การบริจาคทาน(ซอดาเกาะห์) แก่คนกาเฟร
ถาม ในขนาดที่เรามีเพื่อนบ้านยากจนแต่เขาไม่ได้เป็นมุสลิม ศาสนาอนุญาตให้จ่ายซะกาตแก่เขาหรือไม่ ?
ตอบ บรรดาอีหม่ามต่างๆมีมติเห็นพ้องกันว่าไม่อนุญาตมอบซะกาตแก่ผู้ที่มิใช่มุสลิม นอกจากบรรดาผู้ซึ้งต้องประสานหัวใจไว้หมายถึงบรรดาผู้ซึ้งที่หวังในการศรัทธาจากพวกเขาหรือหวั่นเกรงความชั่วร้ายจากพวกเขา ถึงแม้ว่า ณ ที่นั้นจะมีการขัดแย้งถึงการมีอยุ่จริงของพวกเขาในปัจจุบัน และความขัดแย้งว่า อณุญาติให้มอบซะกาตแก่พวกเขาหรือไม่ หากปรากฏว่าพวกเขายังมีอยู่ และหลักฐานที่บ่งชี้ว่าไม่มีการมอบส่วนหนึ่งจากซะกาตแก่ชนผู้ปฏิเสธ (กุฟฟาร) คือพระวจนะของท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ที่กล่าวว่า
﴿ صدقة من أغنيائهم وترد على فقرائهم ﴾
ความว่า “ การบริจาคทานนั้น จะถูกนำมาจากคนรวยของพวกเขา และจะถูกนำกลับไปสู่คนยากจนของพวกเขา ”
ในฮาดิสของท่าน มุอ๊าซ ขณะที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ) ส่งท่านไปยังเมืองยะมัน(เยเมน)เป้าหมายของพวกเขาก็คือ ผู้ที่ร่ำรวยของมุสลิมและที่ยากจนของพวกเขาโดยมิใช่บุคคลอื่น(รายงายโดย อีหม่ามบุคอรี และ มุสลิม) ท่านอิบนิมุนซิรกล่าวว่า " ทุกๆคน ที่เราได้จดจำมาจากพวกเขาจากเหล่าผู้ที่รู้ต่างลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า
"ทาสที่มีสัญญาคุ้มครอง(ต้องส่งส่วย)ซะกาติทรัพย์สินจะไม่ถูกมอบสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แก่พวกเขา"
และเหล่าผู้รู้ได้ขัดแย้งกันในเรื่องซะกาตจากวันตรุษอีดิ้ลฟิตริ โดยที่ท่านอบูฮานีฟะห์ถือว่าอณุญาตและมีรายงานจากอัมรฺ บินมัยมูนและคนอื่นจากเขาว่า
" พวกเขาเคยมอบส่วนหนึ่วจากซะกาตในวันตรุษอีดิ้ลฟิตริให้แก่นักบวช" ส่วนท่านมาลิกและอัลลัยซฺ อะหมัด และอบูซูร มีทัศนะว่า "
พวกเขาจะไม่ได้รับและถูกถ่ายทอด" จากเจ้าของหนังสือ "อัลบะยาน" จากท่านอิบนิซีรีนและท่านซะห์รีย์กล่าวว่า อณุญาตให้จ่ายซะกาตแก่ผู้ปฏิเสธ(กุฟฟาร) (อัล-มัจมัวอฺ ของท่านอีหม่ามนาวาวีย์ เล่มที่ 6 หน้าที่ 246)
แต่หากท่านสมัครใจที่จะบริจาคทานก็อณุญาต ให้มอบแก่คนที่ไม่ใช่มุสลิม เนื่องจากมีรายงานอย่างถูกต้องจากการอณุญาตของท่านศาสดา(ศ็อลฯ)แก่ท่านหญิงอัสมาอฺ บุตรีท่านอบีบักริ(ร.ด.)ให้ทำความดีแก่ผู้เป็นมารดาของเธอ ทั้งที่นางเป็น(ผู้ตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์)โดยที่ท่านศาสดา(ศ็อลฯ) กล่าวแก่ท่านหญิงอัสมาอฺว่า
﴾ صلي أمك ﴿
ความว่า “ เธอจงติดต่อกับมารดาของเธอเถิด”
และพระดำรัสของอัลเลาะห์(ซุบฮาฯ) ได้มาสนับสนุนคำกล่าวนี้โดยที่พระองค์ทรงกล่าวว่า
﴿لاَّ يَنْهَـٰكُمْ اَْللَّهُ عَنِ اََْلَّذِيْنَ لَمْ يُقَـٰتِلُوْكُمْ فِى اْلـدِّيْنِ
وَلَمْ يُخْرِجُوْكُمْ مِّنْ دِيَـٰرِكُمْ أَنْ تَبَرُّوْهُمْ وَتُقْسِطُوۤاْ اِلَيْهِمْ ﴾
ความว่า “ อัลเลาะห์(ซุบฮาฯ) ไม่ห้ามพวกเจ้า ที่จะทำดีและแสดงความยุติธรรมกับพวกที่ไม่รบราพวกเจ้าในศาสนา(ของพวกเจ้า)และไม่ขับพวกเจ้าออกจากบ้านเมืองจองพวกเจ้า ” บทอัล-มุมตะหินะโองการที่ 8
และพระองค์อัลเลาะห์(ซุบฮาฯ) ทรงดำรัสไว้อีกว่า
﴿ وَيُطْعِمُوْنَ اَْلطَّعَامَ عَلَىٰ حُبِّهِ مِسْكِيْنًا وَيَتِيْمًا وَأَسِيْرًا ﴾ {8}
ความว่า “ พวกเขาได้ให้อาหารโดยเสน่หาของเขาแก่คนอนาถา, เด็กกำพร้า ,และเชลยศึก ” ( บทอัล-อินซาน โองการที่ 8 )
โดยที่โองการนี้ได้กล่าวไว้อย่างกว้างๆ เกี่ยวกับเชลยศึก แน่นอนเขาก็ยังคงอยู่ในศาสนาของเขา โดยที่เขามิได้ยอมตนเป็นมุสลิม เหล่านักวิชาการกล่าวว่า “ และจากเรื่องนี้ท่านอุมัร(ร.ด.)ได้เคยบริจาคทาน (ซอดาเกาะห์) แก่ชาวยูฮูดี(ยิว)ซึ่งท่านอุมัร(ร.ด.)พบว่าเขากำลังขาดแคลน ”
และข้าพเจ้า( ผู้แต่ง ) ได้คัดเลือกแล้วสำหรับผู้ที่ถามคำถามนี้ว่า “ไม่อณุญาตให้ท่านมอบซะกาตของท่านแก่บุคคลที่ไม่ใช่มุสลิม แต่อนุญาตให้ท่านช่วยเหลือจุนเจือเขา ถ้าหากท่านสมัครใจ เพื่อเป็นการพิทักษ์ไว้ซึ่งสิทธิของเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิด ”
โดยเชค อะฏียะห์ ซ็อคร์
การบริจาคทาน(ซอดาเกาะห์)แก่คนกาเฟร