ผู้เขียน หัวข้อ: สรุปผลพรุ่งนี้ สำหรับอัลอะชาอิเราะห์  (อ่าน 1356 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

mumin-

  • บุคคลทั่วไป

salam

ผมถามไว้ 3 วันแล้วกับคำถาม "อยากทราบว่าอัลอะชาอิเราะห์มีนโยบายอย่างไรเกี่ยวกับเดนมาร์กบ้างครับ? "
แต่ก็ยังไม่มีคำตอบ ปล่อยไว้ต่อไป ก็คงไม่มีคำตอบอีก หรือตอบ ก็ตอบไม่ตรงประเด็น เอางี้แล้วกัน

พรุ่งนี้ ถ้าผมมาเช็คคำตอบ แล้วยังไม่มี หรือตอบไม่ตรงคำถาม ก็ถือซะว่า ผมได้คำตอบแล้วละกัน
ว่าอัลอะชาอิเราะห์ ไม่มีนโยบายใดๆ ทั้งสิ้น เกี่ยวกับเดนมาร์กที่เป็นรูปธรรม โดยอ้างว่า ต้องการขอดุอาอ์
อย่างเดียว ไม่ต้องให้ใครเห็นก็ได้ โดยไม่ลงมือทำอะไรทั้งสิ้น (เหมือนวัวไม่ยอมผูก แล้วตะวักกั้ลต่ออัลลอฮ์)

และยังมีข้ออ้างอีกว่า เป็นแผนการของศัตรูอิสลามที่จะสร้างภาพว่ามุสลิมนั้นโหดร้ายต่างๆ นานา
จึงไม่ยอมกระทำการใดๆ ที่เป็นรูปธรรมทั้งสิ้น จากการสังเกต ไม่ว่าอิสลาม หรือท่านนบีมูฮัมหมัด
หรือพระองค์อัลลอฮ์ โดนดูถูก ใส่ไคล้ ใส่ร้าย ยังไงก็ตาม ก็ไม่เคยมีสักครั้งเดียว ที่อัลอะชาอิเราะห์ในเมือง
ไทย ได้ทำอะไรที่เป็นการแสดงออกในจุดยืนของตนที่ชัดเจน ยังคงพยายามรักษาภาพของมุสลิม
ไว้ให้ดูดี มีฟอร์ม ทั้งๆ ที่ภาพของมุสลิมนั้น เสียมานาน จนไม่มีอะไรจะเสียแล้ว อัลอะชาอิเราะห์ยังคง
นิ่งเฉย องค์กรต่างๆ ของอัลอะชาอิเราะห์ก็เงียบ บางคนยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเกิดเรื่องกรณีเดนมาร์กขึ้น


บางคนก็ยัง คงเข้าใจผิดคิดว่า ใครดูถูกนบีเรา ก็ให้เฉยๆ ไว้ เพราะนบีโดนมามากมาย แต่ท่านก็ยังไม่ตอบโต้
ซึ่งคนที่คิดเช่นนี้นั้น ไม่ได้สังเกตเลยว่า กรณีดังกล่าว เกิดก่อนที่วะฮีย์เรื่องญีฮาดจะลงมา จนทำให้เข้าใจผิดดังกล่าว


พรุ่งนี้ ผมจะลองสรุปดูว่าผลเป็นยังไง แล้วก็จะได้ทราบด้วยว่าแท้ที่จริงนั้น งานเมาลิด ที่อ้างว่า
จัดเพื่อสืบสานเจตนารมณ์ของท่านนบีนั้น เมื่อนบีโดนดูหมิ่นเช่นนี้แล้ว คนที่ไปงานเมาลิดนั้น
ได้ออกมาปกป้องนบีหรือไม่ รักนบีจริงหรือเปล่า มีนโยบายในรูปธรรมอะไรที่แสดงให้เดนมาร์กเห็นว่า
ทำเช่นนี้ เอ็งต้องมีปัญหากับมุสลิมแน่ๆ ไม่ใช่นิ่งเฉยแบบมุสลิมไม่มีน้ำยา มาท้าทายกันขนาดนี้แล้ว
ก็ยังนั่งเฉย ปล่อยให้อิสลามตกต่ำไม่มีน้ำยาต่อไป...

ผมจะได้เขียนบทวิจัยของผมต่อ ในเรื่อง "เปรียบเทียบความเจริญในงานศาสนาของอะชาอิเราะฮ์และซุนนะฮ์"
ในเว็บอัซซุนนะฮ์ต่อไป และจะได้ทำการเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ อินชาอัลลอฮ์

คงได้รู้กัน ว่าเรื่องจัดงานเมาลิดนบีนั้น มันเรื่องแหกตา หาผลประโยชน์กับชาวบ้านหรือเปล่าซะทีนะครับ
เฮ้อออ.... มีข้อมูลไปบอกชาวบ้านให้ตาสว่างอีกแล้ว... mycool:

วัสสลามมุอลัยกุมว่าเราะมะตุ้ลลอฮ์ว่าบารอกาตุฮ์

ปล.การนั่งงอมือ งอเท้า ดุอาอ์เพียงอย่างเดียว ทั้งๆ ที่สามารถลงมือกระทำอะไรที่ต่อต้านเดนมาร์กได้
นั่นแสดงให้เห็นว่ามุสลิมคนนั้น อ่อนแอในความสามารถจนถึงที่สุดแล้ว ฤ อัลอะชาอิเราะห์จะอ่อนแอสุดๆ แล้วจริงๆ ...

(ถ้าลบ ก็ถือว่าผมได้คำตอบเลยทันที เหมือนเดิมนะครับ)

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: สรุปผลพรุ่งนี้ สำหรับอัลอะชาอิเราะห์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: มี.ค. 10, 2008, 09:26 AM »
0
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

คุณมุมินครับ   ก่อนอื่นผมอยากจะเรียนว่า  เว็บไซต์ซุนนะฮ์สติวเด้นนี้  มิใช่เป็นตัวแทนของอัลอะชาอิเราะฮ์หรือองค์กรใดอย่างเป็นทางการ   ที่จะคุณมาเรียกร้องอะไรต่อมิอะไรตามที่ต้องการ  เว็บไซต์นี้  ทำขึ้นมาโดยนักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์และพี่น้องมุสลิม  ทำขึ้นโดยไม่มีองค์กรใดหรือผู้ใดอยู่เบื้องหลัง  พี่น้องได้ร่วมกันทำขึ้นมาเพื่อประโยชน์ในเชิงความรู้และมีการเสวนาแลกเปลี่ยนเชิงวิชาการและคลายเครียด 

