ผู้เขียน หัวข้อ: คุณคิดอย่างไร กับ บทบามของอ.มุรีด ทีมะเสน.ภาค 2  (อ่าน 27692 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บังคนอยากรู้ครับ แล้วทัศนะที่อ.มรีดยึดถือนั้น  จัดอยู่ในกลุ่มอิสลาม ที่ท่านนบีกล่าวไว้คือ 1ใน73พวกหรือป่าวครับ..

อืม.. สิ่งนี้น่าคิดนะคับบัง..

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
อ้างจาก: "อัล-อุม"
บังคนอยากรู้ครับ แล้วทัศนะที่อ.มรีดยึดถือนั้น  จัดอยู่ในกลุ่มอิสลาม ที่ท่านนบีกล่าวไว้คือ 1ใน73พวกหรือป่าวครับ..

อืม.. สิ่งนี้น่าคิดนะคับบัง..


น้องอัล-อุม ต้องการให้บังฮุกม อ.มุรีดเลยใช่ไหมครับ..

เดี๋ยวบังจะจัดให้ครับ..[/size][/color]

ออฟไลน์ อัล-อุม

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 92
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
:lol: บังครับ ผมคอยหลายวันแล้วนะ เมื่อไหร่บังจะสรุปสักทีว่า

ผู้รู้ที่ชื่อ มุรีดนั้น เข้าข่ายอะไรอะคับ..

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
ประเด็นต่อมา

เรื่องที่มุรีดไม่ยอมรับในตัวของท่านจุฬาราชมนตรี คนปัจจุบัน

เกี่ยวกับ ไม่ว่ากรณีที่เกียวกับบทบัญญัติ ของ ศาสนาโดยเหตุผล ที่พวกเขามักอ้างเสมอ ขณะที่ออก้ดินสายปราศรัยว่า ผู้นำคนปัจจุบัน นั้น (หมายถึงท่านจุฬาน้น)หมดความชอบธรรมในการเป็นผู้นำ โดยที่พวกวะฮาบีญืมักอ้างเสมอว่า ท่าน จุฬา เปรียบเหมือนตอฆุต

หรือผู้นำบิดอะ เช่น เรื่อง สนับสนุนในการจัดงานเมาลิด สนับสนุนเรื่องการอ่านตัลกีน เห็นด้วย การปัญหาคีลาฟต่างๆที่พวกเขาไม่ชอบ ฯลฯหลายๆปัญหาที่เขากล่าวหาท่านจุฬา และกล่าวร้ายต่อผู้ที่คล้อยตามเขาเเละตั้งฉายาว่า  พวกอะลุ้ลบิดอะ (ลูกหลานชาวบิดอะ)

ดังนั้นสิ่งใด ที่มุรีดไม่เห็นด้วย บรรดาผู้ที่ตักลีดตามมุรีจะคล้อยตามทันที และออกฮูกมบบรดาพ่อแม่พี่น้องของเราที่อยู่ในแนวทางผู้ที่ถือมัสหับ..

หลายๆเรื่องที่วะฮาบีย์สลัฟพันธ์หัวเทียมดองโหลขาย จะไม่ตออัตต่อผู้นำคือท่านจุฬา ด้วยเหตุผลข้างตน.

เช่นการเข้าบวชหรืออกบวช ซึ่ง ทัศนะใหม่ นั้นจะไม่ตามและเชื่อฟัง คำสั้งที่เราผู้มุสลิมจะต้องให้คว่ามสำคัญ และถือว่า เรื่องเอกภาพนั้น มาก่อนปัญหาขัดแย้ง  แต่วะฮาบีย์ไม่ใช่อย่างนั้นเลย  สำหรับเขา ความเป็นเอกภาพนั้นจะมีไม่ได้...

ตราบใดที่ยังคงมีความขัดแย้ง หรือยังไม่เคลียร์เรื่องขัดแย้ง  หรือเขาไม่ได้รับชัยชนะในปัญหาเหล่านี้เสียก่อน


แต่ถ้าเราพลิกดูประวัติศาตร์อิสลาม  บรรดาซอฮาบะและตอบีอีนจนถึงยุค สลัฟ นั้นเขาถือว่า แม้ในบางช่วงของ สังคมจะมีความขัดแย้งกันในบางปัญหา

......แต่สำหรับความเป็นเอกภาพ ณ.อัลลอฮ์แล้ว  นั้นต้องมาก่อนเสมอ..

