สลามุนลอฮิอะลัยกุ้มครับ
เป็นที่ทราบกันดีว่าวะฮาบีในปัจจุบันไม่ว่าจะในโลกอาหรับหรือในเมืองไทย ต่างก็พยายามทำลายและฮุกุ่มเพื่อให้ อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ ออกจากการเป็นอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ ทั้งที่นักปราชญ์อัลอะชาอิเราะฮ์คือปราชญ์แห่งโลกอิสลามส่วนมากที่แบกรับหลักการของอัลอิสลามมาทุกยุคสมัย แต่ปัจจุบันวะฮาบีพยายามตัดสินว่าอัลอะชาอิเราะฮ์ไม่ใช่อะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ หมายถึงพวกเขาอยู่แนวทางบิดอะฮ์และชั่วนั่นเอง ซึ่งหลักการของวะฮาบีดังกล่าวนี้ ตรงกับฮะดิษของท่านนบี(ซ.ล.) ได้ที่กล่าวยืนยันไว้ว่า
لا تقوم الساعة حتى يلعن آخر هذه الأمة أولها
"วันกิยามะฮ์จะไม่อุบัติขึ้นจนกระทั่งผู้คนยุคหลังของประชาชาตินี้ได้ประณามบุคคลยุคก่อนของประชาชาตินี้"
ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า วะฮาบีคือกลุ่มชนยุคหลังที่ประณามปราชญ์ยุคก่อนพวกเขาในเชิงหลักการอย่างแท้จริง และที่พอสังเกตุได้จากหลักความเชื่อของวะฮาบีนั้น คือ
1. วะฮาบีเชื่อว่าตัวเองคือผู้สัจจริงเพียงหนึ่งเดียว เชื่อว่าตนเองตามแนวทางสะลัฟ ส่วนแนวทางอื่นจากวะฮาบีนั้นต่างก็เบี่ยงเบนออกจากสัจธรรมนั่นเอง
2. วะฮาบีพยายามหว่านเมล็ดพันธ์แห่งความเกลียดระหว่างกันในหมู่พี่น้องมุสลิม เนื่องจากวะฮาบีมักจะมองคนอื่นเป็นคนทำบิดอะฮ์ มีหลักอะกีดะฮ์ไม่ถูกต้อง และอยู่บนแนวทางไม่ถูกต้อง ดังนั้นวะฮาบีจึงปฏิบัติต่อผู้อื่นโดยมิได้มีความยินดีและให้เกียรติพี่น้องมุสลิมอย่างจริงใจ
3. วะฮาบีพยายามแสดงตนให้รู้ว่า พวกเขาเองนั้นคือกลุ่มชนที่ได้รับการคัดเลือกจากอัลเลาะฮ์ในหมู่ประชาชาติอิสลาม พวกเขาคิดว่ากลุ่มของตนเองปกป้องศาสนาและหลักอะกีดะฮ์อิสลาม แต่หากเราพิจารณาด้วยตาใจที่เป็นธรรม จะพบว่าแนวทางวะฮาบีย์นั้นได้ปรากฏเด่นชัดในยุคหลังนี้เอง ส่วนแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์นั้น ได้ปรากฏเด่นชัดมาเป็นพันปีแล้วและคอยปกป้องอิสลามมาทุกยุคสมัย
ซึ่งหลักการของวะฮาบีดังกล่าวนี้ ตรงกับฮะดิษของท่านนบี(ซ.ล.) ได้ที่กล่าวยืนยันไว้ว่า
لا تقوم الساعة حتى يلعن آخر هذه الأمة أولها
"วันกิยามะฮ์จะไม่อุบัติขึ้นจนกระทั่งผู้คนยุคหลังของประชาชาตินี้ได้ประณามบุคคลยุคก่อนของประชาชาตินี้"
วัลอิยาซุบิลลาฮ์........