ผู้เขียน หัวข้อ: การถือศีลอดกับผลตอบสนองทางด้านจิตวิญญาณและร่างกาย  (อ่าน 2302 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Mustafa

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 55
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด

السلام عليكم ورحمة الله تعالى وبركاته
الحمد لله رب العالمين ، والصلاة والسلام على رسول الله صلى الله عليه وسلم وعلى آله وصحبه أجمعين

การถือศีลอดกับผลตอบสนองทางด้านจิตวิญญาณและร่างกาย

มากมายจากสิ่งต่างๆที่จะแบ่งและแสดงถึงโครงสร้างความศรัทธาของแต่ละบุคคล ซึ่งมีทั้งทางด้านบวกและด้านลบ การทดสอบของอัลลอฮฺต่อบ่าวของพระองค์นั้นก็เพื่อที่จะวัดถึงศักยภาพในการอดทน และความสามารถในการที่จะรับภาระที่หนักหน่วงของพวกเขา แน่นอนสิ่งที่จะมาทดสอบความศรัทธาของผู้เป็นบ่าวได้ถูกบันทึกไว้ในบทบัญญัติแห่งพระเจ้าไว้แล้ว โดยที่บทบัญญัติจะกำหนดศาสนกิจให้แก่มนุษย์ชาติ หนึ่งในบรรดาคำบัญชาใช้นั้นก็คือ การถือศีลอด ซึ่งจะทำให้สุลต่านแห่งจิตวิญญาณนั้นเป็นเจ้าเหนือร่างกาย เป็นเจ้าแห่งการคุมบังเหียนในเรื่องต่างๆ มิให้เดินทางไปสู่ความหลงใหลทางด้านวัตถุ การถือศีลอดจะปลูกความเป็นผู้มีความรับผิดชอบ ความเป็นผู้ที่ได้รับความไว้วางใจ และเป็นผู้ที่มีความสัจจะ และแน่นอนได้มีอัล-ฮาดีษอัลกุดซีย์ (บัญญัติแห่งพระเจ้าที่ผ่านตรงมาสู่ท่านศาสดามูฮำมัด) ถูกรายงานมาว่า

(( كل عمل ابن آدم له إلاّ الصيام فإنه لي وأنا أجزي به ))

ความว่า: “ทุกๆกิจการงานของลูกหลานอาดัม (มนุษย์) นั้นเป็นสิทธิ์ของพวกเขา นอกจากการถือศีลอด แน่แท้การถือศีลอดนั้นเป็นสิทธิ์ของข้า (อัลลอฮฺ) โดยที่ข้าจะตอบแทนผลบุญเนื่องด้วยการถือศีลอดนั้น” (รายงานโดย ท่านอะห์มัด มุสลิม และน่าซาอีย์)
                                                                                         

ความหมายของการถือศีลอดตามบทบัญญัติแห่งอิสลามก็คือ การยับยั้งจากอาหาร เครื่องดื่ม การร่วมประเวณี และสิ่งต่างๆที่จะทำให้เสียศีลอดไปพร้อมๆกับการเจตนาถือศีลอด โดยยับยั้งจากสิ่งดังกล่าวตั้งแต่แสงอรุณขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดิน

เมื่อการยับยั้งจากสิ่งที่เป็นเรื่องอนุญาต กลายเป็นเรื่องหนักหน่วงต่อจิตใต้สำนึก แน่นอนการตอบรับบัญชาห้ามก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากต่อจิตใต้สำนึก หากแม้นจิตไร้ศรัทธาและไร้ซึ่งความคะนึงหาต่ออัลลอฮฺแล้ว แน่นอนพระองค์ก็จะทรงตอบสนองบ่าวผู้ทรยศด้วยกับการลงโทษอย่างสาสม และพระองค์ก็จะทรงถอดคำว่า “ศรัทธา” จากหัวใจของเขาเหล่านั้น เพราะก่อนที่จะมีคำบัญชาใช้ให้ถือศีลอดนั้น อัลลอฮฺทรงใช้คำนำที่ว่า (ياأيها الذين آمنوا كتب عليكم الصيام ) “โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย การถือศีลอดได้ถูกกำหนดเหนือพวกเจ้าแล้ว” เพราะแท้จริงแล้วการศรัทธานั้นขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตามคำสั่งใช้และการภักดีต่ออัลลอฮฺ (ผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง)

การถือศีลอดได้ถูกกำหนดโดยบังคับใช้แก่ทุกๆประชาชาติในยุคก่อนๆด้วยเช่นกัน เป้าหมายแรกของการถือศีลอดก็คือ การเตรียมพร้อมหัวใจเพื่อทำการภักดีและนอบน้อมต่ออัลลอฮฺ และเป็นการเตรียมจิตใจเพื่อปฏิบัติคุณงามความดีต่างๆ ด้วยเหตุนี้ ผู้ถือศีลอดจึงต้องละทิ้งอารมณ์ความต้องการต่างๆไปพร้อมๆกับพลังความสามารถที่จะปฏิบัติตามคำบัญชาใช้แห่งพระเจ้า และรีบเร่งไปสู่ความพึงพอพระทัยของพระองค์ และด้วยการปฏิบัติเช่นนี้หัวใจของผู้ถือศีลอดจะมีแต่ความแกร่งกลัวต่ออัลลอฮฺ และจะตื่นรับแสงสว่างแห่งสัจธรรม

ก่อนที่คำบัญชาใช้ให้มุสลิมถือศีลอดในเดือนรอมาฎอนนั้น อัลลอฮฺทรงกำหนดให้กับมุสลิมในยุคเริ่มอิสลามทำการถือศีลอดทุกๆเดือนๆละ 3 วันโดยให้เลือกปฏิบัติสำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีและไม่ได้เดินทาง และหากว่าผู้ใดมิได้ถือศีลอดก็จะต้องจ่ายอาหารให้กับคนจนแทน พร้อมกับระบุว่าการถือศีลอดนั้นประเสริฐกว่าการให้อาหาร ต่อมาพระองค์ก็ทรงสั่งยกเลิกบทบัญญัติดังกล่าวด้วยการบัญชาใช้ให้ถือศีลอดในเดือนรอมาฎอนแทน โดยถือว่าเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับผู้ที่มีสุขภาพดีและมิได้เดินทาง และเป็นการอนุญาตให้เลือกปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยและผู้เดินทาง แต่มีข้อแม้ว่าจะต้องชดใช้ในภายหลังในขณะที่มีความสามารถ สำหรับผู้ป่วยที่คิดว่าเขาไม่สามารถที่จะถือศีลอดได้อีกต่อไป อันเนื่องมาจากความชราภาพหรือความอ่อนแอที่ยากจะหายได้ ก็ให้เขาผู้นั้นจ่ายอาหารให้กับคนจนทุกวันๆละหนึ่งมื้อ และหากให้มากกว่านั้นก็จะเป็นการดีสำหรับเขา

ผลวิจัยทางการแพทย์ว่าด้วยการถือศีลอด

ได้รับการยืนยันจากแพทย์แล้วว่า การถือศีลอดนั้นเป็นการขจัดสิ่งปฏิกูลที่ตกค้างอยู่ในร่างกาย ทำให้ความชื่นที่เป็นอันตรายแห้งลง และทำความสะอาดลำไส้จากสารพิษตกค้าง ละลายไขมันที่เป็นอันตรายต่อหัวใจ แพทย์ชาวตะวันตกคนหนึ่งได้กล่าวว่า “การถือศีลอดคือการศัลยกรรมที่ยอดเยี่ยม เป็นการรักษาโรคต่างๆโดยไม่ต้องใช้มีดผ่าตัดหรือโดยไม่ต้องถ่ายเลือด” การถือศีลอดเป็่นการเพิ่มพลังความสามารถ และทำให้จิตใจเคยชินกับความยากลำบาก

การถือศีลอดมิใช่เพียงแค่การอดอาหารเท่านั้น แต่ยังเป็นการอพยพออกจากสิ่งชั่วร้ายและโสมมต่างๆ ดังนั้นจึงไม่อนุญาตให้ผู้ถือศีลอดพูดในเรื่องที่ไม่ดี เช่นการนินทาว่าร้ายผู้อื่น และการกระทำสิ่งที่ไม่ดีงาม เพราะท่านศาสดามูฮำมัดได้กล่าวไว้ว่า

(( الصيام جُنَّة ، فإذا كان يوم صوم أحدكم فلا يرفث ولا يصخب ولا يجهل ، فإن شاتمه أحد أو قاتله فليقل إني صائم ، إني صائم ))

ความว่า: การถือศีลอดนั้นคือเกราะป้องกัน ดังนั้นเมื่อวันของการถือศีลอดมาถึง คนใดจากพวกท่านอย่าได้พูดจาหยาบคาย อย่าได้ทำเสียงเอ็ดตะโรโวยวาย อย่าได้หลงผิด และหากผู้ใดได้ด่าว่าคนใดจากพวกท่าน (ที่ทำการถือศีลอด) หรือต่อสู่หรือทะเลาะกับคนใดจากพวกท่าน ดังนั้นเขาจงกล่าวว่า “ฉันถือศีลอด ฉันถือศีลอด”  (รายงานโดย อะห์มัด มุสลิม นะซาอีย์)
                                                                                                   
 
ด้วยเหตุนี้การถือศีลอดจึงถือได้ว่าเป็นการศึกษาและลงมือปฏิบัติในการที่จะทำให้จิตใต้สำนึกกลับสู่ความประเสริฐ และแบกรับเอาสิ่งที่ดีงามทุกประการ ในทางกลับกันหากผู้ถือศีลอด อดแต่เพียงอาหาร โดยที่ไม่อดทนต่อการปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำแล้ว การถือศีลอดของเขาก็เป็นเพียงแค่การสร้างความลำบากให้กับตัวเองเท่านั้น เพราะท่านศาสดามูฮำมัดได้กล่าวไว้ว่า

(( كم من صائم ليس له من صيامه إلاّ الجوع والعطش ))

ความว่า: “มากมายจากผู้ถือศีลอดที่ไม่ได้อะไรจากการถือศีลอดเลย นอกเสียจากความหิวและกระหายเท่านั้น”  (รายงานโดย นะซาอีย์ และอิบนุมาญะห์)
                                                                                       
   
อัลลอฮฺ (ตะอาลา) ทรงเลือกเดือนรอมาฎอนเป็นเดือนแห่งการประทานสิ่งดีงามต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการประทานบรรดาคัมภีร์ต่างๆให้กับบรรดาศาสนทูตของพระองค์ และยังเป็นเดือนแห่งการประทานแนวทางให้แก่หัวใจของปวงบ่าวผู้ซึ่งศรัทธา ผู้ซึ่งเชื่อมั่น และปฏิบัติตามคำสั่งใช้ของพระองค์


والله سبحانه وتعالى أعلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

ญะซากัลลอฮ์  ครับผม  mycool:
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ คะลัคคะลุย

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 670
  • เรื่อยไป
  • Respect: +3
    • ดูรายละเอียด
 salam

มีคำถามครับ  เมื่อเราถือศีลอดวันเว้นวัน  ซึ่งพอดีวันที่ไม่บวชนั้นไปตรงกับวัน จันทร์ หรือ วันพฤหัสบดีซึ่งเป็นซุนนะฮ์นบีเหมือนกัน แล้วเราจะบวชยังไงครับ  จะให้บวชวันเว้นวันต่อไป  หรือว่า จะเลือกบวชวันจันทร์หรือวันพฤหัสบดี  คืออันใหนจะดีกว่าครับ?
اللهم صل علي سيدنا محمد وعلي آل محمد وصحبه وسلم

ออฟไลน์ Mustafa

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 55
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด
 salam

การถือศีลอดวันเว้นวันถือเป็นสิ่งที่ดีมาก และถ้าให้ในวันถือศีลอดนั้นมีวันจันทร์และวันพฤหัสเป็นหลัก ก็ย่อมเป็นการดียิ่งกว่าครับ

แน่นอนการที่ท่านร่อซู้ลเจาะจงถือศีลอดในวันจันทร์และพฤหัสนั้นมีวิทยปัญญา (ฮิกมัต) ดังนี้ครับ

๑. วันจันทร์และวันพฤหัสบดีนั้นเป็นวันที่การงานต่างๆที่เราได้ปฏิบัติกันมานั้น จะถูกนำเสนอต่ออัลลอฮ์ ดังที่ท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) ได้กล่าวไว้ว่า

تُعرض الأعمال يوم الإثنين والخميس فأحب أن يعرض عملي وأنا صائم.. رواه الترمذي

"การงานต่างๆจะถูกเสนอในวันจันทร์และวันพฤหัสบดี ดังนั้นฉันรักที่จะให้การงานของฉันถูกเสนอในสภาพที่ฉันถือศีลอด"

๒. วันจันทร์เป็นวันเกิดของท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) เป็นวันที่อัลลอฮ์ทรงประทานความเมตตาอันยิ่งใหญ่ด้วยการส่งท่านร่อซู้ลมายังประชาชาติมนุษย์ในวันนี้ ท่านร่อซู้ลจึงถือว่าวันจันทร์เป็นวันสำคัญอีกวันหนึ่ง ดังที่ท่านร่อซุ้ลได้กล่าวไว้ว่า

أن رسول الله صلى الله عليه وسلم سئل عن صوم يوم الاثنين فقال ذلك يوم ولدت فيه ويوم بعثت أو أنزل علي فيه... رواه مسلم

"แท้จริงท่านร่อซู้ล (ศ็อลฯ) ถูกถามถึงการถือศีลอด ดังนั้นท่านร่อซู้ลจึงกล่าวว่า "วันดังกล่าวนั้น เป็นวันที่ฉันถือกำเนิดมา และเป็นวันที่ฉันถูกแต่งตั้ง หรือเป็นวันที่ถูกประทานลงมาให้ฉัน (อัลกุรอาน)


والله تعالى أعلم

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด

โอ้...วันจันทร์...

กระทู้นี้หลุดรอดสายตาเราไปได้นานมากเลย...

ขุดค่ะขุด ^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged