بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
ท่านอัลฏ็อบรอนีย์ ได้รายงานจาก มุฮัมมัด บิน อบี ยะห์ยา ซึ่งเขาได้กล่าวว่า
رأيت عبدالله بن الزبير ورأى رجلا رافعا يديه يدعو فبل أن يفرغ من صلاته ، فلما فرغ منها قال له : إن رسول الله لم يكن يرفع يديه حتى يفرغ من صلاته
"ฉันได้เห็นท่านอับดุลเลาะห์ บุตร ซุบัยร์ ท่านได้เห็นผู้ชายคนหนึ่งได้ยกสองมือวอนขอก่อนจากเสร็จละหมาด(ในละหมาด) ต่อมาในขณะที่เขาเสร็จละหมาด ท่านอับดุลเลาะห์ ได้กล่าวแก่ชายผู้นั้นว่า แท้จริงท่านร่อซู้ล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยยกสองมือวอนขอในละหมาดเลย จนกว่าท่านจะเสร็จละหมาด" ท่านอัลฮาฟิซฺ อัลฮัยษะมีย์ กล่าวว่า นักรายงานของฮะดิษนี้ เชื่อถือได้ (ษิก็อต) หนังสือมัญมะอ์ชาวาเอ็ด 1/196
ดังนั้น เมื่ออิมามละหมาดเสร็จ ก็ถือว่าเป็นซุนนะฮ์ให้ทำการยกมือขอดุอาได้ครับ ส่วนกรณีที่มะมูมจะทำการกล่าวอามีนนั้น ถือว่าซุนนะฮ์ให้กระทำได้โดยไม่มีข้อห้ามใด ๆ เนื่องจากการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการขอดุอาแบบญะมาอะฮ์
การขอดุอาแบบญะมาอะฮ์ หมายถึง มีบุคคลหลายคนทำการร่วมกันขอดุอาต่ออัลเลาะฮ์ ตะอาลา โดยมีบุคคลส่วนหนึ่งหรือบุคคลหนึ่งได้ทำการขอดุอา และส่วนบุคคลที่เหลือก็ทำการกล่าว "อามีน" และการรวมตัวกันขอดุอา ย่อมเป็นการรวมตัวในการปฏิบัติความดีงาม
ท่านชัยคุลอิสลาม อัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร (ร่อฮิมะฮุลลอฮฺ) ได้กล่าวไว้ในหนังสือฟัตหุลฟารีย์ ในเรื่องการกล่าวอามีนใน บทอัดดะวาต(บรรดาบทดุอา) ว่า
:وورد في التأمين مطلقا أحاديث منها حديث عائشة مرفوعا ما حسدتكم اليهود على شيء ما حسدتكم على السّلام والتأمين رواه ابن ماجه وصححه ابن خزيمة ، وأخرجه ابن ماجه أيضا من حديث ابن عباس بلفظ ما حسدتكم على آمين فأكثروا من قول آمين
"ได้มีบรรดาหะดิษรายงานเกี่ยวการกล่าวอามีนโดยเปิดกว้างไม่มีข้อแม้ใด ๆ (คือไม่ว่าจะหลังละหมาดหรือไม่ใช่หลังละหมาด) จากหะดิษท่านหญิงอาอิชะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา โดยยกอ้างถึงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า "สิ่งที่พวกยาฮูดีได้อิจฉาริษยากับพวกท่านในสิ่งหนึ่ง คือพวกเขาได้อิจฉาริษยาพวกท่าน กับการให้สลามและกล่าว อามีน" รายงานโดยท่าน อิบนุ มาญะฮ์ และท่านอิบนุคุซัยมะฮ์ถือว่าหะดิษซอฮิหฺ และท่านอิบนุมาญะฮ์ได้นำเสนอหะดิษเช่นกัน จากหะดิษท่านอิบนุอับบาส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ด้วยถ้อยคำที่ว่า "สิ่งที่พวกยาฮูดีได้อิจฉาริษยาพวกท่านนั้น คือการกล่าว อามีน ดังนั้น พวกท่านจงกล่าว อามีน ให้มาก ๆ " ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 11 หน้า 239
ดังนั้น ท่านจงกล่าวอามีนขณะที่อิมามอ่านดุอาครับ เพราะพวกยะฮูดีจะอิจฉาและไม่ต้องการให้มีการกล่าวอามีน
ท่านอัลหาฟิซฺ นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ อาจารย์ของท่านอิบนุหะญัร อัลอัสก่อลานีย์ ได้ นำเสนอหะดิษ ความว่า
ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
لا يجتمع ملأ فيدعو بعضهم ويؤمن سائرهم إلا أجابهم الله
"กลุ่มชนหนึ่งจะไม่รวมตัวกัน แล้วบางคนจากพวกเขาได้ทำการขอดุอาและพวกเขาส่วนที่เหลือได้ทำการกล่าวอามีน นอกจากว่า อัลเลาะฮ์จะทำการตอบรับดุอาของพวกเขา" รายงานโดย ท่านอัตต๊อบรอนีย์
ท่าน อัลหาฟิซฺ นูรุดดีน อัลฮัยษะมีย์ กล่าววิจารณ์หะดิษนี้ว่า
ورجاله رجال الصحيح غير ابن لهيعة وهو حسن الحديث
"บรรดานักรายงานหะดิษนี้ เป็นนักรายงานที่ซอฮฺหฺ นอกจาก อิบนุ ละฮีอะฮ์ ซึ่งเขานั้น หะดิษหะซัน" ดู หนังสือ มัจญฺมะอฺ อัซซะวาอิด หะดิษที่ 17347
ดังนั้น การที่บุคคลหนึ่งได้ทำการ "ขอดุอา" แล้วบุคคลอื่นทำการกล่าว "อามีน" ร่วมกัน ย่อมเป็นการปฏิบัติในเรื่องคุณค่าของอะมัลหรือคุณงามความดี แม้จะมีหะดิษฏออีฟไม่มากมารับรอง ซึ่งสามารถนำมาปฏิบัติได้ในเรื่องของคุณงามความดี ตามทัศนะของมติปวงปราชญ์อิสลามที่ท่านอิมามอันนะวาวีย์ได้ยืนยันไว้หรือทัศนะส่วนมากของปวงปราชญ์อิสลาม
والله سبحانه وتعالي أعلي وأعلم