อัลมุฮัดดิษ อัลอักบัร อัชชัยค์ บัดรุดดีน อัลหะซะนีย์
โดย ท่านชัยค์ มะห์มูด อัลรังกูซ
การเกิดของท่านท่านชัยค์ บัดรุดดีน อัลหะสะนีย์ ถือเกิดใน ดิมัชก์ ซีเรีย ปี ฮ.ศ. 1267 ท่านมีเชื้อสายของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทางท่านซัยยินาหะซัน ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ท่านเป็นชาวดิมัชก์ ซีเรีย ท่านเกิดในบ้านหลังหนึ่งใกล้ ๆ กับ ดารุลหะดิษอัลอัชร่อฟียะฮ์ (สถานบันหะดิษอันทรงเกียรติ ซึ่งเป็นสถาบันที่นักปราชญ์หะดิษของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์เท่านั้นที่ทำการสอนได้ เช่นอิมามอันนะวาวีย์ , อิมามอิบนุกะษีร เป็นต้น) บิดาและมารดาของท่านเป็นผู้มีคุณธรรมและมีความยำเกรง มารดาของท่าน นามว่าท่าน ชัยยิดะฮ์ อาอิชะฮ์ บุตรี อิมาม อัลกุซบุรีย์ นักปราชญ์หะดิษนามกระเดื่อง เมื่อนางคลอดบุตรชาย(คือท่านบัดรุดดีน)แล้วนั้น นางจะไม่ให้นมแก่บุตร นอกจากต้องมีน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์ ในเดือนร่อมะฏอนช่วงกลางวัน นางจะไม่ให้นมกับบุตรชาย นางเคยฝันเห็นท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ทำการป้อนอินทผาลัมเข้าไปปากบุตรชายของนาง ดังนั้น นางจึงตื่นจากนอน ปรากฏว่า อันทผาลัมอยู่ในปากของลูกน้อยที่กำลังเคี้ยวอยู่
การแสวงหาความรู้ของท่านท่านอิมามบัดรุดดีนป็นผู้ที่มีความจำเป็นเลิศ โดยที่ ท่านสามารถท่องทำหะดิษอัลบุคอรีย์และมุสลิม และบรรดาหะดิษของหนังสือสุนันทั้ง 6 ที่เหลือ และอื่น ๆ และสามารถท่องจำบรรดานักรายงานและประวัติของพวกเขาได้ทั้งหมด ทั้งในแง่การวิจารณ์สถานะภาพนักรายงาน ท่านสามารถทอ่งจำขึ้นใจกับหนังสืออธิบายอัลกุรอาน(ตัฟซีร)ของท่าน อิมาม อัลบัยฏอวีย์ (ของอัลเลาะฮ์ทรงเมตตาต่อท่าน) ท่านยังเป็นนักปราชญ์ชำนาญวิชาคณิตศาสตร์ระดับสูง วิชาปรัชญา แพทย์ ภูมิศาสตร์ วิศวะ และดาราศาสตร์ อีกด้วย
ในวันศุกร์หลังละหมาด ท่านได้อธิบายเพียงแค่หะดิษเดียวจนถึงเวลาอัสริใน(มัสยิด)ญาเมี๊ยะบนีอุมัยะฮ์ ท่านชัยค์ บัดรุดดีนได้ทำการสอนบรรดาสานุศิษย์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นวิชา นะฮู(ไวยากรณ์) ซอร๊อฟ(นิรุกติศาสตร์) บะลาเฆาะฮ์(วาทศาสตร์) มันติ๊ก(ตรรกศาสตร์) ฟิกห์(นิติศาสตร์) และอื่น ๆ ท่านทำการสอนตัฟซีรอัลบัยฏอวีย์อย่างจำขึ้นใจโดยไม่ต้องเปิดหนังสือตัฟซีรดังกล่าวเลย เมื่อท่านได้กล่าวหะดิษบทหนึ่ง ท่านจะนั่งอธิบายหะดิษดังกล่าวและทำการวินิจฉัยจนกระทั้งผู้มาสดับฟังนั้นไม่มีข้อสงสัยใด ๆ อีกเลย
บรรดานักการแพทย์และนักวิศวะได้มาทำการศึกษากับท่าน และพวกเขาก็กล่าวว่า " ขอสาบาน แท้จริงพวกเรานั้นได้เสียเวลาไปกับการศึกษาวิชาชีพของเรา ทั้งที่ท่าน อิมาม บัดรุดดีน นั้น มีความรู้มากกว่าพวกเราเสียอีก "
กิจวัตรของท่านท่านอิมามบัดรุดดีน ได้ดำเนินตามแนวทางของสะละฟุศศอลิหฺ หลังจากท่านละหมาดซุบฮิใน ญาเมี๊ยะอัลอุมาวีย์ ในเช้าตรู่ท่านได้ทำการอ่านวิริดต่าง ๆ ของท่าน หลังจากนั้น ท่านจึงไปที่ห้องของท่านใน ดารุลหะดิษ ซึ่งจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่ติดตามท่าน เมื่อท่านไปถึงประตูของสถาบันดารุลหะดิษ ท่านจะหันไปให้สลามและทักทายโดยขอให้พวกเขาดุอาอ์ให้แก่ท่าน จากนั้นท่านจึงเข้าไปในห้องเพื่ออ่านวิริดที่เหลือจนเสร็จสมบูรณ์ ต่อจากนั้น ท่านทำการละหมาดฏุฮาซึ่งเป็นละหมาดที่ท่านไม่เคยทิ้งเลย แม้กระทั่งในช่วงเดินทางก็ตาม (ยิ่งกว่านั้น ในวันที่ท่านจากไป ท่านได้เสียชีวิตหลังจากละหมาดดุฮาเสร็จประมาณ 1 ชั่วโมง) จากนั้นท่านจะหลับสักครู่หนึ่ง แล้วเริ่มทำการสอนวิชาต่าง ๆ จนกระทั่งเกือบซุฮฺริ เมื่อใกล้เวลาละหมาดซุฮริ ท่านจะทำการอาบน้ำละหมาด หันหน้าไปทางกิบละฮ์ ทำการขอดุอาอ์ และทำการซ่อลาวาตตามที่ท่านประสงค์ เมื่ออะซานละหมาดซุฮ์ริเรียบร้อย ท่านจึงทำการละหมาดญะมาอะฮ์และอ่านวิริดต่าง ๆ หลังละหมาด จากนั้น ทำการสอนต่อ เมื่อใกล้ถึงเวลาอัสริ ท่านเตรียมตัวละหมาด หลังจากละหมาดญะมาอะฮ์เสร็จ ท่านจึงทำการสอนต่อ ซึ่งบางครั้งท่านสอน 2 วิชา หรือมากกว่านั้น หลังจากนั้น ท่านจึงกลับเข้าบ้าน ทำการละหมาดมัฆริบญะมาอะฮ์(เพราะบ้านของท่านติดกับมัสยิด) และทำการละศีลอด ต่อจากนั้น ท่านทำการสอนในบ้านของท่าน การสอนหลังมัฆริบนี้ มีบรรดาสานุศิษย์มากหมาย ทั้งศิษย์ประจำและบุคคลทั่วไป ท่านจะล่าช้าเวลาละหมาดอีชาอ์เพื่อทำการสอน เมื่อท่านละหมาดญะมาอะฮ์อีชาเสร็จ ท่านจึงรีบไปที่นอนอย่างเร็ว โดยไม่พูดเสวนากับผู้ใด แล้วท่านก็นอน โดยทำการซิกรุลลอฮ์ จากนั้นท่านตื่นขึ้นมาละหมาดตะฮัจญุดจนกระทั่งใกล้เวลาซุบฮิ ท่านจึงไปที่มัสยิดญาเมี๊ยะอ์อัลอุมาวีย์ เพื่อทำการละหมาดซุบฮิ ซึ่งกิจวัตรตามปกติของท่านนั้นจะดำเนินอยู่เช่นนี้ ดังนั้น เวลาต่าง ๆ ของท่าน หรือ ชีวิตของท่านนั้น หมดไปกับการซิกรุลลอฮ์ การละหมาด การขอดุอาอ์ การเอี๊ยะต์ก๊าฟ การถือศีลอด และทำการสอนทั้งบุคคลชั้นนำและบุคคลทั่วไป ท่านจะให้การช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับบรรดาผู้ปกครองและทำการตักเตือน ถามไถ่ถึงความทุกข์สุขของประชาชน อัตตราราคาสินค้าอุปโภคบริโภคต่าง ๆ และประเด็นปัญหาต่าง ๆ ของพวกเขา ท่านจะคอยต้อนรับแขกผู้มาเยือนและขอให้แขกดุอาอ์ให้ ท่านจะไปเยี่ยมบรรดานักโทษที่ถูกคุมขัง เยี่ยมบรรดาสุสาน เชื่อมพันธไมตรี เยี่ยมบรรดาผู้ป่วย ท่านเป็นบุคคลหนึ่งที่พยายามส่งเสริมให้ทำการเยี่ยมบรรดาผู้สูงอายุ หากแม้จะอยู่ห่างไกลก็ตาม เพื่อทำการขอดุอาอ์จากพวกเขา ดังนั้น จรรยามารยาทของท่าน จึงสอดคล้องกับจรรยามารยาทของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยอิวะซัลลัม ผู้เป็นปู่ทวดของท่าน
อิบาดะฮ์และความนอบน้อมถ่อมตนของท่านท่านอิมามบัดรุดดีน ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ เป็นผู้มีความเคร่งครัด นอบน้อมถ่อมตน จิตใจและจรรยามารยาทดีงาม เป็นกันเองเมื่อพบปะกับบุคคลอื่น ส่วนหนึ่งจากความเคร่งครัดของท่าน คือ ท่านจะไม่ทำการฟัตวา แต่ท่านจะแนะนำไปหาอุลามาอ์คนใดคนหนึ่งที่อยู่สถาบันดารุลหะดิษ หรือไปหามุฟตีอาม(มุฟตีของทางการ) แต่เมื่อมีประเด็นปัญหาหนึ่งที่ไขปัญหาไม่ได้ กล่าวคือ ไม่มีอุลามาอ์ท่านใดให้คำตอบได้ ท่านจึงใช้ให้สานุศิษย์ท่านการเขียนคำตอบ โดยที่ท่านทำการบอกให้เขียนจากความจำของท่านพร้อมกับอ้างอิงหลักฐานต่าง ๆ อย่างสมบูรณ์ และบางครั้งเมื่อคนมาถาม ท่านจะบอกให้ไปดูประเด็นปัญหาเหล่านั้นไปตำราเล่มนั้น หน้าเท่านั้น และส่วนหนึ่งจากความเคร่งครัดของท่าน คือ ท่านจะไม่ชอบเป็นอิมามนำละหมาด ท่านไม่ชอบพูดเกี่ยวกับเรื่องของดุนยา ท่านไม่นั่งรับฟังการนินทาผู้อื่น ในที่พำนักของท่านนั้น ท่านจะไม่ปล่อยโอกาสให้บุคคลหนึ่งทำการพูดเรื่องทั่ว ๆ ไป เมื่อมีบุคคลหนึ่งพูดถึงเรื่องราวของดุนยา ท่านจะทำให้เขานิ่งเงียบ ไม่ว่าผู้นั้นจะมีตำแหน่งระดับใหนก็ตาม และส่วนหนึ่งจากความเคร่งครัดของท่านคือ ท่านจะไม่พูดคุยกับบุคคลใดในมัสยิด และส่วนหนึ่งจากความเคร่งครัดของท่านคือ ท่านจะพากเพียรทำอิบาดะฮ์ กล่าวคือ ท่านจะทำการอาบน้ำละหมาดในช่วงฤดูหนาวมากกว่าในช่วงฤดูร้อน เพื่อจิตใจของท่านไม่โน้มเอียงไปยังความสุขสบาย ด้วยเหตุนี้ ในขณะอาบน้ำละหมาดท่านไม่เคยเช็ดรองเท้าโค๊ฟแทนจากการล้างเท้าในช่วงฤดูหนาวเลย

สำหรับความนอบน้อมถ่อมตนของท่านนั้น น่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง กล่าวคือ ท่านจะเยี่ยมเยือนบรรดาผู้มีคุณธรรมและมีความยำเกรง ท่านชอบเยี่ยมเยือนคนยากจน เยี่ยมเยือนโรงเรียนต่าง ๆ ที่สอนสำหรับเด็กเล็ก ท่านจะเข้าไปหาพวกเขา และขอให้พวกเด็ก ๆ และครูผู้สอนทำการดุอาอ์ให้แก่ท่าน ท่านมักจะเอามือลูบศีรษะบรรดาเด็กกำพร้าเสมอ ท่านจะไปเยี่ยมผู้ถูกคุมขัง กล่าวให้สลาม ให้การนะซีฮัต และปฏิบัติกับพวกเขาอย่างอ่อนน้อม และขอให้พวกเขาดุอาอ์ให้แก่ท่าน ท่านจะใช้ให้บรรดาบุคคลที่ถูกอธรรมมีความอดทน แล้วความทุกข์ของพวกเขาก็จะหายไป และส่วนหนึ่งจากความเคร่งครัดของท่านนั้น ในชีวิตของท่านไม่เคยเข้าไปที่ทำการของรัฐบาลเลย ไม่เคยเข้าไปในปราสาทของพวกเชา เมื่อท่านมีความจำเป็น ท่านจะก็ไม่เคยผ่านประตูเข้าไปข้างในเลย และส่วนหนึ่งจากความเคร่งครัดของท่าน คือ ท่านจะไม่ชอบให้สานุศิษย์อ่านต่อหน้าท่าน เกี่ยวกับสำนวนหนังสือที่อุลามาอ์คนหนึ่งได้ทำการโต้อุลามาอ์อีกคนหนึ่งที่ให้ความเข้าใจในเชิงตำหนิหรือลดเกียรติ เช่นสำนวนที่ว่า "คนหนึ่งกล่าวทัศนะอย่างนี้ โดยที่ผู้กล่าวผิดพลาด" แต่ท่านจะกล่าวแนะนำว่า ท่านจงพิจารณดู อย่าอ่านมันให้ได้ยินเลย
ท่านอิมามบัดรุดดีนนั้น การนิ่งของท่าน คือการคิดวิเคราะห์ คำพูดของท่านการคือซิกรุลลอฮ์ คำกล่าวของท่านจะเป็นวิทยปัญญาและอุทาหรณ์สอนใจ ท่านถือศีลอดในตอนกลางวัน ละหมาดในยามค่ำคืน ท่านกระทำสิ่งที่เป็นสุนัตอย่างมาก ลิ้นของท่านจะไม่เบื่อหน่ายการซิกรุลลอฮ์และซ่อลาวาตท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เป็นผู้ที่ยึดซุนนะฮ์ต่าง ๆ ของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ทำการละหมาดญะมาอะฮ์ตามเวลาของมันทั้งหมด ท่านจะยืนอ่านอัลกุรอานในขณะทำละหมาดสุนัตจนกระทั่งท่านป่วย ฉันเคยยืนประคองข้างหลังท่านในขณะยืนทำละหมาดสุนัตในตอนที่ท่านป่วย เพราะกลัวท่านจะล้มลงมา ท่านจะไม่ยกอาหารคำหนึ่งขึ้นใส่ปาก นอกจากท่านจะกล่าวว่า "บิสมิลลาฮ์" และท่านจะไม่กลืนมันลงไปแล้วนอกจากท่านจะกล่าวว่า "อัลฮัมดุลิลลาฮ์" และท่านจะเอาใจใส่ให้ความสำคัญกับการละหมาดสุนัตร่อวาติบหลังละหมาดฟัรดูทั้งหมด ไม่ว่าก่อนหรือหลัง ละหมาดวิติร ละหมาดดุฮา ละหมาดตัสบีห์ ละหมาดเอาวาบีน ละหมาดกิยามุลลัยล์ และบรรดาละหมาดสุนัตอื่น ๆ ซึ่งท่านจะทำการยืน(ไม่นั่ง)ละหมาดทั้งหมดจนกระทั่งช่วงท้ายของชีวิต วิถีชีวิตอันเที่ยงตรงของท่านยังคงดำเนินอยู่จนกระทั่งช่วงเวลาสุดท้ายของท่าน
การเดินทางของท่านท่านได้เดินทางไปยังมะดีนะฮ์ ในปี ฮ.ศ. 1333 ท่านได้เข้าไปยังมะดีนะฮ์ก่อนจากละหมาดญุมอะฮ์เล็กน้อย โดยชื่อเสียงความโด่งดังของท่านได้รับการเลื่องลือมานาน เมื่อท่านไปยังมัสยิดอัลนะบะวีย์ บรรดาผู้คนทั้งหมดรีบรุดไปหาท่านอย่างเนืองแน่น เพื่อขอจูบสองมือของท่าน แต่ท่านไม่พูดกับคนใดเลยสักคนจนกระทั่งออกจากมัสยิด ในเวลานั้น บรรดาอุลามาอ์ของมะดีนะฮ์ได้ขออนุญาตรับอิญาซะฮ์หะดิษและขอความรู้ของท่าน ต่อจากนั้น ท่านเดินทางไปยังมักกะฮ์ เจ้าชายหุซัยน์ ทำการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมบรรดาบุตรของเขาทั้ง 4 คือ อะลี อับดุลเลาะฮ์ ซัยซ๊อล และซัยด์ พวกเขาบอกว่า บิดาของเขานั้น ได้จัดเตรียมที่รับรองไว้ในปราสาทของเขา แต่ท่านขออภัยบอกปฏิเสธไป มีบรรดาผู้คนมากมายที่ขอให้ท่านดุอาอ์ให้พวกเขาเพื่อเป็นศิริมงคล เพราะพวกเขาได้ยินเกียรติศักดิ์ของท่านมานานแล้ว บรรดาอุลามาอ์มักกะฮ์จึงขอ อนุญาตรับอิญาซะฮ์หะดิษและขอความรู้ของท่าน และบรรดาอุลามาอ์กลุ่มหนึ่งจากอินเดียและอื่น ๆ ก็เช่นกัน
ท่านเดินทางไปประเทศอียิปต์ มุ่งสู่กรุงไคโร บรรดาอุลามาอ์อียิปต์มากมายได้ให้การต้อนรับท่าน และอุลามาอ์บางส่วนได้ขออิญาซะฮ์หะดิษจากท่าน ส่วนหนึ่งจากผู้ที่ให้การต้อนรับคือ มิตรสหายบิดาของท่าน คือท่านชัยค์ อัลอัชมูนีย์ หลังจากนั้นท่านได้เดินทางไปยังบัยตุลมักดิศ และบรรดาอุลามาอ์ท่านนั้น ขออิญาซะฮ์หะดิษจากท่านเช่นกัน ท่านยังคงเดินทางไปยังประเทศอาหรับต่าง ๆ มากมาย ซึ่งในขณะที่ท่านได้เดินทางกลับนั้น มีบรรดาผู้คนมากมายให้การต้อนรับในการกลับจากการเดินทางอย่างยิ่งใหญ่ เหมือนกับการต้อนรับบรรดากษัตริย์ ท่านซุลฏอน อับดุลหะมีด ณ กรุงอิสตัมบูล ได้เรียนเชิญท่าน แต่ท่านขออภัยบอกปฏิเสธไป และในปี ฮ.ศ. 1313 กษัตริย์แห่งรัสเซีย ได้เรียนเชิญท่าน โดยจัดเตรียมเครื่องบินรบมารับที่สนามบินเบรูต แต่ท่านให้การปฏิเสธเช่นกัน
ท่านเสียชีวิตในเช้าวันศุกร์ที่ 27 เดือนรอบิอุลเอาวัล ปี ฮ.ศ. 1354 มีนักปราชญ์ และผู้คนระดับสูงและคนทั่วไป ทำการส่งมัยยิดของท่านมากมาย ระยะทางระหว่างบ้านของท่านกับกุโบรนั้น ใช้เวลาเดินประมาณ 20 นาที แต่วันนั้น กว่ามัยยิดของท่านจะถึงกุโบร ต้องใช้เวลาถึง 5 ชั่วโมง อันเนื่องจากความแน่นขนัดของผู้คนทั้งหลายที่ไปส่งมัยยิดของท่าน