไปค้นดูในตำราของท่าน  และก็พบคำกล่าวนี้จริงๆ ในตำราของท่าน มุฟตีย์ อะลีย์ ญุมอะฮฺ ซึ่งท่าน มุฟตีย์ กล่าวว่า "ส่วนนิกอบ  นั้นคือ สิ่งที่ใช้ปกปิดใบหน้าของนาง จากสายตาของคนอื่นๆ ดังนั้น การที่นางปกปิดใบหน้าของนางด้วยนิกอบ และปกปิดฝ่ามือทั้งสองของนางด้วยถุงมือ หรือสิ่งที่คล้ายกันนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่จำเป็นสำหรับนาง เนื่องจากว่าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนจากอัลกุรอานและจากสุนนะฮฺ มายืนยันในเรื่องนี้เลยว่าเป็นสิ่งที่วาญิบบนพวกนางว่า ให้ปิดใบหน้าและฝ่ามือทั้งสองของพวกนาง   ส่วนการใช้นิกอบ (ผ้าคลุมหน้า) นั้น เป็นเรื่องส่วนบุคคลซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่ไม่ใช่วาญิบ    ดังนั้น การปิดใบหน้าและฝ่ามือทั้งสองนั้นเป็นเรื่องของการเลือกที่จะปฏิบัติ ไม่ใช่สิ่งที่บังคับใช้ และไม่ใช่สิ่งที่ต้องห้ามแต่ประการใด  และถือว่าเป็นสิ่งที่ดีกว่า หากว่าเป็นการสวมเพื่อป้องกันจากฟิตนะฮฺที่อาจเกิดขึ้น  ด้วยเหตุนี้เอง  การสวมนิกอบ หรือการปกปิดใบหน้าและฝ่ามือทั้งสองนั้น  เป็นเรื่องของการเลือกปฏิบัติ ไม่ใช่เรื่องของการสั่งใช้ หรือ การสั่งห้ามเลย"

ดู ตำรา الكلم الطيب فتاوى عصرية   โดย الدكتور علي جمعة مفتي الجمهورية  ในบทที่ว่าด้วย เครื่องนุ่งห่มและเครื่องประดับ เป็นคำฟัตวาของท่านในเรื่อง หุก่มการสวมนิกอบ (ผ้าคลุมหน้า) หน้าที่ 481 


จากคำกล่าวนี้แสดงให้เห็นว่า  ท่านมุฟตีย์อียิปต์ไม่ได้คัดค้านในเรื่องของนิกอบแต่ประการใด ไม่เคยกล่าวว่าการสวมนิกอบเป็นบิดอะฮฺ  ไม่เคยกล่าวว่าการสวมนิกอบเป็นประเพณีที่น่ารักเกียจ แต่ประการใด
แต่ท่านกลับกล่าวในเชิงส่งเสริมด้วยซ้ำว่า  หากเกรงว่าจะเกิดฟิตนะฮฺก็ควรปิดดีกว่า ดังนั้นหากผู้พูด  อ้างคำฟัตวาของท่านเชคมุฟตีย์มาแบบตัดตอนแค่พอเข้าใจ  แน่นอนว่าอาจย่อมก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ หรือหากอ้างโดยไม่ยอมอธิบายต่อเพิ่มเติมในทัศนะที่ท่านเชคมุฟตีย์ยึดถือ  เช่นอ้างว่า  "แท้จริงนิกอบไม่ใช่วาญิบ"  แล้วไม่อธิบายต่อว่าท่านเชค เองก็สนับสนุนให้สวมมัน หากเกรงว่าจะเป็นฟิตนะฮฺ  และท่านเองไม่ได้คัดค้านเรื่องการสวมนิกอบเลย  ซึ่งแน่นอนการกล่าวแบบสั้นๆ แบบนี้ อาจนำไปสู่การเข้าใจผิดต่อท่านเชคมุฟตีย์ได้   .... แต่ยังไงเราก็จะรอดูว่าตำราที่ถูกอ้างมานี้จะออกมาเมื่อไร  มีหลักฐานเป็นอย่างไร ..........  แน่นอนเราจะชี้แจงครับ.... loveit: loveit:




และยังมีอีกค่ะ....ตรงนีี้ก็สำคัญ...อยากให้อ่าน


salam

ท่านชัยคุลอิสลาม ซะกะรียา อัลอันซอรีย์  กล่าวว่า

وَعَوْرَةُ الحُرَّةِ فِي الصَّلاَةِ وَعِنْدَ الأَجْنَبِيِّ وَلَوْ خَارِجَهَا جَمِيْعُ بَدَنِهَا إَلاَّ الوَجْهَ, وَالْكَفَّيْنِ

"เอาเราะฮ์ของสตรีอิสระชนในละหมาด และต่อชายอื่น หากแม้ว่าจะอยู่นอกละหมาดก็ตาม  คือทั้งหมดร่างกายของนาง  นอกจากใบหน้าและสองฝ่ามือ" หนังสืออัสนัลมะฏอลิบ ชัรห์เราฏ์ อัฏฏอลิบ 1/176 ตีพิมพ์ดารุลกิตาบอัลอิสลามีย์

หากเราพิจารณาถึงหลักฐานต่าง ๆ ในเรื่องการปิดหน้าของมุสลิมะฮ์นั้น  ที่มีน้ำหนักแล้วแค่มุบาห์อนุญาตให้กระทำได้เท่านั้นเอง  นอกจากเกรงว่าจะเกิดฟิตนะฮ์ก็จำเป็นต้องปิดหน้าครับ

วัสลาม




ดังนั้น...เรามุสลิมะฮฺจะไม่มานั่งต่อว่ากันว่า ฉันเคร่งกว่าเธอเพราะฉันปิดหน้า
แต่เธอไม่เห็นปิดหน้า หรือฉันดีกว่าเธอ ฉันมีคุณค่ากว่าเธอ
เพราะฉันปกปิดใบหน้าและฝ่ามือ ไม่เหมือนเธอ...

เราจะไม่มุ่งประเด็นไปตรงจุดนั้นค่ะ...

เพราะเรื่องปิดหน้ากับไม่ปิดหน้า ไม่ใช่จุดวัดระดับความเคร่ง...


อย่างที่บอกว่า คนที่เขาเลือกที่จะปิดหน้า เขาก็มีเหตุผล มีเนียตของเขา
ส่วนคนที่ไม่ปิดหน้าเขาก็มีเหตุผลของเขาที่เขาจะเลือกปฏิบัติเช่นนั้น


ซึ่งตามหลักฐานของการปิดหน้านั้นอย่างที่บรรดาอุลามาฮฺ
บอกไว้ว่าไม่มีชี้ชัด...แต่ส่งเสริมให้กระทำหากว่ามันช่วยลดฟิตนะลง
คือ ยึดเอาฟิตนะเป็นตัวเมนหลัก...

ซึ่งอัลลอฮฺไม่ได้มุ่งหวังให้เกิดความยากลำบากต่อเรา...
และเรารู้ดีว่าขอบเขตของมันอยู่ที่ตรงไหน...พระองค์อำนวยความสะดวก
ให้แก่เราแล้ว...

จะปิดหน้าหรือไม่ปิดหน้า ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเท่าการโอ้อวด
ที่มีอยู่ในบรรดาหัวใจ

ขอแค่ให้เราตระหนักว่า คุณค่าของฮิญาบและนิกอบอยู่ที่ใด...แค่นั้นเอง...

เพราะฮิญาบเป็นอาภรณ์หุ้มกายภายนอก
แต่อาภรณ์ที่ห่อหุ้มใจเรานั้นคือ...ความยำเกรง...


เช่นนี้แล้ว...เราก็กล้าพอที่จะพูดและตักเตือนแล้วค่ะ...

ถ้ารอให้เราดีพร้อมไร้ซึ่งข้อบกพร่องใดๆจึงจะสามารถตักเตือนผู้อื่นได้
เชื่อแน่ว่าชีวิตนี้ทั้งชีวิต เราจะไม่มีโอกาสได้ตักเตือนใครเลย...

เพราะมนุษย์เราย่อมอยู่ในความบกพร่องเป็นปกติวิสัยอยู่แล้ว...

หากเราผิดหรือบกพร่องตรงไหน หรือรู้มาผิดๆอย่างไร แล้วมีคนเตือน
เรายอมรับและนำมาแก้ไขพร้อมขอบคุณเขา

และหากเราเห็นใครทำผิด ทำไม่ถูกต้องตามที่เราได้เรียนรู้มา
เราเตือนเขาอย่างจริงใจตามสิ่งที่เรารู้มา...
ไม่หวังว่าเขาจะรักหรือนับถือเรา เพราะเรามุ่งหวังแค่จะเตือนเขา
ในสิ่งที่เรารู้มาว่าเขาทำไม่ถูกต้อง....เพราะที่เราเตือนนั้นเราไม่ได้คิด
อยู่ในใจเลยว่าเรานั้นดีกว่าเขา...หรือเคร่งกว่าเขา...

เราหวังเพียงอยากให้ทั้งเขาและเรานั้นอยู่บนหนทางของอัลลอฮฺเหมือนๆกัน...
ได้เดินไปบนหนทางของอัลลอฮฺด้วยกันเท่านั้น

ถ้าเราพลัดหลง เขาฉุดเราไว้ อัลฮัมดุลิลลาฮฺ ขอบคุณเขาขอบคุณอัลลอฮฺ
ถ้าเราเห็นเขาพลัดหลงไป เราพยายามรั้งเขาเอาไว้ให้อยู่ด้วยกัน...
ไม่ทอดทิ้งให้เขาเดินไปจนสุดกู่...นั่นเพราะเรารักและหวังดีต่อเขา
จากหัวใจแท้ๆ...หาได้มีจิตริษยาหรือมุ่งร้ายต่อเขาแต่อย่างใดเลย...
สักวันเขาจะเข้าใจเรา...หากหัวใจเรานั้นมันมีความบริสุทธิ์ใจต่อเขาจริงๆ

โดยมีการเตือนทั้งเขาเตือนทั้งตัวเราไปด้วยกัน...
ก็นับว่าเราได้ทำหน้าที่ของมุสลิมคนนึงแล้ว...

เพราะถ้าเราไม่ใช้วาจา ไม่ใช่การกระทำในการต่อสู้กับความไม่ถูกต้อง
แน่นอนว่า...เราจะค่อยๆจมดิ่งลงสู่ความอ่อนแอเรื่อยๆ...
แพ้ภัยตัวเองแล้ว เรายังแพ้ให้แก่ศัตรูตัวฉกาจอย่างชัยตอนด้วย...

ส่วนเรื่องหลังจากเตือนกันแล้ว ผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรนั้น
เรามอบหมายแด่อัลลอฮฺ...


ท่ีมาของข้อความอ้างอิงที่นำมาแปะให้นั้นอยู่ในลิงก์ด้านล่างนี้นะคะ

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php/topic,3718.15.html

วัสลามค่ะ

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 06, 2015, 05:02 PM โดย nada-yoru »
"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: มี.ค. 06, 2015, 09:53 PM »
0
 myGreat:

 loveit: loveit: loveit:
ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: มี.ค. 07, 2015, 02:12 AM »
0

บุคคลที่มีศิลปะในการตักเตือนมากที่สุดเท่าที่ได้ศึกษามา
เห็นจะเป็นท่านนบีมุฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมค่ะ

เมื่ออ่านประวัติของท่าน ได้ศึกษาจริยวัตรของท่าน
เราจะเห็นว่าท่านนั้นมีศิลปะในการสอนสั่งและตักเตือนบรรดามนุษย์
และท่่านมีความอดทนเป็นเลิศ...และเป็นนักต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์...

ลองนำมาประยุกต์ใช้ในยุคนี้ดูได้ค่ะ...

เพราะศิลปะของท่านนบีของเราไม่ตกยุค
นั่นเพราะท่านคือ ความเมตตาจากอัลลอฮฺ

เราจึงสัมผัสได้ถึงความเมตตาและความบริสุทธิ์ใจของท่าน
ที่มีต่อประชาชาติหรืออุมมะของท่าน...

เราจึงรักท่าน...อยากเป็นอย่างท่าน อยากเดินตามรอยท่าน
ยกย่องให้ท่านเป็นแบบฉบับในการดำเนินชีวิต...
และเชื่อในสิ่งที่ท่านสอนสั่งและตักเตือนมา...

เราอาจจะเคยต้ังคำถามว่าท่านนบีมุฮัมหมัด ซอลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ต้องการอะไรจากเราทั้งหลาย...ถึงได้ตักเตือนเรา สอนสั่งเราให้อยู่บนหนทาง
ของอัลลอฮฺ...ในเมื่อท่านอยากได้สิ่งใด เพียงยกมือวอนขอจากอัลลอฮฺ
อัลลอฮฺก็จะตอบรับสิ่งที่ท่านวอนขอ...ในเมื่อท่านเป็นผู้ใกล้ชิดอัลลอฮฺ
เป็นผู้ทีี่อัลลอฮฺทรงรัก...แล้วท่านต้องการสิ่งใดจากอุมมะของท่าน...

เราจะต้องร้องไห้กันเลยทีเดียวถ้าได้อ่านประวัติของท่าน...




วัสลามค่ะ

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ Rusnii717

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 42
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
Re: ความผิดของเธอ...หรือของฉัน?
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: มี.ค. 07, 2015, 03:45 PM »
0
^^
...อัสสลามุอะลัยกุมค่ะ...
ไม่มีใคร...เปลี่ยนแปลง...ใครได้
........إلا بإذن الله.........

 

GoogleTagged