ส่วนเรื่องประเด็นเรื่องจุดยืนหรือท่าทีของผม  ที่พูดว่าท่าทีของผมนั้น  เพราะว่าพี่น้องท่านอื่น ๆ อาจจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่ผมเขียนในทุกตัวอักษรนะครับ  ซึ่งผมได้ทำการเขียนชี้แจงไปแล้วครับ  คุณไม่ยอมอ่านให้ทั่วถึง  ซึ่งนั่นก็เป็นอุปนิสัยของคุณที่ไม่ค่อยยอมอ่านของคนอื่นสักเท่าไหร่  แต่ตอนนี้ผมรู้แปลก ๆ นะครับ  ที่คุณและพี่น้องบางคนที่เห็นด้วยกับการประท้วงนั้น  คิดว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นดีกว่าคนอื่น  โดยคิดว่าหากพวกเขาไม่ทำตามสิ่งที่ตนทำแล้ว  จะเป็นพวกที่อยู่ในสายตาที่ตกต่ำ   เรื่องการประท้วงนั้นไม่ใช่เป็นเรื่องศาสนาแต่เป็นเรื่องดุนยา  แต่พี่น้องบางท่านที่สนับสนุนการประท้วงนั้น  ทำเหมือนว่าการประท้วงเป็นวายิบ  หากไม่ทำถือว่าไม่รักและไม่ปกป้องนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ทำเรื่องดุนยาให้เป็นเรื่องศาสนาที่ใครแตะต้องไม่ได้   ส่วนตัวผมเองนั้นก็ไม่ได้ค้านอะไร  แต่ช่วงหลัง ๆ รู้สึกว่าจะมีการเลิยเถิดนะครับ  ดังนั้นหากคุณจะทำการประท้วง  ก็ขอให้ทำโดยบริสุทธิ์  มีจิตใจที่เป็นบ่าวต่ออัลเลาะฮ์  มีความนอบน้อม  หากมิเช่นนั้น  คุณจะไม่ได้อะไรในสิ่งที่ตนเองทำนะครับ

 แถลงการณ์จากอุลามาอ์โลกอิสลาม

นี้คือแถลงการณ์และการแสดงจุดยืนของอุลามาอฺโลกอิสลาม  ซึ่งส่วนมากเป็นอุลามาอ์อัลอะชาอิเราะฮ์  ซึ่งพวกเขาได้ทำหน้าที่ที่ถูกต้องตามหลักการแทนพวกเราแล้ว

والسلام
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: สรุปผลพรุ่งนี้ สำหรับอัลอะชาอิเราะห์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: มี.ค. 10, 2008, 09:38 AM »
0
ความรักท่านนบี(ซ.ล.)ต่อจุดยืนการดูหมิ่นท่านนบี(ซ.ล.)ของเดนมาร์ก

ปัจจุบันอิสลามถูกจับตามองและถูกหมิ่นเกียรติจากผู้ที่ไม่หวังดีและมีจิตใจคติต่ออิสลาม เมื่อเหตุการณ์ เกิดขึ้นมาแต่ละครั้ง ก็จะเกิดการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ทำการปกป้องอิสลาม และปกป้องท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม พยายามแสดงความรักต่อท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ขึ้นมาทั้งด้านคำพูด และการกระทำ มีการประชุมมีการชุมนุมประท้วง พยายามประกาศว่าตนเองนั้นรักต่อท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นผู้ที่ปกป้องท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  หากผู้ใดที่คัคค้านรูปแบบ การกระทำของตน  ก็อาจจะถูกกล่าวหาว่า ไม่รักท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไม่ปกป้องท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ความภาคภูมิใจของพี่น้องบางกลุ่มที่พยายามประกาศตนเองในการแสดงความรักและปกป้องท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  มีความพยายามที่จะทำให้กิจกรรมของตนเอง  เป็นตัววัดในการแบ่งพรรคแบ่งพวก  พยายามถามจุดยืนของกลุ่มนั้นว่ามีจุดยืนและท่าทีอย่างไร?  ความยึดติดในรูปแบบ  เป็นเหตุทำให้บางคนคิดว่าตนเองนั้นดีกว่าผู้อื่น  จนมีการมีกล่าวโจมตีและวิจารณ์ต่อสถาบันที่เกี่ยวข้องกับอิสลาม  เพราะมิได้ปฏิบัติตามรูปแบบที่ตนต้องการ  แต่หากถามพี่น้องมุสลิมทั้งหมดว่าพวกท่านรักนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมไหม?  พวกเขาต้องตอบว่า "รักและรักมากด้วย"  หากถามว่าพวกท่านพอใจในการกระทำของเดนมาร์กไหม?  พวกเขาก็ต้องตอบว่า "ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง"

 แต่ดูเหมือนว่าพี่น้องบางส่วนยังไม่เพียงพอที่จะแสดงออกถึงความรักต่อท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพราะต้องผนวกรูปแบบการชุมนุมประท้วงด้วย  ซึ่งเป็นรูปแบบที่มุบาห์อนุญาตให้กระทำได้หากอยู่ในกรอบของหลักการอิสลาม  แต่ทว่าหากผู้ใดคัดค้าน  ดูเหมือนกลับกลายเป็นว่าไม่มีความรักและไม่ปกป้องเกียรติของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ดังนั้นเราจะมีจุดยืนอย่างไรต่อพฤติกรรมดังกล่าว?

ท่าน อัลลามะฮ์  ดอกเตอร์  มุฮัมมัด สะอีด รอมะดอน อัลบูฏีย์  กล่าวว่า "ความรักคือ สภาวะหนึ่งของหัวใจ ไม่เพียงเท่านั้น ความรักยังอุปมาดั่งเชื้อเพลิงที่โชติช่วงอยู่หัวใจ ที่มีคุณสมบัติในการผลักดันผู้มีความรักนี้ ไปยังการน้อมตาม ดังเช่นบรรดานักปราชญ์อิสลามกล่าวไว้ว่า ความรักนั้น คือความรู้สึกที่บริสุทธิ์ แปลกน่าประทับใจ เมื่อมันมีอำนาจเหนือจิตใจแล้ว ก็จะทำให้ผู้ที่อยู่ไกลได้ใกล้ชิด  ทำให้เหล็กอ่อนนวล  และทำให้สิ่งที่ยากลำบากเป็นเรื่องที่ง่ายดาย"         

ความรักในอัลเลาะฮ์ตะอาลา  เป็นฟัรดูที่ถูกกำหนดเหนือมุสลิมทุกคนซึ่งไม่มีฟัรดูใดมาเทียบเทียมได้  เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้ประทานความโปรดปรานและอำนวยสุขแก่มนุษยชาติที่หลั่งไหลลงมาอย่างมิขาดตอน  พระองค์ทรงตรัสความว่า

وَآتَاكُمْ مِنْ كُلِّ مَا سَأَلْتُمُوهُ وَإِنْ تَعُدُّوا نِعْمَتَ اللهِ لا تُحْصُوهَا

"และพระองค์ทรงประทานแก่พวกเจ้าจากทุก ๆ สิ่งที่พวกเจ้าได้ขอไว้  และหากพวกเจ้าจะคอยนับความโปรดปรานต่าง ๆ  ของอัลเลาะฮ์  แน่นอนพวกเจ้าไม่สามารถนับมันถ้วนได้" อิบรอฮีม : 34

ด้วยการที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงประทานเกียรติแก่ท่านนบีมุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  ความรักต่อพระองค์จะไม่สมบูรณ์นอกจากต้องพร้อมด้วยการมีความรู้สึกอาลัยรักต่อท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม '

ท่านอิบนุอับบาส  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ได้รายงานว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวว่า "พวกท่านจงรักอัลเลาะฮฺ เพราะสิ่งที่พระองค์ทรงประทานให้กับพวกท่าน จากปัจจัยอำนวยสุขต่าง ๆ ของพระองค์ และพวกท่านจงรักฉันเพราะความรักของอัลเลาะฮฺที่มีต่อฉัน" รายงานโดยอัตติรมิซีย์และอัลฮากิม

ดังนั้น  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงเป็นผู้สถาปนาแบบฉบับอันดีงามที่ยิ่งใหญ่   ท่านถูกส่งมาเพื่อเป็นความเมตตาแก่มนุษยชาติ  และท่านยังเป็นผู้ที่กังวลรักห่วงบรรดาผู้ศรัทธายิ่งกว่าที่พวกเขารักตัวเอง  เนื่องจากตัวพวกเขาเองนั้นจะเรียกร้องไปสู่ความเสียหาย  แต่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เรียกร้องตัวพวกเขาไปสู่ความผาสุกปลอดภัย (ตัฟซีร กุรตุบี 14/122)

อัลเลาะฮ์ตาอาลา ทรงตรัสยืนยันไว้ความว่า

 لَقَدْ جَاءكُمْ رَسُولٌ مِّنْ أَنفُسِكُمْ عَزِيزٌ عَلَيْهِ مَا عَنِتُّمْ حَرِيصٌ عَلَيْكُم بِالْمُؤْمِنِينَ رَؤُوفٌ رَّحِيمٌ

"โดยแท้จริง  ได้มีศาสนทูตหนึ่งจากเผ่าพันธุ์ของพวกเจ้ามา (ประกาศสัจธรรม) สู่พวกเจ้า  เขามีความกังวลในสิ่งที่พวกเจ้าทุกข์ร้อน  เขามีความหวังดีต่อพวกเจ้า  อีกทั้งเป็นผู้ปรานีและเมตตายิ่งแก่บรรดาศรัทธาชนทั้งมวล" อัตเตาบะฮ์ 128

ท่านอบูฮุร๊อยเราะฮ์  รายงานว่า  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้กล่าวว่า  "ฉันมีความรักห่วงบรรดาผู้ศรัทธายิ่งกว่าตัวพวกเขาเอง  ดังนั้นผู้ใดที่เสียชีวิตโดยเขามีหนี้ติดค้างอยู่  ก็จำเป็นบนฉันต้องชดใช้ให้เขาเอง  และผู้ใดที่ทิ้งมรดกทรัพย์สินไว้  ก็เป็นกรรมสิทธิ์ของบรรดาทายาทของพวกเขา" รายงานโดยมุสลิม (1619)

รายงานจากอับดุลลอฮ์ บุตร  ฮิชาม  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ว่า  "เราได้อยู่พร้อมท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  โดยท่านได้จับมือท่านอุมัร อิบนุ ค๊อฏฏอบ แล้วท่านอุมัรได้กล่าวแก่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า  โอ้ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ขอยืนยันว่าท่านนั้นเป็นที่รักยิ่งยังฉันมากกว่าทุก ๆ สิ่ง นอกจากตัวฉันเอง!  ดังนั้น  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงกล่าวว่า  "ไม่"  ขอยืนยันต่อผู้ที่ชีวิตของฉันอยู่ในอำนาจแห่งพระองค์  จนกระทั่งฉันเป็นผู้ที่รักยิ่งยังท่านให้มากกว่าตัวท่านเอง!  แล้วท่านอุมัร  ก็กล่าวว่า  แท้จริง  ณ  เวลานี้  ขอยืนยันว่า  ท่านคือผู้ที่รักยิ่งยังฉันมากกว่าตัวฉันเองแล้ว!  แล้วท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็กล่าวว่า  ต้องเดี๋ยวนี้น่ะ  โอ้ อุมัร" รายงานโดยบุคอรี (6632)

ดังนั้น  ความรักต่อร่อซูลุลเลาะฮฺ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็เสมือนความรักต่ออัลเลาะฮฺ ตะอาลา  ที่มันโชติช่วงอยู่ในห้วงหัวใจของเรา แล้วความรักนั้น  ก็จะผลักดันให้เขาปฏิบัติและดำเนินตาม  ความจริงแล้วความรักไม่ใช่เป็นการเจริญรอยตามเสมือนกับที่บางคนเข้าใจ  แต่ความรักที่โชติช่วงอยู่ในหัวใจนั้น เป็นแรงผลักดันให้เขาเจริญรอยตามคำบัญชาใช้ของอัลเลาะฮฺ ตะอาลา และเจริญรอยตามร่อซูลของพระองค์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพราะถ้าหากความรักต่ออัลเลาะฮฺตะอาลาและร่อซูลของพระองค์  คือการน้อมตามเพียงอย่างเดียวตามที่บางคนเคยเข้าใจแล้ว แน่นอนว่า พวกมุนาฟิกีนก็ย่อมเป็นผู้ที่รักอัลเลาะฮฺและร่อซูลของพระองค์ด้วย  พวกมุนาฟิกกีนในสมัยร่อซูลุลเลาะฮฺ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้นก็เจริญรอยตามเหมือนกับบรรดาซอฮาบะฮฺท่านอื่น ๆ ซึ่งพยายามปกปิดความมุนาฟิกของพวกเขาด้วยการเจริญรอยตาม  กล่าวคือพวกเขาถือศีลอดพร้อมกับบรรดาผู้ถือศีลอด  ละหมาดพร้อมกับบรรดาผู้ทำละหมาด และออกซะกาตพร้อมกับบรรดาผู้ออกซะกาต  ยิ่งกว่านั้น  บางครั้งพวกเขายังออกรบพร้อมกับนักรบทั้งหลาย  ดังนั้น  หากความรักคือการตามแล้วล่ะก็  พวกมุนาฟิกีนย่อมเป็นส่วนหนึ่งจากผู้ที่รักอัลเลาะฮฺและรักร่อซูลุลเลาะฮฺด้วยเ ช่นกัน  ทั้งที่สติปัญญาย่อมไม่เชื่อสิ่งดังกล่าวนี้

