เหตุใดท่านนบีมีภรรยาหลายคน?
1. เมื่อท่านนบี มุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีอายุได้ 25 ปี ท่านได้สมรสกับท่านหญิงคอดียะฮ์ ซึ่งเป็นคู่สมรสแรกของท่าน โดยนางมีอายุมากกว่าท่านนบีถึง 15 ปี และเคยแต่งงานมาแล้วถึง 2 ครั้ง ท่านได้ใช้ชีวิตคู่ร่วมกับนางเป็นเวลานานถึง 28 ปี จนกระทั่งนางได้เสียชีวิต ท่านนบีก็ยังระลึกถึงช่วงระยะเวลาดังกล่าว จนเป็นเหตุให้ภรรยาบางท่านของท่านเกิดความรู้สึกอิจฉาในเวลาต่อมา
2. ชีวิตของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทั้งก่อนและหลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นนบี เป็นที่ทราบกันดีว่า ท่านไม่ใช่คนที่หมกมุ่นในเรื่องเพศ ฉะนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรที่คนมีอายุมากกว่า 50 ปีแล้ว จะหมกมุ่นกับเรื่องดังกล่าว ทั้ง ๆ ที่ท่านนบีสมัยเป็นหนุ่ม ท่านมีโอกาสมากที่จะตักตวงเรื่องนี้ได้เหมือนกับเพื่อน ๆ ที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน แต่ท่านก็มิได้สนองโอกาสนั้น ซึ่งในบรรดาภรรยาของท่านนั้น มีเพียงท่านหญิงอาอิชะฮ์ผู้เดียวที่เป็นผู้หญิงพรมจรรย์ ส่วนภรรยาคนอื่น ๆ เป็นหม้ายมาก่อน การแต่งงานของท่านนั้นเป็นการแต่งงานเพื่อมีเป้าหมายด้านมนุษยธรรมหรือด้วยเหตุผลที่จะปฏิบัติตามหลักการทางศาสนา แต่มิใช่เพราะเหตุผลทางด้านความใคร่ (หนังสือ อัลอิสลาม ฟี มิรอาติล ฟิกริล ฆ่อร่อบีย์ 31 - 32)
3. หลังจากท่านอยู่ในวันเกิน 50 ปี ท่านได้สมรสกับท่านนางเซาดะฮ์ บุตรี ซัมอะฮ์ ซึ่งเป็นในบรรดาซอฮาบียะฮ์ที่เป็นหม้าย และเป็นที่ทราบกันดีว่า ท่านนางไม่ได้เป็นคนสวย ร่ำรวย และไม่ได้มาจากตระกูลที่สูงส่ง ท่านได้แต่งกับนางเพื่อช่วยเหลือและให้การเลี้ยงดูครอบครัวซอฮาบะฮ์ของท่านที่พลีชีพในหนทางของอัลเลาะฮ์ ส่วนการสมรสกับท่านหญิงอาอิชะฮ์ซึ่งเป็นบุตรีของอบูบักรฺ และท่านหญิงหับเซาะฮ์ บุตร ของอุมัร เพื่อเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่บแฟ้นยิ่งขึ้นกับบุคคลทั้งสอง
4. ในส่วนท่านนางอุมมุซะละมะฮ์นั้น นางเป็นหญิงหม้ายที่สูญเสียสามีในสงครามอุหุด ทั้ง ๆ ที่ท่านนางมีอายุมาก แต่ท่านนบีก็ประสงค์ที่จะแต่งงานกับนาง ทั้งนี้ด้วยเหตุผลด้านมนุษยธรรม
ส่วนท่านนางรอมละฮ์ บุตรี อบูซุฟยาน ซึ่งอพยพไปยังเอธิโอเปียพร้อมกับสามีผู้ได้สละศาสนาอิสลาม และหันไปนับถือศาสนาคริสต์ ได้ละทิ้งนางไปโดยไม่ให้การดูแล ท่านนบีจึงส่งสารไปยังกษัตริย์นะญาชี่ ผู้ครองประเทศเอธิโอเปีย ขอให้กษัตริย์ฯ ส่งท่านนางรอมละฮ์กลับ เพื่อมีเจตนาที่จะช่วยเหลือนางให้รอดพ้นจากการถูกประหารชีวิต และท่านหวังว่า การสมรสกับนางนั้น จะทำให้บิดาของนางซึ่งมีอิทธิพลในนครมักกะฮ์เข้ารับอิสลาม
ท่านนบีสมรสกับท่านนางญุวัยรียะฮ์ บุตร อัลหาริษ และเป็นหนึ่งในเชลยศึกที่ถูกจับในสมรภูมิอัลมุสตะลัก เนื่องจากบิดาของนางเป็นหัวหน้าเผ่า ท่านจึงให้เกียตริและปกป้องนางจากการตกเป็นเฉลยศึกด้วยการสมรสกับนาง และท่านได้ทรงเรียกร้องให้ชาวมุสลิมปลดปล่อยผู้เป็นเชลย และก็ได้รับการตอบสนอง
ท่านได้สมรสกับท่านนางซอฟียะฮ์ บุตรีของหัวหน้าเผ่ายิวแห่งบะนีกุร๊อยเซาะฮ์ โดยท่านเปิดโอกาสให้นางเลือกที่จะสมรสกับท่านหรือกลับไปยังพวกของตน ซึ่งนางตัดสินใจที่จะสมรสกับนบี (หนังสือฮะกออิก อัลอิสลาม วะอะบาฏีลิ คุซูมีฮี ของ อับบาส อักก็อด หน้า 192)
5. ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมสมรสกับท่านนางซัยนับ บุตรี ญะห์ชิน และมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของท่าน ทั้งนี้ก็เพื่อจะปฏิบัติตามบทบัญญัติของศาสนา โดยก่อนหน้านี้นางได้สมรสกับ เซต บุตร ซาบิต ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของท่านนบี แต่การสมรสครั้งนั้นไม่ได้ยั่งยืนและมีการหย่าร้างในเวลาต่อมา ประเพณีของอาหรับในสมัยนั้นห้ามให้ผู้ชายแต่งงานกับหญิงที่ได้หย่าร้างกับบุตรบุญธรรมของตนเอง แต่ทั้งนี้ท่านนบีได้รับวะฮีจากอัลเลาะฮ์เพื่อยกเลิกข้อกล่าวหาดังกล่าว ดังปรากฏไว้ในอัลกุรอาน ความว่า
فَلَمَّا قَضَى زَيْدٌ مِّنْهَا وَطَراً زَوَّجْنَاكَهَا لِكَيْ لَا يَكُونَ عَلَى الْمُؤْمِنِينَ حَرَجٌ فِي أَزْوَاجِ أَدْعِيَائِهِمْ إِذَا قَضَوْا مِنْهُنَّ وَطَراً وَكَانَ أَمْرُ اللَّهِ مَفْعُولاً
"และเมื่อเซตด้หย่ากับนางแล้ว เราได้ให้เจ้าแต่งงานกับนาง เพื่อที่จะไม่เป็นที่ลำบากใจแก่บรรดาผู้ศรัทธาของชาย (การสมรสกับ) ภริยาของบุตรบุญธรรมของพวกเขา เมื่อพวกเขาหย่ากับพวกนางแล้ว และพระบัญชาของอัลเลาะห์นั้น จะต้องบรรลุผลเสมอ" อัลอะห์ซาบ : 38
---------------------------------
อ้างอิงจากหนังสือ : ฮะกออิก อิสลามียะฮ์ ของ ศาสตราจารย์ ด๊อกเตอร์ ฮัมดี ซักซูก หน้า 31 - 34