วะฮาบีย์นั้น จะแหวกแนวเกือบทุกเรื่อง..เดือนรอมาดอนทั้งเข้าและออดก็ไม่เคยตรงกัน ทั้งที่ ดวงเอนเดียวกัน อาศัยประเทศเดียวกัน แต่ วะฮาบีย์ อย่างมุรีดบอกว่า

 เกี่ยวกับเรื่องอิบาดัตนั้นเราจะไม่ตามท่านจุฬา ไม่ว่าเรื่องใดๆ

เช่นการละหมาด 8 รอกาอัต ที่ไม่เหมือนท่านจุฬาซึ่งตักลีดตามมัสหับชาฟีอี(รฮ)..ที่ละหมาด 20 รอกาอัต..บางครั้งออกปราศัยหาว่า พวกเรา(ชาฟีอี)นั้น ก้าวล้ำต่ออัลเลาะและรอซุ้ลบ้าง   เพราะหาว่า เรานั้น ไม่รับฟังสิ่งที่ภรรยาท่าน รอซุ้ล นำมาบอก..

ทั้งที่ผู้รุ้ในมัสหับชาฟีอี เคยชี้แจงและตอบโต้ทางหนังสือและ บนเวที่แล้วหลายครั้งว่า

ประเด็นตรงนี้สานรายงานจากท่านหญิงอาอีชะนั้น นั้น ถือว่า สายรายงานนั้นไม่ได้ระบุว่า ละหมาด ที่ท่านหญิงกล่าวนั้นหมายถึงละหมาดอะไร ดังนั้น การที่เรามัสหับชาฟีอี ตามบรรดาซอฮาบะเช่นท่านอุมัน ท่านอุสมาน ท่านอะลี  และซอฮาบะ ท่านอื่นๆกระทำต่อๆกัน
มานั้น ..ถือว่าไม่ผิด  

เพราะ ถ้าการกระทำที่ซอฮาบะเหล่านั้นผิดมาก่อนแล้ว ทำไมบรรดาซอฮาบะที่ยังมีชีวิตอยู่นั้นไม่มีใครทัดทานแม้แต่คนเดียว..
หรือว่าท่านอุมัรและซอฮาบะท่านอื่นๆไม่รุ้เลยดอกหรือว่า สิ่งที่ท่านหญิงฯนำออกมารายงานนั้น...ไม่ถูกต้อง หรือว่า..คนเหล่านั้น ตาบอด หูหนวก ไม่รู้ ไม่เห็น ไม่ได้ยิน..

พวกเขาจึงกล้าฝ่าฝืน..



แต่ถ้าเรามาคิดด้วยใจเป็นธรรมนั้น สิ่งที่คาดคะเเนมานั้น ล้วนห่างไกลความจริงมากนัก

ฉนั้นไม่ว่า ท่านผู้รู้ เช่น อีห่มามทั้ง4 จะไม่ได้รับสายรายงานจากท่านหญิงเลย ก็ไม่ใช่  


แต่ท่านเหล่านั้น ถือว่า ฮาดิสบทนี้ไม่ได้กล่าวถึง ละหมาดตารอเวียะ หรือสิยามมุลัยแต่อย่างใด  แต่เกี่ยวกับละหมาดอื่นๆ..

แต่ การละหมาด 8 รอกาอัต เพิ่งจะมีก็มายุคหลังๆ 400ปีมาแล้ว...ก็ไม่ร฿เหมือนกันว่า

ก่อนหน้านั้น ฮาดิสบทนี้บรรดาอุลามะเจ้าของมัสหับ ทั้ง 4 ได้เอาไปแช่แข็งในโหลดองขวดไหนกันแน่  ฮ้าๆๆๆ...

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
อีกอย่าง เรื่องการอ่านกุหนูตในละหมาดซุบฮิ เหมือนกัน  วะฮาบีย์นั้น ออกหนังสือ มาโจมตีถึง3เล่มด้วยกัน

เล่มที่ 1 เขียนโดย  ท่าน อ. ยุนุช พุฒเพ็ง

เล่มที่ 2.เขียนโดย ท่านอ.มุรีด   ทีมะเสน

เล่มที่ 3 เขียนมาในแนวชื่อเรื่องที่ว่า จงระวัง เรื่อง อุตริกรรมในศาสนา โดย อบูอับดิลรอซีด


โดยเฉพาะเล่มที่3นั้น รวบรวมเรื่องที่ว่าด้วยบิดอะอย่างมากมาย..

แต่จริงๆแล้ว เขาจงใจที่จะโจมตี บรรดาพี่น้องของเราที่ อยู่ในทัศนะของอีหม่าม ชาฟีอี(รฮ)และทัศนะอื่นๆ

  ซึ่งบางที่ วะฮาบีย์นั้นเขาอ้างว่าเขานั้นไม่มีทัศนะสังกัด และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นฟาซิกและเหลวไหลและก็หลงผิดด้วย..


จะเห็นว่า...

ผู้รู้วะฮาบีย์บางคนนั้น   ทำตัวอย่าง ที่ไม่เหมาะสม สมกับที่อ้างว่าเป็นผู้รู้...และโกหก คำโต  ที่อ้างว่า ยึดตามกิตาบุลลออ์และซุนนะนบี แบบอย่างซอฮาบะ  แบบอย่างตาบีอีน แบบอย่างคนตาบีอีตตาบีอีนหรือคนสลัฟ


ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่า สิ่งที่เขาโจมตีการกระทำของผุ้อยู่ต่างทัศนะนั้น บรรดาผู้รู้และพี่น้องมุสลิมในทัศนอื่นในอดีต ก็ไม่เห็นมีใครเขากระทำกัน..จะมีก็เพียง  วะฮาบีย์สลัฟพันธ์เทียมเท่านั้น  ที่ชอบทำอะไรเข้าตัวเอง   สมแล้วแหละที่ ชาวบ้านสมญานามว่า กมมูดอ กมตัวเองฮ้าๆๆๆ

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
เข้ามาหาความรู้ครับ ได้ความรู้จากบังคนอยากรู้อีกแล้ว ต่อเลยครับบัง

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ถึงคุณ ซูฟียานและบังคนอยากรู้

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته وطيباته

ประเด็นเรื่องการอ่านกุนูตในละหมาดซุบฮ์นั้น  ไม่เคยมีปัญหามาตั้งกว่าพันปีแล้ว  เนื่องจากนักปราชญ์แห่งโลกอิสลาม ซึ่งไม่ว่าจะมัซฮับใดก็ตาม  พวกเขาต่างให้เกียรติในทัศนะซึ่งกันและกัน  แต่มีกลุ่มหนึ่งที่รู้จักการในนามวะฮาบีย์ที่พยายามอ้างตนเองว่า สะละฟีย์ (กลุ่มผู้ตามสะลัฟ) ทั้งที่อิมามอัชชาฟิอีย์และอิมามมาลิกซึ่งเป็นนักปราชญ์ชั้นนำแห่งสะละฟุศศอลิหฺ ก็มีทัศนะอ่านกุนูตซุบฮ์  ดังนั้น  การที่วะฮาบีย์บางคน พยายามเขียนหนังสือมาโต้ตอบเรื่องกุนูตและหากินทางด้านปัญหาคิลาฟิยะฮ์ แล้วชอบอ้างว่าตนเองต่อต้านบิดอะฮ์นั้น  ย่อมมีพฤติกรรมที่สะละฟุสศอลิหฺไม่เกี่ยวข้องด้วยเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็คือพฤติกรรมหนึ่งที่เป็น บิดอะฮ์ ของกลุ่มวะฮาบีย์  วัลอิยาซุลบิลลาห์
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
อ้างจาก: "อัล-อุม"
:lol: บังครับ ผมคอยหลายวันแล้วนะ เมื่อไหร่บังจะสรุปสักทีว่า

ผู้รู้ที่ชื่อ มุรีดนั้น เข้าข่ายอะไรอะคับ..

****************************************************

แฮ้ๆๆใจเย็นๆครับ น้องอัล-อุม  บังนั้น จะฮุกมใครนั้นต้องมีหลักฐาน ในการตัดสินและหลักฐานนั้นต้องชัดเจนครับ

บังจะไม่ใช่นิสัยเดียว กับผู้รู้ในทัศนะวะฮาบีย์บางคนครับ ที่ชอบเอาการกระทำภายนอกมาตัดสิน ว่าเป็น กาเฟรบ้าง ชีริกบ้าง บิดอะบ้างฯลฯ

น้องเข้ามาอ่านไปเรื่อยๆก่อนครับ บางที่มันอาจจะมีคำตอบในตัวของมันเองแล้วก็ได้

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
สำหรับนายมุรีดนั้น มันก็ไม่แตกต่างกับ  ...ผู้รู้ที่ตักลีดในทัศนะที่ตามเขามาอีกที ..

เพราะแน่แท้...ถ้าเขาปฏิเสธว่าเขาไมใช่ผู้ตามความรู้ของใครนั้น แท้จริงเขาเป็นคนมุสา..

และขาดอามานะ...ความรู้ที่มุรีด นำมาเผยแพร่นั้น ก็เป็นความรู้ที่เป็นของผู้ที่มุรีดลอกแบบมาหรือ ด้วยสิ่งที่ตนชื่นชอบในทัศนะนั้นๆ

การชื่นชอบนั้นก็สามารถแบ่งออกเป็นหลายหัวข้อ

1.การชื่นชมในสิ่งที่ตนเห็นดีเห็นงามด้วย

2.การชื่นชมในฝีไม้ลายมือหรือผลงานของท่านนั้นๆ

3.การชื่นชมเมื่อ
มันมีสิ่งใดมาตรงกับอารมณ์ความรู้สึกของตน

-ฉนั้น จึงหยิบเอาสิ่งที่ตนได้พบหรือค้นหามัน และรับมาเป็นทางนำในการดำเนินชีวิตสำหรับตัวเอง    

ดังนั้น การทีมุรีด ชื่นชอบความรู้หรือผลงานใดๆของท่านผู้รู้ในสายวะฮาบีย์นั้น ก็ไม่ผิดอะไร แต่ที่ผิดพลาดคือ..การตะอัศศุบในความรู้ที่ตนได้รับแบบสุดโตง

และเมื่อสิ่งใดที่ตนไม่ชอบหรือไม่ตรงกับทัศนะที่ตนยึดแล้ว...ก็ไปกล่าวหาหรือโจมตี ซึ่งก่อให้เกิดการเสียหายต่อการปฏฺบัติกิจกรรมใดๆของทัศนะอื่น

อย่างนั้นถือ  ว่าไม่ถุกต้อง และขัดกับคำสอนในอิสลาม แม้กระทั้งคำสอนหรือความเชื่อของศาสนิกอื่นนั้น เราก็ไปดูถูกสิ่งเหล่านั้นไม่ได้

ดังนั้น ถ้ามีใครก็ตามในทัศนะวะฮาบีย์ ปฏฺเสธิว่าตนไม่ได้ตามทัศนะใหนึ่งทัศนะใดๆหรือไม่ได้ตักลีดตามใครนั้น...

เราถือว่า คนๆนั้นเป็นคนสับปลับและขาดความอามานะทางความรู้และวิชาการ อย่างน่าเกลียด

เป็นที่รู้ว่า แม้แต่ท่านบี(ซล)เองท่านยังได้รับความรู้ จากท่านทูตญิบริอีล และถือว่าเป็นอาจารย์ของท่านนบีก็ว่าได้ ที่อัลลอฮ์ได้ส่งมาในรูป ของรัศมี โดยให้มาสอน วิชาต่างๆกับท่านนบีมากมาย
 แม้กระทั่งคำสอนแรกนั้น  ท่านทูตมาลาอีกัตญิบรออีลยังสอนให้ท่านนบี ให้ว่าตามท่าน

ถึง3ครั้ง โองการ ที่กล่าวว่า อิกเราะ ฯ เดิมๆแล้วท่านนบีไม่เคยรู้เรื่องในคำๆนี้ แต่ด้วยตักดีร์ของพระองค์ที่ต้องการให้ท่านนบีรับรู้ในเรื่อง ศาสนา จึงต้องให้มาลีกัต เป็นสื่อกลางหรือผู้นำสารจากพระองค์มายังท่านนบี

ด้วยเหตุที่ว่า ท่านนบี ไม่เคยศึกษา หาความรู้มาจากที่ไหน เพราะท่านนนั้น  เขียนออก อ่านไม่ได้..

แต่เมิ่อพระองค์ต้องการคนประเภทนี้ ก็เป็นสิทธิของพระองค์(ซบ)..และด้วยเหตุผลของพระองค์ผู้ทรงปรีชาญาณ .ที่เราไม่สามารถจะรับรู้และไม่จำเป็นต้องรู้มาก...ในเรื่องนี้..

แต่ถ้าจะถามว่า....ถ้าพระองค์ต้องการคนที่มีความรู้นั้นก็ย่อมทำได้เช่นเดียวกัน...

และทำไมต้องผ่านมาละอีกัตด้วย ..ถ้าจะถามต่อไป ..ก็คงจะมีคำตอบว่า..ในโลกนี้รนั้น..
ทุกๆอย่างนั้นจำต้องมีตัวอย่างหรือทางนำหรือสื่อที่จะเดินไปยังเป้าหมายของสิ่งที่ถูกตั้งเอาไว้..ทุกๆอย่าง

อัลลอฮ์สร้างมาลีอีกัตจากแสงรัศมี(อันนูร)ก่อนมนุษย์หลายพันปี....ต่อมาก็สร้างญินและมานุษย์ถัดกันมา..และสิงสา ราสัตว์  ทั้งสิ่งทีมีชีวิตและไม่มีชีวิต  ตามความเข้าใจของมนุษย์ที่จะสรรหามาเรียกกันไป ตามหลักศัพท์และความเข้าใจ
ดังนั้นไม่มีใครที่จะมีความรู้มาแต่กำเหนิด นอกจากกุดดอรัตของพระองค์ ที่จะพระประสงค์ให้เกิดขึ้น...

