นี่ถ้าย้อนกลับไปช่วงมัธยมนะ แล้วให้เขียนเรียงความเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ
เรียงความของ เราคงจะมีแต่คำถาม
ทำไม แม่บ่นเก่งจัง? ทำไมแม่เคี่ยวกับหนูจัง?
ทำไมแม่ไม่เข้าใจอะไรเลย? ทำไมแม่ไม่ไว้ใจหนู?
ทำไมแม่ห้ามหนูไปโน่นนี่?
ทำไม? ทำไม? และทำไม?
ก็แม่เราน่ะ...โหหหหหหหหหหหห อย่าให้ said
ออกจากบ้านต้องตรงเวลาเป๊ะ กลับมาต้องตามเวลาเป๊ะ
(เหมือนมีชีวิตอยู่ในค่ายทหารก็ไม่ปาน :'()
ช่วง ม. ปลาย เรากลับบ้านผิดเวลาไปวันเดียว (เลิกเรียนแล้วไปนั่งทานน้ำปั่นที่ป้ายรถเมล์ข้างรร. แค่นี้แหละ)
กลับมาถึงบ้านด้วยความกลัว จึงไม่สามารถบอกเหตุผลได้ หลบหน้าแม่สุดชีวิต..เข้านอนแต่เย็นเลยช้านน
วันรุ่งขึ้น ในชั่วโมงเรียนตอนบ่าย เราว่าเราเห็นแม่เราแว้บ ๆ เดินผ่านห้องเรียนเราไป แต่เราคิดว่า เราตาฝาด
ที่ไหนได้ พอเลิกเรียนแม่มาดักรอหน้าโรงเรียนน่ะ เลี้ยวมุมตึก แล้วจ๊ะเอ๋กับแม่ แทบช๊อกแน่ะ

เคยอึดอัดใจมากกกกกกก ถึงขนาดที่ทะเลาะกัน แล้วไม่พูดกับแม่เลย
ช่วงนั้นนะ เราคิดว่ามีความสุขมาก เพราะแม่ไม่มายุ่งกับเราเลย จะทำอะไรก็ได้ อิสระ
แต่เป็นได้ไม่นาน...เพราะความที่แม่หมางเมินกับเรานี่แหละ ทำให้เราต้องเป็นฝ่ายยอมแพ้ไปเอง (คิดแล้วรู้สึกผิดไงไม่รู้)

แต่พอเป็นผู้ใหญ่ขึ้น แม่นี่แหละ ที่เป็นที่ปรึกษาที่ดีที่สุด แล้วแม่ที่ว่าเคี่ยว ๆ นี่แหละ ก็เป็นผู้ที่ตระเตรียม ครัวเล็ก ๆ (ส่วนตัว) ให้
เป็นผู้ที่ปลุกให้ตื่นขึ้นมาละหมาด แม่จะเรียกแล้วถามว่า "ไม่สวดมนต์หรอ?" (แม่ใช้คำว่าสวดมนต์..ตามประสาแกแหละ)
เป็นผู้ช่วยลูกสาวทำอาหารช่วงเดือนรอมฎอน
และเป็นผู้ที่ยิ้มอย่างจริงใจทั้งน้ำตา ด้วยความปลาบปลื้ม ในวันที่ลูกสาวละจากอก ไปสู่ชีวิตของมุสลิม(อีกคน)ในคืนที่สำคัญที่สุด
(แฮ่ ๆๆๆ นำตาจะไหลอ่ะ...พอดีกว่า..เดี๋ยวนึกออกค่อยมาใหม่)
วัสลาม ;)