ลักษณะการนอนของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม

[al-azhary]

Tweet

ท่านอัตติรมีซีย์   ได้รายงานว่า

عَنِ الْبَرَاءِ بْنِ عَازِبٍ ، أَنَّ النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم ، كَانَ إِذَا أَخَذَ مَضْجَعَهُ وَضَعَ كَفَّهُ الْيُمْنَى تَحْتَ خَدِّهِ الأَيْمَنِ ، وَقَالَ : رَبِّ قِنِي عَذَابَكَ يَوْمَ تَبْعَثُ عِبَادَكَ

รายงานจาก อัลบุรออฺ บุตร อาซิบ  ว่า  "แท้จริงท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  เมื่อท่านได้ทำการนอนตะแคง  ท่านจะทำการวางฝ่ามือขวาให้อยู่ใต้แก้มขวาของท่าน  และกล่าวว่า "ร๊อบบิ  กินี  อะซาบัก  เยาม่า  ตับอะษุ  อิบาดัก" (โอ้ อภิบาลแห่งฉัน  โปรดปกป้องฉันจากการลงโทษของพระองค์  ในวันที่พระองค์ทรงให้ปวงบ่าวฟื้นคืนชีพด้วยเถิด" อัชชะมาอิล อัลมูฮัมมะดียะฮ์ (244)

ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น เมื่อท่านต้องการที่จะนอน  ท่านก็จะนอนเอียงตะแคงขวา  โดยวางฝ่ามือขวาให้อยู่ใต้แก้มข้างขวาของท่าน  ดังกล่าวเพราะสุนัตให้ทำการนอนตะแคงข้างขวาเพื่อทำให้ตื่นเร็ว  และไม่ให้หัวใจมีการหลับไหล  เนื่องจากหัวใจนั้นอยู่ข้างซ้าย

สิ่งที่ได้รับจากฮะดิษ

1. สุนัตให้ทำการนอนตะแคงข้างขวา  เพราะหลักการโดยรวมนั้นชอบข้างขวาหรือด้านขวา  และการนอนข้างขวาจะทำมีสุขภาพที่ดียิ่งกว่าสำหรับร่างกาย  อีกทั้งยังทำให้ตื่นง่ายอีกด้วย

2. การนอนนั้นเป็นน้องของความตาย  ซึ่งการนอนตะแคงขวาเป็นลักษณะของการนอนในกุบูรขณะที่มัยยิดถูกวางลงหลุม

3. การตื่นนอนอยู่ในตำแหน่งของการฟื้นคืนชีพ

อ้างอิงจากหนังสือ : อัชชะมาอิล อัลมุฮัมมะดียะฮ์ วัลคิซ๊อล อัลมุสฏ่อฟะวียะฮ์ 2/54 - 55

[al-azhary]

ท่านอัตติรมีซีย์  ได้รายงานว่า

عَنْ حُذَيْفَةَ ، قَالَ : كَانَ النَّبِيُّ صلى الله عليه وسلم إِذَا أَوَى إِلَى فِرَاشِهِ ، قَالَ : اللَّهُمَّ بِاسْمِكَ أَمُوتُ وَأَحْيَا ، وَإِذَا اسْتَيْقَظَ ، قَالَ : الْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِي أَحْيَانًا بَعْدَمَا أَمَاتَنَا وَإِلَيْهِ النُّشُورُ

จากฮุซัยฟะฮ์  เขากล่าวว่า  "ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  เมื่อท่านต้องการจะเข้าไปที่นอน ท่านก็จะกล่าวว่า "อัลลอฮุ้มม่า บิสมิก้า อะมูตู้ วะ อะห์ยา" (โอ้อัลเลาะฮ์  ด้วยพระนามของพระองค์ ฉันได้ตาย(นอนหลับ)และฟื้นขึ้นมา(ตื่นจากนอน)  และเมื่อท่านตื่น  ท่านก็จะกล่าวว่า  "อัลฮัมดุลิลลาฮิลละซี  อะห์ยานา  บะอฺดะมา  อะมาต้านา วะอิลัยฮินนุชูร" (มวลการสรรเสริญเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ซึ่งทำให้เราฟื้นขึ้นมาหลังจากทำให้เราได้ตาย(นอนหลับ)และไปยังพระองค์นั้นได้เราฟื้นคืน" (245)

ท่านนบี มุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  นั้น  เมื่อท่านเข้าไปที่นอนของท่านเพื่อจุดประสงค์ในการหลับนอน  ท่านก็จะกล่าวดุอาอ์ต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลาว่า  ด้วยพระนามแห่งพระองค์ โอ้ อัลเลาะฮ์เจ้า  ฉันจะนอน  ฉันจะตื่นเพื่อทำการละหมาด  หรือกล่าวว่า  ด้วยพระนามแห่งพระองค์  ฉันจะนั้นมีชีวิตอยู่ตราบใดที่พระองค์ทำให้มีชีิวิต และด้วยพระองค์แห่งพระองค์ฉันตายตราบใดที่พระองค์ทำให้ตาย  ดังนั้น  เป้าหมาย ณ ตรงนี้คือ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ต้องการทำการซิกรุลลอฮ์อย่างต่อเนื่อในขณะที่จะนอนและขณะที่ตื่น

เมื่อท่านได้ตื่นจากนอน  ก็จะกล่าวว่า  มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของพระองค์ผู้ซึ่งทำให้เราตื่นจากการนอน  และยังพระองค์นั้นเราได้ทำการแยกย้ายกันไปดำเนินชีวิต  หรือบางทัศนะกล่าวว่า  ยังพระองค์นั้นเราได้ฟื้นคืน(ตื่นนอนขึ้นมา) ซึ่งการตื่นนอนขึ้นมาจากการหลับนั้น  ไม่มีผู้ใดเข้ามาเกี่ยวข้องได้เลยนอกจากอัลเลาะฮ์เท่านั้นที่ทำให้เป็นไป

วัลลอฮุอะลัม

อ้างอิงจากหนังสือ : อัชชะมาอิล อัลมุฮัมมะดียะฮ์ วัลคิซ๊อล อัลมุสฏ่อฟะวียะฮ์ 2/56 - 57

[julee]

 salam

การนอนหลับนั้น  ถือว่าเราหมดสิ้นแล้วซึ่งการเลือกเฟ้นหรือปกครองตนเอง  ดังนั้นเมื่อหลับ  ทุกอย่างถูกมอบหมายให้กับอัลเลาะฮ์อย่างสิ้นเชิง  หากพระองค์ให้ตื่นก็อัลฮัมดุลลิลลาฮ์ฮิลล่าซีอะห์ยานา....หากอัลเลาะฮ์ไม่ให้เราตื่น  บุคคลอื่นก็กล่าวอินนาลิลลาฮ์....ให้แก่เรา
                                                                        วัสลามุอะลัยกุ้ม 

[ILHAM]

ผมเคยได้ยินพี่ของคุณยายท่องว่า
"นบีนอนตาปิดใจไม่หลับ"
"นบีไม่ฝัน"
"นบีไม่หาว"
ฯลฯ

[al-azhary]

ท่านอัตติรมีซีย์  ได้รายงานว่า

عَنْ عَائِشَةَ ، قَالَتْ : كَانَ رَسُولُ اللهِ صلى الله عليه وسلم ، إِذَا أَوَى إِلَى فِرَاشِهِ كُلَّ لَيْلَةٍ جَمَعَ كَفَّيْهِ فَنَفَثَ فِيهِمَا ، وَقَرَأَ فِيهِمَا : قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ وَ قُلْ أَعُوذُ بِرَبِّ الْفَلَقِ وَ قُلْ أَعُوذُ بِرَبِّ النَّاسِ ، ثُمَّ مَسَحَ بِهِمَا مَا اسْتَطَاعَ مِنْ جَسَدِهِ ، يَبْدَأُ بِهِمَا رَأْسَهُ وَوَجْهَهُ وَمَا أَقْبَلَ مِنْ جَسَدِهِ ، يَصْنَعُ ذَلِكَ ثَلاثَ مَرَّاتٍ

รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์  ท่านนางได้กล่าวว่า  "ปรากฏว่าท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เมื่อต้องการจะนอน  ซึ่งในทุก ๆ คืน  ท่านจะเอาฝ่ามือทั้งสองมาประกบรวมกัน แล้วทำการเป่าบนทั้งสองฝ่ามือและอ่านบนทั้งสองฝ่ามือ กับ(ซูเราะฮ์) กุลฮุวัลลอฮุอะฮัด , กุลอะอูซุบิร็อบบิลฟะลัก , กุลอะอูซุบิร็อบบินนาส , หลังจากท่านนั้นจึงเอาฝ่ามือทั้งสองลูบตามร่างกายเท่าที่จะทำได้  โดยเริ่มเอาฝ่ามือทั้งสองลูบที่ศีรษะ , ใบหน้า ,  และร่ายกายส่วนด้านหน้า ,  ท่านได้กระทำอย่างนั้นถึง 3 ครั้ง" อัชชะมาอิล (246)

ฮะดิษนี้ชัดเจนไม่ต้องอธิบายให้มาก  เพราะที่สำคัญคือ  นำไปปฏิบัติครับ  อินชาอัลเลาะฮ์

[al-azhary]

ท่านอัตติรมีซีย์  ได้กล่าวรายงานว่า

عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ ، أَنَّ رَسُولَ اللهِ صلى الله عليه وسلم ، كَانَ إِذَا أَوَى إِلَى فِرَاشِهِ ، قَالَ : الْحَمْدُ لِلَّهِ الَّذِي أَطْعَمَنَا وَسَقَانَا وَكَفَانَا وَآوَانَا ، فَكَمْ مِمَّنْ لا كَافِيَ لَهُ وَلا مُؤْوِي

รายงานจากมาลิก บุตร อะนัส  ว่า  "แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมนั้น  เมื่อท่านได้ไปยังที่นอน  ท่านจะกล่าวว่า "อัลฮัมดุลิลลาฮิลละซีอัฏอะมะนา วะซะกอนา วะอาวานา" (มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิของอัลเลาะฮ์  ผู้ซึ่งให้อาหารแก่เรา  ให้น้ำดื่มแก่เรา  ให้การปกป้องคุ้มครองเรา  และให้ที่อยู่อาศัยแก่เรา) ดังนั้น  เท่าไหร่แล้ว  ที่ได้มีมาจากผู้ที่ไม่มีการปกป้องคุ้มครองให้แก่เขาและไม่มีที่อยู่อาศัยแก่เขา" อัชชะมาอิล (247)

เรามีอาหารรับประทาน  มีน้ำดื่ม  อยู่ในสภาวะที่ปลอดภัย  และมีที่อยู่อาศัย  ก็อย่าลืมชุโกรต่ออัลเลาะฮ์ตะอาลานะครับ

[al-azhary]

ท่านอัตติรมีซีย์ ได้กล่าวรายงานว่า

عَنِ ابْنِ عَبَّاسٍ : أَنَّ رَسُولَ اللهِ صلى الله عليه وسلم ، نَامَ حَتَّى نَفَخَ ، وَكَانَ إِذَا نَامَ نَفَخَ ، فَأَتَاهُ بِلالٌ فَآذَنَهُ بِالصَّلاةِ ، فَقَامَ وَصَلَّى وَلَمْ يَتَوَضَّأْ

รายงานจากท่านอิบนุอับบาส  ว่า  "แท้จริงท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ทำการนอนจนกระทั่งมีเสียงกรน  คือเมื่อท่านได้นอนก็จะมีเสียงกรน  ดังนั้น  บิล้าลได้มาหาท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพื่อทำการอะซานบอกให้ท่านนบีรู้ถึงการละหมาด  ท่านจึงทำาการยืนขึ้น  และทำการละหมาดโดยมิได้อาบน้ำละหมาด" อัชชะมาอิล (248)

วันหนึ่ง  เมื่อท่านได้นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการนอนจนกระทั่งได้มีเสียงกรน  เสียงกรนของท่านนั้น  ก็คือ ลมได้ออกมาจากปากของท่านด้วยการมีเสียง  ซึ่งจุดมุ่งหมายก็คือ  สิ่งที่ออกมาจากคนนอนหลังขณะที่มีการหลับไหล  หลังจากนั้นบิล้าลจึงได้มาทำการอะซานเพื่อบอกให้รู้ถึงเวลาละหมาด  บางทัศนะบอกว่าเป็นละหมาดซุบฮ์  และบางทัศนะบอกว่าเป็นละหมาดอัสริ  ดังนั้น  ท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  จึงทำการยืนขึ้น  และละหมาดโดยมิได้อาบน้ำละหมาด

อนึ่ง  การละหมาดโดยไม่ต้องมีการอาบน้ำละหมาดหลังจากตื่นนอนนั้น  เป็นส่วนหนึ่งจากหลักพิเศษเฉพาะสำหรับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพราะว่าสองตาของท่านนั้นหลับ  แต่ทว่าหัวใจของท่านนั้นไม่หลับ  ดังนั้นหัวใจที่ตื่น  จึงหักห้ามจากการมีฮะดัษได้  เนื่องจากว่าหากมีสิ่งใดออกมา  ก็จะสามารถรู้สึกได้นั่นเอง

[ILHAM]

อนึ่ง  การละหมาดโดยไม่ต้องมีการอาบน้ำละหมาดหลังจากตื่นนอนนั้น  เป็นส่วนหนึ่งจากหลักพิเศษเฉพาะสำหรับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  เพราะว่าสองตาของท่านนั้นหลับ  แต่ทว่าหัวใจของท่านนั้นไม่หลับ  ดังนั้นหัวใจที่ตื่น  จึงหักห้ามจากการมีฮะดัษได้  เนื่องจากว่าหากมีสิ่งใดออกมา  ก็จะสามารถรู้สึกได้นั่นเอง

ตรงนี้แหละครับ ที่ผมติดอยู่นิดนึง คือว่าบางครั้งตอนเรานอนอยู่ เราได้ยินเสียงคนข้างๆคุยด้วย(ในกรณีที่มีคนคุยอยู่อยูข้างๆ) แต่คำพูดเหล่านั้นจะไม่เข้าไปในสมอง จะว่าหลับซะทีเดียวก็ไม่เชิง ประมาณว่าถ้ามีคนเรียกชื่อก็จะสะดุ้งตื่นทันที แบบนี้หรือเปล่าครับที่เรียกว่า ใจไม่หลับ

คือว่าการนอนตะแคงขวาก็พอทำได้นะครับ แต่เอามือมาประกบวางใต้แก้มขวานั้นตัวมันทับต้นแขนครับ เมื่อยยังไงไม่รู้ บอกวิธีแก้หน่อยสิครับพี่

[al-azhary]

ท่านอัตติรมีซีย์  ได้กล่าวรายงานว่า

عَنْ أَبِي قَتَادَةَ : أَنَّ النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم ، كَانَ إِذَا عَرَّسَ بِلَيْلٍ اضْطَجَعَ عَلَى شِقِّهِ الأَيْمَنِ ، وَإِذَا عَرَّسَ قُبَيْلَ الصُّبْحِ نَصَبَ ذِرَاعَهُ ، وَوَضَعَ رَأْسَهُ عَلَى كَفِّهِ

รายงานจากอบีกอตาดะฮ์  ว่า  "แท้จริงท่านนบี  ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลัม นั้น  เมื่อท่านได้หยุดการเดินทางในช่วงท้ายของคืนเพื่อพักผ่อนและหลับนอนเพื่อทำการเดินทางต่อนั้น  ท่านได้นอนตะแคงซีกขวา  และเมื่อท่านได้นอนพักผ่อนช่วงก่อนเวลาซุบฮ์เล็กน้อย  ท่านจะตั้งศอกขึ้นมา  และเอาศีรษะวางไว้บนฝ่ามือของท่าน" อัชชะมาอิล (249)

ท่านอิบนุหะญัร  ได้กล่าวว่า  ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้เคยวางศีรษะอันมีเกียรติของท่าน  ไว้บนก้อนอิฐ  เพื่อที่จะช่วยให้มีการตื่นได้สะดวก  และไม่ทำให้ขาดเวลาละหมาดซุบฮ์

สำหรับ  กรณีที่ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้พักผ่อนและนอนช่วงเวลาซุบฮ์นั้น  ท่านจะยกข้อศอกและเอาศีรษะวางไว้ที่ฝ่ามือ  ซึ่งการกระทำดังกล่าว  ก็เพื่อเป็นการสอนประชาชาติของท่าน  และเพื่อมิให้พวกเขามีการหลับไหล  และขาดเวลาซุบฮ์

สิ่งที่ได้รับจากฮะดิษคือ  ผู้ใดที่อยู่ในช่วงเวลาใกล้ละหมาด  ก็สมควรแก่เขา  ให้ห่างไกลการนอนหลับไหล  และเมื่อเขาจำเป็นต้องนอนจริง ๆ  ก็ให้ทำการนอนในลักษณะท่วงท่าที่ทำให้ตื่นได้รวดเร็ว  เพื่อเจริญรอยตามท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  และรักษาไว้ซึ่งเวลาอันดีเลิศของการละหมาดในช่วงแรกของเวลา