“กริ๊ง .. “ เสียงโทรศัพท์มือถือหัวเตียงของผมดังขึ้นในตอนเช้าวันหนึ่งพร้อมกับข่าวคราวการจากไปของเพื่อนเก่า
“อินนาลิลลาฮิวะอินนาอิลัยฮิรอยิอูน ซอและฮฺ .. เอ็งจากไปเร็วเหลือเกิน “
ผมลุกขึ้น อาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็วเพราะคอดียะฮฺย้ำว่าให้มาเร็ว ๆ อย่าชักช้าเหมือนที่เราเคยนัดกันเวลาไปเที่ยวกันเหมือนสมัยก่อนอีก และที่สำคัญในวันนี้วันที่ซอและฮฺจากไปก็เป็นวันแรกหลังจากที่กลุ่มเราแยกย้ายกันไปตามทางหลังจากเป็นเพื่อนกันกว่า 10 ปีในสมัยที่เรายังเรียนปปอเนอะกันอยู่
ผม ซอและฮฺ คอดียะฮฺ ซักรียา อานัส อัสมา และตอเล็บ เราเป็นเพื่อนร่วมก๊วนกันตั้งแต่สมัยเด็ก ๆ สมัยนั้นเราเรียนโรงเรียนปอเนาะด้วยกัน โดยมีครูอิสมาแอล หรือครูแอลเป็นครูใหญ่คอยให้ความรู้ ขัดเกลา และสั่งสอนเราด้วยไม้เรียว ผมจำได้ว่าสมัยนั้นเรา 7 คนโดนไม้เรียวจากครูแอลกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะมาสาย คุยเวลาเรียน หรืออ่านกุรอ่านออกเสียงไม่ถูกต้องก็เถอะ แต่ไม่ว่าไม้เรียว (ซึ่งผมจำได้ว่ามันเรียวจริง ๆ) จะไม่เคยขาดจากการสัมผัสก้นพวกผมในแต่ละวัน มันก็ไม่ทำให้พวกเราไม่อยากไปเรียน นั่นอาจเป็นเพราะความสนุกสนานเมื่อได้อยู่ร่วมกันกับเพื่อน ๆ หรือวิชาความรู้ที่ครูแอลไม่เคยย่อท้อในการสั่งสอนพวกผม
คอดียะฮฺเป็นสาวสวยในกลุ่ม บ้านเธอฐานะดีที่สุดในกลุ่ม แต่มันไม่เป็นอุปสรรคในการคบหากันระหว่างเรา ตรงกันข้ามด้วยซ้ำ เธอเป็นหัวโจกนำพวกเราหนีเรียนจนโดนครูแอลตีก้นเรียงคนบ้างล่ะ หรืออีกครั้งหนึ่งเธอก็เป็นคนนำอ่านกุรอ่าน หรือติวหนังสือให้พวกเราด้วยซ้ำ ซึ่งอาจเป็นเพราะเธอล่ะมั้งที่ทำให้พวกเราสมานสามัคคีกันตลอดรอดฝั่งแม้จะมีเรื่องโต้เถียงกันตลอดเวลา
ซักรียา เพื่อนคนนี้มีแววออกมาดเซอตั้งแต่อายุเก้าขวบ เจ้านี่เด็กที่สุดในกลุ่มตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม ทุกครั้งที่มีกิจกรรมโลดโผน .. เจ้านี่นี่ล่ะจะวิ่งนำหน้าเลยทีเดียว วีรกรรมที่ผมไม่มีวันลืมของเจ้านี่คือ วันหนึ่งที่เรามีนัดขี่จักรยานกันหลังเลิกเรียน ขณะที่เรารอครูแอลเข้ามาในห้องเรียน มันลากเก้าอี้เพื่อปีนไปหยิบนาฬิกาที่บอกเวลาอยู่หลังห้องแล้วจัดการเร่งเข็มยาวให้เร็วขึ้นกว่าเดิม ซึ่งขณะนั้นเองครูแอลเดินเข้ามาในห้องพอดี และเหตุผลที่มันบอกกับครูไปก็คือ .. “นาฬิกามันเดินช้าอ่ะครับผมกลัวว่าเราจะละหมาดมักริบไม่ทัน” ผลกรรมของมันในวันนั้นก็คือถูกไม้เรียวสัมผัสก้นจนมันไปขี่จักรยานเล่นต่อไม่ได้เลยเชียว
อานัสกับอัสมาเป็นพี่น้องฝาแฝดคู่ที่ไม่ถูกกันมากที่สุด (ในโลกเลยมั้งผมว่า) อัสมาแฝดผู้พี่ที่ดุน้องเก่งที่สุดเท่าที่ผมรู้จัก เหมือนกันกับอานัสที่เป็นเด็กที่ซนที่สุดในโลก (ที่ผมเคยเห็นในเวลานั้น) แต่บางทีเธอก็ทำเป็นลืมดุ เวลาที่เธอร่วมวงซนด้วยกันไม่ว่าจะเป็น ตอนนั้นที่หลบครูไปโดดคลองหลังสวนด้วยกัน ทั้งที่ครูท่านคาดโทษไว้แล้วแท้ ๆ
ส่วนตอเล็บ หนุ่มหน้าหล่อ เรียนเก่งแต่ถึงแม้จะเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดอะไร แต่ทุกคนก็รู้ว่าถ้าถึงเวลาเล่นก็ไม่มีทางที่จะไม่มีมันเด็ดขาด
ประมาณสิบเอ็ดโมงกว่า ๆ ผมมาถึงสถานีปลายทางทันเวลานัดพอดี จากที่นี่ไปเดินไปหน่อยเดียวก็ถึงมัสยิดที่ตั้งศพของซอและฮฺ ณ ตอนนี้ผมอยากให้ทางเดินมันยาวออกไปอีกหน่อย ทั้งที่รู้ว่าเพื่อนจากไปแล้วแต่ในใจผมก็คล้ายกับจะไม่เชื่ออยู่ว่าเขายังไม่จากผมไปจริงๆ ถ้าผมไม่ได้เห็นกับตา
ซอและฮฺเป็นเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกับผม แม้ว่าเขาจะดูอ่อนแอที่สุดในกลุ่ม แต่ท่ามกลางการประคบประหงมของพวกเราก็ทำให้ซอและฮฺร่วมหัวจมท้ายซุกซนกับพวกเราเรื่อยมา ผมไม่รู้หรอกว่าเป็นเพราะพวกผมหรือเปล่าที่ทำให้เมื่อซอและฮฺเติบโตขึ้นมา เขากลายเป็นคนที่ต่อสู้กับชีวิตมากกว่าพวกผมที่มีร่างกายแข็งแรงเสียอีก ผมจำได้แม่นว่าเรานั่งติดกันเสมอในชั้นเรียน และโต้เถียงกันในแทบทุกคาบที่ครูแอลเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์ นักต่อสู้ของบรรพชนตั้งแต่อดีต หรือขบวนการเคลื่อนไหวอิสลามให้ฟัง
ครั้งหนึ่งครูแอลนำเรื่องขบวนการเคลื่อนไหวแห่งอิสลามมาเล่าให้ฟัง ท่านเล่าว่าในปัจจุบันมีมากมายหลายกระแส ไม่ว่าจะเป็นญะมาอัตอิควานมุสลิมูนที่นำโดยท่านอีหม่าม หะสัน อัลบันนาซึ่งเริ่มต้นด้วยการให้สัตยาบันร่วมกันของกลุ่มคนงานชาวอียิปต์กลุ่มหนึ่งโดยสัญญามั่นว่าจะสนับสนุนการเรียกร้องเชิญชวนไปสู่อัลลอฮฺ ซึ่งปัจจุบันขบวนการนี้ขยายออกไปทั้งอียิปต์ ซูดาน จอร์แดน ตูนีเซีย ฯลฯ หรือญะมาอัตตับลีฆที่นำโดยท่านเมาลานาอิลยาสผู้เริ่มงานดะอวะฮอย่างจริงจังในประเทศอินเดีย แนวคิดของท่านในการเผยแพร่คือ อิสลามควรไปถึงทุกคนอย่างทั่วถึงไม่ว่าบุคคลใดจะแสวงหาหรือไม่ดังเช่น “น้ำฝน” โดยความพยายามฟื้นฟูศาสนาต้องทำควบคู่กับการปรับปรุงสังคมไปด้วย และจนกระทั่งปัจจุบันทั้งสมาชิกและผลงานของญะมาอัตนี้กว้างใหญ่ทั่วโลกทั้งประเทศมุสลิมและประเทศที่ไม่ใช่มุสลิม
อีกญะมาอัตหนึ่งที่ครูแอลยกตัวอย่างให้ฟังก็คือ ญะมาอัตอิสลามีย์ ที่มีผู้นำคนสำคัญคือท่านเมาลานา สัยยิด อบุล หะสัน อะลียฺ อัน-นัดวียฺ ที่มีฐานะเป็นหัวหน้าของขบวนการปัญญาชน "นัดวะตุล อุลามาอฺ" ศูนย์กลางการให้วิชาความรู้อยู่ที่เมืองลัคเนาว์ เมืองหลวงของรัฐอุตรประเทศ อินเดีย ที่มีแนวคิดสมานฉันท์ในหมู่มุสลิม
ท่านอบุล หะสัน อัน-นัดวียฺนั้นเคารพกับท่านเมาลานาอิลยาส และมีความสัมพันธ์อันดีท่านเมาลานา อบุล อะอฺลา อัล-เมาดูดี ถึงแม้ว่าจะมีความเห็นแตกต่างกันทางวิชาการในบางเรื่อง แต่ปัจจุบันสานุศิษย์กลับมีการกระทบกระทั่งกันเอง
“ครูเองก็ได้แต่รอวันที่รอยแยกตรงนี้สมานกันสนิทเสียที เพราะหลังจากนั้นอิสลามยังมีอะไรให้เราทำอีกมาก” ครูแอลสรุปไว้เพียงเท่านี้ ทิ้งให้ศิษย์เอกอย่างผมและซอและฮฺเถียงกันต่อไป
“ อัลลอฮฺสัญญาไว้แล้วว่าอิสลามจะกลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง ก่อนถึงวันนั้น ไม่ว่ากระแสไหน จะกลุ่มไหน มัสฮับไหน ทั้งชาฟีอีย์ ตับลีฆ สลาฟีย์ หรือ ฮัมบาลีย์ ก็ตามจะรวมตัวกันอย่างเป็นปึกแผ่นที่สุด อินชาอัลลอฮฺ “ ผมหันไปพูดกับซอและฮฺด้วยความมั่นใจ
“จะสมานกันได้ยังไงวะ เมื่อวานยังเห็นโต๊ะครูหมู่บ้านโน้นขึ้นเวทีว่าดะอฺวะฮฺอยู่เลย ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะรวมตัวกันได้ มาพนันกันไหมล่ะคนละ 200 ” ซอและฮฺพูดด้วยเสียงที่ได้ยินกันสองคนแล้วทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
ด้วยความกวนประสาทของมัน ผมใช้ศอกกระทุ้งซี่โครงไปทีนึงแล้วจบบทสนทนาไว้แค่นั้น
หลังจากนั้นเมื่อเราต่างคนต่างเติบโตและแยกย้ายกันไป ขณะที่ผมทำงานเป็นนักข่าวอิสระ ส่วนซอและฮฺสมัครเป็นอาสาสมัครนักพัฒนาชุมชนเมื่อเรียนจบปริญญาตรี ชีวิตทั้งชีวิตเขาทุ่มเทไปกับการเข้าไปสอนหนังสือเด็ก ๆ ในสามจังหวัด แน่นอนว่าที่บ้านของเขาคงคัดค้าน แม้กระทั่งพวกผมเองก็ทักท้วงด้วยความเป็นห่วง แต่อะไรก็ไม่รู้ที่ทำให้เจ้านั่นดั้นด้นไปสอนหนังสือที่นั่นนานกว่า 5 ปี และเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า ซอและฮฺไม่ได้เสียชีวิตที่นั่น เขาสิ้นลมเมื่อกลับมาเยี่ยมบ้านได้ไม่กี่สัปดาห์ แม่ของซอและฮฺบอกว่าซอและฮฺบ่นอยากกลับมาที่นี่เหมือนรู้ตัวว่าคงไม่ได้กลับมาอีกถ้าไม่ได้กลับมาบ้านคราวนี้
ผมเดินเข้าไปในบริเวณมัสยิด บรรยากาศคล้ายกับงานศพทั่วไป เงียบเหงา เศร้าสร้อย เพื่อนในกลุ่มผมมากันครบแล้ว ผมมาช้าอีกตามเคย เพื่อนทุกคนร้องไห้ อานัส อัสมา ทักทายผมด้วยรอยยิ้มในคราบน้ำตา คอดียะฮฺพยักหน้าให้ผมและหันหน้าไปทางอื่นราวกับว่าไม่อยากให้ผมเห็นน้ำตา ส่วนซักรียาลุกขึ้นพาผมไปดูมะยัตพร้อม ๆ กัน หลังจากนั้นผมก็จำได้ว่าน้ำตาผมไหลลงมามากกว่าที่เจ้าพวกนั้นรวมกันเสียอีก
หลังจากละหมาดและฝังซอและฮฺเรียบร้อยแล้ว เราจึงถือโอกาสไปกินเนื้อกระทะกันเพื่อถือเป็นการสังสรรค์เพื่อนรุ่นไปในตัวเพื่อถามสารทุกข์สุขดิบกัน
คอดียะฮฺเธอเปลี่ยนไปมากตอนนี้เธอกลายเป็นแม่บ้านของซักรียาอย่างสมบูรณ์ เธอยังคงเป็นห่วงเป็นใยพวกเราเหมือนเดิม ส่วนซักรียากลายเป็นหนุ่มดะวะฮฺเต็มตัววันนี้เจ้านี่มาในชุดโต๊บขาวยาวสะอาด อาการซุกซนเมื่อตอนเด็ก ๆ ของมันหายไปหมดแล้ว คงเหลือไว้แต่ความสุขุม ยิ้มแย้ม มันถามถึงสถานการณ์ชีวิตผมอย่างอ่อนโยน และตักเตือนให้ผมหาญะมาอะฮฺไปอยู่ด้วย เพราะการอยู่มุสลิมแบบไม่มีญะมาอะฮฺมันอันตราย นี่ถ้าผมขุดเรื่องเก่า ๆ ขึ้นมา .. มันจะหลุดจากอาการสุขุมนี่ไหมนะผมคิดในใจแล้วอดยิ้มออกมาเองไม่ได้
อัสมากลายเป็นพี่สาวที่เชื่อฟังน้องชายไปเสียแล้ว หลังจากที่อานัสสำเร็จการศึกษามาจากมะดีนะฮฺ โดยทุกวันนี้เขากลับมาฟื้นฟูสังคมในหมู่บ้านของเขาเองด้วยแนวคิดแบบสลาฟีย์ ส่วนตอเล็บกลายเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ในวงการ เขาเติบโตขึ้นมาในสังคมธุรกิจพร้อมกับประกาศตัวว่าเป็นมุสลิมมาวันนี้เขามาขอคำปรึกษาจากอานัสในเรื่องดอกเบี้ยกับธุรกิจที่เขาจะลงทุน ในขณะที่อัสมาขอคำแนะนำจากคอดียะฮฺเกี่ยวกับลูกคนเล็กของเธอที่ติดการ์ตูนมากกว่าอ่านอัลกุรอ่าน
เราร่ำลาและแยกย้ายจากกันเมื่อประมาณ 2 ทุ่มเศษ ภาพที่เห็นคือ ผม ซักรียา และตอเล็บสล่ามกอดและขอมาอัฟกันและกัน เหมือนกันกับที่คอดียะฮฺสล่ามอัสมาแล้วสองคนนี้ก็ร้องไห้กันอีกแล้ว ..
ค่ำนั้นเราอิ่มหนำสำราญและยิ้มแย้มที่ได้มาเจอกันจนผมอดนึกถึงซอและฮฺเจ้าตัวต้นเหตุที่ทำให้เรามาเจอกันพร้อมกับนึกถึงเสียงมันขึ้นได้ “..มาพนันกันไหมล่ะคนละ 200 มุสลิมรวมตัวกันไม่ได้หรอก”
“ ซอและฮฺเอ็งตายหนีหนี้นา “ ผมได้แต่คิดในใจพร้อมกับตั้งใจแน่วแน่ “ไม่เป็นไร..ข้าจะไปตามทวงเอ็งถึงโลกหน้าเลยคอยดู .. ”
ตีพิมพ์ครั้งแรก วารสารโรตีมะตะบะ เล่มที่เท่าไหร่ จำไม่ได้