แต่ถ้ามองตามสายตาหยาบๆของมัคโลคแบบเราๆท่านๆที่ถูกสร้างมาแล้ว............
 
............ก็ย่อมจะรู้ดีถึงระบบขั้นตอนหรือกระบวนการถึงการได้รับว่ารู้นั้นๆเป็นอย่างดีว่า..

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
ผู้ที่มีความรู้นั้น ย่อมจะต้องผ่านการศึกษาและค้นคว้ามาจากสิ่งที่ผู้รู้กว่าตนมาก่อนเสมอ

ไม่มีใครเลยที่จะเรียนรู้ได้เองไปหมดทุกอย่าง..แต่ช่องทางของการเรียนรู้นั้นมีหลายแนวทางด้วยกัน..

เช่น

      - ความรู้จากประสบการณ์...

      - ความรู้จากการสัมผัสทั้ง5(หรือผัสสะ)...

      - ความรู้จากการลอกเลียนแบบ

      - ความรู้จากการลองผิดลองถูก...
 
      - ความรู้จากการพัฒนาของตนเองเป็นระดับๆ ฯลฯ


ที่ยกตัวอย่างมานั้น...ย่อมเป็นตัวชี้วัดได้ดีว่า  

ผู้ที่อ้างว่า ตนนั้น มีความสามารถในการค้นคว้า  หาความรู้ได้เองนั้น..ย่อมเป็นสิ่งที่เพ้อฝันและโกหก อย่างน่าละอายใจ


พี่น้อง จงรับรู้เถิดว่า..

สิ่งใดที่ใครก็ตามอ้างว่า...ตนนั้นไม่ได้ตักลีดตามทัศนะใดๆเลย นั้นคือเขากำลังโกหกตัวเองอย่างน่าเกลียดยิ่ง..และขาดความน่าเชื่อถือยิ่งนัก และจงออกห่างคนจำพวกนี้ให้ไกลเถิด

ฉนั้น  บรรดาศิษย์กับอาจารย์นั้นย่อมมีความสัมพันธ์กันแบบลูกโซ่ที่แยกกันไม่ได้..

ในเรื่อง
เกี่ยวกับอะกีดะนั้นเป็นที่รู้ว่า วะฮาบีย์นั้น   การไม่ยอมรับการตะวิลหรือแปลความหมาย ในคำดำรัสของอัลลอฮกับข้อความที่เป็นนัยยะ

โดยอ้างว่า เป็นการบิดเบือนคำดำรัสของพระองค์และเป็นบิดอะที่ลุ่มหลง ที่อ้างว่า ไม่มีใครเขาทำกัน ไม่ว่าสมัยท่านนบีและซออาบะมาจนถึงยุคสลัฟ
ซึ่งการออกมาพูดเช่นนี้ ถือว่า ไม่ถูกต้อง.

.ตัวอย่าง
 เมื่อคราที่สิ่งใดบรรดาซออาบะไม่เข้าใจในคำบ้างคำในอัลกรุอานนั้นมีหลายรายงานที่ยืนยันว่า...ท่านนบี(ซล)เองเป็นผู้อรรถาอธิบายให้บรรดาซอฮาบะเหล่านั้น ขณะที่ท่านมีชีวิต และเมื่อท่านได้จากไปแล้ว บรรดาคุลีฟะทั้ง4 ทั้งอบูบักร์ ท่านอุมัร ท่านอุสมาน(รด)ก็ยังทำหน้าที่นี้มาตลอด และในรายงานนั้นก็ระบุว่า ท่านซัยยิดินาอะลีนั้นถูกถามเรื่อนี้มาก เพราะท่านนั้นเก่งในอัลกรุอ่าน..

เมื่อหมดยุคซอฮาบะผู้ทรงธรรมแล้ว บรรดาซอฮาบะที่คงเหลือ ก็ยังทำหน้าที่นี้ไม่ขาดสาย

ดังนั้น

การตะวีลในอัลกรุอ่านนั้นไม่ใช่เรื่องใหม่หรือเป็นอุตริกรรม อย่างที่ผู้รู้ในสายวะฮาบีย์บางคนหรืออย่างเช่น มุรีด ปราศัยและกล่าวอ้างเลยเถิดว่าเป็น บิดอะที่ลุ่มหลง ในการที่จะให้ความหมายกับคุณลักษณะของอัลลอฮ์บางประการนั้น..ถือว่าเป็นการ ทำลายสิ่งถูกต้องในการเผยแพร่คุณลักษณะของพระองค์ท่าน เพราะ.แน้แท้ ผู้ที่เขาจะรับศาสนาใดๆนั้น เขาย่อมจะศึกษาความเป็นจริงที่ปีราศจากความครุมเครือเสมอ ไม่ใช่  ปล่อยให้ผ่านไปโดยไม่คิดไตร่ตรองถึงผลกระทบที่จะตามมา

มุรีด นั้น จะเดินตามแนวความคิดของ ท่านอบูอะซัน อัลบัศซอรี และท่านอิบนุ ตัยมียะ ท่านอิบนุกอยยิม ท่านอัลชาตอบี  อิบนุญะรีร ท่านอัลบานีย์  ฯลฯ หลายๆท่นที่สืบทอดกันมา..

เราจึงสามารถสรุปได้ว่า

มุรีดหรือบรรดาผู้ที่อ้างว่ารู้นั้น เป็นผู้ที่ตักลีดตามอุลามะของทัศนะนั้นมาอีกที..ไม่ใช่ ผลงาน อิตญาดหรือมุตะญิดของตัวเองเลย..
และเมื่อเป็นเช่นนี้  แล้ว..บิดอะลุ่มหลงที่จะตามมาประกบกับความคิดของทัศนะวะฮาบีย์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้นั้น ก็ต้องมีอันเผยโฉมออกมาให้เห็นจนได้คือ..

  บิดอะะดอลาละ ต่อ ผู้รู้หรืออุลามะในทัศนะอื่นในแบบฉบับของวะฮาบีย์..

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อ้างอิงจากบังคนอยากรู้

มุรีด นั้น จะเดินตามแนวความคิดของ ท่านอบูอะซัน อัลบัศซอรี และท่านอิบนุ ตัยมียะ ท่านอิบนุกอยยิม ท่านอัลชาตอบี อิบนุญะรีร ท่านอัลบานีย์ ฯลฯ หลายๆท่นที่สืบทอดกันมา..

วิจารณ์

นานทีจะได้วิจารณ์ความคิดเห็นจากพรรคพวกของตนเอง ฮ้า ฮ้า  ท่าน อบูหะซัน อัลบัสซอรีย์ นั้น  เป็นพวกมั๊วะตะซิละฮ์  แต่ท่าน อัลหะซัน อัลบะซอรีย์ นั้น คืออุลามาอ์ซูฟีย์ท่านหนึ่งและยังให้ความสำคัญเกี่ยวกับเมาลิดท่านนบี(ซ.ล.)  ท่านอัลหะซันอัลบะซอรีย์ ไม่เกี่ยวข้องกับวะฮาบีย์แต่งอย่างใด  

ท่าน อัชชาฏิบีย์  เป็นอุลามาอ์ของอัลชาอิเราะฮ์และเป็นนักปราชญ์ผู้ปกป้องซูฟีย์ที่พวกวะฮาบีย์ไม่พอใจ  แต่ท่านมีทัศนะเรื่องบิดอะฮ์ที่โดนใจวะฮาบีย์เท่านั้นเอง  ความจริงเบื้องหลังนั้น วะฮาบีย์แต่งหนังสือโจมตีและไม่พอใจท่านอัชชาฏิบีย์เป็นอย่างมาก อันเนื่องจากท่านมีอากิดะฮ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอิชาอิเราะฮ์และปกป้องซูฟีย์

ส่วนท่าน อิบนุ ญะรีร  วะฮาบีย์ก็ไม่เกี่ยวข้อง  เนื่องจากท่าน อิบนุ ญะรีร นั้น ก็ทำการตีความอัลกุรอานที่เกี่ยวกับซีฟัตของอัลเลาะฮ์เช่นเดียวกัน  

สำหรับ ท่านอิบนุตัยมียะฮ์  ท่านอิบนุก๊อยยิม  และอัลบานีย์ นั้น  คือผู้รู้ในดวงใจของวะฮาบีย์ครับ
:D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อ้างอิงจากบังคนอยากรู้

เพราะแน่แท้...ถ้าเขาปฏิเสธว่าเขาไมใช่ผู้ตามความรู้ของใครนั้น แท้จริงเขาเป็นคนมุสา..

วิจารณ์

ถูกต้องแล้วครับบังคนอยากรู้  ปัจจุบันวะฮาบีย์มีกลยุทธ์ทางตลาดเพื่อโฆษณาแนวทางของตนว่า  ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์  คำวินิจฉัยที่ไม่ตรงกับวะฮาบีย์  เขาก็จะแอบอ้างว่าเป็นแค่ทัศนะ  ซึ่งเหมือนกับจะบอกให้คนทั่วไปรู้ว่า  พวกเขา(วะฮาบีย์)นี่แหละที่ตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์  

ตามใดที่ตัวบทจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์ต้องมีการวินิจฉัยเข้ามามีบทบาท  คำว่า"มัซฮับ"ต้องเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย  

อ.มุรีด พยายามบอกว่า  เขาตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์  แต่เวลาฮุกุ่มออกมาบางประเด็นแล้ว  เขาก็จะบอกว่า  คำตอบนี้ตรงกับ ชัยค์ บินบาซฺ  ผมจึงไม่ทราบว่า มุรีด ไปอ่านคำฟัตวาของ ชัยค์ บินบาซฺ มาเองหรือเปล่า ? แล้วก็เอามาแอบอ้างว่า เป็นคำตอบของตน  ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า  มันผิดหรือน่าอายอะไรนักหนา  ที่จะบอกว่า นี่คือฟัตวาของชัยค์บินบาซฺ  หรือว่าสงสัย มุรีด ทิมะเสน จะกลัวตกระดับขั้นในการเป็นมุจญฺฮิด...

ผมมีบางคำตอบของ อ.มุรีด ทิมะเสน มาวิจารณ์เพิ่มเติม  ดังนี้ครับ

คำถามที่ : 5607
คำถาม : อีหม่ามชาฟีอี
อีหม่ามอาจารย์คือใครค่ะ คิดว่าคงไม่ใช่อีหม่ามชาฟีอี ถูกต้องมั้ยค่ะ

by: คนไม่เข้าใจ - - 6/11/2006
คำตอบ :

อัสสลามุอะลัยกุมครับ

คำตอบ สำหรับผมแล้ว ผมไม่มีอิมามนะครับ เพราะท่านรสูลุลลอฮฺระบุว่าไว้ว่าให้ตามอัลกุรฺอานและหะดีษ บางหะดีษระบุเพิ่มอีกว่าให้ตามบรรดาเศาะหาบะฮฺ ส่วนบรรดานักวิชาการไม่ว่าจะเป็นอิมามอบูหะนีฟะฮฺ, อิมามชาฟิอีย์, อิมามมาลิก, อิมามอะหฺมัด หรืออิมามท่านอื่นๆ ก็ระบุตรงกันหมดว่าให้ตามอัลกุรฺอาน และสุนนะฮฺของท่านนบี พวกเขายังระบุอีกว่า หากคำฟัตวาของพวกเขาสอดคล้องกับสุนนะฮฺนบีให้ยึดสุนนะฮฺนบี แต่ถ้าหากคำฟัตวาไม่ตรงกับสุนนะฮฺนบี ก็ให้โยนคำฟัตวาของพวกเขาทิ้งไป ฉะนั้นอิมามทุกคนสอนให้ตามนบี และสอนไม่ให้ใครตามอิมาม เมื่ออิมามพูดไม่ตรงกับนบี ซึ่งผมเองก็ตามคำพูดของอิมามเหล่านั้นเช่นกัน สิ่งไหนที่นักวิชาการ หรืออิมามพูดตรงกับนบี ผมก็รับมาปฏิบัติ ส่วนสิ่งไหนที่นักวิชาการ หรืออิมามพูดไม่ตรงกับนบี ผมก็ละทิ้งสิ่งนั้นไป, หวังว่าคุณคนไม่เข้าใจคงเข้าใจดีแล้วนะครับ. والسلام
by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 9/11/06 22:08


วิจารณ์

เมื่อผมได้อ่าน  คำตอบของ มุรีด ทิมะเสน แล้ว  ก็เข้าใจว่า เขาไม่ตามมัซฮับหรืออิมามท่านใด  อันนี้เราจะไปบังคับอะไรเขาไม่ได้หรอก  และผมเข้าใจว่า  มุรีด ทิมะเสน  พยายามบอกผู้ถามว่า  เราต้องตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์  ไม่ใช่ไปตามอิมาม  อันนี้ก็พอฟังขึ้น   และมุรีด ทิมะเสน บอกว่า  ส่วนใหนจากคำพูดของบรรดาอิมามที่ไม่ตรงกับนบี  เขาก็จะทิ้งมันไป   ตรงนี้มีปัญหาสักหน่อยครับ  
 
เนื่องจากมุรีด ทิมะเสน  เอาอะไรมาเป็นมาตราวัดว่า อิมามท่านนั้นพูดตรงกับคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.) และทัศนะของอิมามท่านใดไม่ตรงกับทัศนะของท่านนบี(ซ.ล.)  มุรีด ทิมะเสน  พยายามจะบอกว่า  สิ่งที่เขายึดนั้น  ย่อมถูกต้องและตรงกับคำกล่าวของท่านนบี(ซ.ล.)

ผมเห็น มุรีด ทิมะเสน  ตอบปัญหาศาสนาในส่วนมากแล้ว  ไม่มีหลักฐานมาระบุให้แก่ผู้ตามที่ไม่ค่อยมีความรู้ทางศาสนา  คือจะออกไปในทางวินิจฉัยเป็นส่วนมาก  เพื่อให้คนตามคำตอบของเขา(มุรีด)  และไปไม่ได้ที่ทุกคำตอบของ มุรีด จะมีหลักฐานอัลกุรอานและหะดิษมารับรองเสมอไป  ดังนั้น  ดูแล้ว มุรีด ทิมะเสน พยายามที่จะเป็นนักมุจญฮิดเสียเอง  ที่พยายามเข้ามาวินิจฉัยปัญหาศาสนาในบางประเด็นที่ไม่มีตัวบท

เพราะฉะนั้น  ในฐานะที่ มุรีด เป็นผู้ตอบปัญหาศาสนาของวะฮาบีย์  ทำไมเขาไม่พูดกับ คุณ "คนไม่เข้าใจ" ไปบ้างว่า  "หากคำพูดของผมไม่ตรงกับซุนนะฮ์ ก็ให้เอาไปปฏิบัติ และสำหรับคำพูดของผมที่ไม่ตรงกับซุนนะฮ์ ก็ให้โยนทิ้งไป"  แต่คำนี้  มุรีด ทิมะเสน  ไม่ยอมยกมาพูด  เพราะคนถามอาจจะสงสัยไปว่า  "อ๋อ..สิ่งที่ อ.มุรีด พูดมานั้น อาจจะผิดก็ได้..."??  วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
ฮ้าๆๆเกือบเสียมวยแล้วไหมละเรา

น้อง อัลอัชฮารีย์บัง ขอบใจมากครับ  ยังไงๆ ก็ช่วยตักเตือนกันด้วยแล้วกัน  บางทีข้อมูลที่บังได้รับจากตำรา อาจจะไม่ตรงกับน้อง



..เลยอาจเพี้ยนไปบ้างฮิๆๆก็ไม่ว่ากันนะครับ..อะกึยๆๆๆๆอายจัง

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
อย่าคิดว่าเสียมวยอะไรเลยครับ ฮ้า ฮ้า  ยังไงเราก็ตักเตือน  ปรับปรุง  ออกความเห็นกันได้  เราต้องยึดคติที่ว่า "ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาผู้ที่ชี้นำข้อบกพร่องของเรา"  

บางครั้งวะฮาบีย์ชอบทัศนะของอุลามาอ์บางคนที่มีทัศนะหนึ่งที่ตรงกับนัฟซูของพวกเขา  วะฮาบีย์ก็จะนำมาโฆษณา เหมือนกับว่าอุลามาอ์ท่านนั้น อยู่ในแนวทางของเขา  แต่ที่ยังก็ไปโขมยหลักการมาเท่านั้นเอง  ซึ่งความจริงแล้ว อุลามาอ์ที่อยู่ในแนวทางที่วะฮาบีย์ยึดมั่น  น้อยและมักจะไม่เป็นที่น่าเชื่อถือต่อกลุ่มอื่น ๆ พวกเขาก็พยายามหาอุลามาอ์คนโน้นคนนี้มาสนับสนุนแนวทางของตน  ทั้งที่โดยรวมแล้ว อุลามาอ์เหล่านั้นที่วะฮาบีย์พยายามอ้างอิงนั้น  ไม่เกี่ยวข้องกับหลักการวะฮาบีย์เลยไม่แม้แต่น้อย

หากบังมีอะไรจะนำเสนอต่อ  ก็เชิญได้เลย เพราะว่ากระทู้เป็นกระทู้ที่น่าสนใจอยู่แล้ว  หากมีอะไรขาดตกบกพร่องเราก็ต่างต้องตักเตือนซึ่งกันและกันครับ  :D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ดีครับ ที่ช่วยกันตักเตือนและแนะนำกัน และ เราต้องยึดคติที่ว่า "ขออัลเลาะฮ์ทรงเมตตาผู้ที่ชี้นำข้อบกพร่องของเรา"

 

GoogleTagged