بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
1. การยืนให้เกียรติมิใช่เป็นสิ่งที่ต้องห้าม ยิ่งกว่านั้น ยังถือว่าเป็นสุนัตอีกด้วย แต่รายงานที่บอกว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้รังเกียจการยืนให้เกียรติแก่ท่านนั้น มิใช่เพราะการยืนเป็นสิ่งต้องห้าม แต่เป็นเพราะมาจากความนอบน้อมถ่อมตนของท่าน และปรากฏว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เคยยืนให้แก่ท่านหญิงฟาติมะฮ์ และใช้ให้ชาวอันซอรทำการยืนให้แก่ สะอัด บุตร มุอาซฺ
ท่านอัตติรมีซีย์ ได้รายงานว่า
عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ ، قَالَ : لَمْ يَكُنْ شَخْصٌ أَحَبَّ إِلَيْهِمْ مِنْ رَسُولِ اللهِ صلى الله عليه وسلم ، قَالَ : وَكَانُوا إِذَا رَأَوْهُ لَمْ يَقُومُوا ، لِمَا يَعْلَمُونَ مِنْ كَرَاهَتِهِ لِذَلِكَ
รายงานจาก อะนัส เขากล่าวว่า "ไม่เคยมีบุคคลหนึ่งที่จะเป็นที่รักไปยังพวกเขามากไปว่าท่านร่อซูลลุลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม - อะนัส กล่าวว่า - เมื่อพวกเขาเห็นท่าน พวกเขาก็จะไม่ยืน เนื่องจากรู้ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมรักเกียจสิ่งดังกล่าว" อัชชะมาอิล (320)
เมื่อพวกเขาเห็นท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มุ่งหน้ามายังพวกเขา พวกเขาก็จะไม่ยืนขึ้น ไม่ใช่หมายความว่าพวกเขาไม่รักและไม่ให้เกียรติ แต่ทว่าพวกเขารู้ว่าท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่ชอบดังกล่าว ด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงเลือกความต้องการของร่อซูลลอฮ์ให้เหนือความต้องการของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาทราบดีถึงความนอบน้อมถ่อมตนและมีจรรยามารยาทที่สูงส่ง
ท่านสะอัด บุตร มุอาซฺ ซึ่งเป็นหัวหน้าของชาวอันซ๊อร เผ่าเอาส์ ขณะที่เขาอยู่บนหลังลาเพราะบาดเจ็บถูกยิงด้วยธนูในสงครามค๊อนดัก ซึ่งการที่นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ยืนให้เกียรติเขานั้น เพื่อเป็นสิทธิให้กับคนอื่น ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงให้ชาวอันซอรทำการยืนให้เกียรติแก่สะอัด ซึ่งแตกต่างกับการที่ซอฮาบะฮ์ยืนให้เกียรติท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งเป็นสิทธิของท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ที่จะไม่ต้องการให้บุคคลอื่นยืนให้เกียรติอันเนื่องจากความนอบน้อมถ่อมตนของท่าน
ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ซึ่งท่านมุสลิมได้รายงานว่า
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لِلْأَنْصَارِ قُومُوا إِلَى سَيِّدِكُمْ
"ท่านร่อซูลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้กล่าวแก่ชาวอันซอรว่า พวกท่านจึงยืนให้แก่หัวหน้าพวกเขาท่าน" (3314)
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวว่า
قُلْت : الْقِيَام لِلْقَادِمِ مِنْ أَهْل الْفَضْل مُسْتَحَبّ , وَقَدْ جَاءَ فِيهِ أَحَادِيث , وَلَمْ يَصِحّ فِي النَّهْي عَنْهُ شَيْء صَرِيح , وَقَدْ جَمَعْت كُلّ ذَلِكَ مَعَ كَلَام الْعُلَمَاء عَلَيْهِ فِي جُزْء وَأَجَبْت فِيهِ عَمَّا تَوَهَّمَ النَّهْي عَنْهُ . وَاَللَّه أَعْلَم
"ฉัน (คืออิมามนะวาวีย์) ขอกล่าวว่า การยืนให้แก่ผู้มีคุณธรรมที่ได้มาหานั้น เป็นสิ่งที่มุสตะฮับ (ชอบให้กระทำ) ซึ่งแท้จริงแล้วมีบรรดาฮะดิษที่ระบุเกี่ยวกับเรื่องนี้ โดยที่ไม่มีฮะดิษซอฮิห์ใด ๆ ที่ชัดเจนเลยที่ห้ามจากการยืน และแท้จริงฉันได้รวบรวมทุก ๆ ฮะดิษดังกล่าวพร้อมกับคำกล่าวของอุลามาอ์ พร้อมกับทำการตอบสิ่งที่คลุมเคลือในการห้ามการยืน" ชัรห์ซอฮิห์มุสลิม
ท่านอิมามคอฏีบ อัชชัรบีนีย์ ได้กล่าวว่า "สุนัตให้ทำการยืนให้แก่ผู้มีคุณธรรม อันเนื่องจากมีความรู้ เป็นคนดี มีเกียรติ และอื่น ๆ โดยยืนเพื่อให้เกียรติ ไม่ใช่เพื่อโอ้อวดและยะโส ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัรเราเฎาะฮ์ว่า ได้มีบรรดาฮะดิษที่ซอฮิห์ยืนยันเกี่ยวกับเรื่องการยืนให้เกียรติ" หนังสือมุฆนิลมั๊วะห์ตาจญ์ 4/232
ท่านบุคอรีย์ ได้รายงานจาก ท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา ซึ่งท่านนางได้กล่าวว่า
ما رأيت أحدا من الناس كان أشبه بالنبي صلى الله عليه و سلم كلاما ولا حديثا ولا جلسة من فاطمة قالت وكان النبي صلى الله عليه و سلم إذا رآها قد أقبلت رحب بها ثم قام إليها فقبلها ثم أخذ بيدها فجاء بها حتى يجلسها في مكانه وكانت إذا أتاها النبي صلى الله عليه و سلم رحبت به ثم قامت إليه فقبلته
"ฉันไม่เคยเห็นคนใดที่จะมีความคล้ายคลึงกับท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ในทางคำพูด การสนทนา การนั่ง ยิ่งไปกว่าท่านหญิงฟาติมะฮ์ - ท่านหญิงอาอิชะฮ์กล่าวว่า - เมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เห็นท่านหญิงฟาติมะฮ์ ท่านก็จะหันให้การต้อนรับนางและลุกขึ้นยืนให้แก่นาง แล้วท่านก็จูบนาง และจูงมือนาง แล้วท่านก็จูงมือนางมาจนกระทั่งเชิญให้นางนั่งในสถานที่ของท่าน และเมื่อท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ไปหานาง นางก็จะให้การต้อนรับและยืนให้แก่ท่าน และจูบท่านนบี ศ็อลลัลลออฮุอะลัยฮิวะซัลลัม" กิตาบ อัลอะดับ อัลมุฟร็อด (947) ฮะดิษซอฮิห์
2. กรณีการยืนขณะทำเมาลิดนั้น ท่าน อัลมุหัดดิษ อัซซัยยิด มุฮัมมัด อะละวีย์ อัลหะสะนีย์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) เกี่ยวกับเรื่องการยืนดังกล่าวว่า
"สำหรับการยืนในขณะอ่านเมาลิดนบี(บัรซันญี) ช่วงที่กล่าวถึงการประสูตและการออกมาลืมตาดูโลกของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม นั้น ผู้คนบางส่วนคิดในแง่ที่ผิด โดยไม่มีรากฐานตามทัศนะของนักปราชญ์เลย ที่เกี่ยวกับสิ่งที่ฉันรู้มา ยิ่งกว่านั้น เขายังเป็นมนุษย์ที่โง่เขลาอย่างยิ่ง จากผู้ที่ปรากฏตัวอยู่ในขณะอ่านเมาลิด (บัรซันญี) แล้วทำการยืนพร้อมกับบรรดาผู้ที่ยืนทั้งหลาย มีการคิดในแง่ร้ายก็คือ บรรดาผู้คนที่ทำการยืนต่างเชื่อว่าท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้เข้ามาปรากฏด้วยร่างกายของท่านในช่วงเวลานั้น และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ บางส่วนมีความเห็นว่า ควันหอมหรือน้ำหอมนั้นสำหรับท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม และน้ำที่วางอยู่ตรงกลางสถานที่ดังกล่าวนั้น เพื่อให้ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ดื่มมัน
และให้กับทุก ๆ ความคิดเหล่านี้ ต้องไม่ปราฏกอยู่ในสมองที่มีสติปัญญาของบรรดามุสลิมีนอยู่แล้ว โดยเราขอประกาศไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งดังกล่าวทั้งหมด เพราะมันเป็นความอุกอาจต่อตำแหน่งของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม
ฉันขอกล่าวว่า การคิดในแง่ร้ายดังกล่าวนี้ ถือเป็นการกล่าวอ้างมุสาโดยแท้ มันเป็นความอุกอาจไร้ยางอาย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่กล่าวออกมานอกจากผู้ที่ริษยาแค้นเคืองหรือเป็นคนโง่เขลาที่ดื้อดึง
แต่กระนั้น , เราเชื่อว่าท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม มีชีวิตอยู่ในอาลัมบัรซักโดยสมบูรณ์ที่เหมาะสมกับเกียรติตำแหน่งของท่าน และด้วยนัยดังกล่าวคือ การมีชีวิตที่สมบูรณ์อีกทั้งสูงส่ง โดยวิญญาณของท่านสามารถตระเวนอยู่ในอาณาจักรของอัลเลาะฮ์ ซุบหานะฮูวะตะอาลา สามารถที่จะปรากฏอยู่สถานที่ต่าง ๆ ที่ประกอบคุณความดีงามและวิชาความรู้ และบรรดาวิญญานของผู้ศรัทธาอย่างแท้จริง ๆ จากผู้ที่เจริญรอยตามท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็เฉกเช่นเดียวกัน
ท่านอิมามมาลิก กล่าวว่า ได้ทราบถึงฉันว่า "แท้จริงวิญญานนั้นจะถูกปล่อยให้เป็นอิสระจะไปใหนก็ได้ตามที่ต้องการ" ท่านซัลมาน อัลฟาริซีย์ กล่าวว่า "บรรดาวิญญานของผู้ศรัทธาในอาลัมบัรซักจากผืนแผ่นดินนี้ พวกเขาสามารถไปใหนก็ได้ตามที่ต้องการ" (ได้กล่าวเช่นเดียวกันนี้ในหนังสือ อัรรั๊วะห์ ของ อิบนุ ก๊อยยิม หน้า 144)
เมื่อท่านทราบดังนี้แล้ว ท่านโปรดรู้เถิดว่า การยืนในเมาลิดนบีนั้น ไม่ใช่เป็นสิ่งที่วายิบ(จำเป็น) ไม่ใช่เป็นสิ่งที่สุนัต และไม่อนุญาตให้มีความเชื่อดังกล่าว แต่ทว่า มันเป็นการเคลื่อนไหวที่มนุษย์เผยแสดงให้เห็นถึงความดีใจและความปิติยินดีของพวกเขา ดังนั้น เมื่อถูกกล่าวขึ้นว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ประสูตลืมตาดูโลกแล้วนั้น ผู้ที่ได้ยินก็พยายามจิตนาภาพในช่วงเวลานั้นว่า ทั้งหมดแห่งสากลโลกได้แสดงความดีใจด้วยกับเนี๊ยะมัตดังกล่าวนี้ ฉะนั้น เขาได้ยืนเพราะแสดงความดีใจและปลื้มปิติยินดีดังกล่าว ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติ(อาดัต)ทั่วไปเท่านั้น หาใช่เป็นเรื่องศาสนา มันไม่ใช่อิบาดะฮ์ ไม่ใช่หลักชะรีอะฮ์ ไม่ใช่เป็นซุนนะฮ์ มันไม่ใช่เป็นอะไรเลยนอกจาก เป็นเรื่องปกติ(อาดัต)ทั่วไปที่ผู้คนเขาทำกัน (หมายถึงเป็นสิ่งที่มุบาห์)" (ดู หนังสือ เฮาลัลเอี๊ญะห์ติฟาล บิซิกรอ อัลเมาลิดินนะบี อัชชะรีฟ หน้า 40 - 42)
والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم