ผู้เขียน หัวข้อ: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม  (อ่าน 38469 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ญะซากุมุลลอฮ์ค๊อรรอ  สำหรับการนำเสนอกระทู้ดี ๆ เช่นนี้ครับ  mycool:
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
ฮิกมะห์ในการรับประทานอาหารโดยการใช้นิ้วสามนิ้ว
   

            ท่านศาสดา ซล. รับประทานอาหารโดยใช้นิ้วสามนิ้ว นับเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ เนื่องจากการรับประทานอาหารโดยการใช้นิ้วเพียงหนึ่งหรือสองนิ้ว ย่อมไม่ได้รับความอร่อยของอาหาร ไม่มีความสุขในการรับประทานและกว่าจะอิ่มต้องใช้เวลานานมาก ระบบย่อยอาหารก็ไม่มีความสุขสบายเช่นกัน ทำให้ระบบย่อยอาหารต้องรอนานเพื่อย่อยอาหาร  ระบบย่อยอาหารจะเมื่อยล้าไปเหมือนรับประทานข้าวไปทีละเมล็ดสองเมล็ดย่อมไม่อร่อย ไม่มีความสุข ส่วนการรับประทานด้วยนิ้วมือทั้งห้านิ้วนั้นก็จะเป็นปริมาณที่มากเกินไปในแต่ละคำ ทำให้เกิดการแน่นอึดอัดในระบบย่อยอาหาร แน่นกระเพาะ อาจจะทำให้ระบบย่อยอาหารถูกอุดตันและหยุดทำงานลง ลำไส้ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการผลักดันอาหารที่อุดตันเหล่านี้ กระเพาะต้องรับอาหารปริมาณมากไปในคราวเดียวกัน ไม่มีเวลาที่จะได้รับรู้รสอร่อยของอาหารและดูดซึมได้ตามปกติ ดังนั้นการรับประทานอาหารที่ดีที่สุด คือการรับประทานอาหารตามแบบอย่างของท่านศาสดา ซล.  และการรับประทานอาหารด้วยสามนิ้วนั่นเอง

วัลลอฮูอะลัม

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

เยี่ยมครับ  อัลฮัมดุลิลลาฮ์  myGreat:
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ สวรรค์ชั้น 7

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 21
  • เพศ: หญิง
  • Allah know everything
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อัลฮัมดูลิลละห์ กระทู้นี้มีประโยชน์มากค่ะ   
นำเสนอสิ่งที่ดี อย่างนี้ต่อไป นะค่ะ       mycool: myGreat: loveit:
ชีวิตที่ไม่มีอิสลาม ก้อเหมือนนักเดินทางที่ไม่มีแผนที่..........

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

กว่าเจ้าของกระทู้จะว่างเข้ามาโพสต์ในกระทู้นี้  เลยไม่นึกว่ากระทู้จะไปได้ไกลถึงขนาดนี้  ท่าน julee ครับ  อย่าเพิ่งหมดมุก  นำเสนอต่อยอดไปเลย  หากฮิกมะฮ์อื่น ๆ ที่ไม่ซ้ำ  มานำเสนอ  แต่ผมเองยังมีหลายฮิกมะฮ์ที่จะนำเสนอ  แต่ยังไม่ว่าง  ;D

والسلام
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ sa27

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 35
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
ขอสนับสนุน และเป็นกำลังใจ ในการค้นหา และนำเสนอ เรื่องราวที่ยังไม่รู้ให้ได้รับรู้ครับ
จากผู้ที่ต้องการรู้จักตัวรู้ที่รู้จักตัวรู้

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

อ้างถึง
เคล็ดลับ ( ฮิกมะฮฺ ) ในการบัญญัติละหมาดญามาอะฮฺ
[/size]

     


     หลักการอิสลามส่งเสริมให้มุสลิมรู้จักกัน เป็นพี่น้องกัน  และร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมสัจธรรมและขจัดสิ่งโป้ปดมดเท็จ  การส่งเสริมให้เกิดภราดรภาพและความร่มมือกันนั้น  ไม่มีแหล่งใดที่จะสร้างบรรยากาศได้ดีกว่ามัสยิด  ขณะที่มุสลิมพบปะกันที่มัสยิด เมื่อมาร่วมละหมาด ฟัรดูห้าเวลา
           ไม่ว่ามีผลประโยชน์ที่ขัดกันอย่างไร  และมีความอาฆาตแค้นที่ฝังแน่นในใจอย่างไร  การได้มีโอกาสพบปะกันอยู่เสมอในการละหมาดญามาอะฮฺก็จะสามารถทำลายกำแพงแห่งความเหินห่าง   และสลายความอาฆาตแค้นให้หมดสิ้นไป ( อินชาอัลลอฮฺ ) ถ้าหากเขาผู้นั้นเป็นผุ้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺอย่างแท้จริง  และไม่ใช่คนเสแสร้งในสิ่งที่เขาแสดงออกทั้งในการละหมาด ในการอิบาดัต และความพยายามไปมัสยิด


ขอเสริมฮิมะฮ์ ในการมาละหมาดญามาอะฮ์
ทำให้เราตรงต่อเวลาเมื่อมาละหมาดญามาอะฮ์
ทำให้เรามีระเบียบเมื่อเราจัดแถวญามาอะฮ์
ในละหมาดญามาอะฮ์มีความเป็นเผด็จการอยู่คือต้องทำตามอิหม่ามคนเดียว   ในขณะเดียวกันก็มีประชาธิปไตย์อยู่เมื่ออิหม่าทำผิดเราสามารถเตือนได้  หรือ  เนียตออกจากการตามอิหม่ามได้เช่นกัน


อ้างถึง
ฮิกมะฮ์ผู้ทำการตอวาฟหันข้างซ้ายไปยังกะบะฮ์


บรรดาผู้ทำฮัจญ์ที่ทำการตอวาฟรอบบัยตุลลอฮ์นั้น  พวกเขาจะหันข้างซ้ายเข้าหาบัยตุลลอฮ์   ซึ่งหนึ่งในฮิกมะฮ์นั้น  ก็คือ  หัวใจของคนเราอยู่ข้างซ้าย  การที่ผู้ทำฮัจญ์หันข้างซ้ายเข้าหาบัยตุลลอฮ์แล้วทำการเวียนรอบนั้น  เพื่อให้บรรดาหัวใจของพวกเขาผูกสัมพันธ์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน

ขอเสริม
การตอวาฟรอบบัยตุ้ลลอฮ์นั้น  เมื่อมองจากภาพมุมบน  จะเห็นว่า  การตอวาฟนี้เป็นการเดินทวนเข็มนาฬิกา เป็นการสวนกระแสของโลกที่ต้องหมุนตามเข็มนาฬิกา...


อ้างถึง
ฮิกมะฮ์การบัญญัติละหมาดญุมอะฮ์


ฮิกมะฮ์ในการบัญญัติละหมาดญุมอะฮ์นั้น  มีเคล็ดลับและผลประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย  ซึ่งไม่อาจนำมากล่าวไว้ในที่นี้ได้ครบถ้วน  ส่วนหนึ่งก็คือ  การที่พี่น้องมุสลิมทุกระดับชั้นในเมืองได้มาพบปะกันในสภานที่แห่งเดียวกัน  คือ มัสยิดที่ทำญุมะห์สัปดาห์ละหนึ่งครั้ง  พวกเขาจะได้รับคำแนะนำและคำตักเตือนให้มีความสมัครสมานสามัคคีร่วมมือกัน  เช่นเดียวกับความสนิทสนมรักใคร่ก็จะเพิ่มพูนขึ้น  จะทำให้พวกเขาได้เอาใจใส่และตื่นตัวกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละรอบสัปดาห์  ซึ่งผู้นำของพวกเขาจะนำมาถ่ายทอดขณะแสดงธรรมคุตบะห์  ญุมอะห์เป็นการประชุมประจำสัปดาห์ที่มุสลิมจะมาร่วมชุมนุมกันอยู่ข้างหลังผู้นำของพวกเขา  ด้วยเหตุนี้เอง  ผู้บัญญัติศาสนาจึงส่งเสริมให้มุสลิมมาญุมอะฮ์ และกำชับไม่ให้ละทิ้งและเห็นญุมอะฮ์เป็นสิ่งที่ไม่สำคัญ   ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าว "ผู้ใดทิ้งสามละหมาดญุมอะฮ์อย่างไม่ให้ความสำคัญ  อัลเลาะฮ์จะปิดผนึกเหนือหัวใจของเขา" (อัลฟิกห์ 1/182)


ขอเสริมฮิกมะฮ์ของการร่วมละหมาดญุมอะฮ์ อีกประการหนึ่งก็คือ
ทำให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน  เพราะบะแล หรือสถานที่ละหมาดห้าเวลานั้น มีมากกว่าหนึ่งแห่งได้  แต่ละหมาดวันศุกร์ต้องมารวมกันที่มัสยิดใหญ่ในชุมชน 

และไม่ให้มีมัสยิดทำการละหมาดวันศุกร์ในชุมชนเดียวกันมากกว่าหนึ่งแห่งหากไม่มีความจำเป็นเรื่องสถานที่หรือความจำเป็นอื่น
เพราะหากสมมุติว่ามีมัสยิดสองแห่งข้อมูลข่าวสารที่ได้รับอาจไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน    ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งได้  เมื่อขัดแย้งกันก็อาจแตกแยกกัน  เมื่อแตกแยกกันก็ทำให้สังมุสลิมอ่อนแอลง  เมื่ออ่อนแอลงก็ย่อมนำไปสู่ความพ่ายแพ้...

มัสยิดในกรุงเทพปัจจุบันนี้  ใกล้กันขนาดอยู่ตรงข้างฝั่งถนนกันก็มีแล้ว...

และหากเราจะเลือกระหว่างสองมัสยิด  สลัฟบอกว่าให้เลือมัสยิดที่เก่าแก่  และมีคนมาละหมาดมากกว่า...

ผิดถูกอะไรก็โปรดชี้แนะด้วย...

กระทู้นี้ดีจริงๆ   mycool:

อัลฮัมดุลิ้ลลาฮ์

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
وعليكم السلام روحمة الله وبركاته

อัลเลาะฮ์ทรงสร้างทุกสิ่งแบบไม่ไร้สาระ ดังนั้น  ทุก ๆ สิ่งมีฮิกมะฮ์  แล้วแต่เราจะมองด้วยจิตใจอันเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์ของอัลอิสลาม


والسلام
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #68 เมื่อ: มี.ค. 14, 2008, 02:26 PM »
0
ฮิกมะฮ์การห้ามร่วมหลับนอนขณะภรรยามีประจำเดือน


ปกติช่วงมีประจำเดือนเป็นช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนอย่างมาก ภาวะบางอย่างถ้าเป็นช่วงมีประจำเดือนอาจทำให้มีการแทรกซ้อนได้มาก  ผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายคือเมื่อมีการติดเชื้อที่โพรงมดลูกแล้วอาจทำให้เกิดภาวะ อุ้งเชิงกรานอักเสบ หมายถึงมีการอักเสบของเยื่อบุดพรงมดลูก ท่อรังไข่ และเยื่อบุช่องท้องภายในอุ้งเชิงกราน และมีโอกาสเป็นฝีภายในรังไข่หรือท่อรังไข่ และมดโอกาสเกิดการตั้งครรภ์นอกมดลูกมากกว่าปกติ

การติดเชื้อโรคในร่างกาย  อาจะทำให้ มีไข้ สังเกตว่าคนโบราณก็จะเตือนให้ระวัง "ไข้ทับระดู" ว่าจะมีอาการรุนแรงกว่าไข้ปกติ  การมีเพศสัมพันธ์ก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการติดเชื้อแทรกซ้อนได้ เช่นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือไม่ก็ทำให้เชื้อโรคที่บริเวณปากช่องคลอดเข้าไปในช่องคลอด  และอาจทำให้เกิดฝีเล็ก ๆ เกิดขึ้นได้   ซึ่งถ้าเกิดติดเชื้อโรคเหล่านี้ขณะที่มีประจำเดือนก็จะทำให้อาการเป็นมากขึ้น
อัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ทรงตรัสไว้  ความว่า

وَيَسْأَلُونَكَ عَنِ الْمَحِيضِ قُلْ هُوَ أَذًى فَاعْتَزِلُواْ النِّسَاء فِي الْمَحِيضِ وَلاَ تَقْرَبُوهُنَّ حَتَّىَ يَطْهُرْنَ فَإِذَا تَطَهَّرْنَ فَأْتُوهُنَّ مِنْ حَيْثُ أَمَرَكُمُ اللّهُ إِنَّ اللّهَ يُحِبُّ التَّوَّابِينَ وَيُحِبُّ الْمُتَطَهِّرِينَ

"และพวกเขาทั้งหลายจะถามเจ้าเกี่ยวกับ(ปัญหาของ) ระดู  เจ้าจงตอบเถิดว่า  อันระดูนั้นเป็นความสกปรกอย่างหนึ่ง  ดังนั้น  เจ้าทั้งหลายจงแยกตัวออกจากสตรี (ผู้เป็นภริยา) ในช่วงมีระดู  และพวกเจ้าจงอย่าเข้าใกล้พวกนางจนกว่าพวกนางจะสะอาด  ดังนั้น  เมื่อพวกนางมีความสะอาดแล้ว  พวกเจ้าก็เข้าหาพวกนางเถิด  ตามที่อัลเลาะฮ์  ได้ทรงบัญชาแก่พวกเจ้า  แท้จริง  อัลเลาะฮ์ทรงรักบรรดาผู้หมั่นสารภาพผิดและทรงรักบรรดาผู้มีความสะอาดทั้งหลาย"  อัลบะกอเราะฮ์ 222
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อะไรคือฮิกมะฮ์ในการอาบน้ำละหมาด?


ฮิกมะฮ์ในการที่สุนัตล้างมือทั้งสองข้าง   ทำการป้วนปาก  สูดน้ำเข้าจมูก  เพื่อจะรู้ถึงคุณลักษณะต่าง ๆ ของน้ำ  จากเรื่องสี  กลิ่น  และรส  ว่ามีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่  อุลามาอ์บางส่วนกล่าวว่า  บทบัญญัติให้ทำการล้างมือทั้งสองข้างนั้นเนื่องจากเพื่อตระเตรียมไว้สำหรับการรับประทานในสำรับอาหารของสรวงสวรรค์  การบ้วนปากเพื่อพูดกับผู้อภิบาลแห่งสากลโลก  สูดน้ำเข้าจมูกเพื่อดมกลิ่นในสรวงสวรรค์  ล้างหน้าเพื่อเพ่งพิศอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ล้างสองมือจนถึงข้อศอกเพื่อสวมกำไลในสรวงสวรรค์  เช็ดศีรษะเพื่อสวมมุงกฎในสวรรค์  เช็ดสองหูเพื่อสดับพระดำรัสของอัลเลาะฮ์  และล้างสองเท้าเพื่อเดินในสรวงสวรรค์ (หนังสือฮาชียะฮ์  อัลบาญูรีย์ 1/57)

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อะไรคือฮิกมะฮ์ในการอาบน้ำละหมาด?


ฮิกมะฮ์ในการเจาะจงอวัยวะต่าง ๆ ของการอาบน้ำละหมาด  คือถูกกล่าวกันว่า  ท่านนบีอาดัม อะลัยฮิสลาม นั้น ได้มุ่งหน้าไปยังต้นไม้(คุลดี)  และหยิบรับประทานด้วยมือ  และท่านได้วางมือไว้บนศีรษะ  และท่านได้เดินทางไปยังต้นไม้ด้วยเท้าของท่าน  ดังนั้น จึงถูกให้ล้างบรรดาอวัยวะดังกล่าว (หนังสือฮาชียะฮ์ อัลบาญูรี 1/47)


أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ฮิกมะฮ์การยกมือตักบีร


ฮิกมะฮ์การยกมือทั้งสองข้าง หมายถึงการปล่อยวางทุกสิ่งทุกอย่างนอกจากอัลเลาะฮ์ตะอาลาแล้วทำการมุ่งไปยังพระองค์อย่างสิโรราบในละหมาด  หรือฮิกมะฮ์การยกมือทั้งสองข้างชี้ถึงการยกสิ่งปิดกั้นระหว่างบ่าวของผู้อภิบาลของเขา  บางทัศนะกล่าวว่า  ฮิกมะฮ์การยกมือทั้งสองเพื่อให้คนหูหนวกเห็นและรู้ว่าอิมามได้เริ่มกระทำละหมาดแล้ว  เฉกเดียวกันคนตาบอดที่รู้การเข้าละหมาดด้วยการได้ยินเสียงตักบีร  ด้วยเหตุนี้จึงมีการใช้ให้ตักบีรเสียงดัง  บางทัศนะกล่าวว่า  ฮิกมะฮ์ก็คือ  พวกกุฟฟารเมื่อพวกเขาทำการพิธีกราบไหว้ก็จะเหน็บรูปปั้นไว้ที่รักแร้ของพวกเขา  ดังนั้้นจึงมีบัญญัติให้ยกมือทั้งสองข้างขณะตักบีรเพื่อไม่เกี่ยวข้องเหมือนการกระทำของพวกกุฟฟารดังกล่าว ( หนังสืออัลฮาชียะฮ์ อัลบาญูรีย์ 1/171)


أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
คิดถึงกระทู้นี้จัง    ;D ;D ;D

ความรู้ทั้งน้านนน  hehe

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
ฮิกมะห์ในการตอบรับการอะซานด้วยคำว่า   "ลาเฮาล่าวะลากู้วะต้าอิลลาบิลลาฮ์" 




รายงานจากท่านอุมัร อิบนุ ค็อฏฏอบ  ร่อฎิยัลลอฮุอันฮุ  ความว่า

‏قَالَ رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ‏ ‏إِذَا قَالَ الْمُؤَذِّنُ اللَّهُ أَكْبَرُ اللَّهُ أَكْبَرُ فَقَالَ أَحَدُكُمْ اللَّهُ أَكْبَرُ اللَّهُ أَكْبَرُ ثُمَّ قَالَ أَشْهَدُ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ قَالَ أَشْهَدُ أَنْ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ ثُمَّ قَالَ أَشْهَدُ أَنَّ ‏ ‏مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏قَالَ أَشْهَدُ أَنَّ ‏ ‏مُحَمَّدًا رَسُولُ اللَّهِ ‏ ‏ثُمَّ قَالَ حَيَّ عَلَى الصَّلَاةِ قَالَ لَا حَوْلَ وَلَا قُوَّةَ إِلَّا بِاللَّهِ ثُمَّ قَالَ حَيَّ عَلَى الْفَلَاحِ قَالَ لَا حَوْلَ وَلَا قُوَّةَ إِلَّا بِاللَّهِ ثُمَّ قَالَ اللَّهُ أَكْبَرُ اللَّهُ أَكْبَرُ قَالَ اللَّهُ أَكْبَرُ اللَّهُ أَكْبَرُ ثُمَّ قَالَ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ قَالَ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ مِنْ قَلْبِهِ دَخَلَ الْجَنَّةَ ‏

ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  เมื่อมุอัซซิน(ผู้ทำการอะซาน)  ได้กล่าวว่า  อัลลอฮุอักบัร  อัลลอฮุอักบัร  แล้วเขาคนหนึ่งจากพวกท่านกล่าว(ตอบ)ว่า   อัลลอฮุอักบัร  อัลลอฮุอักบัร  หลังจากนั้นมุอัซซินกล่าวว่า  อัชฮะดุอัลลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์  เขากล่าวตอบว่า  อัชฮะดุอัลลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์  หลังจากนั้น  มุอัซซินกล่าวว่า  อัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดะร่อซูลุลลอฮ์  แล้วเขากล่าวตอบว่า  อัชฮะดุอันนะมุฮัมมะดะร่อซูลุลลอฮ์  หลังจากนั้นมุอัซซินกล่าวว่า  ฮัยยะอะลัสศ่อลาฮ์  เขากล่าวตอบว่า  ลาเฮาล่าวะลากู้วะต้าอิลลาบิลลาฮ์  หลังจากนั้นมุอัซซินกล่าวว่า  ฮัยยะอะลัลฟะลาห์  แล้วเขากล่าวตอบว่า  ลาเฮาล่าวะลากู้วะต้าอิลลาบิลลาฮ์  หลังจากนั้นมุอัซซินกล่าวว่า   อัลลอฮุอักบัร  อัลลอฮุอักบัร  แล้วเขากล่าวตอบว่า   อัลลอฮุอักบัร  อัลลอฮุอักบัร  หลังจากนั้นมุอัซซินกล่าวว่า  ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์  แล้วเขากล่าวตอบว่า  ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮ์  ที่มาจากหัวใจของเขา(ที่บริสุทธิ์ใจและมุ่งมั่นตั้งใจ)  เขาย่อมได้เข้าสวรรค์"  รายงานโดยมุสลิม (578)

คำว่า  "ฮัยยะอะลัสศ่อลาฮ์"  หมายถึง  "พวกท่านจงมาละหมาดกันเถิด"   คำว่า  "ฮัยยะอะลัลฟะลาห์"  หมายถึง  "พวกท่านจงมาสู่สาเหตุแห่งความผาสุก  ความสำเร็จ  และการได้รับความดีงามกันเถิด"

แล้วเราก็ตอบว่า  "ลาเฮาล่าวะลากู้วะต้าอิลลาบิลลาฮ์"  หมายถึง  "ไม่มีการเคลื่อนไหวและพลังความสามารถใด ๆ นอกจากด้วยความช่วยเหลือของอัลเลาะฮ์"   

ฮิกมะฮ์ดังกล่าวคือ  บ่าวนั้นมีความอ่อนแอ  ไม่มีความสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงจากสภาพหนึ่งไปสู่อีกสภาพหนึ่งได้นอกจากด้วยการช่วยเหลือของอัลเลาะฮ์ ตะอาลาเท่านั้น   ส่วนหนึ่งก็คือ  การไปละหมาดเพื่อทำญะมาอะฮ์  ซึ่งไม่มีพลังความสามารถใดที่จะทำละหมาดญะมาอะฮ์ได้นอกจากด้วยกับอัลเลาะฮ์ตะอาลา  ดังนั้นเราจึงรู้สึกว่ามีความอ่อนแอและไร้ความสามารถ  และก็ไม่สามารถตอบรับการเรียกร้องการไปสู่การละหมาดนี้ได้นอจากด้วยกับอัลเลาะฮ์เพียงองค์เดียวเท่านั้น  ดังนั้น  เมื่อผู้อะซานกล่าวว่า  ฮัยยะอะลัสศ่อลาฮ์  ฮัยยะอะลัลฟาลาห์  เราก็จะกล่าวว่า "ลาเฮาล่า วะลา กู้วะต้า อิลลาบิลลาฮ์"  (ไม่มีการเคลื่อนไหวและพลังความสามารถใด ๆ นอกจากด้วยความช่วยเหลือของอัลเลาะฮ์)

والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم

ปล. อ้างอิงมาจากกระทู้ถามตอบปัญหาศาสนา     ;D ;D ;D ;D

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ฮิกมะฮ์และปรัชญาแห่งบทบัญญัติอิสลาม
« ตอบกลับ #74 เมื่อ: พ.ค. 04, 2008, 01:26 AM »
0
ฮิกมะฮ์การกล่าวตักบีรขณะก้มและเงยในละหมาด


ฮิกมะฮ์ในบทบัญญัติเกี่ยวกับการกล่าวตักบีรขณะก้มและเงยในละหมาดนั้น  คือ  คนบรรลุศาสนภาวะที่ทำการละหมาดนั้นถูกใช้ให้ทำการเหนียตขณะเริ่มละหมาดพร้อมกับตักบีร่อตุลเอี๊ยะห์รอม  และสิทธิของเขานั้นสามารถที่จะให้คงเหนียตอยู่จนกระทั่งสิ้นสุดละหมาดได้  ดังนั้น  เขาจึงถูกใช้ให้ทำการตอกย้ำฟื้นความตั้งใจละหมาดเพื่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา(องค์เดียวเท่านั้นที่สำคัญสุดและยิ่งใหญ่ที่สุด)ในขณะละหมาดด้วยการตักบีรซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของการเหนียต (หนังสืออิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 1/250)

أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged