ผู้เขียน หัวข้อ: เชื้อสายและชีวิตช่วงเยาว์วัยของท่านนบี ซ๊อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  (อ่าน 3206 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

เชื้อสายและชีวิตช่วงเยาว์วัยของท่านนบี  ซ๊อลลัลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

       เชื้อสายของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  คือ  ท่านชื่อ  มุหัมมัด บุตร  อับดุลเลาะฮ์  บุตร  ของอับดุลมุฏฏอลิบ ,  ซึ่งถูกเรียกชื่ออีกอย่างหนึ่งว่า  ชัยบะตุลหัมดฺ , ซึ่งเขาเป็นบุตร  ฮาชิม  บุตร  อับดุมะนาฟ , ซึ่งเขาชื่อ อัลมุฆีเราะฮ์,  เขานั้นเป็น บุตร กุซ็อยยฺ , ซึ่งกุซ็อยยฺมีชื่อว่า  ซัยดฺ ,  เขาเป็น บุตร  กิลาบ  บุตร  มุรเราะฮ์  บุตร  กะอับ  บุตร  ลุอัยยฺ  บุตร  ฆอลิบ  บุตร  ฟิหฺร์  บุตร  มาลิก  บุตร  นัฏรฺ  บุตร  กินานะฮ์  บุตร  คุซัยมะฮ์  บุตร  มุดริกะฮ์  บุตร  อัลยาส  บุตร  มุฏ๊อร  บุตร นะซฺาร  บุตร  มะอัด  บุตร  อัดนาน (ลูกหลานนบีอิสมาอีล อะลัยฮิสลาม)

       นี้คือเชื้อสายของท่านนบีมุฮัมมัด  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่มีความเห็นสอดคล้องกันของปวงปราชญ์นักประวัติศาสตร์   นอกเหนือจากนี้  ยังมีทัศนะที่การขัดแย้งกันซึ่งไม่สามารถนำมายึดถือได้   แต่ทัศนะที่ไม่มีการขัดแย้งกันก็คือ  ท่านอัดนาน  เป็นลูกหลานของท่านนบีอิสมาอีล บุตร ของท่านนบีอิบรอฮีม  อะลัยฮิมัซซ่อลาตุวัสลาม  , และอัลเลาะฮ์ (ซ.บ.)  ได้ทรงเลือกให้ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  มาจากเผ่าที่มีความเฉลียวฉลาด  และมีเชื้อสายที่บริสุทธิ์  ดังนั้น  ท่านนบีมุฮัมมัด  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงไม่ได้รับการสืบทอดจากเชื้อสายของพวกญาฮิลียะฮ์ที่มัวหมองเลย

       ท่านมุสลิมได้รายงาน โดยสายสืบของเขา  จากท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ว่า  " แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงเลือกเฟ้น กินานะฮ์ ให้มาจากลูกหลานของอิสมาอีล  และทรงเลือกเฟ้นกุเรชให้มาจากกินานะฮ์  และทรงเลือกฮาชิมให้มาจากกุเรช  และทรงเลือกฉันให้มากจากอบีฮาชิม"

       ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ประสูติในปีช้าง  ซึ่งเป็นปีที่อับรอหะฮ์ อัลอัชร๊อม  ได้ยกทัพเพื่อพิชิตมักกะฮ์และต้องการทำลายอัล-กะบะฮ์  ดังนั้น  อัลเลาะฮฺ  ซุบหานะฮ์ฯ  ได้ทำการโต้ตอบเขาด้วยสิ่งหัสจรรย์อันชัดแจ้งตามที่พระองค์ได้พรรณนาเอาไว้ในอัลกุรอาน   ส่วนทัศนะที่มีน้ำหนักท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ประสูติในคืนวันจันทร์ที่  12  เดือนร่อบิอุลเอาวัล

