ผู้เขียน หัวข้อ: ***อ.อาลี เสือสมิง : สามจังหวัดชายแดนภาคใต้***  (อ่าน 4774 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • *****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/

بسم الله الرحمن الرحيم

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

การบรรยายเรื่อง ความจริงจากแดนใต้  เป็นการเล่าถึงการลงพื้นที่ไปทำงานในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ของ อาจารย์อาลี เสือสมิง  ตอนที่ฟังบางสิ่งบางอย่างผมก็นึกไม่ถึงว่าจะเกิดขึ้น 


อ.อาลี เสือสมิง : สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 29, 2009, 07:25 PM โดย Deeneeyah »

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ Qallbee@Muslim Youth

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 11
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam
              โหลดไม่ได้ ครับ คุณDeenayah ช่วยฝากเวปอื่นเถอะครับ ฝากของท่าน ยาซีน เอส เอ็ม มูตู ก้อโหลดไม่ได้ครับ     

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อัสสลามุ อลัยกุม

            ความจริงเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ผมพูดได้เต็มปากว่า ไม่ใครรู้ความจริงของมันได้ แม้แต่คนในพื้นที่ก็ตาม บางเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ต่างอะไรกับเรื่องลึกลับ ชวนพิศวง จะไม่ให้กล่าวอย่างนี้ได้อย่างไรเล่า ก็ในเมื่อเหตุเกิดขึ้นทุกๆ ครั้ง ทุกๆ วัน แต่ไม่เคยปรากฎว่า เจ้าหน้าที่รัฐจับคุมผู้ร้ายตัวจริงมาลงโทษได้ แม้บางเหตุจะเกิดขึ้นเป็นแรมปีแล้วก็ตาม ,,,

                วัลลอฮุ อะอฺลัม
           
            อัลลอฮุมมันศูรฺฮุม ฟี ฟฏอนียฺ ฮียะ บะละดิลมลายูวียะฮฺ
            อัลลอฮุมมันศูรฺฮุม ฟี ฟฏอนียฺ ฮียะ บะละดิลมลายูวียะฮฺ
            อัลลอฮุมมันศูรฺฮุม ฟี ฟฏอนียฺ ฮียะ บะละดิลมลายูวียะฮฺ
           
            อามีน ยา ร็อบบัลอาละมีน ยา อัรเราะหะมัรฺเราะฮิมีน ยา ซมีอัดดุอาอฺ

วัสสลามุ อลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Deeneeyah

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • *****
  • กระทู้: 800
  • Respect: +8
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.alisuasaming.com/
 salam

ตอนนี้ผมเปลี่ยนโอสอัพไฟล์ใหม่

อินซาอัลลอฮฺ  จะทยอยอัพไฟล์ของเก่าๆ ให้จนครบครับ

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ไฟใต้: มุมมองทางศาสนา


การอภิปรายเรื่อง "3 จังหวัดชายแดนภาคใต้: มุมมองทางศาสนา" ซึ่งจัดโดยโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อเร็วๆ นี้ ผมในฐานะอาจารย์พิเศษผู้บรรยายวิชา

"ศาสนากับสังคมการเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการอภิปราย โดยมี รองศาสตราจารย์ ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ประธานโครงการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา และคณบดีคณะศิลปศาสตร์

กับ ดร.นิรันดร์ พันทรกิจ อดีตเลขาธิการ สำนักจุฬาราชมนตรี และปัจจุบันเลขานุการ คณะกรรมาธิการวิสามัญสอบสวนและศึกษาการก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นผู้ร่วมอภิปราย


ผมได้เริ่มต้นด้วยการ กล่าวถึง "อาณาจักรศรีวิชัย" ซึ่งรุ่งเรืองอยู่ในภาคใต้ของไทย แหลมมลายู และหมู่เกาะอินโดนีเซีย เป็นระยะเวลากว่า 600 ปี (ศตวรรษที่ 7-14) เป็นอาณาจักรทางพุทธศาสนาฝ่าย "มหายาน" ผสมผสาน

กับ "วัชรยาน" และเป็นผู้สร้าง "โบโรบูร์โดร์" มหาสถูปที่ยิ่งใหญ่ ต่อมา "อาณาจักรมัชปาหิต" ซึ่งนับถือศาสนาฮินดูได้แผ่อิทธิพลมาถึง ทำให้อาณาจักรศรีวิชัยเสื่อมลง ชาวศรีวิชัยได้อพยพไปตั้งเมืองใหม่ที่ "มาลักกา"

