ผู้เขียน หัวข้อ: ปรัชญาของความพอเพียง  (อ่าน 4127 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ปรัชญาของความพอเพียง
« เมื่อ: ก.พ. 20, 2008, 11:35 AM »
0

ปรัชญาของความพอเพียง

ปัจจุบันปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงกำลังได้รับการกล่าวถึงอย่างกว้างขวาง  หน่อยงานและองค์กรต่าง ๆ ได้พยายามร่วมมือกันชี้แจงให้คนในสังคมรับรู้ถึงปรัชญาข้อนี้ว่า สามารถแก้ไขปัญหาสังคมในด้านเศรษฐกิจและการเป็นอยู่ของประชาชนได้อย่างไร..ซึ่งหากทุกคนมีความเข้าใจและปฏิบัติตามปรัชญาข้อนี้แล้วก็จะมีส่วนช่วยพลักดันให้ชีวิตความเป็นอยู่นั้น  ดีขึ้นและยังส่งผลให้ประเทศมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องอีกด้วย  อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจหลากหลายและไม่ชัดเจนถึงความหมายและและหลักแนวคิดที่แท้จริงของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  ดังนั้นสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จึงได้จัดทำหนั้งสือ "เศรษฐกิจพอเพียงคืออะไร" ขึ้น  โดยมีวัตถุประสงค์ที่ต้องการจะอธิบายความหมายของหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง  รวมทั้งกรอบแนวคิดของหลักปรัชญาฯ ที่มุ่งเน้นความมั่นคงและความยั่งยืนของการพัฒนา  อันมีคุณลักษณะสำคัญ  คือ  สามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกระดับตลอดจนได้อธิบายคำนิยามของความเพียงพอที่ประกอบด้วย  ความพอประมาณ  ความมีเหตุมีผล  มีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว  ภายใต้เงื่อนไขของการตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมที่ต้องอาศัยความรู้และเงื่อนไขคุณธรรม  ซึ่งพอที่จะทำให้เราเข้าใจความหมายของเศรษฐกิจได้โดยสรุปได้ดังนี้

- ความพอเพียง คือ  รู้จักพอประมาณ พออยู่  พอมี  พอใช้  ประหยัด  และไม่เบียดเบือนผู้อื่น

- ความมีเหตุผล  คือ  ตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้เดความพอเพียงต้องใช้เหตุผลและพิจารณาด้วยความรอบคอบ

- ความมีภูมิคุ้มกันที่ดี คือ เตรียมใจให้พร้อมกับผลกระทบและความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

- การมีความรู้  คือ  นำความรู้มาใช้ในการวางแผนและดำเนินชีวิต

- การมีคุณธรรม  คือ  มีความซื่อสัตย์สุจริต  สามัคคี  และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน

เราจะเห็นได้ว่าปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงนั้นเริ่มต้นที่ตนเองและยังส่งผลเกื้อหนุนต่อกันในบั้นปลาย  เพราะฉะนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นย่อมเป็นปัญร่วมกันและต้องร่วมมือร่วมใจระหว่างกันและกันในการแก้ปัญหา  การแก้ไขปัญหาจึงต้องเริ่มที่ต้นตอนั่นคือ  กิเลส  ความอยากมีอยากได้ที่เกินความพอดีของคน  ซึ่งบ่อยครั้งที่มันหันกลับมาทำลายตัวเองและสังคม

ท่านนบีมูมัดมัด (ซ.ล.) ได้เคยบอกกับพวกเราให้รับรู้ถึงสัณชาติญาณดิบของคนว่า

"มาตรแม้นว่ามนุษย์คนหนึ่งนั้นได้รับครอบครอบสองหุบเขาที่เต็มไปด้วยทรัพย์สิน  แน่นอนที่สุดเขาย่อมจะแสวงหุบเขาที่สาม  และไม่มีส่งใดจะบรรจุดเติมเต็มท้องของมนุษย์ได้นอกจากดินเท่านั้น (เป็นการเปรียบเทียงทำนาองว่า  ความตายคือสิ่งเดียวที่สามารถหยุดยั้งกิเลสและความต้องการของมนุษย์ได้)" (รายงานโดยบุคอรี ฮะดิษที่ 6072 และมุสลิม ฮะดิษที่ 2390)

จากคำกล่าวของท่านนบี (ซ.ล.) ชี้ให้เห็นว่า  ความที่เป็นมนุษย์คนหนึ่งก็ย่อมที่จะมีความยากความต้องการโดยไม่มีที่สิ้นสุดตราบใดที่เขายังคงหายใจ  การแก้ไขจึงเริ่มกันจากตรงนี้

นับตั้งแต่อดีตเป็นต้นมา  อิสลามได้พยายามสอนทางออกให้กับมวลมนุษย์ในการดำเนินชีวิตโดยเริ่มจาก้อนเนื้อที่เราเรียกมันว่าหัวใจ  พยายามปลูกจิตสำนึกให้เข้าถึงแก่นแท้แห่งชีวิต  ซึ่งมีนบีมุฮัมมัด (ซ.ล.) เป็นแบบอย่างจากหลักการเหล่านั้น

ในเรื่องของความเพียงพอ  เมื่อเราศึกษาคำสอนและการปฏิบัติตัวของศาสดา  เราจะเห็นได้ว่านบีมูฮัมมัด (ซ.ล.)  เป็นถึงองค์ศาสดาผุ้ยิ่งใหญ่พระองค์ท่านน่าจะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเยี่ยมจอมราชัน  และน่าจะทิ้งทรัพย์สมบัติและมรดกกองโตไว้ให้ภรรยาและลูกหลานของท่าน  หลังจากที่ท่านได้จากไป  แต่หน้าประวัติศาสตร์กลับบันทึกให้เราทราบว่าท่านพอใจที่จะนอนบนเสื่อหยาบ ๆ ท่านหิวไม่ต่างไปจากคนจนหิว  ท่านยอมอดเพื่อให้คนที่หิวมากกว่าได้อิ่ม  ท่านรับประทานอาหารเหมือนคนอื่นรับประทาน  ท่านรีดนมแพะ  ท่านเย็บท่านปะรองเท้าและเสื้อผ้า  ท่านไม่เคยฟุ้งเฟ้อ  ท่านสมถะ  และท่านยังดูแลครอบครัวได้เป็นอย่างดี  ในวันที่ท่านเสียชีวิต  ท่านได้ทิ้งอาหารให้ภรรยาของท่านเพียงไม่กี่ชิ้นและผ้าไม่กี่ผืน  ท่านไม่เคยให้อำนาจบารมีของความเป็นผู้นำทั้งที่มีผู้ตามท่านนับแสน ๆ คนเพื่อหาประโยชน์เข้ากระเป๋าเหมือนที่ผู้หลักผู้ใหญ่บ้านเราเขาทำกันอยู่  และแม้นว่าท่านต้องการภูเขาอุฮุดทั้งลูกก็พร้อมที่จะกลายเป็นทองในชั่วพริบตา  ท่านจึงเป็นแบบฉบับของความพอเพียงอย่างเต็มตัว

แบบอย่างหนึ่งที่เราจำเป็นต้องเรียนรู้และทำความเข้าใจจากแนวทางแห่งท่านนบีที่ใช้เป็นหลักปฏิบัติในเรื่องความพอเพียงก็คือ  الزهد  (อัซซุฮด์) ความสันโดษและปล่อยวางไม่ยึดติดกับสภาวะรอบข้าง  รู้จักเสียสละ  สมถะ  พอเพียง  ความหมายเหล่านี้ล้วนเข้าอยู่ภายใต้คำว่า  الزهد  (อัซซุฮด์) ทั้งสิ้น

ในขณะที่มีซอฮาบะฮ์ท่านหนึ่งถามท่านนบีว่าจะทำอย่างไรให้พระเจ้าและคนรอบข้างรัก  ท่านตอบว่า

"ท่านจงอยู่อย่างสมถะบนโลกใบนี้แล้วอัลเลาะฮ์จะรักท่าน  และจงปล่อยวางในสิ่งที่มนุษย์ครอบครอง (รู้จักพอไม่คิดแย่งชิงแข่งขันอันก่อให้เกิดโลภและริษยา) มนุษย์จะต่างพากันรักท่าน"  รายงานโดย อิบนุมาญะห์ ฮะดิษที่ 4102

ในขณะที่ท่านศาสดาได้สอนแนวทางให้กับเหล่าสาวกตัวท่านเองก็ยังคงเป็นแบบอย่างในการดำเนินชีวิต   คำขอพรของท่านต่อพระผู้อภิบาลหลาย ๆ บทที่สะท้อนให้เห็นถึงภาพลักษณ์  ของความ الزهد  (อัซซุฮด์) ของท่านนบี  ท่านเคยขอพรว่า

اَللَّهُمَّ إجْعَلِ الدُّنْيَا فِى أَيْدِيْنَا وَلاَ تَجْعَلْهَا فِى قُلُوْبِنَا

"โอ้ผู้ทรงอภิบาลได้โปรดทำให้โลกนี้นั้นอยู่แค่ในมือของเรา  และโปรดอย่าทำให้มันต้องผนึกในใจของเราเลย"

ทุกท่านครับ

ความสุขที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาในสังคมตามหลักปรัชญาแห่งความพอเพียงจึงไม่ได้อยู่ที่ว่า  เราสามารถทำให้คนมีกำลังทรัพย์มากขึ้น อยู่ดี  กินดีขึ้น  เพราะนั่นไม่ได้เป็นหลักประกันว่ามีความพอเพียงและตั้งมั่นอยู่ในความพอดี  แต่มันอยู่ที่ว่าทำอย่างไงให้มือของคนในสังคมยังคงแสวงหาปัจจัยยังชีพเพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตตัวเองและชีวิตคนที่เราต้องรับผิดชอบดูแลไม่แบมือขอใคร  รู้จักเสียสละแบ่งปันให้กับคนที่เขาอ่อนแอกว่า  ไม่ยึดติดและหวงแหน  และพร้อมที่จะหวงแหน  และพร้อมที่จะแบกรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา  นี่ต่างหาก  คือปรัชญาของคำว่า "พอเพียง"

อ้างอิงจาก : สารไคโร 50
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
Re: ปรัชญาของความพอเพียง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.พ. 20, 2008, 02:24 PM »
0
อัสสลามุ อลัยกุม

              เรื่อง "เศรษฐกิจพอเพียง" เพิ่งสอบเสร็จไปหมาดๆ เอง รู้สึกว่ามีหลายวิชาที่ออกสอบเรื่องเศรษฐกิจพิเพียง เช่น วิชาวัฒนวิถีแห่งการดำรงชีวิต และวิชาปรัชญากับชีวิต ซึ่งเป็นรายวิชาที่ผมลง ก็ยากพอควร สำหรับวิชาเหล่านี้ แต่ก็คุ้มที่ได้ลงไป ตอนที่ทำข้อสอบ ก็พยายามเชื่อมเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง กับซุนนะฮฺของนบี ศ.ล. ว่ามีความสอดคล้องกันเพียงใด นับเป็นแนวทางที่ไปได้อิสลาม โดยไม่ติดขัดอะไร เพราะระบบนี้ มิได้มุ่งเน้นเพียงเรื่องเศษฐกิจ เพียงอย่างเดียว หากแต่เน้นในทุกๆ เรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตมนุษย์ กล่าวง่ายๆ ก็ว่า ทุกๆ สาขาอาชีพ สามารถนำทฤษฎีนี้ไปใช้ได้จริงๆ ยิ่งถ้าหากเป็นมุสลิมด้วยแล้ว สบายเลย เพราะเท่าที่ศึกษามาสอดคล้องกับอิสลามหมด เป็นสิ่งที่นบี ศ.ล. กำชับอยู่แล้ว และมีสอนมานานแล้วด้วย ถึง 1400 กว่าปี ก็เป็นคำพูดที่ไม่ผิดทีเดียวที่จะกล่าวว่า ผู้ให้กำเนิดทฤษฎีความพอเพียงตัวจริง ก็คือ ท่านศาสดามุหัมมัด ศ.ล. ของเรานี่เอง เพียงแต่ระบบของท่านนั้น ได้ครอบคลุมไปทุกๆ เรื่องอยู่แล้ว ไม่ได้แยกออกมาเป็นสาขาโดยเฉพาะอย่างที่ในหลวงของชาวไทยทรงเน้นหนัก - วัลลอฮุ อะอฺลัม :laugh: :laugh: :laugh:

วัสสลามุ อลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged