ผู้เขียน หัวข้อ: บรรดาฮิกมะฮ์และปรัชญาต่าง ๆ แห่งบทบัญญัติอิสลาม  (อ่าน 39132 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
ฮิกมะห์การบัญญัติเอี๊ยะติกาฟ




             

           มุสลิมจำเป็นต้องเป็นผู้ที่หักห้ามอารมณ์ปรารถนาของตนเองอยู่ตลอดเวลา แม้บางครั้งเป็นปรารถนาที่ศาสนาอนุมัติก็ตาม ทั้งนี้เพื่อทำตัวให้ว่าง เพื่อการทำอีบาดัตต่ออัลลอฮ์ตาอาลา และเพื่ออารมณ์ปรารถนาของตนโน้มเอียงมาสู่ความรักในอัลลอฮฺ  และเพื่อเป็นการกระตุ้นให้ตนเองเกิดความยินดีที่จะสลัดความชั่วทิ้งไปจากอารมณ์ปรารถนาของเขา แท้ที่จริงอารมณ์ปรารถนานั้นมักคอยแต่จะบงการไปสู่ความชั่ว และเร่งเร้าไปสู่ความเลวทรามต่ำช้า
อัลลอฮฺ ตาอาลาตรัสว่า

            “ แท้จริงอารมณ์นั้นคอยแต่จะบงการปสู่ความชั่ว เว้นแต่บุคคลที่อัลลอฮฺจะเมตตาเขา.”
                                                              ( ยูซุฟ : 53 )

          การดิ้นรนเพื่อหาความสุขในโลกนี้ ยิ่งจะเพิ่มบทบาทของอารมณ์ให้ร้อนแรงยิ่งขึ้น มนุษย์จะไม่สนใจว่าปัจจัยที่ตนได้มาเพื่อหาความสุขนั้น ฮะลาลหรือฮะรอม และมนุษย์ก็จะยิ่งเตลิดไปตามอารมณ์ปรารถนาของตน อย่างยากที่จะสยบมันลงได้ นอกจากจะได้รับการเพาะบ่ม และขัดเกลาอยู่ภายในบรรยากาศที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของการตออัตและภักดีต่ออัลลอฮฺ ภายในมัสยิดอันสงบ มุสลิมสามารถเรียกจิตใจที่เตลิดของตนกลับคืนมาให้ได้รับการขัดเกลาด้วยอิบาดัตต่างๆ

         ด้วยเหตุนี้การเอียะอฺติกาฟจึงถูกบัญญัติมา เพื่อให้จิตใจได้สงบ เพื่อขัดเกลาจิตใจให้สะอาดบริสุทธิ์และให้สลัดทิ้งอารมณ์ปรารถนาที่เร่าร้อนต่างๆ


วัลลอฮู อะลัม       loveit:

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ฮิกมะฮ์การอ่านดังและอ่านค่อยไปละหมาด

การที่อิมามอ่านอัลฟาติฮะฮ์และซูเราะฮ์ดังในละหมาด  เพื่อให้บรรดามะมูมได้ยินเพื่อทำการใคร่ครวญพิจารณาความหมายของอัลกุรอาน  ดังนั้นการผลประโยชน์ของการอ่านจึงมีแก่มะมูม ฉะนั้นการอ่านซูเราะฮ์ของอิมามจึงเสมือนว่าเป็นการอ่านของมะมูมด้วย 

ดังนั้นการอ่านดังจะไม่มีในช่วงเวลาละหมาดตอนกลางวัน  เพราะส่วนมากแล้วผู้คนที่ไปละหมาดญะมาอะฮ์จะอยู่ในช่วงของการทำงานประกอบอาชีพ  บางครั้งหัวใจของพวกเขาจะขวักไขว่อยู่กับการงานที่เขาได้กระทำค้างคาไว้อยู่  ซึ่งดังกล่าวจึงทำการพิจารณาใคร่ครวญจะลดน้อยลงไป  ยิ่งกว่าอาจจะทำให้ตกอยู่ในบาปหากได้ยินอัลกุรอานแล้วไม่ค่อยใคร่ครวญ  แต่แตกต่างกับการละหมาดในช่วงกลางคืนซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เสร็จสิ้นจากภาระกิจและการประกอบอาชีพแล้ว หัวใจของพวกเขาจึงพร้อมที่จะรับฟังอัลกุรอานและใคร่ครวญยิ่งกว่า

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
ฮิกมะฮ์การนอนตะแคงขวา

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น เมื่อท่านต้องการที่จะนอน  ท่านก็จะนอนเอียงตะแคงขวา  โดยวางฝ่ามือขวาให้อยู่ใต้แก้มข้างขวาของท่าน  ดังกล่าวเพราะสุนัตให้ทำการนอนตะแคงข้างขวาเพื่อทำให้ตื่นเร็ว  และไม่ให้หัวใจมีการหลับไหล  เนื่องจากหัวใจนั้นอยู่ข้างซ้าย

1. สุนัตให้ทำการนอนตะแคงข้างขวา  เพราะหลักการโดยรวมนั้นชอบข้างขวาหรือด้านขวา  และการนอนข้างขวาจะทำมีสุขภาพที่ดียิ่งกว่าสำหรับร่างกาย  อีกทั้งยังทำให้ตื่นง่ายอีกด้วย
2. การนอนนั้นเป็นน้องของความตาย  ซึ่งการนอนตะแคงขวาเป็นลักษณะของการนอนในกุบูรขณะที่มัยยิดถูกวางลงหลุม
3. การตื่นนอนอยู่ในตำแหน่งของการฟื้นคืนชีพ

กระทู้อ้างอิง    http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=2678.0


วิทยาการอิสลามกับการนอนตะแคงขวา
อิสลามได้สอนมารยาทต่าง ๆ ในการนอน ไม่ว่าจะก่อนนอน ขณะนอน หรือหลังจากตื่นนอน และหนึ่งในคำสอนของอิสลามคือ ให้นอนตะแคงขวา
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กล่าวว่า:

‏إِذَا أَتَيْتَ مَضْجَعَكَ فَتَوَضَّأْ وُضُوءَكَ لِلصَّلَاةِ ثُمَّ اضْطَجِعْ عَلَى شِقِّكَ الْأَيْمَنِ

ความว่า: เมื่อท่านต้องการที่จะเข้านอนก็จงเอาน้ำละหมาดเพื่อละหมาด หลังจากนั้นก็จงนอนตะแคงขวา  (บันทึกโดยอัลบุคอรีย์ 329)

ท่านอิบนุก็อยยิมได้กล่าวไว้ในหนังสือ “ซาดุลมะอาด” (4/166) ว่า:  “และท่านอนที่ให้ประโยชน์มากที่สุดคือ การนอนตะแคงขวา เพราะอาหารในกระเพาะจะอยู่ในท่านี้ได้ดี เพราะกระเพาะจะค่อนอยู่ทางซ้ายเล็กน้อย ... และการนอนตะแคงซ้ายบ่อย ๆ จะเป็นอันตรายต่อหัวใจ เพราะอวัยวะต่าง ๆ จะโถมทับมัน...”

ท่านอนคว่ำ เป็นท่านอนที่ทำให้หายใจติดขัด ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลัง หรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นเวลานาน ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำจึงควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอ โดยท่านอนคว่ำนี้ถือว่าเป็นท่านอนที่ไม่ดี เพราะการนอนคว่ำนั้นจะทำให้กระดูกสันหลังส่วนเอวโค้งไปทางด้านหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ เวลาเรานอนคว่ำก็ต้องตะแคงหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะทำให้กระดูกต้นคอบิดไปด้วย  (ข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส. )
และหากเราพิจารณาถึงอวัยวะที่อยู่ภายในร่างกายของมนุษย์ จะเห็นว่าอวัยวะข้างขวาของร่างกายมักมีขนาดที่ใหญ่กว่าอวัยวะที่อยู่ข้างซ้าย
สมอง
ของมนุษย์มีสองซีก นั่นคือซีกขวาและซีกซ้าย โดยที่สมองซีกขวาจะมีขนาดที่ใหญ่กว่าซีกซ้าย
ปอด
เป็นอวัยวะที่ตั้งอยู่ในโพรงอกคล้ายกรวยแหลมผ่าครึ่งมี 2 ข้าง โดยข้างขวาจะมีขนาดใหญ่กว่าข้างซ้าย เพราะข้างขวามี 3 กลีบในขณะที่ข้างซ้ายมีเพียง 2 กลีบ ภายในมีถุงลมนับล้านลูก มีหน้าที่ซักฟอกอากาศ ดูดซับก๊าซออกซิเจนเข้าสู้ร่างกาย และขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออก
ตับ
เป็นอวัยวะเดี่ยวที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกาย อยู่ในบริเวณช่องท้องตอนบนสุดค่อนไปทางด้านขวา ตับมีสีน้ำตาลออกแดงคล้ำ รูปร่างเป็นกลีบ 2 กลีบ ขนาดไม่เท่ากัน กลีบใหญ่อยู่ใต้ชายโครงขวา กลีบเล็กอยู่ใต้ชายโครงซ้าย
ถุงน้ำดี
ถือเป็นอวัยวะที่สำคัญอย่างหนึ่งของร่ายกาย โดยอยู่ใต้ต่อตับบริเวณชายโครงด้านขวา ถุงน้ำดีมีรูปร่างคล้ายลูกแพร ยาวประมาณ 9 เซนติเมตร ถุงน้ำดีจะเป็นที่เก็บน้ำดีซึ่งสร้างจากตับ และจะมีท่อน้ำดีไปเปิดสู่ลำไส้เล็กส่วนต้น โดยน้ำดีมีหน้าที่ย่อยอาหารประเภทไขมัน
หัวใจ
ส่วนหัวใจนั้นถือเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญมากที่สุด เพราะมีหน้าที่ในการสูบฉีดเลือดไปยังอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายโดยอาศัยโครงสร้างของกล้ามเนื้อหัวใจและระบบนำไฟฟ้าภายในหัวใจซึ่งสร้างและควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ โดยหัวใจของมนุษย์นั้นจะอยู่ข้างซ้ายของช่องอก และนี้อาจคือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้การนอนตะแคงขวาเป็นท่านอนที่ดีต่อสุขภาพ เพราะจะไม่ทำให้น้ำหนักไปกดทับอวัยวะที่อยู่ข้างซ้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวใจ

วัลลอฮฺอะลัม loveit:


ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
อัลฮัมดุลิ้ลลาฮฺ
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ฮิกมะฮ์การอ่านดังและอ่านค่อยไปละหมาด

อีกฮิกมะฮ์หนึ่งจากสิ่งดังกล่าวก็คือ  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จะทำการอ่านดังในละหมาด  พวกมุชริกีนจึงทำการด่าทอผู้ที่ประทานอัลกุรอานและผู้ที่ถูกประทานอัลกุรอาน  ดังนั้นอัลเลาะฮ์ก็ทรงประทางโองการลงมาว่า "เจ้าอย่าให้ดัง(การอ่าน)อัลกุรอาน และเจ้าอย่าทำให้ค่อย(การอ่าน)มัน และเจ้าจงแสวงหาหนทางที่อยู่ระหว่างสิ่งดังกล่าว(คือวิถีที่อยู่ระหว่างกลาง)"  ดังนั้นท่านก็อย่าอ่านดังในละหมาดทั้งหมดและอย่าอ่านค่อยในละหมาดทั้งหมด  แต่ให้อ่านดังในละหมาดบางส่วนและอ่านค่อยในละหมาดบางส่วน (หนังสือฮาชียะฮ์อัลบาญูรีย์ 1/173)
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
salam

ฮิกมะฮฺของการละหมาดอิสติคอเราะฮฺ

เพื่อแทนที่พฤติกรรมที่เป็นญาฮิลียะห์ ที่กำหนดทางเลือกโดยการใช้นก หรือลูกศรเสี่ยงทาย  ไม่ว่าจะเป็นการแต่งงาน การเลือกคู่ครอง loveit: เดินทางไกลหรือทำกิจการงานใดงานหนึ่ง  สำหรับผู้ที่มีอีหม่านแล้วการกระทำเช่นนั้นย่อมไม่ถูกต้อง  ส่วนการทำละหมาดอิสติคอเราะฮฺนั้นเป็นเครื่องหมายบ่งบอกว่า พวกเขากลับคืนสู่พระผู้อภิบาลในกิจการต่างๆ

มันสามารถทำให้ความกระวนกระวาย หรือความสับสนในการเลือกสิ่งที่ถูกต้องหมดไป โดยการทำให้ความคิด และจิตใจว่างเปล่าพร้อมกับมอบหมายกิจการทุกอย่างต่ออัลลอฮฺ  จะได้รับการชี้นำทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตัวเองและศาสนา

เราจะไม่ท้อแท้ ถ้าหากว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่ไม่ดีเกิดขึ้นในการเลือกของเรา เพราะเรามั่นใจว่านั้นคือประสงค์ของอัลลอฮฺที่มีฮิกมะฮฺต่างๆ  ถ้าหากว่าไม่ใช่ดุนยาก็ที่อาคิเราะฮฺ

และมันคือเครื่องหมายบ่งบอกความบริสุทธิใจของบ่าวคนหนึ่งต่อพระผู้อภิบาลของเขา เพราะการทำละหมาดนี้ หมายความว่า  เขาได้ปฏิเสธความต้องการส่วนตัว และมอบหมายตัวเองและกิจการงานต่างๆของเขาต่ออัลลอฮฺ

วัลลอฮฺอะลัม


วิธีละหมาดอิสติคอเราะฮฺ loveit:

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ตอนเลือกภาคจะลง ผมละหมาศอิสตีคอเราะห์ แต่ก็ไม่ได้ทำตามผลที่ได้ ทำตามใจตัวเอง ผิดหรือเปล่า
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ ฮัยฟาอ์

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 263
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
นั่นแหละ
อัลเลาะห์ประสงค์ :ameen:

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
بسم الله الرحمن الرحيم

ฮิกมะฮ์การแต่งงาน

ท่านอิมามอิบนุอับดิสสลามกล่าวว่า  ในชะรีอะฮ์ของนบีมูซา อะลัยฮิสลาม อนุญาติให้แต่งงานกับสตรีได้โดยไม่จำกัดเพื่อยังประโยชน์แก่ผู้ชาย  ส่วนชะรีอดัตของนบีอีซา อะลัยฮิสลาม นั้นไม่อนุญาตให้แต่งงานนอกจากภรรยาคนเดียวเท่านั้นเพื่อยังประโยชน์แก่สตรี  และสำหรับชะรีอัตนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้นรักษาผลประโยชน์ทั้งหญิงและชาย

ฮิกมะฮ์ดังกล่าวก็คือ  นบีมูซา อะลัยฮิสลามนั้นจะให้น้ำหนักทางผลประโยชน์ทางผู้ชายมากกว่า  เพราะฟิรอูนนั้นสั่งฆ่าบรรดาเด็กผู้ชายและไว้ชีวิตเด็กสตรีของพวกเขา  จึงเหมาะสมที่จะต้องรักษาผลประโชน์แก่ผู้ชายเนื่องจากพวกเขามีน้อย  ส่วนผู้หญิงมีมาก

ส่วนฮิกมะฮ์ในสมัยนบีอีซา อะลัยฮิสลามนั้นผลประโยชน์จะให้น้ำหนักไปทางผู้หญิง  เพราะอัลเลาะฮ์ทรงสร้างนบีอีซามาจากมารดาโดยไม่มีบิดา  จึงเหมาะสมที่ผู้ชายมีภรรยาได้เพียงคนเดียวเท่านั้นเพื่อยังให้ผลประโยชน์หนักไปทางผู้หญิง  เพราะผู้หญิงนั้นคือรากกำเนิดเดิมของนบีอีซาที่มาจากมารดาเท่านั้น

สำหรับฮิกมะฮ์ในการอนุญาตให้ภรรยาได้สี่คนตามชะรีอะฮ์ของนบี ซ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม คือบุคคลหนึ่งจากมีธรรมชาติที่มีสี่คน    เป้าหมายของการนิกะฮ์ก็เพื่อสร้างความรักอาทร  สนิทสนมเกลื้อกูล  ซึ่งดังกล่าวจะขาดหายไปหามีมากกว่าสี่คน  เพราะเมื่อสามีพลัดเปลี่ยนแบ่งเวรภรรยาคนละวันนั้น  สามีก็จะไม่อยู่กับภรรยาแต่ละคนโดยห่างคนละสามคืนเท่านั้น  ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ถูกผ่อนปรนให้ตามหลักศาสนา

หนังสือฮาชียะฮ์อัลบัยญูรี เล่ม 2 หน้า 95

والله سبحانه وتعالي أعلم
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: เม.ย. 26, 2009, 08:14 AM โดย Rabit »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
mycool:

รักษาอีหม่าน ด้วยกับการนิกะห์
การนิกะห์มีฮิกมะห์เช่นนี้  อย่าได้ปล่อยเวลาให้ล่วงเลยนะคะ loveit:

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ฮิมะฮ์การขอดุอา


การขอดุอานั้น  เป้าหมายเพื่อเป็นอิบาดะฮ์  เพื่อให้มุสลิมแสดงถึงความเป็นทาสบ่าว  แสดงถึงความต้องการ  ปรารถนาพึ่งพาต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลา  แม้อัลเลาะฮ์จะทรงประวิงเวลาในการตอบรับดุอาก็ตาม  แต่ในขณะขอดุอานั้น  ผลบุญจะถูกเก็บสะสมไว้   การขอดุอามาก ๆ ทำให้พ้นจากภัยบะลอ  ทำให้อัลเลาะฮ์ทรงรักต่อผู้ขอดุอา  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง  การขอดุอานั้นทำให้มุสลิมมีความนอบน้อมต่ออัลเลาะฮ์  ทำให้ระลึกถึงพระองค์อย่างเสมอ  
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ khata

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 209
  • เพศ: หญิง
  • ซอบัร ซอบัรและซอบัร
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด
ได้ความรู้เยอะมากเลยค่ะ......ญาซากัลลออฮฺฮุคอยรอน...ค่ะ...... cool2: 
ฉันไม่มีอะไรพิเศษหรอก หากอัลลอฮฺไม่ประสงค์ให้ฉันเป็น

ฉันจะขอยืนหยัดในหนทางของอัลลอฮฺจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ฮิกมะฮ์การเยี่ยมสุสาน(กุโบร)

มนุษย์อาจจะมีจิตใจที่แข็งกระด้างติดตนมา  ก็เยี่ยมกุบูรจะทำให้จิตใจของอ่อนน้อม  เนื่องจากว่าสิ่งดังกล่าวทำให้เรารำลึกถึงอาคิเราะฮ์ รำลึกถึงความตาย  ตระหนักอยู่เสมอว่าต่อไปเขาก็ต้องกลับกลายเป็นกระดูกที่ผุเปลื่อย  ผู้ที่มีความร่ำรวยสุขสบายมีตำแหน่งในสังคม  ก็ต้องดินกลบหน้า  ความสุขที่เคยได้รับย่อมไม่จีรัง  และทำให้ผู้เยี่ยมกุบูรตระหนักว่า  ตัวตนจริง ๆ ของเขานั้นอ่อนแอ  เขาถูกสร้างมาในสภาพที่อ่อนแอ

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ฮิกมะฮ์ในการถือศีลอดตอนกลางวัน

อะมัลที่ดีเลิศที่สุดตามทัศนะของอัลเลาะฮ์  คืออะมัลที่มีมีการทุ่มเท  ไม่ว่าอะมัลนั้นจะกระทำด้วยอวัยวะร่างกายหรืออื่น ๆ   ด้วยเหตุนี้ ท่านร่อซูลุลลอฮ์(ซ.ล.)กล่าวว่า "อิบาดะฮ์ที่ดีเลิศ  คืออิบาดะฮ์ที่มีการทุ่มเทความยากลำบากที่สุด"   อนึ่ง  ในยามค่ำคืนนั้น  ผู้คนจะอยู่ในบ้านเพื่อพักผ่อนร่างกาย  ดังนั้นอัลเลาะฮ์จึงไม่บัญญัติให้ถือศีลอดในตอนกลางคืน  เพราะหากมีการถือศีลอดตอนกลางคืนก็จะไม่เกิดความยากลำบากตามที่เป้าหมายของศาสนา  และด้วยความยากลำบากดังกล่าว  ทำให้ได้รับผลบุญอันยิ่งใหญ่และได้รับการอภัยโทษจากอัลเลาะฮ์เสมอ

อ้างอิงจากหนังสือ ฮิกมะฮ์ อัตตัชรี๊ วะฟัลซะฟะติฮี  1/150  ด็อกเตอร์ อะลี อะห์มัด อัลญัรญาวี


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 22, 2009, 06:32 PM โดย As-Zaleek »
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْمِ

ฮิกมะฮ์ในการแต่งงานกับภรรยาที่หย่าขาด 3 ครั้ง

ความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยานั้น  เป็นความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น  เมื่อเกิดการแยกทางระหว่างทั้งสอง  ความเจ็บปวดแห่งความห่างเหินและความทุกข์ระทมที่ต้องแยกทางนั้น  ทำให้ทั้งสองไม่กระทำการอันใดให้ความความขุ่นเคืองซึ่งกันและกัน  แต่ถ้าหากเกิดการหย่าขาด 3 ครั้ง  สามีไม่สามารถแต่งงานกับภรรยาที่ถูกหย่าได้  นอกจากภรรยาที่ถูกหย่าไปแต่งงานกับคนอื่นเสียก่อน  หากทั้งหากมีการแยกทางกัน  สามีคนแรกก็สามารถแต่งงานกับภรรยาคนแรกของตนได้

การหย่าที่เกิดจากความโกรธอย่างไร้สติ  ทำให้สามีต้องเสียใจ  เมื่อภรรยาต้องแต่งงานใหม่โดยไปร่วมหลับนอนกับสามีคนใหม่ของนาง  ย่อมทำให้สามีคนแรกมีความเจ็บปวดใจลึก ๆ  ดังนั้นการที่อัลเลาะฮ์ทรงห้ามให้แต่งงานกับภรรยาที่ถูกหย่า  นอกจากต้องไปแต่งงานกับคนอื่นก่อนนั้น  เพื่อเป็นการห้ามสามีไม่ให้มีความมักง่ายในการหย่า  เพราะการหย่าเป็นสิ่งที่น่ารักเกียจในศาสนา

อ้างอิงจากหนังสือ ฮิกมะฮ์ อัตตัชรี๊ วะฟัลซะฟะติฮี  2/42
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

 

GoogleTagged