เมื่อเราทราบถึงคำนิยามความรักต่อท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  พอสังเขปนี้แล้ว  เราควรตั้งคำถามกับตนเองว่า  เมื่อมีบรรดาผู้ไม่หวังดีต่ออิสลามได้พยายามดูหมิ่นเกียรติของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ด้วยการวาดภาพล้อเลียน  แล้วอ้างว่าเป็นภาพท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ทั้งที่ความจริงภาพที่วาดนั้นไม่ใช่นบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้วเราจะมีจุดยืนอย่างไรดีครับ?

ท่านผู้อ่านที่เคารพครับ  ตราบใดยังมีพี่น้องมุสลิมที่ยังคอยตอบรับการยั่วยวนและการกวนน้ำให้ขุ่นมัวของผู้ไม่หวังดีต่ออิสลาม  ก็ย่อมหลีกไม่พ้นจากการปะทะระหว่างสัจธรรมและอธรรม  แล้วความอธรรมก็ต้องมลายหายไปอย่างแน่นอน  นั่นคือซุนนะตุลลอฮ์หรือวิถีการสรรสร้างของอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ทรงทำให้บังเกิดขึ้นในโลกนี้

พระองค์ทรงตรัสยืนยันไว้ความว่า

وَقُلْ جَاءَ الْحَقُّ وَزَهَقَ الْبَاطِلُ إِنَّ الْبَاطِلَ كَانَ زَهُوقاً

"และเจ้าจงกล่าวว่า  สัจธรรมมา  โมฆะธรรมย่อมสลาย  เพราะที่จริงแล้ว  สิ่งโมฆะย่อมเป็นสิ่งที่ต้องสลายอย่างแน่นอน" อัลอิสรออฺ : 81

พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

بَلْ نَقْذِفُ بِالْحَقِّ عَلَى الْبَاطِلِ فَيَدْمَغُهُ فَإِذَا هُوَ زَاهِقٌ

"แต่ทว่า  เราจะใช้สัจจะขว้างลงบนโมฆะ  แล้วสัจจะนั้นก็จะทำลายโมฆะ  พลันมันก็สูญหายไป" อัลอัมบิยาอฺ : 18

นี้คือซุนนะตุลลอฮ์หรือวิถีของอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ทรงให้บังเกิดขึ้น  เมื่อสัจธรรมมา  อธรรมต้องหายไป  ดังนั้น หากได้ทราบข่าวว่าที่ประเทศนั้นหรือประเทศนี้มีการล่วงละเมิดและหยามหมิ่นต่อเกียรติของท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ด้วยการวาดการ์ตูนล้อเลียนหรือเขียนหนังสือสร้างภาพลักษณ์ในเชิงอคติต่อท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพราะนั่นคือรูปแบบหนึ่งจากซุนนะตุลลอฮ์ที่พระองค์ทรงให้บังเกิดขึ้นในโลกนี้   

ท่านพี่น้องผู้อ่านครับ  กรณีการเขียนการ์ตูนล้อเลียนของเดนมาร์กนั้นได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตที่เว้นช่วงมาไม่นานนี้เอง  แต่พี่น้องอาจจะตั้งคำถามว่า  เหตุใดถึงมีซ้ำสองขึ้นมาอีก?  เราขอตอบว่า  มันเป็นแผนการและกลลวง  ประการแรกคือ พวกเขาต้องการที่จะยั่วยวนและบีบคั้นความรู้สึกของบรรดามุสลิมีนเพื่อผลักดันให้พวกเราประท้วงส่งเสียงกู่ร้องอันดัง  เพื่อทำให้จิตใจวิญญาณของเรามีความแค้นเคือง  ต่อมาก็ผลักดันให้เราปฏิบัติการที่ส่อให้เห็นถึงภาพลักษณ์แห่งการทำลาย  เผาธงชาติ  วางเพลิงสถานทูตเดนมาร์ค  มีการส่งเสียงประท้วงเดินขบวนตามถนนหนทาง  และอาจมีการเข่นฆ่าเกิดขึ้นเท่าที่มุสลิมีนจะมีความสามารถกระทำได้  ดังนั้นท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ถูกปกป้องด้วยวิธีการเช่นนี้กระนั้นหรือ?   แต่ในทางตรงกันข้างมันอาจจะเป็นเป้าหมายอันตรายของพวกเขาที่จะพยายามสร้างภาพระบายสีให้แก่บรรดามุสลิมีนและภาพก็ได้แพร่หลายขจรไปทั่วโลก  ดังนั้นพี่น้องสมควรตระหนักว่า  มันคือแผนการและกลลวง  เพื่อให้มุสลิมีนห่างไกลจากการตรวจสอบทบทวนตนเองในการพื้นฟูศักยภาพของความเป็นอัลอิสลามและเพื่อให้มุสลิมีนห่างไกลจากภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่า  ดังนั้นการที่มุสลิมีนได้สนองรับการยั่วยวนของพวกเขาเหล่านั้น  จึงเป็นเสมือนการแลกกลับมาด้วยความรู้สึกที่ล้าหลังซึ่งมุสลิมีนปัจจุบันต่างทนทุกข์กันอยู่   

พี่น้องผู้อ่านที่เคารพ  ผมอยากจะเรียนว่า  ชัยชนะของอิสลามนั้น  จะไม่อยู่ในการเคลื่อนไหวชุมนุมประท้วงแบบมีเป็นครั้งคราวเช่นนี้  และการตื่นตัวของอิสลามจะไม่บรรลุด้วยการตื่นตัวแบบครั้งคราวที่เกิดขึ้นมาไม่บ่อยครั้ง  แต่ทว่าการตื่นตัวของอัลอิสลามและชัยชนะศาสนาของอัลเลาะฮ์นั้น  อยู่ที่บรรดามุสลิมีน  โดยเฉพาะผู้นำบรรดามุสลิมีนในปัจจุบัน   ได้ร่วมมือและให้ความสนใจคำสั่งเสียของท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่ว่า

"บรรดาผู้ศรัทธานั้นอยู่ในความรักใคร่  เมตตา  และอาทรต่อกัน  ประหนึ่งเรือนร่างเดียวกัน  หากอวัยวะหนึ่งป่วย  ร่างกายส่วนอื่น ๆ ก็ร้องทุกข์ด้วยการนอนไม่หลับและไม่สบายไปด้วย" รายงานโดยมุสลิม

หากวกกลับมาดูสังคมบ้านเรา  พี่น้องมุสลิมบางส่วนแตกแยก  ความอาทร  และความเมตตาต่อกันนั้นได้จืดจางลงไป  เมื่อจะมีการนัดชุมนุมประท้วงของพี่น้อมมุสลิมบางส่วน  ก็มีทั้งพี่น้องมุสลิมฝ่ายที่คัดค้านและฝ่ายไม่ได้คัดค้านก็ว่ากันไป  ส่วนผมเองไม่ได้คัดค้านอะไร  เพราะการชุมนุมประท้วง  เป็นเรื่องมุบาห์เป็นเรื่องของดุนยา  อนุญาตให้กระทำได้หากอยู่ในกรอบศาสนาที่ถูกต้อง  แต่ผมแปลกใจกับพี่น้องบางส่วน  ที่มีแนวคิดสนับสนุนชุมนุมประท้วงโดยพยายามนำสิ่งดังกล่าวมาตัดสินว่ากลุ่มตนนั้นดีกว่า  แล้วทำการวิจารณ์สถาบันอิสลามในเมืองไทย  หาว่านิ่งเฉยนิ่งดูดาย  จึงน่าแปลกใจว่าการทำสิ่งมุบาห์ที่ตนเองคิดว่าดีนั้น  เหตุใดต้องวิจารณ์บุคคลอื่นไปพร้อม ๆ กัน  ด้วยสิ่งดังกล่าวนี้แหละครับ  คือแผนการของพวกวาดภาพการ์ตูนล้อเลียน  ซึ่งพวกเขามิได้ต้องการจะหมิ่นเกียรติท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมหรอกครับ ! เพราะไม่มีใครสามารถหมิ่นและลดเกียรติท่านร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมได้เลยแม้แต่น้อย  แต่ทว่าพวกเขาต้องการเหยียมหมิ่นบรรดามุสลิมีนและพยายามสร้างภาพให้บรรดามุสลิมีนอยู่ในภาพลักษณ์ที่ตกต่ำ  วัลอิยาซุบิลลาฮ์

ดังนั้น  เราจะมีท่าทีและจุดยืนอย่างไรต่อเหตุการณ์ดังกล่าวที่เป็นข่าวอยู่ในปัจจุบันนี้  ผมขอเรียนว่า  เรื่องนี้มันเป็นข่าวระดับโลกสมความปรารถนาของพวกที่มีความอคติต่ออิสลามจากพวกยะฮูดีและนะซอรอ  หากเราได้ทราบข่าวคราวดังกล่าว  โดยหัวใจของเราไม่รู้สึกหึงหวง  หัวใจไม่มีปฏิกิริยา  และไม่มีความรักในร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้ว  ก็จำเป็นบนเขาต้องทำการทบทวนอีหม่านที่มีต่ออัลเลาะฮ์และร่อซูลของพระองค์เสียแล้วครับ  แต่ดูเหมือนว่ายังไม่พอเพียงแค่นั้น  เพราะบางกลุ่มเอาการชุมนุมประท้วงมาเป็นมาตรฐานเพื่อแสดงตนให้คนอื่นรู้ว่ามีความรักและปกป้องท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  หากผู้ใดคัดค้านวิธีการดังกล่าวจะถูกประนามจากบางคนให้ทบความอีหม่านเสียใหม่  และหากผู้ใดไม่ให้การสนับสนุน  ก็จะถูกกล่าวหาว่าเฉยเงย  ไม่รักและไม่ปกป้องท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้วเราจะมีจุดยืนเช่นไรกันดี?

พระองค์ทรงตรัสความว่า

لَتُبْلَوُنَّ فِي أَمْوَالِكُمْ وَأَنْفُسِكُمْ وَلَتَسْمَعُنَّ مِنَ الَّذِينَ أُوتُوا الْكِتَابَ مِنْ قَبْلِكُمْ وَمِنَ الَّذِينَ أَشْرَكُوا أَذًى كَثِيرًا وَإِنْ تَصْبِرُوا وَتَتَّقُوا فَإِنَّ ذَلِكَ مِنْ عَزْمِ الْأُمُورِ

"ขอยืนยัน  โดยแน่แท้  พวกเจ้าทั้งหลายจะต้องถูกทดสอบอย่างแน่นอน  ในที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพวกเจ้าและตัวของพวกเจ้าเอง ขอยืนยัน  พวกเจ้าจะได้ยิน(ทราบข่าวความก้าวร้าว) อย่างแน่นอน  จากบรรดาผู้ถูกประทานคำภีร์ (พวกยิวและคริสต์) ที่อยู่ก่อนหน้าพวกเจ้าทั้งหลาย  และจากบรรดาผู้ตั้งภาคี  ซึ่งคำก้าวร้าวมากมาย  และหากพวกเจ้ามีความอดทนและมีความยำเกรง  แน่นอนที่สุด  สิ่งนั้นเป็นหนึ่งจากการงานที่เด็ดขาด" อาลิอิมรอน : 186

ดังนั้น  เมื่อพวกเขาแสดงความก้าวร้าวและแสดงความอคติต่ออิสลาม  พระองค์ทรงสั่งใช้ให้เรามีความอดทนและให้อยู่ในกรอบที่มีความยำเกรง  มิได้บัญญัติใช้ให้ผู้ศรัทธามีการก่อม๊อบหรือชุมนุมประท้วงเพื่อแสดงตนว่ารักและปกป้องท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  นอกจากพวกเขาทำการเหยียดหยามดูหมิ่นท่านนบี  ซ๊อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และอัลอิสลาม  โดยชักชวนบุคคลอื่น ๆ ร่วมขบวนการทำลายอิสลามด้วย

หากเราหวนกลับมาทบทวนแบบฉบับของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ปรากฏว่ามีเหตุการที่พยายามจะสร้างความเสื่อมเสีย  ดูหมิ่น  ให้ร้าย  และมีความอคติต่อท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้วท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  มีความจุดยืนและคำสอนอย่างไรต่อสิ่งดังกล่าว  ท่านบุคอรีย์ได้รายงานว่า "ยะฮูดีที่อยู่ในนครมะดีนะฮ์บางส่วนได้เข้าไปหาท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้วกล่าวว่า "อัสซามุอะลัยกุ้ม" (หมายความงาส ความตายความวิบัติจงประสบแด่ท่าน)  แล้วท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ตอบกลับไปว่า "วะอะลัยกุ้ม" (และบนพวกท่านเช่นกัน)  จนกระทั่งท่านหญิงอาอิชะฮ์  มารดาแห่งศรัทธาชน  โกรธและตอบกลับพวกเขาไปว่า "อัสซามุอะลัยกุ้ม  วะละอะนะกุมุลลอฮ์  วะฆ่อฏ่อบะอะลัยกุ้ม" (ความตายความวิบัติจงประสบแต่พวกท่าน  อัลเลาะฮ์ทรงสาปแช่งพวกท่าน  และทรงโกรธกริ้วต่อพวกท่าน)  ดังนั้น  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงกล่าวว่า  เธอจงใจเย็นเถิด  โอ้ อาอิชะฮ์  เธอจงมีความอ่อนโยน  เธอจงหลีกห่างความรุนแรง  และการพูดจาหยาบคาย  ท่านหญิงอาอิชะฮ์  กล่าวว่า  "ท่านไม่ได้ยินพวกเขาพูดดอกหรือ?" แล้วท่านนบีกล่าวถามกลับไปว่า "และเธอไม่ได้ยินคำพูดของเธอดอกหรือ?"  ทั้งที่ฉันได้พูดตอบกลับพวกเขาไปแล้ว  และคำพูดของฉันที่มีต่อพวกเขาจะถูกตอบรับ  แต่ทว่าคำพูดของพวกเขาที่มีต่อฉันนั้นจะไม่ถูกตอบรับ" ซอฮิห์บุคอรีย์ (6038)     

ยังมีอีกท่าทีหรือจุดยืนหนึ่งที่  กะอับ บุตร อัลอัชร๊อฟ  ได้ทำการด่าทอ  และยุยงส่งเสริมด้วยบรรดาคำพูดกับชาวอาหรับเผ่าต่าง ๆ  และยังกล่าวบทกวีเกี้ยวพาราสีต่อบรรดาสตรีผู้มีศรัทธา  อบูดาวูดรายงานว่า "กะอับ บุตร อัลอัชร๊อฟ  ได้กล่าวบทกวีเสียดสีท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ยุงยงให้พวกกุฟฟารกุเรชต่อต้านท่านนบี  ซึ่งในขณะที่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้มาที่นครมะดีนะฮ์  ผู้คนทั้งหลายต่างอยู่ปะปนกันไป  มีทั้งมุสลิมีน  พวกมุชริกีนที่บูชาเจว็ด  และพวกยาฮูดี  ซึ่งพวกเขาก็สร้างความเดือนร้อนแก่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมและบรรดาซอฮาบะฮ์ของท่าน  ดังนั้น  อัลเลาะฮ์ตะอาลา  จึงบัญชาใช้ให้ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  มีความอดทนและให้อภัย  เพราะองค์จึงได้ประทานอายะฮ์อัลกุรอานเกี่ยวกับพวกเขาความว่า "ขอยืนยัน  โดยแน่แท้  พวกเจ้าทั้งหลายจะต้องถูกทดสอบอย่างแน่นอน  ในที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของพวกเจ้าและตัวของพวกเจ้าเอง ขอยืนยัน  พวกเจ้าจะได้ยิน(ทราบข่าวความก้าวร้าว) อย่างแน่นอน  จากบรรดาผู้ถูกประทานคำภีร์ (พวกยิวและคริสต์) ที่อยู่ก่อนหน้าพวกเจ้าทั้งหลาย  และจากบรรดาผู้ตั้งภาคี  ซึ่งคำก้าวร้าวมากมาย  และหากพวกเจ้ามีความอดทนและมีความยำเกรง  แน่นอนที่สุด  สิ่งนั้นเป็นหนึ่งจากการงานที่เด็ดขาด" อาลิอิมรอน : 186  ดังนั้น  ในขณะที่กะอับ บุตร อัลอัชร๊อฟ ได้ปฏิเสธการถอนตัวจากการสร้างความเดือนร้อนต่อท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ท่านจึงใช้ให้สะอัด บุตร มุอาซฺ  ส่งคนไปฆ่าเขา" รายงานโดยอบูดาวูด (3002)

ท่านอบูดาวูดรายงานต่อไปว่า  "ในขณะที่มุสลิมีนกลุ่มนั้นได้ฆ่าเขาแล้ว  พวกยะฮูดีและพวกมุชริกีนได้มีความหวาดกลัว  พวกเขาจึงเข้าพบกับท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  แล้วกล่าวว่า  มิตรสหายของเราคนหนึ่งได้ถูกฆ่าตาย  ดังนั้น  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงเล่าเรื่องราวที่กะอับ บุตร อัลอัชร๊อฟได้พูดกวีเกี่ยวกับท่าน  และท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงได้เรียกร้องให้พวกเขาทำการเขียนสนธิสัญญาระหว่างกันเพื่อให้ยุติเรื่องดังกล่าว  ดังนั้นท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงทำการเขียนสนธิสัญญาร่วมกันระหว่างพวกเขาโดยให้มีการบังคับใช้โดยทั่วกัน" รายงานโดยอบูดาวูด(3002)

ท่านมุสลิมได้รายงานจากท่านอบีสะอีด อัลคุดรีย์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ว่า  "ขณะที่เราอยู่กับร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ซึ่งท่านกำลังแบ่ง(ทรัพย์ที่ได้มาจากสงคราม) ซุลคุวัยซิเราะฮ์  ซึ่งเป็นชายคนหนึ่งจากบนีตะมีม  ได้รุดมาหาท่าน  แล้วกล่าวว่า  "โอ้  ร่อซูลุลลอฮ์  ท่านจงยุติธรรม!"  ท่านร่อซูลุลลอฮ์จึงกล่าวว่า  "โอ้ท่านเอ๋ย  ใครเล่าจะยุติธรรมหากฉันไม่ยุติธรรม  แท้จริงแล้วท่านได้ล้มเหลวและขาดทุนแน่นอนหากฉันไม่เคยยุติธรรม"  แล้วท่านอุมัร ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  กล่าวว่า  "โอ้  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  อนุญาตให้ฉันฟันคอเขาเถิด"  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  กล่าวว่า  "ท่านจงปล่อยเข้าไปเถอะ" รายงานโดยมุสลิม(1505)

จากซุนนะฮ์ทั้งสามบทนี้  คือจุดยืนและท่าทีของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมที่มีต่อบุคคลซึ่งทำการด่าทอ  เสียดสี  และหยามหมิ่นต่อท่าน  ก็คือการดำรงไว้ซึ่งจรรยามารยาทที่ดีงาม  กล่าวถ้อยคำที่ดี  อะลุ่มอะล่วยในบางสถานะการณ์  นอกจากผู้ที่ดูหมิ่นนั้นได้ผนวกไว้ซึ่งการส่งเสริมยุงยงให้ผู้อื่นทำการต่อต้านอัลอิสลาม  ซึ่งอนุญาตให้ทำการฆ่าได้  แต่ถ้าหากมิเป็นเช่นนั้น  ท่านร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็ได้ทำการเรียกร้องให้มีการเจรจาและทำการตกลงสนธิสัญญาอย่างสันติ  นี่คือจุดยืนแห่งซุนนะฮ์ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

ดังนั้น  บรรดาอุลามาอ์ระดับโลกในยุคปัจจุบันของเรามากมาย  ได้ทำการเคลื่อนไหวที่อยู่ในกรอบของหลักการ  เรียกร้องให้มีการหันหน้ามาเจรจาเพื่อความสันติร่วมกันระหว่างอุลามาอ์โลกมุสลิมกับรัฐบาลเดนมาร์ก  ส่วนหน้าที่ของเราตอนนี้คือช่วยกันงดให้การสนับสนุนสินค้าของเดนมาร์ก  ให้มีความอดทน  มีความยำเกรง  และขอดุอาเพราะดุอาคืออาวุธของผู้ศรัทธาตามที่ซุนนะฮ์ได้กล่าวไว้ (ส่วนการประท้วงมิใช่อาวุธของผู้ศรัทธาตามหลักซุนนะฮ์) อย่างน้อยในดุอากุนูตทุกละหมาดซุบฮ์  ที่ว่า وَلاَ يَعِزُّ مَنْ عَادَيْتَ " และบุคคลที่พระองค์โกรธกริ้วจะไม่มีเกียรติ"  อามีน ยาร๊อบ  และปลูกฝังมุสลิมีนได้เรียนรู้ชีวประวัติ  มีความรักและเจริญรอยตามแบบฉบับอันดีงามของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เคยกระทำขึ้นมา (ซุนนะฮ์เฟี๊ยะอฺลียะฮ์) ในการปฏิบัติต่อตนเองและพี่น้องที่ได้ชื่อว่าเป็นมุสลิม ซึ่งเป็นซุนนะฮ์ที่พี่น้องมากมายยังนิ่งเฉย

วัลฮัมดุลิลลาฮ์ร๊อบบิลอาละมีน
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: สรุปผลพรุ่งนี้ สำหรับอัลอะชาอิเราะห์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: มี.ค. 10, 2008, 10:37 AM »
0
ต่อไปนี้   เป็นจุดยืนของพี่น้องไปเว็บไซต์แห่งนี้แบบพอสังเขป  ซึ่งเราให้การยอมรับและเห็นด้วย  โดยไม่ต้องทำการโฆษณาให้คนอื่นรู้ถึงความในใจของเราที่มีความรักต่ออัลเลาะฮ์และร่อซูลุลลอฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพราะสะละฟุศศอลิห์  ไม่ชอบที่จะบอกว่าตนเองรักต่ออัลเลาะฮ์และร่อซูลุลลอฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ให้คนอื่นได้รับฟัง  เพราะมันเป็นความรู้สึกทางจิตใจโดยตรง  โดยไม่โอ้อวดออกมาจากทางคำพูดให้มนุษย์รู้แบบเกินเลยครับ

al-azhary

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

พวกที่วาดการ์ตูนล้อเลียน  หนังสือพิมพ์ที่จัดการตีพิมพ์  โดยอ้างเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนั้น  พวกนี้สงสัยคงมีค่าจ้างเบื้องหลังให้กระทำสิ่งดังกล่าว  และเพื่อให้มุสลิมทำการประท้วง  โดยให้เห็นชาวโลกเห็นว่ามุสลิมเป็นพวกที่ชอบสร้างปัญหา  เน้นความรุนแรงในการแก้ปัญหา   พยายามให้ชาวโลกเบนเบียงความสนใจข่าวเรื่องการวาดการ์ตูน  โดยลืมเหตุการณ์ปาเลสไตน์และอีรักในปัจจุบัน 

แผนการดังกล่าวเหมือน :

 إِنْ هُمْ إِلَّا كَالْأَنْعَامِ بَلْ هُمْ أَضَلُّ سَبِيلاً

ًً"พวกเขามิใช่อื่นใดนอกจากประหนึ่งปศุสัตว์  ยิ่งกว่านั้นพวกเขาหลงทางเป็นที่สุด" ฟุรกอน 33

صدق الله العظيم


قطوف من أزاهير النور

เชคยูซุฟ อัลกอรฎอวีย์ เรียกร้องให้บอยคอตสินค้าเดนมาร์ก



เชคยูซุฟเรียกร้องให้เราตอบรับการเรียกร้องครั้งนี้อย่างแข็งขัน มิฉะนั้นเราจะกลายเป็นประชาชาติที่อ่อนแอในสายตาชาวโลก
"น่าเสียใจเป้นอย่างยิ่ง ที่มุสลิมเริ่มต้นอย่างแข็งขันในเรื่องนี้  จากนั้นปล่อยวางมันลงและความกระตือรือล้นนั้นลดน้อยถอยลง"

"หน้าที่ของพวกเราคือต้องบอยคอตสินค้าต่อไป" การส่งออกของประเทศเดนมาร์กไปประเทศมุสลิมลดลงมากกว่า 11 % ในปี 2006 ในการบอยคอต

Boycott Danish goods: Qaradawi

Deeneeyah

พวกมันต้องการให้มุสลิมออกมาประทวงและก่อเหตุรุนแรงเยอะๆ  เพื่อจะให้สื่อโดยเฉพาะสือโทรทัศน์ทำหน้าที่ดิสเครดิตมุสลิม
ที่สำคัญพวกมันลงทุนแค่วาดการ์ตูนเท่านั้น

การตอบโต้ด้วยการบอยคอตน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด

หากศึกษาสมัยของท่าน ร่อซูล ซ้อลล้อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ท่านโดนมาหนักกว่านี้มากมาย โดนเอาขยะเทใส่ศีรษะอันประเสริฐของท่านมั่ง โดน เอาผงกระดูกมาโปรยเยอะเย้ยบ้าง แม้กระทั่งโดนหินข้วงจนกระทั่วเลือดโซมกาย
แล้วท่านตอบโต้อย่างไรเราควรศึกษาแบบฉบับของท่านตรงนี้กันด้วยน่ะครับ

อัลลอฮุมมะซ้อลลิอะลาซัยยิดินามุฮัมหมัด  วะอะลาซัยยิดินามุฮัมหมัด

นูรุ้ลอิสลาม

     พอดีไปอ่านเว็บมุรีดเกี่ยวกับการเสวนาเรื่องการประท้วง  ซึ่งผลสรุปอย่างปฏิเสธไม่ได้ก็คือ  การประท้วงเป็นบิดอะฮ์  วะฮาบีแบ่งบิดอะฮ์ออกเป็น 2 นัยยะ  คือ บิดอะฮ์ศาสนาและบิดอะฮ์ดุนยา  ซึ่งตามหลักการของวะฮาบีย์แล้ว  การประท้วงเป็นบิดอะฮ์ดุนยา  คือสิ่งที่นบีไม่ได้ทำโดยไม่เกี่ยวข้องกับศาสนา  ดังนั้นการประท้วงไม่ได้เป็นเรื่องของศาสนา  แต่เป็นเรื่องดุนยา

     แต่กระนั้น  เราจึงแปลกใจว่า  ทำไมวะฮาบีเขาพูดสนับสนุนทัศนะตนเองในเรื่องการประท้วงเหมือนกับมันเป็นเรื่องศาสนา  บางคนบอกว่าใครปฏิเสธการประท้วงกล่าวว่ามันเป็นบิดอะฮ์ต้องตรวจสอบอีหม่าน?! ทั้งที่การประท้วงเป็นเรื่องดุนยา  บางคนบอกว่าหากผู้ไม่สนับสนุนการประท้วงถือว่าไม่ปกป้องท่านนบี  และจะถูกสอบถามจากอัลเลาะฮ์?!  หากเป็นแบบนี้จริงแสดงว่ามุสลิมเป็นพันล้านทั่วโลกที่ไม่ได้ประท้วงต้องถูกสอบถามจากอัลเลาะฮ์หรืออย่างไรกัน?!  หากการประท้วงเป็นสิ่งที่ดีงามและปกป้องท่านนบี  อุลามาอ์โลกทั้งหลายต้องมีบ้างล่ะขอรับที่เป็นแกนนำในการเดินประท้วง   

     ใครหรือครับที่ให้คำนิยามหรือกำหนดหลักการว่าการประท้วงคือการปกป้องท่านนบีเท่านั้น   ทั้งที่ปัจจุบันนี้มีอุลามาอ์ของเรามากมายที่ทำการคัดค้านโดยตรงและอยู่ในกรอบของอิสลาม   มีการเจรจาโดยตรงกับรัฐบาลเดนมาร์ก  เรียกร้องความเป็นธรรมให้ยุติอย่างสันติ  ซึ่งภาระหน้าที่ในรูปแบบดังกล่าวนั้นระดับอุละมาอ์โลกได้จัดการดำเนินการอยู่แล้ว  ซึ่งเป็นวิธีการที่พวกเดนมาร์กเขาไม่ชอบ  เนื่องจากพวกเขาต้องการให้มุสลิมลุกฮือเดินทางกลางถนนตะโกนประท้วงเพื่อให้ชาวโลกได้เห็นภาพลักษณ์ของมุสลิม

     ดังนั้นเมื่อมีอุลามาอ์ระดับโลกได้ดำเนินการในเรื่องนี้แล้ว  คนอย่างเราๆ ในเมืองไทยก็พยายามขอดุอา  ร่วมด้วยช่วยกันขอกันทุกละหมาดขอให้พวกเขามีการตกลงด้วยสันติวิธีและขอให้ผู้ไม่หวังดีอิสลามนั้นได้รับการตอบที่เหมาะสมจากอัลเลาะฮ์  แต่เป็นที่แปลกใจที่ว่า  มีบางคนที่สนับสนุนการปะท้วงได้วิจารณ์ผู้ทำการขอดุอาว่าเป็นพวกนิ่งเฉยหรือนิ่งดูดาย  ทั้งที่ซุนนะฮ์นบีบอกว่า "การขอดุอาเป็นอาวุธของผู้ศรัทธา" ความเลยเถิดในเรื่องการประท้วงซึ่งเป็นบิดอะฮ์ดุนยาเป็นเหตุให้ตำหนิพี่น้องมุสลิมที่เลือกแนวทางการขอดุอาตามซุนนะฮ์นบี 

     ดังนั้นเมื่อการประท้วงเป็นบิดอะฮ์ดุนยาแล้ว  คนที่ไม่สนับสนุนในเรื่องบิดอะฮ์ดุนยา  ทำไมต้องถูกวิจารณ์ถูกตราหน้าว่าไม่ปกป้องนบีล่ะ   และเมื่ออุลามาอฺระดับโลกได้ดำเนินการแล้ว  พวกเดนมาร์กเขาก็รู้แล้วว่ามุสลิมไม่พอใจในสิ่งที่พวกเขากระทำ  ฉะนั้นหากไปประท้วงเพื่อแสดงจุดยืนให้เดนมาร์กทราบ  กระผมขอบอกว่าพวกเดนมาร์กเขาทราบมานานก่อนที่จะตีพิมพ์ภาพวาดครั้งที่สองเสียอีก  หากจะแสดงให้มนุษย์รู้  เราก็ได้แค่การแสดงให้มนุษย์รู้  หากจะแสดงจุดยืนให้อัลเลาะฮ์รู้  แน่นอนว่าการประท้วงไม่เป็นเงื่อนไขในการปกป้องนบี  เพราะอุลามาอฺโลกอิสลามไม่มีใครไปเดินประท้วง  และหากการประท้วงหมายถึงการปกป้องนบี  แสดงว่าอุลามาอฺโลกอิสลามไม่ได้ปกป้องนบีน่ะซิขอรับ

     สรุปคือการประท้วงเป็นบิดอะฮ์ดุนยาตามทัศนะของวะฮาบี  หรือเป็นบิดอะฮ์มุบาห์ตามทัศนะของเรา  แต่ไปอ่านบางกระทู้ของเว็บดังกล่าว  มีคนบอกว่า  หากการประท้วงกระทำได้ด้วยการอ้างเหตุผลว่ารักนบีและปกป้องนบี  ก็แสดงว่าเมาลิดก็ทำได้เช่นกัน  เป็นจุดหนึ่งที่น่าคิดเหมือนกันขอรับ 

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged