ผู้เขียน หัวข้อ: วิจารณ์ ฮาดิสที่พูดถึง..บิดอะ..ในทัศนะวะฮาบีย์  (อ่าน 4837 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป

พี่น้องทั้งหลายครับ

เป็นที่ทราบว่า เราชาวละลิสซุนนะจากมัสหับทั้ง4 นั้น ล้วนต้องพะอืดพะอมและขืนขมกับคำพูดที่ขาดการรับผิดชอบและไร้หลักฐานของทัศนะวะฮาบีย์มาเป็นเวลานาน...หลายครั้งที่เรามักจะพบว่าจากสื่อต่างๆเช่น หนังสือหรือสื่อจากการซีดีและการปราศรัยบนเวที ที่มักมีอจ.บางท่านมักอ้าง ว่าผู้ที่กระทำบิดอะนั้นเป้นเหมือน ชาวอะล้บิดอะ  และเรามัสหับชาฟีอิซึ่งมีมุสลิมประมาณ90กว่าเปอรเซน ที่อยู่ในทัศนี้..ต้องอดทนและซอบัรในคำพูดของผู้ที่อ้างว่ารู้เหล่านั้น วันแล้ววันเล่า..

ประโยคหนึ่งที่เขามักพูดคือ ..ผู้ที่ตามในแนวใดทางนั้น  ล้วนเป็นผู้ที่เลยเถิดและน่ารังเกียจ ..และคล้ายๆเหมือนพวกมุนาฟีกีนในแนวทางของฟีรออูน(จากหนังสือ มุสลิมต้องสักัดมัสหับหรือไม่)
และต่อเติมด้วยคำพูดที่ว่า นั้นคือผู้ที่กระทำบิดอะในศาสนาของอัลเลาะตะอาลา..

พี่น้องครับ.

ร่างกายที่ถุกสร้างมาจากธาตุทั้ง4นั้น เป็นมัคโลกที่ง่าสยต่อการเสื่อมสภาพและบอบช้ำกับสิ่งที่เขาได้รับ  บางครั้ง.ก็คล้อยตาม บางครั้งก็ตามแบบไม่ต้องคล้อย.
.
แต่สำหรับคนมีพื้นฐานนั้น ยังพอรู้จักแยกแยะได้บ้างว่าอะไรผิดอะไรถูก
แต่สำหรับ คนไม่มีพื้นฐานนั้น นับว่า น่าเป็นห่วง.มากกับคนประเภทนี้...

บางครั้งวะฮาบีย์ยังพูดว่า คนไม่มีความรู้หรือคนเอาวามนั้น ไม่สมควรที่ต้องตักลีดตามทัศนะหนึ่งทัศนะใดและใครฝ่าฝืนถือว่า..หลงผิด โดยอ้างคำดำรัสของอัลลออ์ตะอ่ลาที่ว่า..

...เจ้าจงปฏฺบัติและเชื่อฟังต่ออัลเลาะและรอซุ้ลเท่านั้น.....

และอีกอายะหนึ่ง.หากสูเจ้าขัดเเย้งกัน จงกลับไปหาอัลลอฮ์และรอซุ้ลเถิด....

แล้วจะกลับมาคุยต่อครับ..

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องทั้งหลายครับ  

หลายครั้งที่ ผู้ที่อ้างว่ารู้ในทัศนะวะฮาบีย์นั้นมักจะชอบแอบอ้างยกอายัตจากอัลกรุอ่านหรือฮาดิสท่านนบีมาสำทับผูที่ตักลีดต่างทัศนะกับตนเช่น
จากโองการข้างล่างที่ว่า


يا أيها الذين آمنوا لا تقدموا بين يدي الله ورسوله واتقوا الله إن الله سميع عليم} [ الحجرات

49.1] โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย ! พวกเจ้าอย่าได้ล้ำหน้า (ในการกระทำใด ๆ) ต่ออัลลอฮ์ และร่อซู้ลของพระองค์ พวกเจ้าจงยำเกรงอัลลอฮ์เถิด แท้จริงอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้

--จริงๆแล้วโองการนี้บรรดานักตัฟซีรอัลกรอ่านที่มีชื่อและได้รับการยอมรับนั้น
ได้บอกกับเราว่า ..มุสลิมนั้น จะต้องเชื่อฟังต่ออัลเลาะและท่านนบี และอย่าได้ปฏิเสธหรือเดินหน้าก่อนคำสั่งของอัลลอฮ์ ที่จะประทานลงมา.และอย่าได้กระทำเลยเถิดจากกฏชารีอัตของท่านนบี..ในสิ่งที่พระองค์ส่งผ่านท่านนบีมาอย่างสมบุณร์แล้ว ไม่ว่าข้อกำหนดใด เช่นเรื่อง ฮาร่าม ฮาลาล สิ่งที่เป็นวายิบ
และจำเป็นในเรื่องของข้อกหนดในอัลอิสลาม

ในเรื่องนี้ท่านอิบนุอับบัส ได้กล่าวอธิบายว่า

قال ابن عباس في تفسيرها:" لا تقولوا خلاف الكتاب والسنة" [ ابن جرير 11/ 377

อัลลอฮ์นั้นทรงตักเตือนเรา คือ"พวกท่าน อย่าได้ขัดแย้งกับ อัลกุรอานและอัสสุนนะฮ - อิบนุญะรีร 11/377

สิ่งใดที่ข้อกำหนดอย่างชัดเจนจากดอัลกุอ่านและแบบซุนนะท่านนบีแล้วสิ่งนั้นถือว่า สิ่งวสมบูรณ์และถูกต้องแล้ว และอย่าได้ขัดแย้งกัน..ในสิ่งดังกล่าวที่ได้ถูกปฏฺบัติให่เห็นจากท่านนบีซึ่งเป็นศาสนทูตของพระองค์..
 
และท่านอัล-ชาฏิบีย์ซึ่งผู้อยู่ในแนวทางอัลอาชาอีเราะได้ขยายความเรื่องบิดอะที่ลุ่มหลงว่า
المبتدع قد نزَّل نفسه منزلة المضاهي للشارع؛ لأن الله وضع الشرائع وألزم المكلفين بالجري على سننها

ผู้อุตริบิดอะฮ (คือกระทำการที่ขัดแย้งกับอัลกรุอ่านและอัสซุนนะนั้น)(เรื่องข้อ(กำหนด ฮาลาลและฮ่าราม)นั้น..แท้จริงเขาได้ยกตัวเอง ให้อยู่ในตำแหน่งที่เลียนแบบผู้บัญญัติศาสนา เพราะว่าแท้จริง อัลลอฮ ได้วางศาสนบัญญัติและ ได้กำหนดให้บรรดามุกัลลัฟ จะต้องดำเนินตามแนวทางนั้น(แนวทางแห่งบทบัญญัติ) - ดูอัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 61

...ท่านอัชชาฏิบีย์กล่าวตักเตือนว่า  ถึง การทำบิดอะใดๆที่หากใครเป็นผู้กำหนดว่า สิ่งนั้นๆ มาเป็นหลักคำสอนในอัลอิสลาม..นั้นคือผู้ที่อุตริกรรมที่ลุ่มหลงน่ารังเกียจ   และไม่มีที่มาจากอัลกรุอ่านและซุนนะท่านบีมาก่อน..โดยกำหนดว่า ..ว่าจะต้องกระทำสิ่งนั้นๆให้ได้ และเป็นสิ่งจำเป็นต่อมัน....

นีคือความเข้าใจของท่านอัชชาฏิบีย์ที่เป็นอุลามะอาชาอิเราะ..คนหนึ่งที่วะฮาบีย์มักฉกฉวยโอกาสโดยอ้างคำพูดที่มันสอดคล้องกับอารมรณ์หรือทัศนะของตนเองมาอ้างเสมอ..

ออฟไลน์ thanit

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 7
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สรุปคือท่านปฏิเสธฮาดีษเหล่านี้ใช่ไหมครับ

อะห์ลิสซุนนะห์วัลญะมาอะห์ (จริงหรือ)

ออฟไลน์ อายะฮ์

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 49
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
คุณ thanit อย่าเพิ่งด่วนสรุปแล้วตั้งคำถามพวกเราอย่างนั้นนะครับ  เนื่องจากบรรดานักปราชญ์หะดิษและฟิกห์มากมายที่แบ่งแยกบิดอะฮ์ออกเป็น บิดอะฮ์ซัยยิอะฮ์และบิดอะฮ์หะสะนะฮ์  ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น ก็ไม่ได้ปฏิเสธหะดิษดังกล่าว

เนื่องจากขัดแย้งกันนั้น  มันอยู่ในประเด็นเรื่องความเข้าใจหรือการวินิจฉัยในตัวบทหะดิษ  ที่ต้องนำหลักฐานอื่น ๆ มาประกอบด้วย  ดังนั้น การวินิจฉัยในตัวบทย่อมมีความแตกต่างกัน  และความแตกต่างในการวินิจฉัยหะดิษ  ย่อมไม่ใช่หมายถึงการปฏิเสธหะดิษ  วัลลอฮุอะลัม
สานุศิษย์

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
อ้างจาก: "ลายเคง"
คุณ thanit อย่าเพิ่งด่วนสรุปแล้วตั้งคำถามพวกเราอย่างนั้นนะครับ  เนื่องจากบรรดานักปราชญ์หะดิษและฟิกห์มากมายที่แบ่งแยกบิดอะฮ์ออกเป็น บิดอะฮ์ซัยยิอะฮ์และบิดอะฮ์หะสะนะฮ์  ซึ่งพวกเขาเหล่านั้น ก็ไม่ได้ปฏิเสธหะดิษดังกล่าว

เนื่องจากขัดแย้งกันนั้น  มันอยู่ในประเด็นเรื่องความเข้าใจหรือการวินิจฉัยในตัวบทหะดิษ  ที่ต้องนำหลักฐานอื่น ๆ มาประกอบด้วย  ดังนั้น การวินิจฉัยในตัวบทย่อมมีความแตกต่างกัน  และความแตกต่างในการวินิจฉัยหะดิษ  ย่อมไม่ใช่หมายถึงการปฏิเสธหะดิษ  วัลลอฮุอะลัม


---คุณทานิตย์ครับ..

ก่อนอื่นคุณต้องไม่ลืมฮาดิสบทหนึ่งที่ท่านนะบีกำชับเราไว้ ก่อนที่ท่านจะเสียชีวิตนะครับ..
ว่า  ..บางส่วนของฮาดิสที่ว่า..หลังจากท่านจากไปแล้ว..ท่านจงปฏฺบัติตามฉัน และซุนนะคุลีฟะอัรรซีดีนของฉัน...

ดังนั้นคูณทานิตย์ครับ

ลองพิจารณาดูซิครับว่า..สิ่งที่ท่าน..อุมัร(รด)กระทำรวมผู้คนละหมาดตารอเวีย์20รอกาอัตนั้น...ท่านยังถูกถามจากท่านกะอับ(รด)เลยครับถึงกาสรกระทำนั้น...ซึ่ง..ท่านกล่าวว่ามันเป็นบิดอะที่ดี..


แล้วท่านกะอับกับท่านอุมัร(รด)ไม่รู้เลยหรือครับว่า..ฮาดิสฮะซันที่วะฮาบีย์ชอบเอามาอ้างนั้น..เกี่ยวกับ..ทุกๆบิดอะคือการหลงผิดนั้น..หมายถึงอะไร.
ท่านอีม่ามชาฟีอี..ท่านอันวาวีย์และผู้รู้ท่านอื่นๆไม่เข้าใจเลยหรือครับ..ในคำๆนี้



--คุณทานิตย์ลองทบทวนดีซิครับ  อย่าไดเหลงเลิ้มกับทัศนะวะฮาบีย์นะครับเพราะพวกเขานั้นจะไม่รับทัศนะของนักปราชญ์ที่มีทัศนะนะครับ..เขาจะรับเฉพาะทัศนะที่เห็นว่ามันสอดคล้องกับแนวของเขา...เท่านั้น..

 

GoogleTagged