ในแหลมมลายู ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นต้นเค้าของวัฒนธรรมมลายู


นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เป็นต้นมา พ่อค้าอาหรับได้นำศาสนาอิสลามมาเผยแผ่ในอาณาบริเวณนี้ โดยเกลี้ยกล่อม "พระเจ้าองควิชัย" แห่งมัชปาหิตไม่สำเร็จ แต่เกลี้ยกล่อมพระราชโอรสชื่อ "ระเด่นปาตา" ให้เข้ารีตอิสลามได้

ระเด่นปาตากระทำปิตุฆาต สถาปนาตนเองเป็นสุลต่านและเผยแผ่อิสลาม มัชปาหิตจึงกลายเป็นดินแดนอิสลามนับแต่นั้น ต่อมาผู้ปกครองบรูไนก็ได้เข้ารีตนับถือและเผยแผ่อิสลาม ซึ่งก็เช่นเดียวกับ "พระเจ้าปาร์ไบสุรา"

แห่งมาลักกาที่เข้ารีตนับถือและเผยแผ่อิสลาม แหลมมลายูและหมู่เกาะอินโดนีเซียจึงกลายเป็นดินแดนอิสลาม


อาจารย์ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ ได้ให้ความเห็นว่า อาณาจักรอยุธยา ธนบุรี รวมทั้งรัตนโกสินทร์ตอนต้นของไทย แม้จะเป็นอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ ครอบคลุมหัวเมืองน้อยใหญ่เป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นไปในลักษณะโบราณ

ที่รัฐเล็กส่งเครื่องบรรณาการให้แก่รัฐใหญ่ อันเป็นสัญลักษณ์ของความสวามิภักดิ์เท่านั้น โดยรัฐใหญ่มิได้ครอบครองรัฐเล็กแต่ประการใด รัฐเล็กยังคงมีอิสระในการปกครองตนเองอยู่ (เช่นเดียวกับที่สยามเคย "จิ้มก้อง" แก่จีน)

จนกระทั่งถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) ที่มีการรวมศูนย์อำนาจทั้งหมดมาไว้ที่กรุงเทพฯ ภายใต้อาณาเขตแบบใหม่ที่เรียกว่า "ราชอาณาจักรไทย"


อาจารย์ธเนศ แสดงความคิดเห็นว่า แต่เดิมนั้น "รัฐปัตตานี" เป็นรัฐอิสระของชาวมลายูที่นับถืออิสลาม โดยเพียงแต่ส่งเครื่องบรรณาการให้แก่อยุธยา ธนบุรี และรัตนโกสินทร์ของไทย เพื่อแสดงความสวามิภักดิ์เท่านั้น

มิได้เป็นส่วนหนึ่งของ "ราชอาณาจักรไทย" แต่ประการใด นับตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นต้นมา รัฐไทยได้ใช้กำลังเข้ายึดครอง "รัฐปัตตานี" เป็นส่วนหนึ่งของไทย ทำให้เกิดความขัดแย้งกันมาโดยตลอด

อาจารย์ธเนศตั้งคำถามถึงความชอบธรรมในการที่รัฐไทยยึดครองรัฐปัตตานี และครอบงำทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และศาสนา ทั้งๆ ที่ปัตตานีเป็นดินแดนของมุสลิมเชื้อสายมลายู

ทำให้มุสลิมมลายูลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อกอบกู้ดินแดนของตน


อาจารย์นิรันดร์ พันทรกิจ มีความเห็นที่แตกต่างออกไปว่า สถานการณ์ในเวทีโลกปัจจุบัน การก่อการร้ายและการฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์อย่างโหดเหี้ยม ทำให้อิสลามกำลังถูกมองว่าก้าวร้าวรุนแรง กระทบต่อภาพลักษณ์ของมุสลิม

และสถาบันสอนศาสนา (โต๊ะครู อิหม่าม ฯลฯ) ทำให้ศาสนาอิสลามเสื่อม "มุสลิม สถาบันสอนศาสนา และศาสนาอิสลาม ตกเป็นจำเลยของสังคม" เกิด "โรคหวาดกลัวอิสลาม" (Islamophobia) ขึ้นมา สำหรับสถานการณ์

ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยนั้น อาจารย์นิรันดร์แบ่งปัญหาออกเป็น 2 ส่วนคือ ส่วนที่เป็น "ของแสลง" กับส่วนที่เป็น "โรค"


ส่วนที่เป็น "ของแสลง" ได้แก่ การที่ทหาร ตำรวจ และข้าราชการกดขี่ข่มเหงประชาชน ความไม่เป็นธรรมในกระบวนการยุติธรรม และการแบ่งแยกในเชิงสังคมและวัฒนธรรม ปัจจุบันข้าราชการในพื้นที่

3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม การแบ่งแยก ความไม่เป็นธรรม และการกดขี่ข่มเหงลดลงเป็นอันมาก แต่ความรุนแรงกลับไม่ลดลง แสดงว่ายังไม่ใช่รากเหง้าของปัญหา อย่างไรก็ตาม "ของแสลง"

เหล่านี้ต้องหยุด เพราะเป็นสิ่งที่ไปกระตุ้นให้โรคร้ายกำเริบ สำหรับส่วนที่เป็น "โรค" นั้นได้แก่ "ความคิด ความเชื่อ และความเข้าใจ" ซึ่งคนจำนวนไม่มากนักนำมาบิดเบือน เพื่อให้เกิดความเข้าใจไขว้เขวในเรื่อง

"ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ และคำสอนทางศาสนา"


ในเรื่อง ประวัติศาสตร์ ผู้ก่อความไม่สงบมักอ้างว่า "สยามซึ่งเป็นรัฐพุทธศาสนา ได้โจมตีและเข้ายึดครองปัตตานีซึ่งเป็นรัฐอิสลาม" และมักอ้างถึงความทุกข์ยากของมุสลิมปัตตานีภายใต้การยึดครองของรัฐพุทธไทย

ซึ่งเรื่องนี้อาจารย์นิรันดร์มองว่า เป็นธรรมชาติของรัฐในสมัยโบราณที่เมืองใหญ่จะตีเมืองเล็กเป็นเมืองขึ้น มิใช่ด้วยเหตุทางศาสนา สงครามก็คือสงคราม ธรรมชาติของสงครามคือการเข่นฆ่า เผา ทำลาย โดยไม่เลือกชาติ

ชั้น วรรณะ หรือศาสนา เช่น พม่า (ซึ่งนับถือพุทธศาสนาเถรวาท) เผาทำลายวัดไทยในกรุงศรีอยุธยา (ซึ่งนับถือพุทธศาสนาเถรวาทเช่นกัน) เพื่อจะเอาทองคำกลับไปพม่า เป็นต้น


อาจารย์ นิรันดร์บอกให้มุสลิมมองในแง่ดีบ้างว่า การกวาดต้อนมุสลิมจากปัตตานีขึ้นมายังกรุงเทพฯ และเรี่ยราดกลางทางในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น ทำให้เกิดชุมชนมุสลิม 176 แห่งในกรุงเทพฯ และมุสลิมได้กระจายไปตามที่ต่างๆ

ของประเทศไทย ไม่กระจุกตัวเฉพาะแต่ในชายแดนภาคใต้ อันเป็นผลดีต่อศาสนาอิสลามด้วยซ้ำไป


ใน เรื่องชาติพันธุ์ ขบวนการแบ่งแยกดินแดนปัตตานีพยายามปลุกระดมให้คนในพื้นที่ "ต่อสู้เพื่อความเป็นเชื้อสายมลายู" นับว่าสร้างความสับสนแก่ประชาชน

ระหว่างการแบ่งรัฐตามหลักรัฐศาสตร์และการแบ่งประชากรตามหลักชาติพันธุ์ ซึ่งควรแยกให้ชัดเจนไม่ควรนำมาปะปนกัน

อาจารย์นิรันดร์ ยกตัวอย่างว่า "นาย ก เป็นคนไทย เชื้อสายมลายู เป็นมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม อาศัยอยู่ภาคใต้" "นาย ข เป็นคนไทย เชื้อสายญวน เป็นมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม อาศัยอยู่ที่บ้านครัว" "นาย ค เป็นคนไทย

เชื้อสายจีน เป็นมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม อาศัยอยู่ที่ภาคเหนือ" และ "นาย ง เป็นคนไทย เชื้อสายปาทาน เป็นมุสลิม นับถือศาสนาอิสลาม อาศัยอยู่ที่สระบุรีหรือลพบุรี"

บุคคลทั้งหมดดังกล่าวมีความแตกต่างทางด้านเชื้อชาติและภาษาพูด แต่นับถือศาสนาอิสลามและอยู่ในประเทศไทย จึงต้องนับเป็นพลเมืองไทยเหมือนกัน


ประเทศไทยมีความเป็น "พหุสังคม" (pluralist society) สูง มีความหลากหลายทางด้านชาติพันธุ์ ศาสนา ภาษา และวัฒนธรรม ความพยายามที่จะแบ่งแยกรัฐตามชาติพันธุ์ ศาสนา ภาษา หรือวัฒนธรรมนั้น

จึงเป็นสิ่งที่ไร้สาระและเป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริงปัจจุบัน


ใน เรื่องศาสนา ผู้ก่อความไม่สงบมักอ้างคำว่า "สงครามศักดิ์สิทธิ์" (ญีฮาด) ในการก่อเหตุรุนแรงและลอบทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ อาจารย์นิรันดร์ได้สอบถามเรื่องนี้กับปราชญ์มุสลิมคนสำคัญที่ชื่อ "ฮูเซ็น"

(คนไทยรู้จักในนาม "ครูเส็น สุราษฎร์" เพราะเป็นคนไทย จังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ไปสอนอิสลามบนหุบเขาในเมืองมักกะฮ์) ฮูเซ็น ได้ย้อนถามกลับว่า (1) ดินแดนนั้นมีการห้ามปฏิบัติศาสนกิจ (เช่น ห้ามละหมาด

ห้ามถือศีลอด ห้ามเดินทางไปทำพิธีฮัจญ์ ฯลฯ) ไหม? (2) ดินแดนนั้นมีการห้ามเผยแผ่ศาสนาอิสลามหรือไม่? ทั้ง 2 ข้อนี้เป็นเงื่อนไขของการทำ "สงครามศักดิ์สิทธิ์" (ญีฮาด)


ตาม ทรรศนะของอาจารย์นิรันดร์ รัฐไทยนอกจากจะมิได้ปิดกั้นแล้ว ยังส่งเสริมการปฏิบัติศาสนกิจของชาวมุสลิมด้วยซ้ำไป กรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยจึงไม่อาจจะใช้เป็นข้ออ้างหรือเงื่อนไขของการทำ

"สงครามศักดิ์สิทธิ์" ได้ ข้ออ้างของฝ่ายก่อความไม่สงบจึงเป็นการบิดเบือนคำสอนของศาสนาอิสลาม


ดร. นิรันดร์ พันทรกิจ นับเป็นนักวิชาการมุสลิมที่กล้าวิพากษ์วิจารณ์มุสลิมด้วยกันเองในเวที สาธารณะ ซึ่งหาได้ยากในสังคมไทยปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่มีปัญหาความรุนแรงใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

อาจารย์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า "การไม่รู้จักวิพากษ์วิจารณ์ตนเอง จะนำความเสื่อมมาสู่หมู่คณะ รวมถึงศรัทธาและคำสอนที่หมู่คณะนั้นๆ นับถืออยู่ด้วย"


ผู้เขียน: ทวีวัฒน์ ปุณฑริกวิวัฒน์

ที่มา: มติชน

_______________________________________________________________________________________________________________________________________________

อ้างถึง
อัสสลามุ อลัยกุม

            ความจริงเกี่ยวกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ผมพูดได้เต็มปากว่า ไม่ใครรู้ความจริงของมันได้ แม้แต่คนในพื้นที่ก็ตาม บางเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่ต่างอะไรกับเรื่องลึกลับ ชวนพิศวง จะไม่ให้กล่าวอย่างนี้ได้อย่างไรเล่า ก็ในเมื่อเหตุเกิดขึ้นทุกๆ ครั้ง ทุกๆ วัน แต่ไม่เคยปรากฎว่า เจ้าหน้าที่รัฐจับคุมผู้ร้ายตัวจริงมาลงโทษได้ แม้บางเหตุจะเกิดขึ้นเป็นแรมปีแล้วก็ตาม ,,,

                วัลลอฮุ อะอฺลัม


ก็เห็นด้วยนะครับ  แต่เรื่องบางเรื่องถึงแม้คนในพื้นที่จะรู้อยู่เต็มอก แต่ก็พูดไม่ได้

كُلَّمَاأَدَّبَنِى الدّه    رُأََرَانِى نَقْصَ عَقْلِى    وإذاماازْدَدْتُ عِلْمًا   زَادَنِى عِلْمًابِجَهْلِى
 
ทุกครั้งคราที่กาลเวลาได้สอนสั่งฉัน  ฉันก็เห็นว่าตัวฉันปัญญาพร่อง  และเมื่อใดที่ฉันได้เพิ่มพูนความรู้  มันก็เพิ่มความรู้ว่าฉันโง่เขลา



ออฟไลน์ Qallbee@Muslim Youth

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 11
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 salam บัง Deeneeyah อันนี้ก็โหลดไม่ได้ครับ ลองหลายครั้งแล้วครับ

 

GoogleTagged