อัสลามุอะลัยกุ้ม
เราลองมาดูการเผยแพร่ในแง่มุมของวะฮาบีย์กันครับ เวลาเราจะเสวนากับวะฮาบีย์เนี่ย พวกเขาจะไม่ใช้หลักมูลฐานนิติศาสตร์ของสะละฟุศศอลิหฺ แต่เขาจะใช้หลักนิติศาสตร์แบบวะฮาบีย์ กล่าวคือเน้นเฉพาะหลักฐานที่ตัวเองจะเอาเท่านั้น โดยปิดหูปิดตาปิดจมูกปิดสมองไม่รับอะไรอีกแล้วนอกจากสิ่งที่ตนจะเอา
1. พอประเด็นใหนที่มีหะดิษนบีมาระบุและวะฮาบีย์คิดว่านี่แหละใช่แล้ว เขาก็จะอ้างทันทีว่า นี่แหละคือซุนนะฮ์ ทัศนะอื่นบิดอะฮ์ หากมีสะลัฟมีทัศนะอื่นไม่เหมือนกับตน ก็จะบอกว่า สะลัฟผู้นั้นวินิจฉัยผิด และพยายามแอบอ้างว่าเราต้องตามซุนนะฮ์ไม่ใช่ตามสะลัฟคนอื่นที่วินิจฉัยผิด ทั้งที่ทัศนะของสะลัฟคนอื่นนั้นเขาก็มีหลักฐานจากซุนนะฮ์เหมือนกัน (แต่ผิด)
2. พอประเด็นใหนที่สะลัฟไม่เคยกระทำ วะฮาบีย์ก็จะอ้างว่า พวกเขาตามซุนนะฮ์นบีตามสะลัฟเท่านั้น แต่พอมีซอฮาบะฮ์หรือมีสะลัฟท่านหนึ่งได้มีทัศนะที่ขัดกับวะฮาบีย์ ก็จะบอกว่าพวกผมมีทัศนะที่ผิดพลาด เพราะมนุษย์มีผิดและถูก(นอกจากทัศนะวะฮาบีย์เท่านั้นที่ถูกอย่างเดียว)
3. พอประเด็นหนึ่งประเด็นใดที่ อิมามชาฟิอีย์ไม่ได้กล่าวไว้ หรือบรรดาสานุศิษย์หรืออุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์ไม่ได้กล่าวไว้ วะฮาบีย์ก็จะปิดประตูวินิจฉัยทันทีแล้วบอกว่า พวกเขานี่แหละตามมัซฮับชาฟิอีย์และสานุศิษย์มัซฮับชาฟิอีย์ โตมากับมัซฮับชาฟิอีย์ หากไม่มีคำพูดหรือทัศนะของอิมามชาฟิอีย์และสานุศิษย์บอกไว้ เขาจะไม่ตาม พอเวลาตอนนี้ วะฮาบีย์ก็จะอ้างตนทันทีว่า เขาอยู่มัซฮับชาฟิอีย์ของแท้ แต่ผู้ที่อยู่มัซฮับชาฟิอีย์จริง ๆ ก็ถูกมองว่า ไม่ใช่มัซฮับชาฟิอีย์เสียแล้ว
4. วะฮาบีย์พยายามกล่าวอ้างในทัศนะของตนเองเสมอว่า สิ่งที่ตนเองยึดนั้นถูกต้องและมีซุนนะฮ์ซอฮิหฺรับรอง และแอบอ้างอย่างน่าเกลียดว่า นี่แหละมัซฮับชาฟิอีย์ เพราะอิมามชาฟิอีย์บอกว่า "เมื่อหะดิษซอเฮี๊ยะห์ นั่นคือมัซฮับของฉัน" ทั้งที่ อ.วะฮาบีย์ ที่ชอบกล่าวอ้างอย่างนั้น ไร้ความเข้าใจในคำพูดของอิมามชาฟิอีย์
5. แนวทางอื่นผิด แต่แนวทางฉันถูกอย่างเดียว จนผู้ทำรู้วะฮาบีย์บางคนบอกว่า การละหมาดวันศุกร์โดยมีเงื่อนไข 40 คนนั้น ไม่ใช่บทบัญญัติของอัลเลาะฮ์และร่อซูลุลเลาะฮ์ (หมายถึงไม่ใช่หลักการของอิสลาม) ธาติแท้ค่อวาริจญ์เริ่มฉายให้เห็นแล้วล่ะครับ
