« เมื่อ: ก.พ. 27, 2008, 03:20 AM »
0
คุณสมบัติและระดับขั้นของนักวินิจฉัยบทบัญญัติอิสลาม (المجتهد)

ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ผู้มีสติปัญหาให้การยอมรับก็คือ บรรดานักปราชญ์นิติศาสตร์อิสลามนั้นไม่ได้อยู่ระดับเดียวกัน แต่พวกเขามีหลายระดับและหลายฐานะ และจากสิ่งที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำหรับผู้ที่แสวงหาวิชาความรู้ ก็คือ ต้องทราบถึงตำแหน่งและระดับของนักปราชญ์นิติศาสตร์ จนกระทั่งเขาสามารถนำมาอยู่ในลำดับแรกกับทัศนะของนักปราชญ์ที่เขาควรนำมาอยู่ก่อนและสามารถนำมาไว้ลำดับหลังกับทัศนะของนักปราชญ์ที่ควรนำมาอยู่หลัง
ด้วยเหตุนี้ ท่านอิมามอัลค่อฏีบ อัลบุฆดาดีย์ ได้กล่าวว่า “การตระหนักถึงระดับความรู้ของนักปราชญ์นิติศาสตร์ การกล่าวถึงความประเสริฐ และอธิบายถึงความเลื่อมล้ำของพวกเขานั้น ถือว่าเป็นสุนัตสำหรับนักนิติศาสตร์อิสลาม(ฟะกีฮ์) เพื่อให้มนุษย์พึ่งพาพวกเขาในเจริญรอยตามประเด็นที่มีปัญหาต่างๆ เกิดขึ้น และก็ทำการยึดทัศนะของพวกเขา” ดู หนังสืออัลฟะกีฮ์ วะ อัลมุตะฟักกีฮ์ เล่ม 2 หน้า 139
ท่านอัลค่อฏีบ ได้อ้างหลักฐานจากสิ่งดังกล่าวด้วยหะดิษมากมาย เช่นท่านร่อซูลุลเลาะฮ์(ซ.ล.) กล่าวว่า
إنى لا أدرى ما قدر بقائى فيكم فأقتدوا بالذين من بعدى وأشار إلى أبى بكروعمر
“แท้จริง ฉันไม่รู้ว่าจะคงอยู่กับพวกท่านได้นานขนาดใหน ดังนั้น พวกท่านจงเจิรญรอยตาม 2 คนหลังจากฉัน แล้วท่านนบี(ซ.ล.) ก็ชี้ไปยังท่านอบูบักรและท่านอุมัร” รายงานโดย ท่านอัฏฏ๊อบรอนีย์และอิบนุอบีชัยบะฮ์
ปวงปราชญ์ได้ทำการอธิบายถึงระดับขั้นต่างๆ ของนักปราชญ์นิติศาสตร์ไว้ในหนังสืออุซูลุลฟิกฮฺและหนังสือฟิกฮฺ ซึ่งส่วนหนึ่งจากนักปราชญ์ที่ทำการอธิบายถึงขั้นระดับต่างๆ ของนักปราชญ์นิติศาสตร์ คือ ท่านอิมาม มุหัดดิษ อบูอัมร์ อิบนุ เศาะลาห์ , ท่านอิมามอันนะวาวีย์ , ท่านอิบนุ หัมดาน อัลหัมบาลีย์ , ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ (ของอัลเลาะฮ์ทรงเมตตาต่อพวกเขา) และท่านอื่นๆ
บทสรุปคำอธิบายของนักปราชญ์
นักปราชญ์นิติศาสตร์อิสลามแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
ประเภทที่ 1 . مجتهد مستقل นักปราชญ์ผู้วินิจฉัยเอกเทศน์ เหตุที่เรียกดังกล่าวนี้ เพราะเขาได้มีความเป็นเอกเทศน์ในการรอบรู้ถึงฮุกุ่มต่างๆ ของศาสนา ที่ได้รับมาจากหลักฐานต่างๆ โดยไม่ได้ทำการตักลีดนักปราชญ์คนใด และไม่จำกัดอยู่ในหลักพื้นฐานของการวินิจฉัยจากนักปราชญ์ที่อยู่ก่อนจากเขา ดังนั้น นักปราชญ์นิติศาสตร์ประเภทนี้ ต้องมีบรรดาคุณลักษณะที่ทำให้เขามีคุณสมบัติในระดับสูงนี้
ด้วยเหตุนี้ บรรดานักปราชญ์ของเรากล่าวว่า นักปราชญ์นิติศาสตร์ประเภทดังกล่าว ต้องมีเงื่อนไขต่อไปนี้
1. เขาจะต้องเที่ยงตรงในการรอบรู้ถึงบรรดาหลักฐานต่างๆ ของศาสนา จากอัลกุรอาน ซุนนะฮ์ อิจญฺมาอ์ และกิยาส (เทียบเคียง) และสิ่งที่เกี่ยวข้องในเชิงรายละเอียด
2. เขาจะต้องรอบรู้ในเงื่อนไขของบรรดาหลักฐานต่างๆ , ข้อบ่งชี้ของมัน , และรู้ถึงวิธีการดึงหลักการต่างๆ จากหลักฐานเหล่านั้น ซึ่งกรณีนี้ศึกษาได้จากวิชามูลฐานนิติศาสตร์อิสลาม
3. รอบรู้ถึงหลักการต่างๆ ของอัลกุรอาน หะดิษ ตัวบทที่มายกเลิก ตัวบทที่ถูกยกเลิก หลักไวยากรณ์ หลักภาษาอาหรับ หลักนิรุกศาสตร์ (ซ่อร๊อฟ) ทัศนะขัดแย้งและเห็นพ้องของปวงปราชญ์ ด้วยขนาดที่เขาสามารถนำมาเป็นองค์ประกอบในการอ้างหลักฐานและดึงหลักการออกมา
4. เขาต้องเป็นผู้มีความชำนาญและมีคุณสมบัติในการนำหลักการดังกล่าวมาใช้
5. เขาต้องรอบรู้ถึงหลักนิติศาสตร์ และจดจำประเด็นปัญหาและข้อปลีกย่อยต่างๆ ที่สำคัญ
ดังนั้น ผู้ใดที่มีคุณสมบัติเหล่านี้ เขาก็สามารถเป็นมุฟตี มุจญฮิดมุฏลัก(ผู้ไม่จำกัดอยู่ในหลักมูลฐานการวินิจฉัยของปราชญ์ท่านอื่น) หรือมุจญฮิดมุสตะกิล(ผู้เป็นเอกเทศน์ในการวินิจฉัย) ซึ่งถือว่าเป็นฟัรดูกิฟายะฮ์
ส่วนหนึ่งจากผู้บรรดานักปราชญ์ได้มีมติสอดคล้องกันว่า บุคคลที่เป็นผู้ถึงขั้นระดับมุจญฮิดมุฏลักหรือมุสตะกิลนั้น อาทิเช่น ....
ระดับซอฮาบะฮ์ คือ ท่านอบูบักร , ท่านอุมัร , ท่านอุษมาน , ท่านอาลี , ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ มัสอูด , ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อับบาส , ท่านอับดุลลอฮ์ อิบนุ อุมัร , ท่านมุอาซฺ , และท่านอื่นๆ (ขออัลเลาะฮ์ทรงพึงพอพระทัยแก่พวกเขาด้วยเทอญ)
ตาบิอีน จากนักปราชญ์ทั้ง 7 แห่งนครมะดีนะฮ์ คือ ท่าน สะอีด อิบนุ อัลมุซัยยับ , ท่านอุรวะฮ์ บิน ซุบัยร์ , ท่านอัลกอซิม บิน มุหัมมัด , ท่านอบูบักร บิน อับดุรเราะหฺมาน , ท่านอับดุลเลาะฮ์ บิน อับดิลเลาะฮ์ บิน อุตบะฮ์ บิน มุสอูด , ท่านสุไลมาน บิน ยะซาร , ท่านคอริญะฮ์ บิน ซัยด์
ระดับตาบิอิตตาบิอีน เช่น ท่านซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ , ท่านซุฟยาน อัษเษารีย์ , ท่านอบูหะนีฟะฮ์ , ท่านอิมามมาลิก , ท่าน อัลลัยษ์ บิน สะอัด , ท่านอัชชาฟิอีย์ , ท่านอัลเอาซะอีย์ , ท่านอะหฺมัด บิน หัมบัล , และท่านอื่นๆ อีกมากมาย
ประเภทที่ 2 . มุฟตี(มุจญฮิด) ที่ไม่เป็นเอกเทศน์ แต่เขาได้ตามอิมามคนหนึ่งที่เป็นมุจญฮิดมุสตะกิล(นักวินิจฉัยที่เป็นเอกเทศน์) และทำการพาดพิงมัซฮับของเขาไปยังมัซฮับของอิมามท่านนั้น
นักปราชญ์ประเภทนี้ มีอยู่หลายระดับด้วยกัน
ระดับที่ 1 . المجتهد المطلق المنتسب ปราชญ์ผู้วินิจฉัยที่เป็นเอกเทศน์อีกทั้งพาดพิงไปยังมัซฮับอิมามท่านใดท่านหนึ่ง
เหตุที่เรียกว่า المطلق (มุฏลัก) เพราะว่า การวินิจฉัยของเขานั้น ได้ครอบคลุมถึงประเด็นข้อปลีกย่อยต่างๆ ทางนิติศาสตร์หรือหลักมูลฐานและกฎต่างๆ ของนิติศาสตร์อิสลาม และเพราะว่าการวินิจฉัยของเขาได้อยู่ในทุกๆ วิชาการต่างๆ ที่เป็นมาตราในการวินิจฉัย และบรรดานักปราชญ์ที่อยู่ในระดับนี้ คือผู้ที่ถึงขั้นรับผู้ที่มีความรู้ขั้นสูง โดยที่พวกเขาก็มีเงื่อนไขและคุณสมบัติต่างๆ เช่นเดียวกับมุจญฮิดมุสตะกิล แต่เขาได้พาดพิงตนเองไปยังมัซฮับอิมามที่เขาตามอยู่ เพื่อเขาจะได้นำหลักการของอิมามท่านนั้นมาเป็นแนวทางในการวินิจฉัย ทั้งที่ในความเป็นจริง เขาไม่ได้เป็นผู้ที่ตักลีดตามอิมามท่านนั้น หรือตามมัซฮับและหลักฐานของอิมามท่านนั้น และฟัตวาของปราชญ์ที่อยู่ในระดับขั้นนี้ ก็ย่อมเสมือนกับฟัตวาของมุจญตะฮิดมุฏลักซึ่งสามารถนำมาปฏิบัติได้ และสามารถนับเข้ามามีบทบาทอยู่ในมติหรือการขัดแย้งของปวงปราชญ์ได้
ส่วนหนึ่งจากนักปราชญ์ที่มีคุณลักษณะถึงระดับขั้นนี้ อาทิเช่น อิมามอบูยูซุฟ , อิมามมุหัมมัด บิน หะซัน อัชชัยบานีย์ จากนักปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์ , อิมามอิบนุ อัลกิซิม , อิมามอิบนุ วะฮฺบ์ , อิมามอัชฮับ จากนักปราชญ์มัซฮับมาลิกีย์ , อิมามอัลมุซะนีย์ ,อิมามอัลบุวัยฏีย์ , อิมามอิบนุ มุนซิร , อิมามอิบนุ ญะรีร อัฏฏ๊อบรีย์ จากนักปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์
ระดับที่ 2 . أصحاب الوجوه (อัศฮาบ อัลวุญูฮ์) หรือ المجتهد المقيد(มุจญฮิดมุก๊อยยัด)
นักปราชญ์ระดับนี้ ย่อมมีระดับที่ต่ำกว่านักปราชญ์ระดับแรก เพราะฉะนั้น การวินิจฉัยของพวกเขาได้ถูกจำกัดอยู่ในมัซฮับอิมามของพวกเขา ดังนั้น นักปราชญ์ที่ถึงระดับนี้ จึงมีสามารถวิเคราะห์มัซฮับอิมามของพวกเขาด้วยกับหลักฐานได้ แต่เขาจะไม่วินิจฉัยหลักฐานต่างๆ ให้เกินเลยไปจากหลักมูลฐาน(อุซูล)และกฎเกณฑ์นิติศาสตร์(ก่อวาอิด)ต่างๆ ของมัซฮับอิมามของเขา
นักปราชญ์ระดับนี้ ต้องมีเงื่อนไขต่อไปนี้
1. เขาต้องรอบรู้หลักนิติศาสตร์อิสลาม(ฟิกห์)
2. เขาต้องชำนาญในหลักวิชามูลฐานนิติศาสตร์อิสลาม
3. เขาต้องรอบรู้บรรดาหลักฐาน ของฮุกุ่มต่างๆ แบบรายละเอียด
4. มีความรู้แจ้งในหลักการต่างๆ ของการกิยาส(เทียบเคียง) และความหมายภาษาอาหรับ
5. มีความชำนาญอย่างยิ่งในการดึงและวิเคราะห์ฮุกุ่มออกมา
6. เขาต้องมีความสามารถต้องการเทียบเคียงฮุกุ่มที่ไม่มีตัวบทมาระบุในมัซฮับอิมามของเขา ด้วยกับหลักมูลฐานและกฎเกณฑ์ต่างๆ ทางด้านนิติศาสตร์ของอิมาม
นักปราชญ์ที่อยู่ในระดับนี้ จะไม่พ้นจากการตักลีดตามอิมาม สาเหตุดังกล่าว ก็คือ เขาไม่มีความถนัดในบางสาขาวิชาและหลักการต่างๆ ที่เป็นคุณลักษณะอยู่ในมุจญฮิดมุสตะกิล เช่น เขาไม่เป็นผู้เชี่ยวชาญ
ในวิชาหะดิษและหลักวิชาภาษาอาหรับ
ท่านอิมามอิบนุ ศ่อลาห์ , ท่านอิมามอันนะวาวีย์ และท่านอื่นๆ ได้กล่าวอธิบายถึงคุณลักษณะของนักปราชญ์ระดับนี้ว่า “ส่วนมากแล้ว จะเกิดความบกพร่องด้วยกับสองวิชานี้ – คือหะดิษและหลักภาษาอาหรับ – จะเกิดขึ้นในตัวของนักปราชญ์มุจญฮิดมุก๊อยยัด
ท่านอิมามอิบนุศ่อลาห์ , ท่านอิมามนะวาวีย์ , ท่านอิมามอิบนุ หัมดาน อัลหัมบาลีย์ , และท่านอิมามอัชชาฏิบีย์ ได้กล่าวว่า “นักปราชญ์ระดับนี้ได้เอาตัวบทต่างๆ ของอิมามของเขามาเป็นหลักมูลฐานในการวินิจฉัย
เฉกเช่นกับนักมุจญฮิดมุสตะกิลได้เอาตัวบทของอัลกุรอานและซุนนะฮ์โดยตรงมาทำการวินิจฉัย
ระดับที่ 3 . مجتهد الفتوى ปราชญ์ผู้วินิจฉัยในด้านฟัตวา
นักปราชญ์ระดับนี้ ไม่ถึงขั้นระดับนักปราชญ์ระดับที่สอง แต่เขามีหัวใจในความเป็นนักนิติศาสตร์ จดจำหลักการมัซฮับอิมาม รอบรู้ถึงบรรดาหลักฐานต่างๆ ของมัซฮับอิมาม มีความสามารถในการยืนยันหลักฐาน สามารถฉายประเด็น วางระเบียบ วิเคราะห์ วางบริบท ขัดเกลา และให้น้ำหนักได้ แต่เขามีระดับลดลงมาจากนักปราชญ์ระดับที่สอง เพราะเขามีความชำนาญในการวินิจฉัยและรอบรู้หลักมูลฐานนิตศาสตร์และอื่นๆ น้อยกว่านักปราชญ์ระดับที่สอง
ส่วนหนึ่งจากนักปราชญ์ระดับนี้ คือ ท่านอัฏเฏาะหาวีย์ , ท่านอัลกัรคีย์ , ท่านอัซซัรคอซีย์ จากนักปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์ , ท่านอัลมาซิรีย์ , ท่านอัลกอฏีย์ อับดุลวะฮาบ , ท่านอัลกอฏีย์ อิยาฏ จากนักปราชญ์มัซฮับมาลิกีย์ , ท่านอิมามอัลฆอซะลีย์ , ท่านอัรรอฟิอีย์ , ท่านอิมามอันนะวาวีย์ จากนักปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์ , ท่านอิบนุ อัลกุดามะฮ์ , ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ จากนักปราชญ์มัซฮับหัมบาลีย์
ระดับที่ 4 . أصحاب الترجيح فى المذهب คือ พวกเขาไม่มีความสามารถในการวินิจฉัย(อิจญติฮาด) แต่พวกเขา
มีความรอบรู้ในหลักมูลฐานนิติศาสตร์และมีความจำประเด็นต่างๆ ที่ได้รับจากหลักฐาน มีความสามารถอธิบายถึงรายละเอียดของทัศนะอันรวบรัดที่ตีความได้ทั้งสองแง่มุม หรือฮุกุ่มที่ยังมีความเข้าใจคลุมเครือ ที่สามารถตีความได้เป็นสองแนวทาง ซึ่งเป็นประเด็นที่ถ่ายทอดมาจากเจ้าของมัซฮับหรือจากบรรดาสานุศิษย์ของอิมามมัซฮับนั้น
ส่วนหนึ่งจากนักปราชญ์ที่อยู่ในระดับนี้ เช่น ท่านปรมาจารย์ อาลี อิบนุ อบีบักร อัลมิรฆีนานีย์
เจ้าของหนังสือ อัลฮิดายะฮ์ จากนักปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์ , ท่านอัลหัฏฏ๊อบ นักปราชญ์จากมัซฮับมาลิกีย์ , ท่านอัลอิสนาวีย์ นักปราชญ์จากมัซฮับชาฟิอีย์ , ท่านอิบนุ มุฟลิหฺ นักปราชญ์จากมัซฮับหัมบาลีย์
ระดับที่ 5 . حفظة المذهب บรรดานักปราชญ์ที่จดจำหลักการของมัซฮับ
คุณสมบัติของพวกเขา คือ นักปราชญ์ที่ทำการจดจำหลักการของมัซฮับ ทำการถ่ายทอด และเข้าใจในประเด็นต่างๆ ที่มีความชัดเจนและเข้าใจยาก แต่เขาไม่มีความสันทัดในการยืนยันหลักฐานและวิเคราะห์หลักการกิยาสของมัซฮับ ดังนั้น นักปราชญ์ระดับนี้ สามารถยึดการฟัตวาและการถ่ายทอดของเขาจากสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในมัซฮับหรือจากตัวบทคำพูดของอิมามของเขาได้ และสามารถยึดการแจงรายละเอียดทัศนะของนักปราชญ์มุจญฮิดในมัซฮับของอิมามของเขาได้
จุดประสงค์ของการจดจำมัซฮับ คือ การที่หลักการส่วนมากของมัซฮับนั้น อยู่ในสมองของเขา
และเขามีความชำนาญจากการรับรู้ส่วนประเด็นที่เหลือได้ไม่ยากนัก
ส่วนหนึ่งจากนักปราชญ์ที่อยู่ในระดับนี้ เช่น ท่านอิมาม อิบนุ นุญัยม์ , ท่านอิมามอิบนุอาบิดีน
จากนักปราชญ์มัซฮับหะนะฟีย์ , ท่านอิมามอัดดุซุกีย์ , ท่านอิมามอัศศอวีย์ จากนักปราชญ์มัซฮับมาลิกีย์ , ท่านอิมามอิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ , และท่านอิมามรอมลีย์ จากนักปราชญ์มัซฮับชาฟิอีย์ , ท่านอิมามอัลมัดดาวีย์ , ท่านอิมามอัลบุฮูตี จากนักปราชญ์มัซฮับหัมบาลีย์
ระดับที่ 6 . المشتغل بالمذهب นักปราชญ์ที่สนใจหลักการของมัซฮับ
ซึ่งคุณลักษณะนี้จะไม่สมควรได้รับ นอกจาก 3 ประการ
1. เขาต้องรอบรู้ประเด็นการสังกัดมัซฮับ อย่างแท้จริงหรือโดยรวม
2. เขาต้องรอบรู้ถึงกฎเกณฑ์ต่างๆ จากทัศนะที่ได้รับยึดถือของมัซฮับ
3. เขาต้องมีความชำนาญจากการรอบรู้อยู่ 3 ข้อ
ข้อ 1 . เขาต้องรู้ถึงศัพท์เชิงวิชการของมัซฮับ
ข้อ 2 . เขาต้องรู้หลักการต่างๆ ของมัซฮับ ซึ่งจะสามารถจะรู้ได้จาก 2 แหล่งด้วยกัน
แหล่งที่ 1 . บรรดากฎเกณฑ์และหลักมูลฐานต่างๆ ทางด้านนิติศาสตร์ของมัซฮับ ซึ่งศึกษาได้จาก วิชามูลฐานนิติศาสตร์อิสลาม(อุซูลุลฟิกห์)
แหล่งที่ 2 . รู้ในด้านของเชิงปฏิบัติ ซึ่งสามารถรู้ได้จากวิชานิติศาสตร์อิสลาม(วิชาฟิกห์)
แหล่งที่ 3 . เขาต้องรู้ถึงบทต่างๆ ที่จะค้นคว้าประเด็นข้อปลีกย่อย เช่น เมื่อเขาต้องการจะทราบประเด็นเรื่อง การปิดเอาเราะฮ์ บทที่ได้กล่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น คือ บทที่ว่าด้วยเรื่องการละหมาด ในบทย่อยของเงื่อนไขการละหมาด ในประเด็นย่อยของเงื่อนไขการปกปิดเอาเราะฮ์ และสามารถค้นคว้าประเด็นนี้ได้ใน เรื่องนิกาห์ บทที่ว่าด้วยเรื่อง การอนุญาตให้ชายผู้สู่ขอมองหญิงที่ถูกสู่ขอ
วัลลอฮุ ตะอาลา อะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 11, 2012, 10:41 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //