salam
ความรัก ในมุมมองของท่านซะอีด อัลนุรซีย์แท้จริงแล้วสิ่งที่ข้าพเจ้าได้เรียนรู้จากชีวิตทางสังคมของมนุษย์ และจากการวิเคราะห์และตรึกตรองตลอดชีวิตของข้าพเจ้านั้น คือ
แท้จริงแล้ว สิ่งที่ควรค่าแก่ความรักก็คือตัวของความรักนั่นเอง และลักษณะที่ควรค่าแก่การเป็นศัตรูนั้น ก็คือตัวของความเป็นศัตรูเอง นั่นก็หมายความว่า แท้จริงแล้วลักษณะของความรัก ซึ่งก็คือตัวค้ำประกันชีวิตทางสังคมของมนุษย์ และเป็นสิ่งที่ผลักดันให้ความผาสุกเกิดขึ้นจริง นั่นแหละคือสิ่งที่สมควรที่จะรัก และแท้จริงลักษณะของความเป็นศัตรูและความเกลียดชังซึ่งก็คือตัวแปรที่ทำลายชีวิตทางสังคมนั่นแหละคือลักษณะที่น่ารังเกียจ อันตรายและคู่ควรอย่างที่สุดสำหรับการที่ท่านจะออกห่างและหนีให้ไกลจากมัน
แน่นอนที่สุด ยุคแห่งความเป็นศัตรูและความอาฆาตให้สิ้นสุดลง และสงครามโลกทั้งสองครั้งได้เผยให้เห็นถึงสิ่งที่มีอยู่ภายในวิญญาณแห่งความเป็นศัตรู นั่นคือความอธรรมที่น่ากลัวและการทำลายล้างที่น่าขนพองสยองเกล้า และได้ประจักษ์ให้เห็นแล้วว่าไม่มีประโยชน์อันใดเลยจากความเป็นศัตรู ดังนั้นจึงไม่เป็นการสมควรที่ความเลวทรามของศัตรูของเรา (ในกรณีที่ไม่มีการล้ำเส้น) จะนำพาสู่การเป็นศัตรูของเราด้วย ดังนั้นก็พอเพียงสำหรับพวกเขาแล้วซึ่งการลงโทษจากพระผู้เป็นเจ้าและไฟแห่งนรกญะฮันนัม
แท้จริงแล้ว ทิฐิของมนุษย์และความรักตัวเองของเขานั้น บางครั้งได้นำเขาไปสู่การเป็นศัตรูกับพี่น้องผู้ศรัทธาของเขาเอง และโดยที่เขาไม่ทันรู้ตัว บุคคลนั้นก็คิดว่าตัวของเขาคือผู้ที่ถูกต้องที่สุด ทั้งที่การเป็นศัตรูดังกล่าวนั้นถือได้ว่าเป็นการทำเบาความกับสายสัมพันธ์และสาเหตุต่างๆ ที่ผูกพันบรรดาผู้ศรัทธาเข้าด้วยกัน – เช่นอีหม่าน อิสลาม และ humanity – โดยลดคุณค่าสิ่งเหล่านั้นลง และความเป็นศัตรูดังกล่าวนั้นก็เปรียบเสมือนกับเรื่องที่โง่เขลาในการที่คนหนึ่งคนใดได้ให้น้ำหนักสาเหตุต่างๆ ที่เล็กน้อยขี้ปะติ๋วเท่าก้อนกรวดเพื่อการเป็นศัตรู เหนือสาเหตุต่างๆ ที่ใหญ่โตดังขุนเขาที่มั่นคงสำหรับความรักและความเอ็นดู
ดังนั้น ตราบใดที่ความรักยังคงตรงข้ามและเป็นปฏิปักษ์กับความเป็นศัตรูแล้ว มันทั้งสองย่อมจะไม่รวมกันอย่างเด็ดขาด เฉกเช่นที่ความมืดย่อมไม่รวมกับแสงสว่าง ดังนั้นสิ่งไหนที่สาเหตุต่างๆ ของมันได้มีชัยชนะเหนืออีกสิ่งหนึ่งแล้ว สิ่งนั้นก็คือสิ่งที่ได้ครองตำแหน่งในหัวใจด้วยฮะกีกัตของมัน ส่วนสิ่งที่ตรงข้ามกับมันนั้นย่อมไม่มีอยู่โดยฮะกีกัตของมันเอง
ยกตัวอย่างเช่น ในเมื่อท่านได้พบความรักด้วยฮะกีกัตของมันในหัวใจแล้ว แน่นอนว่าความเป็นศัตรูก็จะแปรเปลี่ยนเป็นความผ่อนปรนและความสงสารบัดนั้นเอง และนี่แหละคือสถานะที่มีต่อผองผู้ศรัทธาทั้งหลาย แต่ถ้าหากว่า ท่านพบความเป็นศัตรูด้วยฮะกีกัตของมันในหัวใจแล้ว ความรักก็จะกลายเป็นการเอาใจ ประจบสอพลอ และความเป็นเพื่อนแต่เปลือกนอกเท่านั้น และนี่แหละคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับบรรดาผู้หลงผิดที่ไม่ได้รุกราน
แน่นอนที่สุด สาเหตุต่างๆ ของความรักก็คืออีหม่าน อิสลาม และ humanity และสิ่งที่เหมือนกับมันจากสายโซ่แห่งรัศมีอันเหนียวแน่นและเป็นป้อมปราการอันทนทานในความหมาย ส่วนสาเหตุต่างๆ ของความเป็นศัตรูและความเกลียดชังต่อมุอฺมินคนหนึ่งนั้น ก็คือเรื่องเฉพาะที่ขี้ปะติ๋วเหมือนก้อนกรวด เนื่องจากสิ่งดังกล่าวนี้เองการซุ่มซ่อนความเป็นศัตรูสำหรับมุสลิมคนหนึ่ง จริงๆ แล้วก็คือความผิดพลาดที่ใหญ่โต เพราะมันคือการทำเบาความต่อสาเหตุต่างๆ ของความรักซึ่งที่มากมายเหมือนภูเขา
สิ่งที่เราได้รับจากที่ผ่านมาคือแท้จริงแล้วความรักความเอ็นดูและความเป็นพี่น้องนั้น เป็นแบบอย่างและสายสัมพันธ์ของอิสลาม และผู้ซึ่งที่ได้แบกไว้ในหัวใจของเขาซึ่งความศัตรูนั้น เขาก็เหมือนกับการที่เด็กนิสัยเสียคนหนึ่ง ที่ชอบร้องไห้เพราะสาเหตุเพียงเล็กน้อยสำหรับการร้องไห้ และบางทีสิ่งที่เล็กกว่าปีกของแมลงวันก็พอเพียงแล้วที่จะทำให้เขาร้องไห้ หรือเขาก็เปรียบเสมือนกับคนที่มองโลกในแง่ร้ายคนหนึ่ง ที่จะไม่มองอะไรในแง่ดีตราบใดที่การมองในแง่ร้ายยังมีความเป็นไปได้ ดังนั้นเขาก็จะปิดบังความดีสิบอย่างของคนคนหนึ่งด้วยกับความชั่วเพียงอย่างเดียว และเป็นที่รู้กันว่า สิ่งดังกล่าวนี้นั้นค้านกันอย่างสิ้นเชิงกับจริยธรรมอิสลามที่ตัดสินด้วยความเป็นธรรมและการมองในแง่ดี
แปลจากหนังสือ คุตบะฮฺ ชามียะฮฺ ของเชคซะอีด อัลนุรซีย์ หน้า 61-63 พิมพ์ครั้งที่ 3/2000 สำนักพิมพ์ซอสเลอร์