ผู้เขียน หัวข้อ: วิเคราะห์ฮะดิษมนุษย์ตายแล้วอะมัลเขาจะขาดตอนนอกจาก 3 ประการ  (อ่าน 14888 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

mumin-

  • บุคคลทั่วไป

salam

คุณอัซฮารีย์ คุณยังมีข้อมูลที่ผิดพลาดอีกมากมายหลายประการซึ่งผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจเอง ซึ่งคิดว่าคุณจะเข้าใจได้เอง ถ้าคุณไม่มีอคติ และเป็นคนที่เปิดใจรับฟังคนอื่น

ในเรื่องทำบุญให้แก่มัยยิต จะกี่วันก็แล้วแต่ ที่เราไม่ทำเพราะว่ามันไปค้านกับฮาดีษดังต่อไปนี้

949/2 (1) وعَنْ أبي هُرَيْرَةَ (رض) أنَّ رسُول الّله (صلى) قال : ((إذا مَاتَ الإنسانُ انقطَعَ عمَلُهُ إلاَّ مِنْ ثَلاثٍ : صَدقَةٍ جاريَةٍ ‘ أوْ عِلم يُنْتَفَعُ بِهِ ‘ أَوْوَلَدٍ صَالحٍ يَدعُوله)) رواه مسلم - شرح رياض الصالحين

รายงานจากท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านรอซูลลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า "เมื่อมนุษย์ได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ขาดตอน เว้นแต่ 3 สิ่ง (ได้แก่) ซอดาเกาะฮฺญารียะฮฺ , ความรู้ที่ยังประโยชน์ , หรือลูกที่ซอเเละฮฺขอดุอาอฺให้เขา" บันทึกโดยมุสลิม

ความจริงแล้ว บรรดาปวงปราชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท่านอิมามอะห์มัด , ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ , ท่านอิบนุก็อยยิม ฯลฯ ไม่ได้เป็นคนที่มะซูมครับ
แน่นอน ย่อมมีความผิดพลาดบางประการที่เขาเหล่านั้นไม่รู้ หรือไม่ก็มีบางฮาดีษที่ท่านไม่ได้ทราบ ดังนั้น มักจะเป็นมารยาทของผู้รู้ทุกคนในอดีต
ที่มักจะบอกว่า สิ่งที่ท่านเหล่านั้นได้ฟัตวาแล้วไปตรงกับอัลกุรอ่านและฮาดีษนบี ก็ให้ยึดไว้ แต่ถ้าไม่ตรงก็ให้ทิ้งไป มนุษย์เรา มันเป็นไปไม่ได้
หรอกครับ ที่จะรู้ไปทุกเรื่อง ท่านผู้รู้ในอดีตบางท่าน ก็อาจจะไม่เคยพบฮาดีษนี้ ก็เลยกระทำอาหารเลี้ยงทำบุญส่งให้คนตาย ซึ่งมันค้านกับฮาดีษ
ข้างต้นชัดเจน มนุษย์เรา ใครๆ ก็ผิดพลาดได้ บางคนก็มารู้ทีหลังก็มี มันก็เหมือนกับที่ผมถามคุณเรื่องละหมาดอารอเวาะฮ์ไป แล้วคุณไม่รู้นั่นแหละครับ
คุณว่าเชคริฎอบอกว่าคุณเป็นถึงมุจญฺฮิดแล้ว ซึ่งคุณก็ยอมรับว่าคุณเป็น แล้วเห็นมั้ยครับ ก็ยังผิดพลาดได้ การคิดว่าตนเองหรือผู้รู้คนไหนผิดไม่ได้ ไม่มีผิดพลาด

วัสสลามมุอลัยกุมว่าเราะมะตุ้ลลอฮ์ว่าบารอกาตุฮ์
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มี.ค. 20, 2008, 04:16 AM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam

คุณอัซฮารีย์ คุณยังมีข้อมูลที่ผิดพลาดอีกมากมายหลายประการซึ่งผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจเอง ซึ่งคิดว่าคุณจะเข้าใจได้เอง ถ้าคุณไม่มีอคติ และเป็นคนที่เปิดใจรับฟังคนอื่น

ในเรื่องทำบุญให้แก่มัยยิต จะกี่วันก็แล้วแต่ ที่เราไม่ทำเพราะว่ามันไปค้านกับฮาดีษดังต่อไปนี้

949/2 (1) وعَنْ أبي هُرَيْرَةَ (رض) أنَّ رسُول الّله (صلى) قال : ((إذا مَاتَ الإنسانُ انقطَعَ عمَلُهُ إلاَّ مِنْ ثَلاثٍ : صَدقَةٍ جاريَةٍ ‘ أوْ عِلم يُنْتَفَعُ بِهِ ‘ أَوْوَلَدٍ صَالحٍ يَدعُوله)) رواه مسلم - شرح رياض الصالحين

รายงานจากท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านรอซูลลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า "เมื่อมนุษย์ได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ขาดตอน เว้นแต่ 3 สิ่ง (ได้แก่) ซอดาเกาะฮฺญารียะฮฺ , ความรู้ที่ยังประโยชน์ , หรือลูกที่ซอเเละฮฺขอดุอาอฺให้เขา" บันทึกโดยมุสลิม

ท่านอิบนุก๊อยยิม กล่าวว่า "สำหรับการอ้างหลักฐานจากพวกท่านด้วยคำกล่าวของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า "เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้เสียชีวิต อะมัลของเขาขาดตอน" ถือว่าเป็นการอ้างหลักฐานที่ตกไป เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้กล่าวว่า "การได้รับผลประโยชน์ของผู้ตายขาดตอน" แต่ทว่าท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้บอกถึงว่า อะมัลของผู้ตายเองนั้นขาดตอน สำหรับอะมัลของคนอื่นนั้น ก็ย่อมเป็นอะมัลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ดังนั้น หากเขาได้มอบมันให้แก่คนตาย ผลบุญอะมัลของเขาก็จะไปถึงคนตาย เพราะฉะนั้น อะมัลที่ขาดตอนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนอะมัล(ของผู้อื่น)ที่ถึงไปยังเขานั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และเช่นเกียวกับฮะดิษดังกล่าวนี้ ก็ยังมีฮะดิษอื่นอีก ซึ่งท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า "แท้จริง ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่จะติดตามผู้ตายนั้น ก็คือสิ่งที่มาจากบรรดาความดีงามและอะมัลของเขา" แต่ทว่าฮะดิษนี้ไม่ได้ปฏิเสธอะมัลของคนอื่นและบรรดาความดีงามของคนอื่นที่จะ(มอบ)ติดตามเขาไป" หนังสือ อัรรั๊วะห์ ของท่านอิบนุก๊อยยิม 1/129
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ในเรื่องทำบุญให้แก่มัยยิต จะกี่วันก็แล้วแต่ ที่เราไม่ทำเพราะว่ามันไปค้านกับฮาดีษดังต่อไปนี้

949/2 (1) وعَنْ أبي هُرَيْرَةَ (رض) أنَّ رسُول الّله (صلى) قال : ((إذا مَاتَ الإنسانُ انقطَعَ عمَلُهُ إلاَّ مِنْ ثَلاثٍ : صَدقَةٍ جاريَةٍ ‘ أوْ عِلم يُنْتَفَعُ بِهِ ‘ أَوْوَلَدٍ صَالحٍ يَدعُوله)) رواه مسلم - شرح رياض الصالحين

รายงานจากท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านรอซูลลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า "เมื่อมนุษย์ได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ขาดตอน เว้นแต่ 3 สิ่ง (ได้แก่) ซอดาเกาะฮฺญารียะฮฺ , ความรู้ที่ยังประโยชน์ , หรือลูกที่ซอเเละฮฺขอดุอาอฺให้เขา" บันทึกโดยมุสลิม

แสดงว่าหากลูก ๆ ทำบุญให้พ่อแม่ แล้วขอดุอาให้อัลเลาะฮ์ทรงมอบผลบุญแก่พ่อแม่  ก็กระทำได้ล่ะซิ  ใช่ป่ะ  oh:
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam

คุณอัซฮารีย์ คุณยังมีข้อมูลที่ผิดพลาดอีกมากมายหลายประการซึ่งผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจเอง ซึ่งคิดว่าคุณจะเข้าใจได้เอง ถ้าคุณไม่มีอคติ และเป็นคนที่เปิดใจรับฟังคนอื่น

ในเรื่องทำบุญให้แก่มัยยิต จะกี่วันก็แล้วแต่ ที่เราไม่ทำเพราะว่ามันไปค้านกับฮาดีษดังต่อไปนี้

949/2 (1) وعَنْ أبي هُرَيْرَةَ (رض) أنَّ رسُول الّله (صلى) قال : ((إذا مَاتَ الإنسانُ انقطَعَ عمَلُهُ إلاَّ مِنْ ثَلاثٍ : صَدقَةٍ جاريَةٍ ‘ أوْ عِلم يُنْتَفَعُ بِهِ ‘ أَوْوَلَدٍ صَالحٍ يَدعُوله)) رواه مسلم - شرح رياض الصالحين

รายงานจากท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านรอซูลลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า "เมื่อมนุษย์ได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ขาดตอน เว้นแต่ 3 สิ่ง (ได้แก่) ซอดาเกาะฮฺญารียะฮฺ , ความรู้ที่ยังประโยชน์ , หรือลูกที่ซอเเละฮฺขอดุอาอฺให้เขา" บันทึกโดยมุสลิม

ความจริงแล้ว บรรดาปวงปราชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท่านอิมามอะห์มัด , ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ , ท่านอิบนุก็อยยิม ฯลฯ ไม่ได้เป็นคนที่มะซูมครับ
แน่นอน ย่อมมีความผิดพลาดบางประการที่เขาเหล่านั้นไม่รู้ หรือไม่ก็มีบางฮาดีษที่ท่านไม่ได้ทราบ

ท่านอิมามอะห์มัด  ได้รายงานฮะดิษดังกล่าวไว้ในมุสนัดของท่านเช่นกัน

حدثنا ‏ ‏سليمان بن داود ‏ ‏حدثنا ‏ ‏إسماعيل ‏ ‏أنبأنا ‏ ‏العلاء ‏ ‏عن ‏ ‏أبيه ‏ ‏عن ‏ ‏أبي هريرة ‏
أن النبي ‏ ‏صلى الله عليه وسلم ‏ ‏قال ‏ ‏إذا مات الإنسان انقطع عنه عمله إلا من ثلاثة إلا من ‏ ‏ صدقة ‏ ‏جارية أو علم ينتفع به أو ولد صالح يدعو له ‏

รายงานจากท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านรอซูลลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า "เมื่อมนุษย์ได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ขาดตอน เว้นแต่ 3 สิ่ง (ได้แก่) ซอดาเกาะฮฺญารียะฮฺ , ความรู้ที่ยังประโยชน์ , หรือลูกที่ซอเเละฮฺขอดุอาอฺให้เขา" รายงานโดยอิมามอะห์มัด (8489)

ดังนั้น  เมื่อท่านอิมามอะห์มัด ก็ทราบถึงฮะดิษนี้  แต่ทำไมท่านอิมามอะห์มัดถึงเข้าใจตัวบทแตกต่างกันออกไป 
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam

คุณอัซฮารีย์ คุณยังมีข้อมูลที่ผิดพลาดอีกมากมายหลายประการซึ่งผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจเอง ซึ่งคิดว่าคุณจะเข้าใจได้เอง ถ้าคุณไม่มีอคติ และเป็นคนที่เปิดใจรับฟังคนอื่น


พูดเหมือนกับตนเอง  ชอบเข้าใจคนอื่น  รับฟังคนอื่น  และไม่เคยมีอคติเสียอย่างงั้น   เข้ามาก็ฟันธงว่าอุลามาอ์ท่านทัศนะที่ไม่ตรงกับตนผิดหรือไม่มะซูมเสียแล้ว  คนที่ชอบรับฟังและไม่มีอคตินั้น  เขาจะยังไม่ตัดสินใจอะไรง่าย ๆ ว่าอุลามาอ์คนใหนผิดคนใหนถูก  เพราะต้องดูกันที่หลักฐานให้ถ้วนถี่ซ่ะก่อน

ฮะดิษที่บอกว่า  อะมัลของมนุษย์เองจะขาดตอน นอกจาก 3 สิ่ง  ที่ไม่ขาดตอน  เพราะ 3 สิ่งนั้นเป็นผลมาจากการภาคเพียรของเขาเองที่กระทำไว้ในโลกนี้  ซึ่งความเข้าใจของฮะดิษนี้เราตรงกัน  ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไรกับตัวบทตรง ๆ ของฮะดิษนี้ 

แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า  ผลบุญของคนอื่น  สามารถขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ให้พระองค์ทรงมอบแด่พี่น้องมุสลิมที่ล่วงลับไปแล้วได้หรือไม่?   บางคนอาจจะบอกว่า  ผลบุญของคนหนึ่ง ๆ จะมอบให้คนอื่นได้หรือ?  ผมขอตอบแบบสรุปก่อนว่า  ผลบุญนั้นเป็นของอัลเลาะฮ์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
salam

คุณอัซฮารีย์ คุณยังมีข้อมูลที่ผิดพลาดอีกมากมายหลายประการซึ่งผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจเอง ซึ่งคิดว่าคุณจะเข้าใจได้เอง ถ้าคุณไม่มีอคติ และเป็นคนที่เปิดใจรับฟังคนอื่น

ในเรื่องทำบุญให้แก่มัยยิต จะกี่วันก็แล้วแต่ ที่เราไม่ทำเพราะว่ามันไปค้านกับฮาดีษดังต่อไปนี้

949/2 (1) وعَنْ أبي هُرَيْرَةَ (رض) أنَّ رسُول الّله (صلى) قال : ((إذا مَاتَ الإنسانُ انقطَعَ عمَلُهُ إلاَّ مِنْ ثَلاثٍ : صَدقَةٍ جاريَةٍ ‘ أوْ عِلم يُنْتَفَعُ بِهِ ‘ أَوْوَلَدٍ صَالحٍ يَدعُوله)) رواه مسلم - شرح رياض الصالحين

รายงานจากท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านรอซูลลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า "เมื่อมนุษย์ได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ขาดตอน เว้นแต่ 3 สิ่ง (ได้แก่) ซอดาเกาะฮฺญารียะฮฺ , ความรู้ที่ยังประโยชน์ , หรือลูกที่ซอเเละฮฺขอดุอาอฺให้เขา" บันทึกโดยมุสลิม

ท่านอิบนุก๊อยยิม กล่าวว่า "สำหรับการอ้างหลักฐานจากพวกท่านด้วยคำกล่าวของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่ว่า "เมื่อบ่าวคนหนึ่งได้เสียชีวิต อะมัลของเขาขาดตอน" ถือว่าเป็นการอ้างหลักฐานที่ตกไป เพราะท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ได้กล่าวว่า "การได้รับผลประโยชน์ของผู้ตายขาดตอน" แต่ทว่าท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้บอกถึงว่า อะมัลของผู้ตายเองนั้นขาดตอน สำหรับอะมัลของคนอื่นนั้น ก็ย่อมเป็นอะมัลที่เป็นกรรมสิทธิ์ของเขา ดังนั้น หากเขาได้มอบมันให้แก่คนตาย ผลบุญอะมัลของเขาก็จะไปถึงคนตาย เพราะฉะนั้น อะมัลที่ขาดตอนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ส่วนอะมัล(ของผู้อื่น)ที่ถึงไปยังเขานั้น ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง และเช่นเกียวกับฮะดิษดังกล่าวนี้ ก็ยังมีฮะดิษอื่นอีก ซึ่งท่านนบี ได้กล่าวไว้ว่า "แท้จริง ส่วนหนึ่งจากสิ่งที่จะติดตามผู้ตายนั้น ก็คือสิ่งที่มาจากบรรดาความดีงามและอะมัลของเขา" แต่ทว่าฮะดิษนี้ไม่ได้ปฏิเสธอะมัลของคนอื่นและบรรดาความดีงามของคนอื่นที่จะ(มอบ)ติดตามเขาไป" หนังสือ อัรรั๊วะห์ ของท่านอิบนุก๊อยยิม 1/129

พอได้อ่านข้อแยกแยะดังกล่าวตรงนั้น  ผมเข้าใจกระจ่างเลย  อัลฮัมดุลิลลาฮ

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
 salam

ครูของผมเคยยกฮ่าดีษนี้แล้วสอนว่า  ให้สังเกตุให้ดีตรงคำว่า    เมื่อมนุษย์ได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ขาดตอน

มิได้บอกถึงการงานของผู้อื่น

การเชื่อว่าผลบุญไปถึงผู้ตายนั้นเป็น อะกีดะห์ของอะห์ลิสซุนนห์ มิใช่หรือ  เคยเรียนในหนังสือ  ปะริไซฯ ของ เชคอับดุลกอเดร อัลมัลดีลี  ซึ่งอธิบายหนังสือ อะกีดะห์ อัตต่อฮาวียะห์  ของท่านอิหม่ามอัตต่อฮาวี

ผมว่าการทำบุญไม่ว่าแบบไหนก็ตาม ย่อมมีความดีเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวผู้กระทำ หรือผู้ที่ถูกวิงวอนขอให้ได้รับความดีนั้น

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

ปัญหาของกลุ่มนี้  มิได้อยู่ที่ว่าผลบุญถึงคนตายหรือไม่  เพราะพวกเขาก็เชื่อว่าผลบุญถึงคนตายหรือ  แต่กลุ่มนี้มันจำกัดเพียงแค่ 3 ประการเท่านั้น  ส่วนคนอื่นที่ไม่ใช่เลือดเนื้อเชื้อไขที่เป็นลูก  ผลบุญก็จะไม่ถึง  เพราะไม่มีตัวบทตามที่กลุ่มนี้อ้างมาครับ 

ดังนั้น  หากจะพูดเรื่องนี้   เราต้องแยกแยะประเด็นตามหลักวิชาการก่อน  มิเช่นนั้นมันจะยุ่งครับ  คือประเด็นมีอยู่ดังนี้ครับ

1. ผลบุญ 3 ประการจะไปถึงคนตาย

2. ผลบุญของคนอื่นจะไปถึงคนตาย

ประการที่ 1 นั้น  เรากับกลุ่มนั้น  มีทัศนะตรงกันครับ  เพราะยึดฮะดิษบทเดียวกันว่า  อะมัลของเขาเองนั้น  ขาดตอนนอกจาก 3 ประการ

ส่วนประการที่ 2 เรากับกลุ่มนั้น  มีทัศะที่ต่างกัน  คือเราบอกว่าผลบุญของคนอื่นถึงผู้ตาย  ส่วนกลุ่มนั้นถือว่าอะมัลของคนอื่นไม่ถึงผู้ตายครับ  ส่วนรายละเอียดของเราผมจะชี้แจงต่อไป  อินชาอัลเลาะฮ์

والسلام
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 25, 2009, 11:10 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ส่วนประการที่ 2 เรากับกลุ่มนั้น  มีทัศะที่ต่างกัน  คือเราบอกว่าผลบุญของคนอื่นถึงผู้ตาย  ส่วนกลุ่มนั้นถือว่าอะมัลของคนอื่นไม่ถึงผู้ตายครับ  ส่วนรายละเอียดของเราผมจะชี้แจงต่อไป  อินชาอัลเลาะฮ์

เรามักจะขัดแย้งกันว่า  ผลบุญถึงผู้ตาย  หรือไม่?  แล้วเรารู้จักและเข้าใจความหมายคำว่า "ผลบุญ" ตามหลักศาสนาอิสลามแล้วหรือยังครับ?
ท่านอัชชะรีฟ อัลญุรญานีย์  ได้ให้คำนิยามคำว่าษะวาบ الثواب "ผลบุญ" ตามหลักการของศาสนา ความว่า

ما يستحق به الرحمة والمغفرة من الله تعالى

"สิ่งที่เหมาะสมยิ่งที่จะได้รับความเมตตาและการอภัยโทษจากอัลเลาะฮ์ตะอาลา"  หนังสือ อัตตะรีฟาต ของท่าน อัชชะรีฟ อัลญุรญานีย์  หมวด อัษษะวาบ

หมายถึง  ผลบุญนั้น  คือการกระทำอะมัลความดีงามที่จะได้รับผลตอบแทนในรูปแบบของความเมตตาและการอภัยโทษของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  หากเราทำอิบาดะฮ์มาก ๆ  ผลบุญก็จะมาก  หมายถึง  ความเมตตาและการอภัยโทษของอัลเลาะฮ์ก็จะมากขึ้นทวีคูณไปด้วย  การที่เราพูดว่าทำอะมัลความดีเยอะ ๆ เพื่อจะได้ผลบุญเยอะ ๆ  ย่อมหมายถึง  เราจะได้ความเมตตาและการอภัยโทษของอัลเลาะฮ์สะสมไว้เยอะ ๆ  ดังนั้น  เมื่อเราทำความดีเยอะ ๆ เราก็จะได้เข้าสวรรค์ด้วยผลบุญที่อยู่ในความหมายขอความเมตตา  ความโปรดปราน  และการอภัยโทษของอัลเลาะฮ์นั่นเอง

ดังนั้น  ตามหลักฮะกีกัตความจริงแล้วนั้น  ผลบุญที่เราได้กระทำขึ้น  ย่อมเป็นของอัลเลาะฮ์ตะอาลา  เพราะเมื่อทำอิบาดะฮ์มาก ๆ ก็เท่ากับเราได้สะสมความเมตตา โปรดปราน  และการอภัยโทษของอัลเลาะฮ์มากยิ่งขึ้น 

ฉะนั้น  เมื่อผลบุญ  คือ  ความเมตตา  ความโปรดปราน  และเป็นการอภัยโทษของอัลเลาะฮ์ตะอาลาแล้ว  เราสามารถขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ให้พระองค์ทรงประทานผลบุญที่มาจากความหมายของความเมตตา  ความโปรดปราน  และการอภัยโทษของอัลเลาะฮ์  โดยมอบ(ฮะดียะฮ์)ให้แก่พี่น้องมุสลิมได้หรือไม่?   

ตอบ : ได้ครับ  เพราะอัลเลาะฮ์ตะอาลาได้ทรงบัญชาใช้ให้เรา  ทำการอิสติฆฟารขออภัยโทษจากอัลเลาะฮ์ให้แก่พี่น้องมุสลิม  ซึ่งการอภัยโทษจากอัลเลาะฮ์  ก็คือผลบุญนั่นเองครับ  ดังนั้น  ผลบุญเราสามารถขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ให้พระองค์ทรงมอบฮะดียะฮ์ผลบุญของเราให้แก่พี่น้องมุสลิมได้

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสว่า
 
فَاعْلَمْ أَنَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا اللَّهُ وَاسْتَغْفِرْ لِذَنبِكَ وَلِلْمُؤْمِنِينَ وَالْمُؤْمِنَاتِ

"และเจ้าจงรู้เถิดว่า  แท้จริงพระองค์นั้น  ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮ์  และเจ้าจงอิสติฆฟาร(ขออภัยโทษ)แก่โทษของเจ้า  และแก่บรรดาผู้ศรัทธาชนทั้งชายและหญิง"  มุฮัมมัด : 19

พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

وَالَّذِينَ جَاؤُوا مِن بَعْدِهِمْ يَقُولُونَ رَبَّنَا اغْفِرْ لَنَا وَلِإِخْوَانِنَا الَّذِينَ سَبَقُونَا بِالْإِيمَانِ
 
"และบรรดา (คนมุสลิม) ที่มาภายหลังจากพวกนั้นกล่าวว่า "โอ้องค์อภิบาลของเรา  ได้โปรดอภัยโทษแก่เรา  และแก่บรรดาพี่น้อง(มุสลิม)ของเรา  ที่ได้ล่วงหน้าเราไปแล้วในการศรัทธา" อัลฮัชรุ 10

ท่านอิบนุก็อยยิม  กล่าวว่า 

فأثنى الله سبحانه عليهم باستغفارهم للمؤمنين قبلهم فدل على انتفاعهم باستغفار الأحياء

"ดังนั้น  อัลเลาะฮ์ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา  ได้ทรงยกย่องสรรเสริญต่อผู้ที่ทำการอิสติฆฟารให้แก่บรรดามุสลิมีนที่อยู่ก่อนหน้าพวกเขามาแล้ว  ดังนั้นหลักฐานอัลกุรอานอายะฮ์นี้  จึงชี้ให้เห็นว่า  บรรดาคนตายจะได้รับประโยชน์ด้วยการอิสติฆฟารการขออภัยโทษต่ออัลเลาะฮ์จากคนที่มีชีวิตอยู่"  หนังสือ อัรรั๊วะห์ 1/118

ดังนั้น  การที่เราได้มอบผลบุญให้แก่คนตาย  ก็คือ การที่เราได้ขอภัยโทษจากอัลเลาะฮ์ให้กับคนตายนั่น  หรือพูดอีกสำนวนหนึ่งว่า  เราได้ขอต่ออัลเลาะฮ์ให้ประทานความเมตตาและมีการอภัยโทษของพระองค์ให้มีที่พี่น้องที่เสียชีวิตมาก ๆ นั่นเองครับ

والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
เรืองผลบุญนี้ ท่านอาจารย์อับดุลฮากีมเคยตอบคำถามถึงความหมายของผลบุญไว้เหมือนกันในช่วงท้ายของไฟล์เสียงบรรยายนี้ครับ  http://intifad.info/SOUND/AbdulHakeem-Imam.mp3

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ในเรื่องทำบุญให้แก่มัยยิต จะกี่วันก็แล้วแต่ ที่เราไม่ทำเพราะว่ามันไปค้านกับฮาดีษ

การทำบุญให้แก่มัยยิด  ก็คือ การทำสิ่งที่เป็นผลบุญ (ที่ีหมายถึงเป็นความเมตตาและการอภัยโทษของอัลเลาะฮ์) แล้วขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ให้พระองค์ทรงมอบให้แก่มัยยิดนั่นเอง  ซึ่งสอดคล้องกับอัลกุรอานและไม่ขัดกับฮะดิษ ครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เรืองผลบุญนี้ ท่านอาจารย์อับดุลฮากีมเคยตอบคำถามถึงความหมายของผลบุญไว้เหมือนกันในช่วงท้ายของไฟล์เสียงบรรยายนี้ครับ  http://intifad.info/SOUND/AbdulHakeem-Imam.mp3

อัลฮัมดุลิลลาฮ์  ได้ฟังอาจารย์ อัลดุลฮะกีม  นี่แหละครับ  ที่ทำให้จุดประกายความเข้าใจของผมมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความหมายของผลบุญ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
salam

คุณอัซฮารีย์ คุณยังมีข้อมูลที่ผิดพลาดอีกมากมายหลายประการซึ่งผมจะอธิบายให้คุณเข้าใจเอง ซึ่งคิดว่าคุณจะเข้าใจได้เอง ถ้าคุณไม่มีอคติ และเป็นคนที่เปิดใจรับฟังคนอื่น

ในเรื่องทำบุญให้แก่มัยยิต จะกี่วันก็แล้วแต่ ที่เราไม่ทำเพราะว่ามันไปค้านกับฮาดีษดังต่อไปนี้

949/2 (1) وعَنْ أبي هُرَيْرَةَ (رض) أنَّ رسُول الّله (صلى) قال : ((إذا مَاتَ الإنسانُ انقطَعَ عمَلُهُ إلاَّ مِنْ ثَلاثٍ : صَدقَةٍ جاريَةٍ ‘ أوْ عِلم يُنْتَفَعُ بِهِ ‘ أَوْوَلَدٍ صَالحٍ يَدعُوله)) رواه مسلم - شرح رياض الصالحين

รายงานจากท่านอบูฮูร็อยเราะฮฺ (ร.ฎ.) ท่านรอซูลลุลลอฮฺ (ซ.ล.) กล่าวว่า "เมื่อมนุษย์ได้สิ้นชีวิตลง การงานของเขาก็ขาดตอน เว้นแต่ 3 สิ่ง (ได้แก่) ซอดาเกาะฮฺญารียะฮฺ , ความรู้ที่ยังประโยชน์ , หรือลูกที่ซอเเละฮฺขอดุอาอฺให้เขา" บันทึกโดยมุสลิม

ความจริงแล้ว บรรดาปวงปราชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นท่านอิมามอะห์มัด , ท่านอิบนุตัยมียะฮ์ , ท่านอิบนุก็อยยิม ฯลฯ ไม่ได้เป็นคนที่มะซูมครับ

เป็นที่ทราบกันดีว่า อิจญ์มาอฺ  มติของปวงปราชญ์มั้น มะซูม  อิจญ์มาอฺมติของปวงปราชญ์ไม่มีทางที่จะขัดกับอัลฮะดิษ  อิจญ์มาอฺของปวงปราชญ์ที่ทำการรายงานอิจญ์มาอฺอย่างถูกต้องนั้น  ไม่ลุ่มหลงแต่ประการใด

ท่านอิมาม อันนะวาวีย์กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมัจญฺมั๊วะของท่านว่า

أجمع المسلمون على أن الصدقة عن الميت تنفعه وتصله

"บรรดาอุลามาอ์มุสลิมีได้มีมติ(อิจญ์มาอฺ)เห็นพร้องว่า การทำทานซอดาเกาะฮ์แก่มัยยิดนั้น ย่อมเป็นประโยชน์แก่มัยยิดและผลบุญถึงกับมัยยิด" ดู มัจญฺมั๊วะ เล่ม5 หน้า209

ท่านอิบนุกุดามะฮ์กล่าอีกว่า

وأنه إجماع المسلمين ; فإنهم في كل عصر ومصر يجتمعون ويقرءون القرآن , ويهدون ثوابه إلى موتاهم من غير نكير

" แท้จริง มันเป็นมติของบรรดาอุลามาอ์มุสลิมีน เนื่องจากแท้จริง พวกเขาเหล่านั้น ในทุกสมัยและทุกเมือง ได้รวมตัวกัน และทำการอ่านอัลกุรอานกัน และทำการฮาดิยะฮ์ผลบุญการอ่านอัลกุรอาน ให้แก่บรรดาผู้ตายของพวกเขา โดยที่ไม่มีการปฏิเสธแต่อย่างใดเลย" ดู หนังสือ อัลมุฆนีย์ เล่ม3 หน้า373

ท่าน อิบนุ มุฟลิหฺ(ศิษย์ของท่านอิบนุตัยมียะฮ์) กล่าวไว้ว่า

وأى قرب فعلها من دعاء واستغفار وصلاة وصوم وحج وقراءة وغير ذلك وجعل ثواب ذلك للميت المسلم نفعه ذلك . قال أحمد : الميت يصل إليه كل شيء من الخير للنصوص الواردة فيه ولأن المسلمين يجتمعون فى كل مصر ويقرؤون ويهدون لموتاهم من غير نكير، فكان ذلك إجماعا وكالدعاء والإستغفار حتى لو اهداها للنبى صلى الله عليه وسلم، جاز ووصل اليه الثواب، ذكره المجد

" ไม่ว่าอิบาดะฮ์ใด ที่กระทำขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการดุอา อิสติฆฟาร การละหมาด การถือศีลอด การทำฮัจญฺ การอ่านอัลกุรอาน และอื่น ๆ จากสิ่งดังกล่าว และเอาผลบุญดังกล่าวนั้น มอบฮะดียะฮ์ให้แก่มัยยิดมุสลิม เขาย่อมได้รับผลประโยชน์จากสิ่งดังกล่าว ท่านอิมามอะหฺมัด กล่าวว่า ผู้ตายนั้น(ผลบุญ)ทุกๆ สิ่งจากความดีงามจะถึงไปยังเขา เพราะมีบรรดาตัวบทได้รายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้และเพราะบรรดามุสลิมีนในทุกเมือง ได้ทำการรวมตัวกัน และพวกเขาทำการอ่านอัลกุรอาน และพวกเขาก็ทำการฮะดียะฮ์(มอบผลบุญของทุกๆ สิ่งจากความดีงาม) ให้แก่บรรดาผู้ตายของพวกเขา โดยไม่ได้รับการตำหนิเลย ดังนั้น ดังกล่าวย่อมเป็นมติ(อิจญฺมาอ์ของปวงปราชญ์) และเช่นการขอดุอา และการอิสติฆฟาร นั้น หากแม้ว่า จะฮาดิยะฮ์มอบแก่ท่านร่อซูล(ซ.ล.) ก็ถือว่าอนุญาติ และผลบุญก็ถึงไปยังเขา. ซึ่งได้กล่าวมันโดยท่านอัลมุจญฺ" ดู หนังสือ อัลมุบดิอ์ ชัรหฺ อัลมุกเนี๊ยะอฺ ของท่าน อิบนุ มุฟลิหฺ เล่ม2 หน้า254

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว  ผมคงไม่ได้ยินคุณมุมินกล่าวในเว็บอื่นอีกนะครับว่า  อิจญ์มาอฺของอุลามาอ์  ไม่มะซูม เนื่องอุลามาอ์ไม่ลงมติบนความผิดพลาดครับ

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
ยกกระทู้ขึ้นมา เพื่อคนบางคนไม่ได้อ่าน

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
بسم الله الرحمن الرحيم

มีบางคนได้พยายามกล่าวอ้างทัศนะของอิมามอัช-ชาฟิอีย์ที่ว่า ผลบุญการอ่านอัลกุรอานไม่ถึงมัยยิด เพื่อจะแอบอ้างว่าเมื่อผลบุญไม่ถึง  ซึ่งคำกล่าวนี้  เป็นความเข้าใจที่ปราศจากความเข้าใจในมัซฮับอิมามอัช-ชาฟิอีย์

ท่านอิมามอันนะวาวีย์  ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัลอัซฺการของท่านว่า

أجمع العلماء على أن الدعاء للأموات ينفعهم ويَصلُهم......واختلف العلماء في وصول ثواب قراءة القرآن، فالمشهور من مذهب الشافعي وجماعة أنه لا يَصل‏.‏ وذهب أحمدُ بن حنبل وجماعةٌ من العلماء وجماعة من أصحاب الشافعي إلى أنه يَصل، والاختيار أن يقولَ القارئُ بعد فراغه‏:‏ ‏"‏اللهمّ أوصلْ ثوابَ ما قرأته إلى فلان، واللّه أعلم‏

"บรรดาปวงปราชน์ได้ลงมติเห็นพร้องว่า  แท้จริง  การขอดุอาอ์ให้แก่บรรดาผู้ตายนั้น  มันเป็นผลประโยชน์แก่พวกเขา  และถึงพวกเขา.....และบรรดาอุลามาอ์ได้ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่อง  ผลบุญการอ่านอัลกุรอานถึงผู้ตาย  ดังนั้น  คำกล่าวที่เลื่องลือ จากมัซฮับอิมามอัช-ชาฟิอีย์และกลุ่มหนึ่งนั้น คือ ผลบุญไม่ถึงผู้ตาย(หากอ่านอัลกุรอานเพียงอย่างเดียวโดยไม่ขอดุอาตามท้าย)  และท่านอิมามอะหฺมัด บิน หัมบัล พร้อมด้วยปวงปราชญ์กลุ่มใหญ่  และกลุ่มหนึ่งจากบรรดาสานุศิษย์ของอิมามอัช-ชาฟิอีย์ได้  กล่าวว่า แท้จริง ผลบุญดังกล่าวถึงผู้ตาย  และทัศนะที่ได้รับการแฟ้นแล้ว  คือให้ผู้อ่านกล่าวดุอาอ์หลังจากเสร็จสิ้นจากการอ่านอัลกุรอานว่า "โอ้อัลเลาะฮ์  ขอได้โปรดทำให้ผลบุญของสิ่งที่ฉันได้อ่านมันไปแล้วนั้น  ไปถึงคนนั้นๆ (..........) ด้วยเทอญ (ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกันเอง วัลลอฮุอะลัม "  ดู  อัลฟุตูฮาด อัรร๊อบบานียะฮ์  อะลา อัลอัซการอันนะวะวียะฮ์  เล่ม 4 หน้า 194

ดังนั้น คำกล่าวที่ว่า "คำกล่าวที่เลื่องลือ จากมัซฮับอิมามอัช-ชาฟิอีย์.." นั้น  ผู้อธิบายหนังสือ ชัรหฺ อัรเราฏ์ กล่าวว่า มัน  หมายถึง  การเหนียตฮะดียะฮ์ผลบุญการอ่านให้แก่มัยยิดโดยไม่ได้ทำการขอดุอาอ์ให้"  ดู  อัลฟุตูฮาด อัรร๊อบบานียะฮ์  อะลา อัลอัซการอันนะวะวียะฮ์  เล่ม 4 หน้า 194

ซึ่งหมายถึงว่า  ผลบุญการอ่านอัลกุรอานจะมีประโยชน์และถึงแก่ผู้ตายนั้น  ไม่ใช่ด้วยการเหนียตฮะดียะฮ์ให้เท่านั้น เพราะมันจะไม่ถึงตามทัศนะของอิมามอัช-ชาฟิอีย์  นอกจากต้องขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิดด้วย  ซึ่งในการขอดุอาอ์นั้น  เราจะขอต่ออัลเลาะฮ์ให้ผลบุญการอ่านของเราถึงมัยยิดนั้น ย่อมกระทำได้อย่างไม่มีปัญหา  เนื่องจากการขอดุอาอ์นั้น  เป็นสื่อที่ทำให้ผลบุญไปถึงมัยยิดตามทัศนะของอิมามอัช-ชาฟิอีย์  ไม่ใช่การเหนียตฮะดียะฮ์ตัวการอ่านอัลกุรอานที่ผู้อ่านได้อ่านเองเพียงอย่างเดียว

ด้วยเหตุดังกล่าวนี้  อิมามอันนะวาวีย์จึงกล่าวไว้ในหนังสืออัลอัซฺการว่า " และที่ได้เลือกเฟ้นแล้วนั้น  คือให้ผู้อ่านกล่าวดุอาอ์หลังจากเสร็จจากการอ่านอัลกุรอานว่า "โอ้อัลเลาะฮ์  โปรดจงทำให้ผลบลสิ่งที่ฉันได้อ่านมันไปแล้วนั้น  ไปถึงคนนั้นๆ(..........) วัลลอฮุอะลัม" ดู  อัลฟุตูฮาด อัรร๊อบบานียะฮ์  อะลา อัลอัซการอันนะวะวียะฮ์  เล่ม 4 หน้า 194

และอาจารย์ของอิมามอันนะวาวีย์ คือ ท่านอิบนุ อัศศ่อลาหฺ  กล่าวว่า " ผู้ขอดุอาควรกล่าวว่า ,โอ้อัลเลาะฮ์  โปรดทรงทำให้ผลบุญของสิ่งที่ฉันได้อ่านมันไปแล้วนั้น  ไปถึงผู้ตายคนนั้นๆ (..........) , โดยที่เขาทำการอ่านอัลกุรอาน  แล้วขอดุอาอ์(ให้ถึงผู้ตาย)  ไม่ว่าผู้ตายจะอยู่ใกล้หรือไกลก็ตาม  และต้องยาเกนมั่นใจในการที่มัยยิดได้รับผลประโยชน์ดังกล่าว(จากการขอดุอาอ์)นั้น"  ดู  หนังสือ  มุฆนีย์ อัลมั๊วะตาจญฺ เล่ม 4 หน้า 116 - 117

และเมื่ออิมามอัช-ชาฟิอีย์ได้ระบุไว้ในหนังสืออัลอุมม์ว่า  "ฉันรัก หากถูกอ่านอัลกุรอานที่กุบูร และขอดุอาอ์ให้แก่ผู้ตาย  และในสิ่งดังกล่าวมานั้น  ไม่มีการขอดุอาอ์ที่ถูกกำหนดเวลาเอาไว้"   ท่านอิบนุหะญัร อัลฮัยตามีย์ จึงได้กล่าวอธิบายว่า " และให้เขาทำการอ่านอัลกุรอานที่ง่ายๆ  แก่เขา(ที่กุบูร)และทำการขอดุอาอ์ถัดจากการอ่านโดยที่หลังจากเขาได้หันหน้าไปทางกิบละฮ์  เพราะการดุอาอ์หลังจากอ่านอัลกุรอานนั้น  มีความหวังในการตอบรับมากกว่า "  ดู หนังสือ ตั๊วะหฺฟะตุลมั๊วะห์ตาจ  เล่ม 1 หน้า 602  ตีพมพ์ที่  อัษษะกอฟะฮ์ อัดดีนียะฮ์

والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged