ผู้เขียน หัวข้อ: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม  (อ่าน 39532 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 08:25 AM »
0
ฮิกมะฮ์การห้ามดอกเบี้ย


1. เป็นการทำลายเกียรติทรัพย์สินของมุสลิมด้วยการเอาเงินเพิ่มโดยมิได้มาด้วยการแลกเปลี่ยน

2. สร้างความเดือนร้อนแก่คนยากจน  เพราะส่วนมากผู้ให้กู้ยืมจะร่ำรวย  ส่วนผู้ขอกู้เป็นคนจน  เมื่อคนรวยเอาเงินมากกว่าสิ่งที่ให้กู้ไป  ก็จะสร้างความเดือดร้อนแก่คนจน

3. ไร้ความดีงามและความเห็นอกเห็นใจในเรื่องการกู้ยืมซึ่งกันและกัน
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 08:44 AM »
0
ฮิกมะฮ์ผู้อ่านคุฏบะฮ์ถือไม้เท้าด้วยมือซ้าย


สุนัตให้ผู้ทำการอ่านคุฏบะฮ์ยืนค้ำด้วยดาบ หรือไม้เท้า  หรืออื่น ๆ  เช่น  คันธนู  เพราะมีฮะดิษรายงานโดยอบูดาวูด  ด้วยสายรายงานที่ฮะซัน  ความว่า

"ในช่วงวันเหล่านั้นเราได้ทำการละหมาดญุมุอะฮ์พร้อมกับท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้น  ท่านจึงยืน(คุฏบะฮ์) โดยยืนค้ำบนไม้เท้าหรือคันธนู"  (1098)

"ฮิกมะฮ์ในสิ่งดังกล่าว  ชี้ให้เห็นว่า  ศาสนาอิสลามดำรงอยู่ด้วยการต่อสู้  ด้วยเหตุนี้  สุนัตให้ไม้เท้าหรือคันธนูอยู่มือซ้าย  ซึ่งเหมือนกับธรรมเนียมปฏิบัติของผู้ที่ต้องการทำการญิฮาด (คือถือดาบมือซ้ายและชัดดาบมือขวาหรือถือคันธนูมือซ้ายยิงดอกธนูมือขวา)  ส่วนมือขวานั้น  ก็ให้จับขอบมิมบัร  ดังนั้น  หากผู้ทำการคุฏบะฮ์ไม่พบสิ่งใดเลย(คือไม่มีไม้เท้า เป็นต้น) ก็ให้มือทั้งสองข้างนิ่งอย่างนอบน้อม  โดยทำให้มือขาวอยู่บนมือซ้ายหรือปล่อยมือทั้งสอง"  ดู หนังสือ  มุฆนิลมั๊วะตาจญ์ 1/529 ของท่าน อิมาม คอฏีบ อัชชัรบีนีย์

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 08:52 AM »
0
อะไรคือฮิกมะฮ์ที่อิสลามมีบทในเรื่องอัฏเฏาะฮาเราะฮ์(ความสะอาด)?


อิสลามได้วางบทบัญญัติเรื่องความสะอาด  เพราะมีฮิกมะฮ์หลายประการ  อาธิ  เช่น

1.  ความสะอาด  เป็นสิ่งที่ธรรมชาติบริสุทธิ์เรียกหา  มนุษย์จะโอนเอียงเข้าหาความสะอาดโดยธรรมชาติ  และจะมีตีตัวออกห่างจากความสกปรกโสมม  และเมื่ออิสลามเป็นศาสนาธรรมชาติ  จึงเป็นเรื่องปกติที่อิสลามจะต้องบัญชาให้ทำความสะอาด  และรักษาความสะอาด

2.  เป็นการรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของมุสลิม  มนุษย์โดยทั่วไปมีนิสัยชอบคนที่สะอาด  และประสงค์จะคบหากับคนที่สะอาด  และนั่งร่วมวงกับคนที่สะอาด  มนุษย์โดยทั่วไปจะเกลียดความสกปรก  ดูหมิ่น  ตีตัวออกห่าง  และไม่ประสงค์นั่งร่วมวงกับคนที่สกปรก  และเมื่ออิสลามมีความต้องการอย่างแรงกล้าที่จะให้มุสลิมเป็นคนมีเกียรติและมีศักดิ์ศรีจึงได้บัญชาให้มุสลิมเป็นคนสะอาด  เพื่อที่จะได้อยู่ท่ามกลางผู้คนอย่างมีเกียรติและสมศักดิ์ศรี

3.  รักษาสุขภาพอนามัย  ความสะอาดเป็นสาเหตุสำคัญท่จะทำให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่  ที่แพร่กระจายไปในหมู่ผู้คนนั้น  ก็เนื่องจากความสกปรกเป็นต้นเหตุ  ดังนั้นการทำความสะอาดร่างกาย  ด้วยการล้างหน้า  มือทั้งสองข้าง  จมูก  เท้าทั้งสองข้าง  ทุกวัน ๆ ละหลายครั้ง  ย่อมทำให้ร่างกายปราศจากโรคต่าง ๆ

4. หยุดอยู่ต่อหน้าองค์อภิบาลด้วยความสะอาด  ขณะที่มนุษย์ทำละหมาดนั้น  เขากำลังโต้ตอบและกระซิบกระซาบอยู่กับองค์อภิบาลของเขาอย่างใกล้ชิด  เขาย่อมต้องระมัดระวังในความสะอาดทั้งภายนอกและภายใน  คือ  สะอาดทั้งร่างกายและจิตใจ  เพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาทรงโปรดผู้ที่กลับตัว  และทรงโปรดผู้ที่สะอาด
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 09:24 AM »
0
ฮิกมะฮ์การจ่ายซะกาต


ฮิกมะฮ์การจ่ายซะกาตและผลประโยชน์ของมันนั้น  จะสะท้อนกลับไปสู่ผู้ให้และผู้รับ  และก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวม  ดังจะกล่าวต่อไปนี้

1.  ซะกาตทำให้ผู้จ่ายเคยชินกับความเสียสละและบริจาค  และช่วยความขจัดความตระหนี่เหนียวแน่นออกไปจากจิตใจของเขา  โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาได้ประสบกับผลที่เกิดขึ้นของมันด้วยตนเอง  และเขาจะรำลึกอยู่เสมอว่า  ซะกาตจะทำให้ทรัพย์สินเพิ่มพูนขึ้นยิ่งกว่าจะทำให้ลดน้อยลง  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า "การบริจาคจะไม่ทำให้ทรัพย์ลดน้อยลง" รายงานโดยมุสลิม (2588)  ดังนั้นทรัพย์สินจะลดน้อยได้อย่างไร? ในเมื่ออัลเลาะฮ์ตาอาลา  จะเพิ่มพูนให้เพราะการบริจาคด้วยการไม่ให้เขาและครอบครัวต้องประสบกับโรคภัยไข้เจ็บ  ไม่ให้มีใครปองร้ายเขาและทรัพย์ของเขา  และอัลเลาะฮ์จะเอื้ออำนวยให้เขาพบลู่ทางที่จะทำให้ทรัพย์สินของเขางอกเงยขึ้นอย่างง่ายดาย ทั้งนี้นอกเหนือจากผลบุญอันยิ่งใหญ่ที่เขาจะได้รับตอบแทนจากพระองค์

2.ทำให้สายสัมพันธ์แห่งความเป็นพี่น้องและความรักระหว่างผู้ให้กับผู้รับมั่นคงเหนียวแน่นและถ้าหากรุกุ่นอิสลามข้อนี้ถูกยกขึ้นมาปฏิบัติอย่างแพร่หลายในสังคม  และมุสลิมทุกคนที่ครอบครองซะกาตได้จ่ายให้แก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับอย่างครบถ้วน  เราก็จะเห็นภาพความสนิทสนมซึ่งสายใยของมันอย่างสอดประสานสังคมมุสลิมให้แน่นอนแฟ้นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้อย่างชัดเจนที่สุด  และถ้าหากปราศจากความสนิทสนมนี้  สังคมก็จะเกิดความอคติต่อกันได้  ซึ่งโดยหน้าที่ของมันแล้วจะต้องก่อติดและยึดกันแน่นดุจดังอาคารและมีความอาทร  มีความรักต่อกันดุจร่างเดียวกัน

3. ซากาตจะช่วยให้สมาชิกในสังคมสามารถพึ่งพาตนเองได้  ไม่ว่าจะมีเหตุใดเกิดขึ้นอันจะนำไปสู่ความแตกต่างทางสังคมหรือทำให้เกิดความยากจนขัดสนขึ้นในสังคม  ซะกาต  ถือได้ว่าเป็นกลไกเพียงอย่างเดียว  ที่จะช่วยค้ำประกันและรักษาสังคมให้พ้นจากความแตกต่างทางชนชั้น  และให้พ้นจากความยากจนและความขัดสนที่ได้ผลที่สุด

4. ซากาตจะช่วยขจัดปัจจัยและสาเหตุของการว่างงานให้หมดไป  เพราะสาเหตุสำคัญของการว่างงาน  ก็คือการไม่มีเงินทุนที่จะนำไปใช้ในกิจการของตน  และเมื่อบัญญัติเรื่องซะกาตถูกนำมาปฏิบัติคนจนก็จะได้รับซะกาตไปเป็นทุนเพื่อดำเนินกิจการที่เหมาะสมกับความชำนาญและความสามารถของตน

5. ซะกาตเป็นแนวทางเดียวเท่านั้นที่จะชำระจิตใจให้สะอาด  จากความอาฆาตมาดร้ายและจากความอิจฉาริษยา  ซึ่งเป็นสนิมร้ายที่เกาะกินสังคมในยามที่ความเมตตาสงสาร  ความช่วยเหลือ  และเอื้ออาทรต่อกันหายเหือดหายไป  และสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่จะแสดงออกได้โดยทางคำพูด  แต่ต้องอาศัยการกระทำ  ผลของมันก็จะปรากฏออกมา  อัลเลาะฮ์ตาอาลา  ทรงตรัสยืนยันไว้ว่า  "ท่านจงเก็บเอาส่วนหนึ่งจากทรัพย์สินของพวกเขาเป็นซะกาต  ซึ่งมันจะชำระพวกเขาให้สะอาด และท่านจะใช้มันขัดเกลาพวกเขาให้บริสุทธิ์ผุดผ่อง" อัตเตาบะห์ 103  ( อัลฟิกห์ 41 - 42)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 09:34 AM »
0
ฮิกมะห์ในการบัญญัติเรื่องอุดฮียะห์ ( สัตว์กุรบาน
)





           สิ่งที่ควรทราบก็คือ อุดฮียะห์นั้นเป็นอิบาดะห์  และนอกจากการเชื่อดอุดฮียะห์ จะเป็นการยอมจำนนต่อคำบัญชาต่ออัลลอฮฺ ตาอาลาในความหมายของความเป็น  “ บ่าว “ แล้วในอุดฮียะห์ก็ยังมีฮิกมะห์และประโยชน์อื่นๆ อีก
            ความหมายที่ชัดเจนและยิ่งใหญ่ที่สุดเกี่ยวข้องกับอุดฮียะห์ ก็คือ  เป็นการฟื้นฟูความหมายของการเสียสละอันยิ่งใหญ่ที่สุดที่ท่านนบี อิบรอฮีม ( อ.ล. ) ได้กระทำไว้ขณะที่อัลลอฮฺ ตาอาลาได้ทรงทดสอบนบีอิบรอฮีม โดยการบัญชาให้เชือดบุตรชายของตน ( นบีอิสมาอีล ) และต่อมาอัลลอฮฺได้ไถตัวบุตรชายของเขาด้วยแกะที่พระองค์ประทานลงมา และมีคำสั่งให้เชือดแกะตัวนั้นแทนบุตรชาย  หลังจากนบีอิบรอฮีมและบุตรชายได้พยายามบฏิบัติตามคำบัญชาของพระองค์ให้เป็นความจริงอย่างถึงที่สุดแล้ว
            และที่เกินไปกว่านั้น ก็คือ เป็นความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่แก่คนยากไร้และคนที่ขัดสน และทำให้คนในครอบครัวมีความดีใจและปิติยินดีในวันอีด และเป็นการเสริมสร้างความผูกพันธ์ระหว่างสมาชิกในสังคมมุสลิมให้เกิดความมั่นคงเหนียวแน่น

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ قطوف من أزاهير النور

  • ดุนยา..มาเพื่อไป
  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1582
  • อยากเป็นเด็กดีของอัลลอฮฺ
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
    • แวะไปเม้นหน่อยน่า ^^
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 09:46 AM »
0
ฮิกมะฮฺ เรื่องความลับของโลกแห่งความตาย


ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่ว่ายุคไหนก็ตาม  สิ่งที่เปลี่ยนแปลงคือ เทคโนโลยี  มนุษย์มีความปลาบปลื้มกับวิทยาการที่เขาคิดค้นขึ้น มนุษย์ดีอกดีใจที่สามารถพัฒนาในศาสตร์บางอย่างโดยเรียกสิ่งนั้นว่า "การเอาชนะธรรมชาติ"

มนุษย์เย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับว่าความรู้ของตนเองเป็นเศษเสี้ยวของจักรวาล
และทั้งหมดของความรู้อันน้อยนิดของมนุษย์มาจากพระเจ้าทั้งหมดเสียด้วย


ความตาย และความเร้นลับหลังความตายเป็นหนึ่งในความรู้ที่พระเจ้าเก็บไว้เพื่อให้มนุษย์รับรู้ถึงความอ่อนแอของตัวเอง และหันไปหาพระเจ้าในที่สุด


แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้ .. ว่าเขาไม่รู้ ..

يَا بُنَيَّ إِنْ قَدَرْتَ أَنْ تُصْبِحَ وَتُمْسِيَ لَيْسَ فِي قَلْبِكَ غِشٌّ لِأَحَدٍ فَافْعَلْ
 ثُمَّ قَالَ لِي يَا بُنَيَّ وَذَلِكَ مِنْ سُنَّتِي وَمَنْ أَحْيَا سُنَّتِي فَقَدْ أَحَبَّنِي وَمَنْ أَحَبَّنِي كَانَ مَعِي فِي الْجَنَّةِ

"โอ้ลูกรัก ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะตื่นขึ้นมาในเวลาเช้าจนถึงเวลาเย็น โดยที่เจ้าไม่คิดร้ายต่อผู้ใด เจ้าจงกระทำเถิด
หลังจากนั้นท่านได้กล่าวแก่ฉันอีกว่า โอ้ลูกรัก และนั่นแหละเป็นแนวทางของฉัน
ผู้ใดฟื้นฟูแนวทางของฉันแสดงว่าเขารักฉัน และผู้ใดรักฉัน เขาได้อยู่กับฉันในสวรรค์"
(บันทึกโดย อัตติรมีซี)

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 10:00 AM »
0
ฮิกมะฮ์การห้ามปล่อยเล็บยาว


การตัดเล็บเป็นส่วนหนึ่งจากซุนนะฮ์ของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ซึ่งท่านได้กล่าวว่า "ซุนนะฮ์นั้นมี 5 อย่าง  คือ  การคิตาน  การโกนขนลับ  การขลิบหนวด  และการตัดเล็บ" รายงานโดยมุสลิม  ดังนั้นผู้ใดที่ไม่ตัดเล็บ เขาย่อมขัดกับซุนนะฮ์ที่บริสุทธิ์  และฮิกมะฮ์ในการตัดเล็บก็เพื่อความสะอาดจากสิ่งสกปรกที่อยู่ภายใต้เล็บ และเพื่อจะเลี่ยงจากการไปคล้ายกับพวกกุฟฟารที่ปล่อยเล็บ  และคล้ายคลึงกับสัตว์ที่มีเขี้ยวเล็บ  ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  "พวกท่านจงตัดเล็บเพราะชัยฏอนนั้นมันจะนั่งอยู่ภายใต้เล็บที่ยาว" ปัจจุบันสามารถส่งกล้องจุลทัศน์ใต้เล็บที่ยาวปรากฏว่าพบเชื้อโรคมากมาย  ซึ่งจะแพร่ไปสู่ปากและภายในร่างกายของเราทางด้านการกินการดื่ม  ดังนั้นการที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ใช้คำว่า "ชัยฏอน" ก็ย่อมหมายถึง สิ่งสกปรก  เชื้อโรค  ด้วยเช่นกัน
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 10:09 AM »
0
ฮิกมะห์ในการห้ามอาบน้ำวายิบในน้ำนิ่ง





             ฮาดิษที่มุสลิม ( 283 ) และผู้อื่นได้รายงาน
       จากท่านอบีฮูร็อยเราะห์  ( ร.ด.) ว่าท่านนบี ( ซ.ล. ) ได้กล่าวว่า “ คนใดในหมู่พวกท่านอย่าอาบน้ำในน้ำนิ่งในสภาพที่เขามียูนุบ   พวกเขาถามว่า :  อบีฮูร็อยเราะห์เอ๋ย   แล้วเขาจะทำอย่างไร  ? อบีฮูรอยเราะห์ตอบว่า  :  ให้เขาตักขึ้นอาบ “    โดยใช้มือวัก หรือใช้ภาชนะเล็กๆ ตัก และให้เขาตั้งเจตนาวักน้ำ ถ้าหากน้ำนั้นมีน้อย เพื่อไม่ให้น้ำนั้นกลายเป็นน้ำ  “ มุสตะอฺมั้ล “ โดยการสัมผัสกับส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย หรื่อให้วักน้ำมาเล็กน้อย จากภาชนะใส่น้ำก่อนเนียตยกฮาดัษญูนุบ จากนั้นให้เนียต และใช้น้ำนั้นล้างมือของเขา แล้วจึงใช้มือวักน้ำได้
       ฮิกมะห์ของการห้ามดังกล่าว คือ :  อารมณ์ของมนุษย์ มักมีความรังเกียจที่จะใช้ประโยชน์จากน้ำที่ใช้ประโยชน์แล้ว ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด , และอีกประการหนึ่งก็ คือ เป็นการทำให้สูญเสียน้ำไปโดยไร้ประโยชน์  โดยทำให้น้ำนั้นไม่สามารถนำไปใช้ทำความสะอาดได้ ถ้าหากน้ำนั้นมีน้อยกว่า 2 กุลละห์ เพราะน้ำนั้นจะกลายเป็นน้ำมุสตะอฺมั้ล โดยเพียงแต่ลงไปอาบเท่านั้น ในขณะที่คนส่วนใหญ่ต้องการจะใช้ประโยชน์จากน้ำนิ่ง ดังนั้นจึงห้ามลงไปอาบน้ำในน้ำนั้น

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
โอ้โห....ทำไมฮิกมะฮฺ  เยอะแยะขนาดนี้...

ฉุดยอดเรยนิ......เอาอีก  จะอ่านอีก.....
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ philosophy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 94
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
جزاك الله خيرا الجزاء
 myGreat:

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ก.พ. 24, 2008, 06:18 PM »
0
ฮิกมะฮ์การจ่ายซะกาตฟิต์ิ


ซะกาตฟิตร์ถูกตราเป็นบัญญัติในปีฮิจเราะฮ์ศักราชที่สอง  เช่นเดียวกับการถือศีลอดในเดือนรอมะดอน  และจากฮะดิษที่ว่า "ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กำหนดซะกาตฟิตร์  เพื่อชำระผู้ถือศีลอดให้สะอาดจากคำพูดที่ไร้สาระ  และหยาบคาย และเพื่อเป็นอาหารแก่คนยากจน" รายงานโดยอบูดาวูด  ซึ่งเป็นฮะดิษที่ชี้ชัดว่าเคล็ดลับในการกำหนดซะกาตฟิตร์  ก็คือสนองความต้องการของผู้ยากไร้และขัดสน  ให้ได้มีอาหารไว้รับประทานอย่างสมบูรณ์  และเพื่อสร้างความปิติยินดีแก่พวกเขา  จนไม่เกิดความรู้สึกขมขื่นและโดดเดี่ยวในความยากจนและขัดสน  ในช่วงเวลาที่มุสลิมทุกคนต่างก็แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม  มีอาหารการเกินอย่างอิ่มหนำสำราญเนื่องในการฉลองวันอีด  ซึ่งก็อยู่ในความหมายของการเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่และอาทรต่อกันของมวลมุสลิมนั่นเอง  และการจ่ายซะกาตฟิตร์  ก็ยังเป็นการนำตนให้เข้าใกล้ชิดอัลเลาะฮ์ ตาอาลา อีกด้วย  และเป็นการขจัดความผิดต่าง ๆ ที่ผู้ถือศีลอดอาจกระทำขึ้นขณะถือศีลอด  เพราะผลของความนั้นย่อมลบล่างบาปความชั่วออกไปได้

ท่านวะเกียะอฺได้กล่าวว่า  : ซะกาตฟิตร์สำหรับรอมาดอน  ก็เหมือนกับสุหยูดซะวีย์ในละหมาด  ซะกาตฟิตร์จะชดเชยความบกพร่องของการถือศีลอด  เช่นเีดียวกับสุหยูดซะฮ์วีชดเชยความบกพร่องของละหมาด

ท่านร่อซูุลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กล่าวว่า  "ท่านจงทำความดีติดตามความชั่วเถิด  เพราะความดีสามารถลบล้างความชั่วได้" รายงานโดยอะห์มัดและติรมีซีย์(อัลฟิกห์ 2/83)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อะไรคือฮิกมะฮ์ต้องรอกั๊วะในละหมาดหนึ่งครั้งและสุหยูดสองครั้ง?ฺ


อัลเลาะฮ์ตาอาลาทรงบัญญัติละหมาดเหนือปวงบ่าว  ให้ทำการรอกั๊วะหนึ่งครั้งและสุยูดสองครั้งในทุก ๆ รอกะอัต  ดังนั้นท่านญิบรีลจึงได้นำมาสอนท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็ได้กล่าวว่า  "พวกท่านจงละหมาดเหมือนพวกท่านเห็นฉันละหมาดเถิด" รายงานโดยบุคอรีย์  ส่วนฮิกมะฮ์ในการสุหยูดสองครั้งในทุก ๆ ระกออัตนั้น  เพราะสุหยูดมีความนอบน้อมย่อมตนลึกล้ำยิ่งกว่า  เพราะผู้ละหมาดนั้น  ขณะเขาได้นมัสการต่ออัลเลาะฮ์ด้วยการยืน  รอกั๊วะ  และสุยูด  เขาย่อมแสดงถึงความเป็นข้ารับใช้อย่างที่สุด  หลังจากนั้นพระองค์ก็อนุญาตให้ทำการนั่งเพื่อแสดงความเป็นข้ารับใช้เยี่ยงผู้เป็นบ่าว  แล้วทำการสุหยูดสองครั้งเพื่อเป็นการชุโกรและขจัดการหลอกลวงจากชัยฏอนที่มีต่อปวงบ่าวของอัลเลาะฮ์ผู้ทรงเมตตา


أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ฮิกมะฮ์ของการละหมาด


เคล็ดลับหรือฮิกมะฮ์ของการละหมาดมีมากมายหลายประการ  ซึ่งสรุปได้ดังนี้ :

1. เป็นการเตือนให้มนุษย์รู้จักตนเองว่าเป็นบ่าวของอัลเลาะฮ์ผุ้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรเพื่อระลึกไว้ตลอดไป  โดยที่กิจการงานในทางโลกและความสัมพันธ์กับผุ้อื่นอาจทำให้มนุษย์หลงลืมตนเอง  แต่เมื่อถึงเวลาละหมาดมันจะทำให้เขานึกขึ้นได้อีกครั้งหนึ่งว่าตนเป็นบ่าวของอัลเลาะฮ์ผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกร

2. เพื่อให้ฝังแน่นอยู่ในจิตใจของมนุษย์ว่าไม่มีผู้ที่จะให้ความช่วยเหลือและให้ความสุขที่แท้จริงนอกจากอัลเลาะฮ์  ผู้ทรงเกรียงไกรเท่านั้น  แม้เขาจะพบเห็นในโลกนี้ว่ามีสื่อและสาเหตุมากมายที่ดูเพียงผิวเผินแล้ว  ช่วยเหลือและให้ความสุข  แต่แท้ที่จริงแล้วอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ให้สิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงเครื่องอำนวยความสะดวกสบายแก่มนุษย์เท่านั้น  ทุกครั้งที่มนุษย์หลงลืมและปล่อยตัวไปกับสื่อต่าง ๆ ที่เป็นเพียงผิวเผิน การละหมาดจะเป็นสิ่งคอยเตือนเขาว่าที่แท้จริงนั้นมาจากอัลเลาะฮ์ตะอาลาเพียงองค์เดียว  พระองค์ทรงช่วยเหลือ  ทรงให้ความสุข  ทรงให้โทษ  ทรงให้คุณ  ทรงให้เป็น  และทรงให้ตาย

3. มนุษย์จะได้ใช้ละหมาดเป็นช่วงเวลาของการสำนึกผิด  จากความผิดต่าง ๆ ที่เขาได้ก่อขึ้นเนื่องจากในช่วงวันหนึ่งกับคืนหนึ่งนั้น  มนุษย์ต้องเผชิญกับบาปและความผิดต่าง ๆ มากมาย  ทังที่เขารู้ตัวและอาจไม่รู้ตัว  ดังนั้นการละหมาดระหว่างเวลาหนึ่ง  จะช่วยขัดเกลาเขาให้สะอาดบริสุทธิ์จากบาปและความผิดต่าง ๆ ได้  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวอธิบายเรื่องดังกล่าวไว้ในฮะดิษซึ่งรายงานโดยมุสลิม (668)  จากท่านญาบิร บุตร อับดิ้ลลาห์  ได้กล่าวว่า "เปรียบละหมาดห้าเวลาเหมือนแม่น้ำที่มีน้ำมากไหลผ่านประตูบ้านคนใดคนหนึ่งในพวกท่าน  โดยที่เขาอาบน้ำจากแม่นั้นทุกวัน ๆ ละห้าครั้ง" ญาบิรได้กล่าวว่า  "ฮะซันได้กล่าวว่า : การกระทำดังกล่าวจะทำให้มีสิ่งสกปรกใดเหลืออยู่อีกไหม?"  (หมายความว่า "สิ่งสกปรก" ในที่นี้หมายถึงบาปต่าง ๆ ซึ่งตามรายงานของอะบีฮุรอยเราะฮ์ (ร.ด.) ที่มุสลิม (667) ได้บ่างชี้เช่นนั้น  คือ "นั่นก็เหมือนกับละหมาดหน้าเวลาที่อัลเลาะฮ์จะทรงใช้มันลบล้างบาปต่าง ๆ"

4. ละหมาดเป็นเสมือนอาหารที่หล่อเลี้ยงหลักศรัทธา (อะกีดะฮ์) ที่อยู่ในจิตใจ  ความเพลิดเพลินในดุนยาและการลวงล่อของชัยตอน  จะทำให้มนุษย์หลงลืมหลักอะกีดะฮ์นี้  ถึงแม้จะถูกปลูกฝังอยู่ในจิตใจแล้วก็ตาม  และเมื่อมนุษย์ตกอยู่ในความหลงลืม  ในลักษณะเช่นนี้อย่างต่อเนื่องด้วยเหตุที่จมปลักอยู่ในอารมณ์ใฝ่ต่ำ  และเพื่อนฝูงที่เลวคอยชัดนำ  ความหลงลืมนี้จะเปลี่ยนเป็นการปฏิเสธและไม่ยอมรับเหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำล่อเลี้ยงก็จะเหี่ยวเฉาและตายไปในที่สุด  และในไม่ช้าต้นไม้นั้นก็จะกลายเป็นฟืนที่ไร้ค่า  แต่มุสลิมที่ยืนหยัดปฏิบัติละหมาดอย่างสม่ำเสมอ  ละหมาดนั้นก็จะเป็นอาหารคอยหล่อเลี้ยงความมีศรัทธาของเขาให้สดชื่นและงอกงาม  ความเพลิดเพลินในดุนยาไม่อาจทำให้ศรัทธาของเขาอ่อนแอและตายได้ (อัลฟิกห์ 1/88-89)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ฮิกมะฮ์ในการบัญญัติละหมาดเคาฟ์(ละหมาดในยามหวาดกลัว)


ฮิกมะฮ์จากบัญญัติ  วิธีการต่าง ๆ เหล่านี้ในละหมาดก็เพื่อให้เกิดความสะดวกและกว้างขวางแก่มุกัลลัฟ  เพื่อให้สามารถปฏิบัติฟัรดูนี้ได้  โดยที่เขามีความต้องการอย่างยิ่ง  ที่จะติดต่อกับองค์อภิบาลของเขาผู้ทรงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรเพื่อขอความช่วยเหลือ  และชัยชนะจากพระองค์  เขาจะสามารถข่มขวัญพวกผู้ไร้ศรัทธาได้ในสมรภูมิ  หัวใจของเขาจะสงบนิ่งอยู่กับการรำลึกถึงองค์อภิบาลของเขา  และจะเกิดความมั่นในชัยชนะ  เขาจะสามารถยืนหยัดมั่นคงในสมรภูมิ  จนกระทั่งความโป้ปดมดเท็จพินาจย่อยยับและชัยตอนตกเป็นของฝ่ายสัจจธรรม  อัลเลาะฮ์ทรงสัจจะที่พระองค์ได้ตรัสว่า

"โอ้บรรดาผู้มีศรัทธา  เมื่อพวกเขาพบกับพวกศัตรู  พวกเจ้าจงยืนหยัดอย่างมั่นคง  และรำลึกถึงอัลเลาะฮ์อย่างมากมาย  แน่นอนพวกเจ้าจะชนะ" อัลอันฟาล 45

และที่สมควรกล่าวถึง  ก็คือ  การละหมาดในยามหวาดกลัว  ด้วยวิธีการปฏิบัติต่าง ๆ ดังได้กล่าวมาแล้วนั้น  ทหารมุสลิมสามารถจะดำรงละหมาดไว้ไดว้โดยไม่ยากลำบาก  ไม่ว่ารูปแบบ  และสื่อในการรบจะเป็นเช่นไร  และไม่ว่าจะเป็นเวลาใดและในถานที่ใดก็ตาม  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานการณ์การสู้รบที่ไม่ต้องมีการเผชิญหน้ากันโดยตรงของทหาร  ดังเช่นในปัจจุบัน  ในการสู้รบสมัยใหม่
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อะไรคือฮิกมะฮ์ในการอาบน้ำละหมาด?


"ความสะอาดเป็นสาเหตุสำคัญท่จะทำให้มนุษย์ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บเนื่องจากโรคภัยไข้เจ็บส่วนใหญ่  ที่แพร่กระจายไปในหมู่ผู้คนนั้น  ก็เนื่องจากความสกปรกเป็นต้นเหตุ  ดังนั้นการอาบน้ำละหมาด  ด้วยการล้างหน้า  มือทั้งสองข้าง  จมูก  เท้าทั้งสองข้าง  ทุกวัน ๆ ละหลายครั้ง  ย่อมทำให้ร่างกายปราศจากโรคต่าง ๆ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged