salam
บางคนไม่ทราบประวัติความเป็นมาของวันวาเลนไทน์
รู้แค่เพียงว่ามันคือวันแห่งความรัก
บางคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ทำไมวันแห่งความรักที่ใครๆเขามอบดอกกุหลาบให้กัน
ส่งรัก ส่งการ์ดสีชมพูหวานๆให้กัน จึงมีชื่อว่า "วาเลนไทน์ เดย์"
บางคนบอกว่า ใครไม่รู้จักวันวาเลนไทน์คงเชยสุดๆ
ไม่มีใครไม่รู้จักวันนี้ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะรู้จักที่มาของวันวาเลนไทน์
เสียทุกคน
บางคนเลยฉลองให้กับวันวาเลนไทน์ โดยคิดว่ามันคือวันแห่งความรัก
ความรักคือ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ เราอยากมอบให้ใครสักคน
เราก็ขอเลือกวันๆนี้แหล่ะ วันแห่งความรัก...
งั้นใครที่ยังไม่เคยอ่านประวัติความเป็นมาของวันวาเลนไทน์
และยังไม่เคยอ่านตำนานดอกกุหลาบตามความเชื่อบางอย่าง
ที่นำมาซึ่งการมอบดอกกุหลาบให้กันในวันแห่งความรัก
ที่มีชื่อว่า "วาเลนไทน์ เดย์"กันนะคะ...
เผื่อว่าใครที่ยังไม่รู้จะได้เข้าใจว่าทำไมและทำไม...
ประวัติวันวาเลนไทน์ประวัติวันวาเลนไทน์ วันวาเลนไทน์ มีประวัติอย่างไร มาดูกันเรื่องของ วันวาเลนไทน์ นี้ มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ณ กรุงโรม
หรืออาณาจักรโรมัน ในยุคของจักรพรรดิคลอดิอุส ที่สอง (Claudius II)
โดยที่จักรพรรดิพระองค์นี้ มีนิสัยชอบกดขี่ข่มเหงผู้อื่น
เขาได้สั่งให้ชาวโรมันทุกคน สักการะนับถือพระเจ้า 12 องค์
โดยผู้ที่ขัดขืนคำสั่งจะถูกทำโทษ รวมทั้งห้ามยุ่งเกี่ยวกับพวกคริสเตียนด้วย
แต่นักบุณวาเลนตินุส (Valentinus) มีความเลื่อมใส ศรัทธาต่อพระคริสต์มาก
เขาได้กล่าวไว้ว่า แม้กระทั่งความตายก็ไม่สามารถ เปลี่ยนความคิดของเขาได้
เขาจึงได้ถูกขังคุก
ช่วงอาทิตย์สุดท้ายในชีวิตของเขานั้น
ได้มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น ขณะที่เขาถูกคุมขังอยู่นั้น
ผู้คุมขังได้ขอให้วาเลนตินุส สอนลูกสาวเขาซึ่งตาบอดด้วย
จูเลียเป็นคนสวยแต่น่าเสียดายที่เธอตาบอดตั้งแต่แรกเกิด
วาเลนตินุสได้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ต่าง ๆ สอนเลข
และเล่าเรื่องพระเจ้าให้เธอฟัง จูเลีย สามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ได้
โดยคำบอกเล่าของ วาเลนตินุส เธอเชื่อใจเขาและเธอมีความสุขมากเมื่ออยู่กับเขา
วันหนึ่งจูเลียถามวาเลนตินุสว่า
ถ้าเราอธิษฐาน พระผู้เป็นเจ้าจะได้ยินเราไหม
เขาตอบ พระองค์เจ้า จะได้ยินเราแน่นอน ท่านได้ยินเราทุกคน
จูเลียกล่าว ท่านทราบหรือไม่ว่า ข้าอธิษฐานขออะไรทุก ๆ เช้า ทุก ๆ เย็น....
ข้าหวังว่า ข้าจะได้มองเห็นโลก เห็น ทุก ๆ อย่างที่ท่านเล่าให้ข้าฟัง
วาเลนตินุสจึงบอก พระเจ้ามอบแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ทุกคน
เพียงแค่เรามีความเชื่อมั่นในพระองค์ท่าน เท่านั้นเอง
จูเลีย ผู้ซึ่งมีความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้า
จึงได้คุกเข่า กุมมือ อธิษฐานพร้อมกับวาเลนตินุส
และในขณะนั้นเอง ก็ได้มีแสงสว่างลอดเข้ามาในคุก
และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น จูเลียค่อย ๆ ลืมตา
พระเจ้า.....เธอมองเห็นแล้ว!!!!! เขาและเธอจึงกล่าวขอบคุณต่อพระเจ้า
และเรื่องมหัศจรรย์เรื่องนี้ ได้แพร่หลายไปทั่วราชอาณาจักร
ในคืนก่อนที่วาเลนตินุสจะสิ้นชีวิต โดยการถูกตัดศีรษะ
เขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า From Your Valentine
เขาสิ้นชีพในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270
หลังจากนั้น ศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม
จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินุส
แต่ผู้เป็นที่รักของเธอ
โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์
และมิตรภาพอันสวยงาม
คัดย่อมาจาก...
ที่นี่ค่ะ --''ปล.ประวัติวันวาเลนไทน์มีหลายเรื่องค่ะ แต่ก็ประมาณๆนี้
แตกต่างกันบ้างนิดหน่อยน่ะค่ะ

งั้นมาต่อเรื่อง "ตำนานดอกกุหลาบ" กันค่ะ ใครที่สงสัยจะได้หายสงสัย
ว่าทำไมเขาต้องมอบดอกกุหลาบให้กันในวันวาเลนไทน์...
เพราะทุกอย่างมันย่อมมีที่มาที่ไปค่ะ...
"ตำนานดอกกุหลาบ"กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ
ประมาณกันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว
เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน
ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี
แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้ มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้
เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์
ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย
ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้
มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น
คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ
ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย
หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ
แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย
หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้
ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย
ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวัง
ของจักรพรรด์จีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว
ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอกส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน
ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์
แล้วยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย
สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน
เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก
ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก
เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม
ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย
กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก
ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิด
ของเทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก
วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า
น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของอคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า
เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง
แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น
เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม
บางตำนานกล่าวว่ากุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ
เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ
หรือ คลอริส บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่
ในตำนานนี้กล่าวว่า อโฟรไดท์ เป็นเทพผู้ประทานความงามให้
มีเทพอีกสามองค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมย์
และมี เซไฟรัส ซึ่งเป็นลมตะวันตกได้ช่วยพัดกลุ่มเมฆ
เพื่อเปิดฟ้าให้กับแสงของเทพ อพอลโล หรือแสงอาทิตย์ส่องลงมา
เพื่อประทานพรอมตะ
จากนั้น ไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม
เมื่อสร้างบุปผาชาติดอกใหม่นี้ขึ้นมาได้แล้ว
เทพทั้งหลายก็เรียกดอกไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมและทรงเสน่ห์นี้ว่า Rosa
จากนั้น เทพธิดาคลอริส ก็รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ
เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินีแห่งบุปผาชาติทั้งมวล
จากนั้นก็ประทานดอกกุหลาบให้กับเทพ อีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก
กุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก
แล้วเทพ อีโรส ก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่งความเงียบ
เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย
ดอกกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเงียบและความเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง
กุหลาบกลายเป็นของขวัญ ของกำนัลสำหรับการแสดงความรัก
และมักจะมีผู้เปรียบเทียบความงามของผู้หญิงเป็นเสมือนดอกกุหลาบ
และผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์โลกที่ได้รับสมญาว่าเป็นผู้หญิงงาม
เสมือนดอกกุหลาบคือ พระนางคลีโอพัตรา
ซึ่งพระนางยังได้เคยต้อนรับ มาร์ค แอนโทนี คนรักของพระนาง
ในห้องซึ่งโรยด้วยดอกกุหลาบหนาถึง 18 นิ้ว หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลาบ
ตำนานดอกกุหลาบในเมืองไทย กุหลาบมาจากคำว่า "คุล" ในภาษาเปอร์เชีย
แปลว่า "สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ"
และเข้าใจว่าจากเปอร์เซียได้แพร่เข้าไปในอินเดีย
เพราะในภาษาฮินดีมีคำว่า "คุล" แปลว่า "ดอกไม้"
และคำว่า "คุลาพ" หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน
แต่ออกเสียงเป็น "กุหลาบ"
ส่วนคำว่า "Rose" ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า "Rhodon"
ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก
กุหลาบเข้ามาเมืองไทยสมัยใดไม่ทราบแน่ชัด
แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
บันทึกไว้ว่าได้เห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา
และที่แน่นอนอีกแห่งก็คือ ในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา
ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ กล่าวถึงกุหลาบไว้ว่า
กุหลาบกลิ่นเฟื่องฟุ้ง เนืองนอง
หอมรื่นชื่นชมสอง สังวาส
นึกกระทงใส่พานทอง ก่ำเก้า
หยิบรอจมูกเจ้า บ่ายหน้าเบือนเสีย
สำหรับตำนานดอกกุหลาบของไทยเล่ากันว่า
เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา
ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ "มัทนา"
ซึ่งนางได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "สุเทษณะ"
ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา "มัทนา" มากแต่นางไม่มีใจรักตอบ
จึงถูกสาบให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบแต่นั้นมา
กุหลาบขาว กับ กุหลาบแดง สีไหนเกิดก่อน ? มีหลายตำนานเล่าถึงการเกิดกุหลาบสีขาวและกุหลาบสีแดงไว้แตกต่างกัน
ตำนานหนึ่งเล่าว่า กุหลาบขาว เกิดขึ้นก่อน กุหลาบแดง
เดิมทีมีนกไนติงเกลตัวหนึ่งมาหลงรักเจ้าดอกกุหลาบขาวแสนสวย
ขณะที่มันกำลังจะโอบกอดดอกกุหลาบด้วยความรักนั้นเอง
หนามกุหลาบก็ทิ่มแทงที่หน้าอกของมัน หยดเลือดของเจ้านกไนติงเกล
เลยทำให้ดอกกุหลาบสีขาวกลายเป็นสีแดง
เลยมีดอกกุหลาบสีแดงนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ส่วนอีกตำนานหนึ่งก็เล่าว่ากุหลาบสีแดงใน สวนอีเดน
เกิดจาการจุมพิตของ อีฟ เจ้าดอกกุหลาบขาวที่หญิงสาวจุมพิต
เลยเกิดอาการขวยเขินจึงเปลี่ยนเป็นสีแดง
นอกจากนี้ ความหมายของความรักในศาสนาคริสต์
ถือว่ากุหลาบสีขาวแทนความบริสุทธิ์ของ พระแม่มาเรีย
และกุหลาบสีแดงเกิดจากหยาดพระโลหิตของ พระเยซูเจ้า
เมื่อถูกสวมมงกุฎหนาม มันจึงเป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกาศศาสนาที่พลีชีพ
เพื่อพระผู้เป็นเจ้าสีกุหลาบสื่อความหมาย ในวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก
ดอกกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ และของกำนัลของวันนี้
ดังนั้นเวลาที่คิดจะให้ดอกกุหลาบแก่ใครสักคน
เราก็น่าจะรู้ความหมายของสีอันเป็นสื่อความหมายของดอกกุหลาบไว้บ้างก็น่าจะดี
ซึ่งก็จะมีความดังนี้
สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปราถนา
เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส
เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ
สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์
สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ
และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง
สีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ
สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย
ช่อกุหลาบสื่อความหมาย
จำนวนดอกกุหลาบในช่อก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สื่อความหมายได้เช่นกัน
และในวันวาเลนไทน์หรือวันไหนๆ ถ้าคุณได้ช่อดอกกุหลาบจากใครสักคน
เค้าคนนั้นอาจกำลังต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างให้คุณรู้ก็เป็นได้
จำนวนดอกกุหลาบ ความหมาย
1 รักแรกพบ
2 แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
3 ฉันรักเธอ
7 คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
9 เราสองคนจะรักกันตลอดไป
10 คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
11 คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
12 ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
13 เพื่อนแท้เสมอ
15 ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
20 ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
21 ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
36 ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
40 ความรักของฉันเป็นรักแท้
99 ฉันรักเธอจนวันตาย
100 ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
101 ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
108 คุณจะแต่งงานกับฉันไหม
999 ฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เป็นดังฉะนี้แลค่ะ....

สำหรับที่มาของตำนานดอกกุหลาบนั้น ไม่แน่ใจแล้วเหมือนกันค่ะ
เพราะว่าเซฟเอาไว้ในเครื่อง เห็นมีกระทู้เกี่ยวกับวันวาเลนไทน์
เลยอดนึกถึงดอกกุหลาบไม่ได้เช่นกัน...
ส่วนเรื่องของช็อกโกแลตนั้น... นักจิตวิทยาหลายคนเชื่อว่า
ช็อกโกแลตเป็นตัวช่วยเสริมอารมณ์รัก
และรสชาติความหวานก็เป็นสิ่งที่แทนความรู้สึกวันแห่งความรักได้อย่างดี
และยังมีการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ว่าในช็อกโกแลต
มีสารช่วยกระตุ้นสมองโดยออกฤทธิ์คล้าย แอมเฟตามีน
เป็นตัวเบิกทางความรู้สึกลึกๆแห่งรักได้ดี....(
ที่มา--'''
'
'
ทุกอย่างมีที่มาค่ะ...รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม
อีกอย่างหากมีคนถามเรา เราจะได้บอกเขาได้ว่า ทำไมเราถึงทำอย่่างนั้นอย่างนี้
และทำไมเราไม่ทำอย่างที่คนอื่นเขาทำกันอย่างนั้นอย่างนี้ค่ะ...
คงจะไม่มีใครโกรธเรา หากเรามีเหตุผลหรือสามารถอธิบายเหตุผล
สำหรับการกระทำของเราให้เขารับรู้ได้ แม้เขาจะไม่ค่อยเข้าใจมันก็ตามว่าไหมคะ...

...เราสามารถมีวันแห่งความรักได้ทุกๆวัน
และวันแห่งความรักของเรา อาจไม่จำเป็นต้องชื่อว่า...
เซนต์วาเลนไทน์เดย์ หรือ วาเลนไทน์เดย์ หรือ วันวาเลนไทน์ก็ได้ว่าไหมคะ...

วัสลามค่ะ...