       ท่านเกิดมาเป็นเด็กกำพร้า  บิดาของท่านเสียชีวิต ในขณะที่อยู่ในครรภ์มารดาได้เพียงสองเดือนเท่านั้น  ดังนั้น  ปู่ของท่านคืออับดุลมุฏฏอลิบจึงนำมาอุปการะและหาแม่นมให้ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  - ตามประเพณีของชาวอาหรับ - ซึ่งแม่นมนั้น  ก็มาจากเผ่าบนีสะอัด  บิน บักร์  นางมีนามว่า  หะลีมะฮ์ บุตรี  อบีซุอัยบฺ

       นักประวัติศาสตร์มีมติเห็นพร้องกันว่า  สถานที่อาศัยของเผ่าบนีสะอัดนั้นได้รับความเดือดร้อน  เนื่องจากเป็นปีที่แห้งแล้ง  เต้านมของปศุสัตว์แห้งเหือด  สิ่งเพาะปลูกก็เหี่ยวเฉา  แต่สิ่งดังกล่าวต้องหมดไป  เนื่องจากท่านนบีมุหัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เข้ามาอาศัยอยู่ที่พำนักของท่านนางหะลีมะฮ์ซึ่งเป็นแม่นมและได้อยู่ในอ้อมอกของนาง  จนกระทั้งบรรดาเต็นท์พำนักของนางหะลีมะฮ์  กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์  มีทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มงอกงาม  และบรรดาแกะที่จากไปก็หวนกลับมาสู่ที่อาศัยเดิมโดยสภาพที่น้ำนมเต็มเต้า

       ในขณะที่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้อยู่ที่เผ่าบนีสะอัด  ได้เกิดเหตุการณ์ผ่าหน้าอกซึ่งรายงานโดยท่านมุสลิม   หลังจากนั้น  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ถูกส่งกลับไปยังอ้อมกอดของมารดา  ในขณะที่มีอายุ 5 ขวบ

       มารดาของท่านเสียชีวิตขณะที่ท่านมีอายุได้ 6 ปี   และปู่ของท่าน คืออับดุลมุฏฏอลิบได้นำไปอุปการะจนกระทั้งปู่เสียชีวิตในขณะที่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  อายุได้  8 ขวบ  แล้วอบูฏอลิบจึงรับท่านนบี  ซ๊อลลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มาอุปการะต่อไป

       บทเรียนจากประวัติศาสตร์

        1.  จากสิ่งที่เราได้กล่าวไปแล้วข้างต้นเกี่ยวกับเชื้อตระกูลสายอันมีเกียตริของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ซึ่งเป็นข้อบ่งชี้อย่างชัดเจนว่า  อัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮ์ฯ  ได้ทำให้ชนอาหรับมีความโดดเด่นกว่าชนชาติอื่น  ๆ  และทรงทำให้เผ่ากุเรชมีความประเสริฐเหนือเผ่าอื่น ๆ อีกด้วย   ซึ่งท่านจะพบข้อบ่งชี้นี้ได้อย่างชัดเจนจากหะดิษที่รายงานโดยท่านมุสลิม  และยังมีหะดิษอื่นอีกมากมายที่รายงานในความหมายเดียวกันนี้  เช่น  ท่านอัตติรมีซีย์  รายงานว่า  "แท้จริงท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ยืนบนมิมบัร  แล้วกล่าวว่า  "ฉันคือใคร?"  บรรดาซอฮาบะฮ์ตอบว่า  "ท่านคือศาสนทูตของอัลเลาะฮ์  ขอความสันติจงมีแด่ท่าน"  แล้วท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็กล่าวว่า " ฉันคือ มุฮัมมัด บุตร อับดุลเลาะฮ์  บุตร อับดุลมุฏฏอลิบ  แท้จริง  อัลเลาะฮ์ทรงสร้างบรรดามัคโลค , หลังจากนั้น พระองค์ได้ทำให้พวกเขาเป็นสองกลุ่ม  โดยทำให้ฉันอยู่ในกลุ่มชนที่ดีเลิศ ,  หลังจากนั้น  พระองค์ทรงทำให้พวกเขามีหลายเผ่า  แล้วพระองค์ได้ทำให้ฉันอยู่ในเผ่าที่ดีเลิศ ,  หลังจากนั้นพระองค์ทรงทำให้พวกเขามี หลายที่พำนัก  แล้วพระองค์ก็ทรงทำให้ฉันอยู่ในที่พำนักที่ดีเลิศที่สุดและเป็นผู้ที่มีจิตใจดีที่สุด"

       ท่านผู้อ่านพึงทราบเถิดว่า  นัยยะแห่งความรักต่อท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็คือการมีความรักต่อกลุ่มชนที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อาศัยอยู่ร่วมด้วยกับพวกเขา  และมีความรักต่อเผ่าที่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ถือกำเหนิดขึ้นที่นั่น

        2.  ไม่ใช่เป็นความบังเอิญที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เกิดมาโดยเป็นเด็กกำพร้า  และไม่ใช่เป็นการบังเอิญเช่นกันที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้จากปู่ของท่านตั้งแต่เยาวัย  ดังนั้น  ในช่วงแรกของการเจริญเติบโตของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงห่างไกลจากการอบรมเลี้ยงดูจากบิดา  และไม่ได้รับความอบอุ่นความเอ็นดูจากมารดา  ซึ่งอัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮ์ ฯ ทรงเลือกการเจริญเติบเช่นนี้ ให้กับท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  โดยมีฮิกมะฮ์(เคล็ดลับ) ที่ชัดเจน   ซึ่งบางครั้ง  ส่วนหนึ่งจากเคล็ดลับที่สำคัญก็คือ  เพื่อไม่ให้ผู้อคติต่ออิสลาม  มีลู่ทางในการสร้างความเคลือบแครงสงสัยต่อหัวใจของมนุษย์  ที่ว่า  นบีมุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น  ได้ดื่มนมและเจริญเติบโตจากการเชิญชวนและปลูกฝังให้ทำการเรียกร้องมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย  ด้วยการชี้นำจากบิดาและปู่ของท่าน  และทำไมจะเป็นอย่างนั้นไม่ได้ ?  ในเมื่อท่านอับดุลมุฏฏอลิบเป็นหัวหน้ากลุ่มชนชาวกุเรช  และการร่อฟาดะฮ์ และสะกอยะฮ์นั้น  เขาต้องดำเนินการเอง (การร่อฟาดะฮ์และสะกอยะฮ์)  คือ  สิ่งหนึ่งที่ชาวกุเรชในยุคญาฮิลียะฮ์ได้ทำการร่วมด้วยช่วยกันลงขันเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สินแล้วนำไปซื้ออาหาร  องุ่นแห้ง  น้ำองุ่นคั้น  แล้วแจกจ่ายให้ผู้คนทั้งหลายและพวกเขายังทำการบริการน้ำ - สะกอยะฮ์ - แก่ผู้ที่มาบำเพ็ญฮัจญ์ตลอดจนเสร็จสิ้นพิธีฮัจญ์)

       ปรกติแล้ว  ปู่จะทำการอบรมสั่งสอนผู้เป็นหลาน  หรือบิดาจะทำการอบรมสั่งสอนบุตรของเขาด้วยกับสิ่งที่ได้รับมรดกสืบทอดกันมา   ดังนั้น  เคล็ดลับที่อัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮ์ ฯ ทำให้บรรดาผู้ที่มุ่งร้ายต่ออิสลาม  ไม่มีช่วงทางใดที่จะสร้างความเคลือบแคลงสงสัยเช่นนี้ได้   ฉะนั้น  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมจึงได้เจริญเติบโตโดยห่างไกลจากการอบรมสั่งสอนจากบิดามารดาและปู่ของท่าน  แม้กระทั้งในช่วงแรกของวัยเด็ก  อัลเลาะฮ์ก็ประสงค์ที่จะให้ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ใช้ชีวิตอยู่ในทะเลทรายชนบทซึ่งเป็นที่พำนักของเผ่าบนีสะอัด  ซึ่งอยู่ห่างไกลจากครอบครัวของท่าน  ในขณะที่ปู่ของท่านเสียชีวิตลง  ท่านจึงย้ายไปอยู่ภายใต้การอุปการะของลุงของท่าน คืออบูฏอลิบ  ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ใช้ชีวิตอยู่กับลุงของท่านจนถึงระยะเวลาก่อนทำการอพยพ 3 ปี   ซึ่งเป็นข้อยืนยันแล้วว่า  ลุงของท่านนั้นไม่รับอิสลาม  จนกระทั้งไม่ทำให้เคลือบแคลงว่า  ลุงของท่านมีส่วนแทรกซึมในการเชิญชวนเรียกร้องของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

       เฉกเช่นเดียวกัน  คือ  เคล็ดลับของอัลเลาะฮ์ที่พระองค์ทรงทำให้ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เจริญเติบโตโดยเป็นเด็กกำพร้านั้น  ก็เพราะว่าพระองค์ทรงให้การคุ้มครองดูแลท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ให้ห่างไกลจากอิทธิพลที่จะทำให้ท่านนบีพยายามไขว่คว้าทรัพย์สินที่จะมาเพิ่มความสุขสบายให้กับท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จนกระทั้งจิตใจของท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไม่โน้มเอียงไปยังทรัพย์สินและเกียตริยศ  ไม่ให้ความสนใจจากสิ่งรอบข้างของท่านด้วยการเป็นหัวหน้าหรือผู้นำ  เพื่อไม่ทำให้บรรดามนุษย์เข้าใจไปว่า  ความศักดิ์สิทธ์ของการเป็นนบีนั้นด้วยสาเหตุจากตำแหน่งของดุนยา  และเอาตำแหน่งของดุนยาไปสู่การได้รับตำแหน่งของการเป็นนบี

       3.  นักประวัติศาสตร์มีความมติเห็นพร้องกันว่า  สถานที่พำนักของนางหะลีมะฮ์ อัสสะดียะฮ์นั้น กลับคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์  ทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม  หลังจากที่เคยแห้งแล้งมานาน  น้ำนมจากเต้านมอูฐที่เต็มที่กลับเพิ่มเต็มเต้าหลังจากที่มันเคยแห้งเหือดไม่มีน้ำนมสักหยด  ซึ่งดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความมีเกียตริ  หรือความมีฐานันดรที่สูงส่งของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ณ ที่อัลเลาะฮ์  ซุบหานะฮ์ ฯ แม้กระทั้งในช่วงเยาว์วัยท่านก็เหมือนกับเด็กคนอื่น ๆ  แต่ทว่าท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  กลับกลายเป็นปรากฏการณ์ที่โดดเด่นซึ่งอัลเลาะฮ์ทรงให้เกียตริแก่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  โดยที่พระองค์ทรงให้เกียตริด้วยสาเหตุของการมีท่านนบีอยู่ที่พำนักของนางหะลีมะฮ์ผู้ให้นมแก่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม   ซึ่งดังกล่าวยร่  ไม่ใช่เรื่องแปลกหรือเป็นเรื่องที่น่าทึ่งแต่ประการใด  แต่ทว่า  ชะรีอัตอิสลามได้สอนแก่เรา  ให้ทำการละหมาดขอฝนในยามที่ฝนแล้งด้วยความมีศิริมงคลของบรรดาผู้ที่มีคุณธรรมจากบรรดามนุษย์และอะฮ์ลิลบัยต์ของท่านนบีมุหัมมัด  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพื่อที่จะหวังในการตอบรับจากอัลเลาะฮ์  ซุบหานะฮ์ กับดุอาอ์ของเรา

       ดังนั้น  อย่างไรหรือที่สถานนั้นมีเกียตริด้วยการมีตัวตนของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อยู่ในสถานที่นั้นด้วย  โดยที่ท่านเป็นเพียงเด็กที่เพิ่งดื่มนมในอ้อมอกของท่านนางหะลีมะฮ์?   ดังนั้น  จึงเป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เป็นสาเหตุทำให้แผ่นดินอันแห้งแล้งกลับเขียวชอุ่มจากบริเวนรอบข้างของท่าน  มากกว่าสาเหตุของน้ำฝนและน้ำที่ออกมาจากผืนดิน   ตราบใดที่ทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจของอัลเลาะฮ์   พระองค์เท่านั้นที่จะให้เกิดขึ้นกับสิ่งต่าง ๆ ทั้งหมด  ดังนั้น  จึงเป็นสิ่งที่สมควรอย่างยิ่งสำหรับท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ที่จะเป็นสื่อบทนำบรรดาสาเหตุต่าง ๆ ของความีศิริมงคลและการให้เกียติของพระผู้เป็นเจ้า  ซึ่งดังกล่าวนั้น  ก็คือ ความเมตตาของอัลเลาะฮ์  ซุบหานะฮ์ ฯ มาสู่มวลมนุษย์  ด้วยคำตรัสของพระองค์ที่อธิบายความหมายดังกล่าวว่า

وَمَا أَرْسَلْنَاكَ إِلَّا رَحْمَةً لِّلْعَالَمِينَ
       
"และเราไม่ได้ส่งเจ้ามา  นอกจากเป็นความเมตตาแก่สากลโลก  "อัลอัมบิยาอ์ 108

       4.  นับว่าเหตุการณ์การผ่าทรวงอกของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เกิดขึ้นระหว่างที่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  อาศัยอยู่ที่พำนักของเผ่านบีสะอัด  ซึ่งเป็นการปูทางในการเป็นนบีและเป็นการบ่งชี้ว่าอัลเลาะฮ์ทรงเลือกเฟ้นกับท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมเพื่อมาแบกรับภาระกิจที่มีเกียตริ  เหตุการณ์นี้ได้มีสายรายงานต่าง ๆ ที่ซอฮิหฺ  จากบรรดาซอฮาบะฮ์มากมาย  หนึ่งในนั้นคือ ท่านอะนัส  ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ  ซึ่งท่านมุสลิมได้รายงานไว้ในซอฮิหฺของเขาจากท่านอะนัส  ว่า  "แท้จริงท่านญิบรีลได้มาหาท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยที่ท่านกำลังเล่นอยู่กับพวกเด็กๆ  แล้วท่านญิบรีลก็จับท่านแล้วทำให้นอนลง  แล้วท่านญิบรีลก็ผ่าหัวใจของท่านแล้วก็นำมันออกมา  และก็นำก้อนเนื้อก้อนหนึ่งออกมาจากหัวใจ  แล้วกล่าวว่า  นี่คือส่วนของชัยฏอนที่มีจากตัวท่าน  หลังจากนั้น  ท่านญิบรีลจึงล้างมันด้วยน้ำซัมซัมในภายชนะหนึ่งที่ทำมาจากทองคำ  จากนั้นท่านญิบรีลก็นำหัวใจกลับไปไว้ที่เดิม  โดยที่บรรดาเด็กๆที่วิ่งไปยังหามารดา(แม่นม)ของเขา  โดยร้องตะโกนว่า  มุหัมมัดถูกฆ่าแล้ว  แล้วพวกเด็ก ๆ ก็ไปรับตัวนบีมาโดยที่หน้าของของท่านซีดเซียว"

       ฮิกมะฮ์(เคล็ดลับ)จากเหตุการณ์นี้ - วัลลอฮุอะลัม - ไม่ใช่เป็นการขจัดบ่อเกิดแห่งมนทิลในร่างกายของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ให้ออกไป  เนื่องจากถ้ามลทิลนั้น  เป็นแหล่งเกิดจากเนื้อร้ายที่อยู่ในร่างกาย หรือก้อนเลือดที่อยู่ในบางส่วนของร่างกายแล้ว  แน่นอนว่า  ความชั่วก็สามารถกลับกลายเป็นความดีได้ด้วยทำการผ่าตัด   แต่ปรากฏว่าฮิกมะฮ์จริง ๆ นั้นก็คือ  เพื่อประกาศถึงภารกิจของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และเพื่อให้ท่านมีความเตรียมพร้อมในการได้รับการคุ้มครองจากความผิดและเตรียมรับวะหฺฮีย์ตั้งแต่ยังเยาว์วัย ด้วยสื่อทางวัตถุที่สัมผัสได้(คือการผ่าหน้าอก)

        ดังกล่าว  ก็เพื่อให้ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  มีอิหม่านที่ใกล้ชิดไปยังอัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮ์ ฯ มากยิ่งขึ้น  และให้บรรดาผู้คนยอมรับและเชื่อในสารของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ซึ่งหิกมะฮ์นี้  เป็นการทำให้บริสุทธิ์ในด้านนามธรรม  แต่มันเกิดขึ้นในรูปแบบของรูปธรรมที่สัมผัสได้(คือการผ่าหน้าอก)  เพื่อเป็นการประกาศสารแห่งพระเจ้าท่ามกลางการรับฟังและการเห็นแจ้งของมนุษย์ทั้งหลาย

        และไม่ว่าจะด้วยฮิกมะฮ์ใดก็ตาม  จึงไม่บังควร - ทั้งที่มีหะดิษซอฮิหฺมายืนยันแล้ว - ในการพยายามค้นหาช่วงทางที่จะทำการตีความหะดิษนี้ให้ออกจากความหมายที่ชัดเจนของมันอยู่แล้ว  และท่านก็จะไม่พบว่าจะมีสิ่งใดมาอนุญาติให้กับผู้ที่พยายามทำการตีความเหตุการร์นี้ - ทั้งที่มีหะดิษซอฮิหฺมายืนยัน - นอกจากความอ่อนแอของอิหม่านต่ออัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮ์ ฯ เท่านั้น  หลังจากนั้นก็จะมีความอ่อนแอในการมั่นใจในการเป็นนบีและสารของท่านนบีมุหัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

อ้างอิงสรุป : จากหนังสือ ฟิกฮุสซีเราะฮ์  ของท่าน ชัยค์ ด๊อกเตอร์  มุฮัมมัด สะอีด รอมะดอน อัลบูฏีย์  หน้า 37 - 40
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
جَزَاكَ اللهُ خَيْ   ครับ

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
ท่านผู้อ่านพึงทราบเถิดว่า  นัยยะแห่งความรักต่อท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็คือการมีความรักต่อกลุ่มชนที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อาศัยอยู่ร่วมด้วยกับพวกเขา  และมีความรักต่อเผ่าที่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ถือกำเหนิดขึ้นที่นั่น

คนเราจะดีได้ก็ดูที่มิตรสหาย  มีมิตรสหายดีเราก็ดีด้วย  ดังนั้นเมื่อเรารักนบีเราก็ต้องรักมิตรสหายผู้เป็นซอฮาบะฮ์ของท่านนบีด้วย  เพราะยังไงนบีก็ต้องเลือกคบมิตรสหายดีอย่างแน่นอน  ใช่ป่ะ  myGreat:
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ al-jaohary

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 78
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ท่านผู้อ่านพึงทราบเถิดว่า  นัยยะแห่งความรักต่อท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ก็คือการมีความรักต่อกลุ่มชนที่ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม อาศัยอยู่ร่วมด้วยกับพวกเขา  และมีความรักต่อเผ่าที่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ถือกำเหนิดขึ้นที่นั่น

คนเราจะดีได้ก็ดูที่มิตรสหาย  มีมิตรสหายดีเราก็ดีด้วย  ดังนั้นเมื่อเรารักนบีเราก็ต้องรักมิตรสหายผู้เป็นซอฮาบะฮ์ของท่านนบีด้วย  เพราะยังไงนบีก็ต้องเลือกคบมิตรสหายดีอย่างแน่นอน  ใช่ป่ะ  myGreat:


น้อง Chocalatah  พูดมีเหตุผลนะ...เก่งขึ้นนะเราเนี้ยะ.....
@ al-jaohary  หมายถึง อัญมณีอันมีค่า ..... และ....อัญมณีที่มีค่าที่สุดในใจของข้าพเจ้า  คือ  อัล-อิสลาม @

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

 salam

ญะซากัลลอฮุคอยรอนค่ะ

  loveit: loveit: loveit:

วัสลามุอะลัยกุม

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged