เห็นว่ามีประโยชน์ต่อพี่น้องเลยเอามาลงให้อ่านกัน 
คำยกย่องและเสียงตำหนิ
ท่ามกลางคำยกย่องและเสียงตำหนิ
ความแตกต่างระหว่างการปรับหลักการเพื่อเอาใจคน
กับการเอาใจเขามาใส่ใจเรา
โดย อัล อัค
ทิศทางการทำงานของเราที่ตอกย้ำกรอบความคิดและวิถีทางแบบซุนนียีน การสนับสนุน
กระแสสายกลาง ตามแนวคิดอิสลาม การไม่เห็นด้วยกับท่าทีที่กร้าวร้าวและรุนแรง การส่งเสริมให้มีการพูดจาดี ๆ ระหว่างแนวคิดต่าง ๆ แม้กระทั่งการสนทนากับความเชื่ออื่น ย่อมมีคนที่นิยมชมชอบท่าทีเช่นนี้จำนวนไม่น้อย พร้อม ๆ กับคนที่ไม่สบอารมณ์ที่เห็นว่ามีจำนวนมากอยู่เหมือนกัน ... แต่ปฏิกิริยาที่เราต้องสนองต่อสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ก็คือ
ความนิ่ง ต่อทุกฝ่าย ไม่ว่าจะมาจากฝ่ายที่ชื่นชมเรา หรือฝ่ายที่ไม่สบอารมณ์เรา ...
การไม่นิ่ง การหลงไปกับเสียงชื่นชม และหันมาตอบโต้คำวิจารณ์ต่าง ๆ อาจทำให้เกิดเป็น
พวก ขึ้น แล้ววันหนึ่งหากเรามัวแต่
แคร์ พวกของเรา ที่ได้กลายเป็น
พวกพ้อง ขึ้นมาแล้ว เราจะเริ่มเอาใจพวกเรา ไม่กล้าขัดใจในสิ่งที่เราเห็นว่าผิด... ตัวอย่างมากมายของกลุ่มต่าง ๆ ที่กลายเป็นเช่นนี้ จนอาจก่อความไม่เป็นธรรมต่อคนที่อยู่อีกฝ่าย...
ขอให้เราอย่าเดินบนเส้นทางแบบนี้เลย ขณะเดียวกันความไม่พอใจของเราต่อคนที่ไม่สบอารมณ์อาจทำให้เราอธรรมแก่เขาก็เป็นได้ และอาจทำให้เรามองข้ามสิ่งดี ๆ ที่เขานำเสนอมา ความไม่พอใจที่เรามีต่อเขาอาจทำให้เราไม่ให้เกียรติเขา และมองเห็นความทุ่มเทที่เหนื่อยยากของเขาที่มีต่ออิสลามกลายเป็นความสูญเปล่า ... ขอให้เราห่างไกลกับท่าทีเช่นนี้
เรื่องคำชื่นชมกับคำด่าว่านี่นะ เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ อย่าไปอะไรกับมันมาก ผมรู้สึกสงสารอาจารย์บางท่านที่มีลูกศิษย์
Crazy หรือหลงใหลมาก ๆ เพราะผมเห็นเจ้าคนที่
Crazy มาก ๆ หลายคนแล้ว ที่ในวันหนึ่งกลับหันมาเล่นงานอาจารย์ตัวเองอย่างสาดเสียเทเสีย บางคนถึงขั้นทำใบปลิวถล่มอาจารย์ที่ตัวเองเลยทีเดียวแหละ
... น่าสลดใจมาก จุดยืนที่ผมย้ำให้พวกเราต้องถือปฏิบัติก็คือ ... เพื่อดำรงไว้ซึ่งอุดมการณ์ที่เราเชื่อมั่นแล้ว จะไม่มีการเอาใจใครทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเราหรือคู่กรณีของเรา
...แต่ถ้าหลักการกำหนดให้บางเรื่องต้องเอาใจ หรือเปิดให้เอาใจได้ เราก็ต้องเอาใจ ต่อให้ไม่ใช่เพื่อนเรา แต่เป็นคู่กรณีของเราก็ตามเถอะ ในสมัยผมยังเป็นเด็ก มักมีพี่น้องมุสลิมที่ถือมัซฮับฮานาฟีมาที่บ้านบ่อย ๆ และต้องรับประทานอาหารด้วยกัน บ้านผมก็จะแยกอาหารที่มีกะปิออกไป บางคนมาบ่อยมาก ที่บ้านก็เปิดครัวให้เข้าไปทำเอง จะได้กินด้วยกันสบายใจ เรื่องของกินบางชนิดที่มีทัศนะแตกต่างกันระหว่างมัซฮับเป็นแค่
มุมมอง มิใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องที่เราต้องเอาใจใส่
แต่ถ้าหากว่า มีงานเลี้ยงที่บริษัทหรือที่ทำงาน แล้วมีบริการเหล้าเบียร์ งานเช่นนี้ไม่ต้องย่างเท้าเข้าไป
นี่คือเรื่องที่ไม่สามารถเอาใจใครได้ สรุปก็คือว่า เราต้องแยกแยะให้ออกระหว่าง
การเอาใจ คน 2 แบบ คือแบบที่ทำไปแล้วเสียหายต่อหลักการ กับแบบที่ต้องกระทำเพราะหลักการสั่งให้กระทำ หรือเปิดให้กระทำได้ แบบแรกเป็นการปรับหลักการเพื่อเอาใจคน ซึ่งเป็นที่ต้องห้าม แต่แบบหลังนี้น่าจะเรียก
การเอาใจเขามาใส่ใจเรา มากกว่า
ความรัก ความเกลียด หรือความพึงพอใจ ความเอือมระอา ต่อคนใดคนหนึ่งมันเกิดขึ้นเป็นปกติ แต่เราต้องไม่ไปฝังใจหรืออาฆาตต่อสิ่งเหล่านี้ เพราะความรู้สึกเหล่านี้อาจเปลี่ยนไปในอีกเวลาหนึ่งข้างหน้า
............................................
หมายเหตุ
ปรับมาจากส่วนหนึ่งจากการพูดคุยในหัวข้อ ปัญหาที่พวกเราต้องฝ่าออกไป
เมื่อต้นปี 50