بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
การอ่าน อะอูซุบิลลาฮิมินัชชัยฏอนนิรร่อญีม นั้น สุนัตให้อ่านค่อยก่อนอ่านอัลฟาติหะฮ์ และจำเป็น(วายิบ)ต้องอ่านบิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม ตามทัศนะของมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์
รายละเอียด
ท่านอิมาม อันนะวาวีย์ ร่อฮิมฮุลลอฮ์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมินฮาจญ์ ว่า
ويسنّ بعد التحرم دعاء الإفتتاح ثم التعوذ ، ويسرّهما ، ويتعوّذ فى كل ركعة على المذهب ، والأولى أكد
"สุนัตหลังตักบีร่อตุลเอี๊ยะหฺรอม ให้ทำการดุอาอ์อิฟติตาห์ หลังจากนั้น ให้กล่าวอะอูซุบิลลาฮิมินัชชัยฏอนนิรร่อญีมและให้ทำการอ่านแบบเบา ๆ กับทั้งสอง และให้ผู้ละหมาดทำการกล่าวอะอูซุบิลลาฮิมินัชชัยฏอนนิรร่อญีม ในทุก ๆ ร่อกะอัต ตามแนวทางของมัซฮับ(ชาฟิอีย์) และ(การอ่าน)ในร่อกะอัตแรกนั้น ย่อมแน่นแฟ้น(สมควรกระทำ)มากกว่า" ดู หนังสือ มินฮาจญ์ อัฏฏอลิบีน ของท่านอิมามอันนะวาวีย์ หน้า 9
ท่านอิมามอัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ กล่าวว่า
ثمّ التعوذ قبل القراءة لقوله تعالى : فإذا قرأت القرأن فاستعذ بالله من الشيطان الرجيم
"หลังจากนั้น ให้กล่าวอะอูซุบิลลาฮิมินัชชัยฏอนนิรร่อญีม เพราะอัลเลาะฮ์ ตะอาลา ทรงตรัสว่า "เมื่อท่านอ่านอัลกุรอาน ดังนั้น ท่านจงขอความคุ้มครองด้วยกับอัลเลาะฮ์ จากชัยฏอนที่ถูกสาปแช่ง" อันนิหฺลิ 98 ดู หนังสือ มุฆนี อัลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 1 หน้า 307
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า
وذلك للأية المحمول فيها عند أكثر العلماء الأمر على الندب وقرأت على أردت قراءته أى إذا أردتها فقل أعوذ بالله من الشيطان
"ดังกล่าว เพราะมีอายะฮ์อัลกุรอานที่ถูกตีความ ตามทัศนะของนักปราชญ์ส่วนมากว่า เป็นคำสั่งใช้ที่เป็นสุนัต และ(ถูกตีความ)คำว่า قرأت (เมื่อท่านอ่าน) บนความหมายที่ว่า "เมื่อท่านต้องการอ่านอัลกุรอาน" หมายถึง เมื่อท่านต้องการอ่านอัลกุรอาน ดังนั้น ท่านจงกล่าว อะอูซุบิลลาฮิมินัชชัยฏอนนิรร่อญีม" ดู หนังสือ ตั๊วะฟะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 31 - 32
กระผม ขอกล่าวว่า คำสั่งใช้ให้กล่าวอะอูซุลบิลลาฮ์นี้อยู่ในความหมายแบบกว้าง ๆ (มุฏลัก) ซึ่งสามารถอ่านได้ในขณะที่ต้องการจะอ่านอัลกุรอานทั้งในเวลาละหมาดและนอกละหมาด วัลลอฮุอะลัม
ส่วนประเด็นของการอ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีมนั้น เป็นสิ่งจำเป็น(วายิบ) ตามทัศนะของมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ
ท่านอิมาม อัดดารุกุฏนีย์ ได้รายงานจาก ท่านอบู ฮุรอยเราะฮ์ ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ความว่า ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า
أذا قرأتم الحمد لله فأقرءوا بسم الله الرحمن الرحيم إنها أم القرأن وأم الكتاب والسبع المثانى وبسم الله الرحمن الرحيم إحدي أياتها
"เมื่อพวกท่านอ่าน (ซูเราะฮ์) อัลฮัมดุลิลลาฮ์ ดังนั้น พวกท่านจงอ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม เพราะมันเป็นแม่ของอัลกุรอาน , แม่ของคำภีร์ , คือเจ็ด(อายะฮ์)ที่ถูกอ่านซ้ำ , และบิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม เป็นหนึ่งจากบรรดาอายะฮ์ของมัน(คือของซูเราะฮ์อัลฮัมดฺ)" ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์ กล่าวว่า หะดิษนี้ซอฮิหฺ (ดู หนังสือ ตั๊วะฟะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 36) , แม้กระทั่ง ท่านอัลบานีย์ ยังฮุกุ่มว่าหะดิษนี้ซอฮิหฺ (ดู ซอฮิหฺ อัลญาเมียะอฺ วะ ซิยาดะฮตุฮู เล่ม 1 หน้า 261 หะดิษที่ 732 , ดู อัซซัลซิละฮ์ อัซซ่อฮีฮะฮ์ เล่ม 3 หน้า 179 หะดิษที่ 1183)
ท่านอิมาม อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ กล่าวว่า
وروى ابن خزيمة بإسناد صحيح عن أم سلمة : أن رسول الله صلى الله عليه وسلم عدّ : بسم الله الرحمن الرحيم أية ، والحمد لله رب العالمين : أي إلى أخرها ست أيات
"ท่านอิบนุคุซัยมะฮ์ ได้รายงาน ด้วยสายสืบที่ซอฮิหฺ จากท่านนาง อุมมุ สะละมะฮ์ ว่า แท้จริง ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้นับ บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม เป็นอายะฮ์หนึ่ง และ(ได้นับ)อัลฮัมดุลิลลาฮิร๊อบบิลอาละมีน จนจบอีก 6 อายะฮ์" ดู หนังสือ มุฆนีย์ อัลมั๊วะหฺตาจญ์ เล่ม 1 หน้า 308
ได้มีรายงานจาก ท่านนาง อุมมุ สะละมะฮ์ ซึ่งท่านนางกล่าวว่า
إن النبى صلى الله عليه وسلم قرأ فى الصلاة بسم الله الرحمن الرحيم وعدّها أية
"แท้จริงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อ่านในละหมาด กับ บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม และท่านนบีนับ บิสมิลลาฮ์ เป็นอายะฮ์หนึ่งด้วย" อัลบานีย์ ฮุกุ่มว่าหะดิษนี้ ซอฮิหฺ (ดู หนังสือ อิรวาอ์ อัลฆ่อลีล เล่ม 2 หน้า 59 หะดิษที่ 343)
สำหรับหะดิษ ที่ท่าน อัลบุคอรีย์ ได้รายงานจาก ท่าน อะนัส บิน มาลิก ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ ตามทัศนะของผู้ที่ไม่อ่านบิสมิลลาฮ์ คือ
ท่าน อะนัส บิน มาลิก กล่าวว่า
صليت خلف النبى صلى الله عليه وسلم وأبى بكر وعمر وعثمان فكانوا يفتتحون القراءة بالحمد لله رب العالمين
"ฉันได้ละหมาดตามหลังท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม , ท่านอบูบักร , ท่านอุมัร , ท่านอุษมาน ซึ่งพวกเขาได้ทำการเริ่มอ่าน อัลฮัมดุลิลลาฮิร๊อบบิลอาละมีน" ซอฮิหฺ บุคคอรีย์ เล่ม 2 หน้า 265
ท่านอิมาม อัตติรมีซีย์ ได้กล่าวหลังจากรายงานหะดิษนี้ว่า
قال الشافعى : إنما معنى الحديث أن النبى صلى الله عيه وسلم وأبا بكر وعمر وعثمان كانوا يفتتحون القراءة بـ(الحمد لله رب العالمين) معناه : أنهم كانوا يبدءون بقرأة فاتحة الكتاب قبل السورة وليس معناه أنهم كانوا لا يقراءون (بسم الله الرحمن الرحيم) وكان الشافعى يرى أن يبدأ بـ( بسم الله الرحمن الرحيم ) وأن يجهر بها إذا جهر بالقراءة
"ท่านอิมามอัชชาฟิอีย์ กล่าวว่า แท้จริง ความหมายของหะดิษ คือ แท้จริง ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม , ท่านอบูบักร , ท่านอุมัร , ท่านอุษมาน นั้น พวกเขาได้เริ่มอ่าน อัลฮัมดุลิลลาฮิร๊อบบิลอาละมีน ซึ่งหมายถึง พวกเขาได้เริ่มอ่าน อัลฟาติหะฮ์ก่อนจากอ่านซูเราะฮ์ แต่หะดิษไม่ใช่หมายความว่า พวกเขาไม่ได้อ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม และท่านอัชชาฟิอีย์ มีทัศนะว่า ให้เริ่มอ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม และให้อ่านดังด้วยกับมัน เมื่อเขาได้(ละหมาดที่ให้)อ่านดัง" ดู สุนัน อัตติรมีซีย์ เล่ม 2 หน้า 16
ท่านอิมาม อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์ กล่าวว่า
وأجيب بأن معني الأول كانوا يفتتحون بسورة الحمد ، ويبينه ما صح عن أنس كما قال الدارقطنى : إنه كان يجهر بالبسملة ، وقال لا ألو أن أقتدى بصلاة النبي صلى الله عليه وسلم
"ตอบจากความหมายหะดิษแรก(ดังกล่าว) คือ พวกเขาเหล่านั้น ได้เริ่มการอ่าน ซูเราะฮ์ อัลฮัมดฺ และได้อธิบายกับความหมายหะดิษแรก(ดังกล่าว) โดยสิ่งที่มีรายงานซอฮิหฺจากท่านอะนัส ตามที่ท่านอัดดารุกุฏนีย์ ได้กล่าวว่า "แท้จริงท่านอะนัสได้อ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม เสียงดัง และกล่าวว่า ฉันไม่บกพร่องกับการเจริญรอยตาม การละหมาดของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม" ดู หนังสือ มุฆนีย์ อัลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 1 หน้า 308
ได้มีการยืนยันว่า ท่านอะนัส บิน มาลิก ได้ทำการอ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม ซึ่งอิมามอัลบุคอรีย์ ได้รายงานว่า ท่านอะนัสถูกถามเกี่ยวกับการอ่านของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่าน อะนัสกล่าว่า
كانت مداَ ثمّ قرأ بسم الله الرحمن الرحيم يمد ببسم الله ويمد بالرحمن ويمد بالرحيم
"การอ่านของท่านนบีนั้นลากยาว หลังจากนั้น ท่านนบีได้อ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม โดยอ่านยาวกับ บิสมิลลาฮ์ และอ่านยาวกับ อัรเราะฮ์มาน และอ่านยาวกับ อัรร่อฮีม" ดู ฟัตหุลบารีย์ เล่ม 9 หน้า 91
ท่านอิมามมุสลิมได้รายงาน ไว้ดังนี้
หะดิษที่ 1. มีสายรายงาน จากท่านอะนัส บิน มาลิก ซึ่งได้กล่าวว่า
صليت خلف النبى صلى الله عليه وسلم وأبى بكر وعمر وعثمان فكانوا يفتتحون القراءة بالحمد لله رب العالمين ، لا يذكرون بسم الله الرحمن الرحيم فى أول القراءة ولا فى أخرها
"ฉันได้ละหมาดตามหลังท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม , ท่านอบูบักร , ท่านอุมัร , ท่านอุษมาน ซึ่งพวกเขาได้ทำการเริ่มอ่าน อัลฮัมดุลิลลาฮิร๊อบบิลอาละมีน โดยที่พวกเขาไม่ได้กล่าว บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม ทั้งในตอนเริ่มอ่านและตอนจบการอ่าน" รายงานโดย มุสลิม ดู ซอฮิหฺ มุสลิม เล่ม 2 หน้า 299
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าววิจารณ์ว่า คำว่า
لا يذكرون بسم الله الرحمن الرحيم فى أول القراءة ولا فى أخرها
"โดยที่พวกเขาไม่ได้กล่าว บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม ทั้งในตอนเริ่มอ่านและตอนจบการอ่าน"
เป็นการเพิ่มเติมมาจากความเข้าใจความหมายที่ผิดพลาดของนักรายงาน ไม่ใช่เป็นถ้อยคำจากท่านอะนัสซึ่งหะดิษท่อนนี้เขาเรียกว่า หะดิษ المعلّل (หะดิษ มุอัลลัล) คือ "หะดิษที่ถูกทราบว่ามีข้อบกพร่อง(แฝงอยู่)ที่มาตำหนิในความซอฮิหฺของหะดิษ ทั้งที่ผิวเผินนั้นจะดูว่าปราศจากมัน(คือข้อบกบกพร่อง)นั้นก็ตาม" และสายรายที่ซอฮิหฺระบุว่าท่านอะนัสได้ทำการอ่านบิสมิลลาฮ์เสียงดัง
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ มัจญ์มั๊วะ ว่า
"บรรดานักปราชญ์ของเราและนักปราชญ์ส่วนมาก ได้อ้างหลักฐานที่ชี้ถึง สุนัตให้อ่านดัง(กับบิสมิลลาฮ์) ด้วยกับบรรดาหะดิษต่าง ๆ และบรรดาหะดิษอื่น ๆ ซึ่งท่าน อัชชัยค์ อบู มุฮัมมัด อัลมุก๊อดดิซีย์ ได้ทำการรวบรวมและคัดสรุปมันไว้ ดังนั้น ท่าน(ชัยค์) กล่าวว่า ท่านจงรู้เถิดว่า แท้จริง บรรดาหะดิษที่รายงานเกี่ยวกับการอ่าน(บิสมิลลาฮ์ดัง) นั้น มีมากมาย ส่วนหนึ่งจากมัน(บรรดาหะดิษ) คือ ผู้ที่ได้กล่าว(รายงาน)ไว้อย่างชัดเจนกับสิ่งดังกล่าว และส่วนหนึ่งจากมัน(บรรดาหะดิษ) คือหะดิษที่ถูกเข้าใจจากสำนวน(การรายงาน)ของเขา และเคยไม่มีรายงานหะดิษที่กล่าวชัดเจนเกี่ยวกับการอ่านค่อย จากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เลย นอกจาก สองรายงานเท่านั้น คือ (หนึ่ง) รายงานจาก อิบนุ มุฆ๊อฟฟัล ซึ่งเป็นสายรายงานที่ฏอฮีฟ และ (สอง) รายงานจาก ท่านอะนัส ซึ่งเป็นสายรายงานที่ มะอัลลัล (มีข้อบกพร่อง) เป็นสาเหตุทำให้การนำมาอ้างหลักฐานต้องตกไป" ดู เล่ม 3 หน้า 343 - 344
หะดิษที่ 2. มีสายรายงาน จากท่านอะนัส บิน มาลิก ซึ่งได้กล่าวว่า
صليت خلف النبى صلى الله عليه وسلم وأبى بكر وعمر وعثمان فكانوا يفتتحون القراءة بالحمد لله رب العالمين ، فلم أسمع أحداَ منهم يقرأ بسم الله الرحمن الرحيم
"ฉันได้ละหมาดตามหลังท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม , ท่านอบูบักร , ท่านอุมัร , ท่านอุษมาน ซึ่งพวกเขาได้ทำการเริ่มอ่าน อัลฮัมดุลิลลาฮิร๊อบบิลอาละมีน ดังนั้น ฉันไม่เคยได้ยินบุคคลใดจากพวกเขา ทำการอ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม"
หะดิษนี้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นหะดิษที่รายงานสนับสนุนถ้อยคำของสายรายงานแรก ซึ่งเป็นถ้อยคำที่เพิ่มเติมมาจากความเข้าใจความหมายที่ผิดพลาดของนักรายงานเช่นกัน ไม่ใช่เป็นถ้อยคำจากท่านอะนัส ซึ่งหะดิษท่อนนี้ เขาเรียกว่า หะดิษ المعلّل (หะดิษ มุอัลลัล) คือ "หะดิษที่ถูกทราบว่ามีข้อบกพร่องที่มาตำหนิในความซอฮิหฺของหะดิษ ทั้งที่ผิวเผินนั้นจะดูว่าปราศจากมัน(ข้อบกบกพร่อง)นั้นก็ตาม" และสายรายที่ซอฮิหฺระบุว่าท่านอะนัสได้ทำการอ่านบิสมิลลาฮ์เสียงดัง
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าววิจารณ์ว่า
"สำหรับการตอบจากการอ้างหลักฐานของพวกเขา ด้วยกับหะดิษของท่าน อะนัส คือ แท้จริง จุดมุ่งหมายนั้น คือพวกเขาเริ่มอ่านซูเราะฮ์อัลฟาติหะฮ์ ไม่ใช่อ่านซูเราะฮ์(หลังจากฟาติหะฮ์) และนี้คือการตีความที่ถูกเจาะจงสำหรับการรวมระหว่างสายรายงานต่าง ๆ เพราะว่า บิสมิลลาฮ์ ได้ถูกรายงานจาก ท่านหญิงอาอิชะฮ์ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮา) ในเชิงการกระทำและมีรายงานมาจากท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม...สำหรับสายรายงานใน(ซอฮิหฺ)มุสลิม ที่ว่า "ดังนั้น ฉันไม่เคยได้ยินบุคคลใดจากพวกเขา ทำการอ่าน บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม" เป็นการรายงาน (เพื่ออธิบาย) ให้กับถ้อยคำแรก ( คือฉันได้ละหมาดตามหลังท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม , ท่านอบูบักร , ท่านอุมัร , ท่านอุษมาน ซึ่งพวกเขาได้ทำการเริ่มอ่าน อัลฮัมดุลิลลาฮิร๊อบบิลอาละมีน) ด้วยความหมายที่ผู้รายงานเข้าใจเอง โดยถ่ายทอดสำนวนตามขนาดที่เขาเข้าใจ แล้วเขาก็ผิดพลาด และหากเขาได้ทำการถ่ายทอดหะดิษด้วยถ้อยคำแรก(เหมือนกับที่อัลบุคอรีย์รายงานไว้นั้น) แน่นอน เขาย่อมถูกต้อง เพราะหะดิษถ้อยคำแรกนั้น คือ สิ่งที่บรรดานักจำหะดิษมีความเห็นพร้องกัน...
ได้มีการยืนยันไว้ใน สุนัน อัดดารุกุฏนีย์ จากท่าน อะนัส ว่า
كنا نصلى خلف النبى صلى الله عليه وسلم وأبى بكر وعمر وعثمان رضى الله عنهم فكانوا يفتتحون بأم القرأن فيما يجهر به
"เราได้ทำการละหมาดตามหลังท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม , ท่านอบูบักร , ท่านอุมัร , ท่านอุษมาน , (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม) ดังนั้น พวกเขาทำการเริ่มอ่าน แม่ของอัลกุรอาน (อัลฟาติหะฮ์) ในละหมาดที่ให้ถูกอ่านดังด้วยกับมัน" ท่าน อัดดารุกุฏนีย์ กล่าวว่า นี้คือ หะดิษซอฮิหฺ
นี้คือหลักฐานที่ชัดเจนให้กับการตีความของเรา เพราะแท้จริง ได้มีการยืนยัน ให้อ่านบิสมิลลาฮ์เสียงดัง จาก ท่านอะนัส และท่านอื่น ๆ ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว" ดู หนังสือ อัลมัจญ์มั๊วะ เล่ม 3 หน้า 351 - 352
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ กล่าวไว้ในหนังสือ อัลมัจญ์มั๊วะ ว่า
"ในซอฮิหฺมุสลิม ได้รายงานจากท่านอะนัส ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ เขากล่าวว่า วันหนึ่งในขณะที่ท่านร่อซุลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อยู่ท่ามกลางพวกเรา ทันใดนั้น ท่านได้งีบหลับครู่หนึ่ง หลักจากนั้น ท่านได้เงยศรีษะขึ้น ด้วยร้อยยิ้ม ดังนั้น พวกเรากล่าวถามว่า โอ้ ร่อซูลัลลอฮ์ อะไรทำให้ท่านยิ้มกระนั้นหรือ? ท่านร่อซูลกล่าวว่า เมื่อครู่นี้มีซูเราะฮ์หนึ่งได้ถูกประทานมายังฉัน แล้วท่านนบี ก็อ่าน
بسم الله الرحمن الرحيم * إنا أعطيناك الكوثر * فصل لربك وأنحر * إن شانئك هو الأبتر
หะดิษนี้ ชี้ชัดแล้วว่า ให้อ่านดังกับบิสมิลลาฮิรเราะฮ์มานิรร่อฮีม นอกละหมาด ดังนั้นเฉกเช่นเดียวกันนี้ ก็ให้อ่านบิสมิลลาฮ์ดังในละหมาดด้วย ซึ่งเหมือนกับบรรดาอายะฮ์อื่น ๆ และแท้จริง ท่านมุสลิมได้นำเสนอหะดิษนี้ออกมาไว้ในซอฮิหฺของท่าน ถัดจากหะดิษที่ถูกนำมาอ้างหลักฐานในการปฏิเสธอ่านดัง(กับบิสมิลลาฮ์) ซึ่งเสมือนเป็นการยืนยันลักษณะความพกพร่องให้กับมัน(หะดิษที่นำมาอ้างหลักฐานในการปฏิเสธอ่านดัง) ด้วยกับมัน(คือหะดิษบทนี้) เนื่องจากทั้งสองหะดิษนั้น ได้รายงานจากท่านอะนัส" ดู เล่ม 3 หน้า 348
ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ในหนังสือ ชัรหฺซอฮิหฺมุสลิม ว่า
"มัซฮับอัชชาฟิอีย์ ร่อฮิมะฮุลลอฮ์ และหลายกลุ่มจากสะลัฟและค่อลัฟ คือ บิสมิลลาฮ์เป็นอายะฮ์หนึ่งจากอัลฟาติหะฮ์ และจะถูกอ่านดังกับบิสมิลลาฮ์ตามการอ่านดังของอัลฟาติหะฮ์ และบรรดานักปราชญ์ของเราและบุคคลที่กล่าวว่าบิสมิลลาฮ์เป็นอายะฮ์หนึ่งจากอัลฟาติหะฮ์ ได้ทำการยึดถือว่า แท้จริง บิสมิลลาฮ์ฯ นั้น ได้ถูกบันทึกไว้ใน มุสฮัฟ(เล่มของอัลกุรอาน) ด้วยการเขียนผู้บันทึกอัลกุรอาน ซึ่งดังกล่าวนี้ เป็นความเห็นพร้องของซอฮาบะฮ์ และพวกเขาได้ลงมติว่า จะไม่ยืนยันไว้ในมัน(มุศฮัฟ) ด้วยการบันทึกอัลกุรอานกับสิ่งที่ไม่ใช่อัลกุรอาน และบรรดามุสลิมีนทั้งหมดหลังจากซอฮาบะฮ์ในทุกยุคสมัยจนกระทั่งถึงปัจจุบัน ได้ลงมติ(ดังกล่าว) และพวกเขาลงมติว่า บิสมิลลาฮ์ไม่ได้อยู่ในเริ่มแรกของซูเราะฮ์ บะรออะฮ์ และบิสมิลลาฮ์ฯ ไม่ได้ถูกบันทึกไว้ในซูเราะฮ์ดังกล่าว และนี้คือสิ่งที่มาสนับสนุนทัศนะคำกล่าวของเรา" ดู เล่ม 4 หน้า 111
ท่านอิมาม อันนะวาวีย์ ได้กล่าวไว้ใน หนังสือ อัลมัจญฺมั๊วะ ว่า
"ในบรรดามัซฮับของปวงปราชญ์ เกี่ยวกับการอ่านดังกับ บิสมิลลาฮิรเราะหฺมานิรร่อฮีม นั้น แท้จริง เราได้กล่าวมาแล้วว่า มัซฮับของเรา คือ สุนัตให้อ่านดังกับบิสมิลลาฮ์ โดยที่จะอ่านดังในอัลฟาติหะฮ์และซูเราะฮ์ ดังนั้น การอ่านบิสมิลลาฮ์ดัง จึงเป็นฮุกุ่มเดียวกับการอ่านอัลฟาติหะฮ์ส่วนที่เหลือและซูเราะฮ์ , นี้คือทัศนะคำกล่าวของบรรดานักปราชญ์ส่วนมากจากซอฮาบะฮ์ , ตาบิอีน และนักปราชญ์หลังจากพวกเขา จากบรรดานักปราชญ์ฟิกห์และปราชญ์นักอ่านอัลกุรอาน
สำหรับซอฮาบะฮ์ที่มีทัศนะคำกล่าว ด้วยกับการอ่านดังกับบิสมิลลาฮ์ นั้น ท่านอัลหาฟิซฺอบูบักร อัลค่อฏีบ ได้รายงานจาก อบูบักร , อุมัร , อุษมาน , อะลี , อัมมาร บิน ยาซิร , อะบัย บิน กะอับ , อิบนุ อุมัร , อิบนุ อับบาส , อบี ก่อตาดะฮ์ , อบี สะอีด , กัยส์ บิน มาลิก , อบี ฮุรอยเราะฮ์ , อับดุลเลาะฮ์ บิน อบีเอาฟา , ชัดด๊าด บิน เอาส์ , อับดุลเลาะฮ์ บิน ญะฟัร , อัลหุซัยน์ บิน อะลี , และ มุอาวิยะฮ์ พร้อมกับกลุ่มหนึ่งจากอัลมุฮาญิรีนและอัลอันซ๊อร ซึ่งพวกเขาปรากฏตัวอยู่กับมุอาวิยะฮ์ ในขณะที่เขาทำการละหมาดอยู่ที่นครมะดีนะฮ์ ได้ทำการทิ้งการอ่าน(บิสมิลลาฮ์)ดัง ดังนั้นพวกเขาจึงทำการตำหนิ แล้วมุอาวิยะฮ์จึงกลับมาอ่านบิสมิลลาฮ์ดัง (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุม)
สำหรับตาบิอีนและบุคคลที่อยู่ยุคหลังจากพวกเขา จากผู้ที่มีทัศนะให้อ่านดังกับบิสมิลลาฮ์ ซึ่งพวกเขามีมากเกินว่าจะนำมากล่าวได้ และกว้างขวางเกินจากจำกัดได้ และส่วนหนึ่งจากพวกเขา คือ สะอีด บิน อัลมุซัยยับ , ฏอวูส , อะฏออ์ , มุญาฮิด , อบู วาอิล , สะอีด บิน ญุบัยร์ , อิบนุ ซีรีน , อิกริมะฮ์ , อะลี บิน อัลหุซัยน์ , บุตรของเขา คือ มุฮัมมัด บิน อะลี (อัลบากิร) , ซาลิม บิน อับดิลลาฮ์ , มุฮัมมัด บิน อัลมิงกะดัร , อบูบักร บิน มุฮัมมัด บิน อัมร์ บิน หัซม์ , มุฮัมมัด บิน กะอับ , นาฟิอฺ ทาส ของท่านอิบนุ อุมัร , อุมัร บิน อับดุลอะซีซ , อบู อัชชะอฺษาอ์ , มักโหล , หะบีบ บิน ษาบิต , อัซซุฮ์รีย์ , อบู กิลาบะฮ์ , อะลี บิน อับดิลลาฮ์ อิบนุ อับบาส , บุตรของเขา คือ มุฮัมมัด บิน อะลี , อัลอัซฺรัก บิน ก๊อยส์ , อับดุลเลาะฮ์ บิน มุฆ๊อฟฟัล บิน มิกร๊อน ซึ่งพวกเขาเหล่านี้ เป็นตาบิอีน
และส่วนหนึ่งจากผู้ที่มีทัศนะว่าให้อ่านบิสมิลลาฮ์เสียงดัง จากนักปราชญ์ยุคหลังจากตาบิอีน คือ อับดุลเลาะฮ์ บิน อุมัร อัลอุมะรีย์ , อัลหะซัน บิน ซัยด์ , อับดุลเลาะฮ์ บิน หะซัน , ซัยด์ บิน อะลี บิน อัลหุซัยน์ , มุฮัมมัด บิน อุมัร บิน อะลีย์ , อิบนุ อบี ซิอฺบ์ , อัลลัยษ์ บิน สะอัด , และอิสหาก บิน ร่อฮะวัยฮ์
ท่านอัลบัยฮะกีย์ ได้รายงานทัศนะดังกล่าว จากส่วนหนึ่งจากพวกเขา และเพิ่มตาบิอีด้วย คือ อับดุลเลาะฮ์ บิน ซ๊อฟวาน , มุฮัมมัด บิน หะอัลหะฟียะฮ์ , สุลัยมาน อัตตัยมีย์ , และผู้ที่ตามรอยพวกเขา คือ อัลมั๊วะตะมิร บิน สุไลมาน
ท่านอิบนุอับดิลบัรริ ได้ถ่ายทอดทัศนะดังกล่าวจากพวกเขาและเพิ่มเติม ว่า มันเป็นทัศนะคำกล่าวของปราชญ์กลุ่มหนึ่งจากบรรดาสานุศิษย์ของท่านอิบนุอับบาส คือ ฏอวูส , อิกริมะฮ์ , อัมร์ บิน ดีนาร , และเป็นทัศนะของอิบนุญุรัยร์ , มุสลิม บิน คอลิต , และปราชญ์ชาวมักกะฮ์คนอื่น ๆ และยังเป็นทัศนะหนึ่งของท่านอิบนุวะฮฺบ์ ศิษย์ของอิมามมาลิก และคนอื่นจากท่านอิบนุอับดิลบัรริ ได้รายงานทัศนะดังกล่าวจากท่านอิบนุมุบาร๊อกและอบีษูร
ท่านอัชชัยค์ อบู มุฮัมมัด อัลมุก๊อดดิซีย์ กล่าวว่า การอ่านบิสมิลลาฮ์ดัง คือ ทัศนะที่บรรดานักจำหะดิษ(หุฟฟาซฺ)ให้การยอมรับ พวกเขาได้เลือกเฟ้น และทำการประพันธ์ทัศนะนี้ขึ้นมา เช่น มุฮัมมัด บิน นัสร์ อัลมัรวะซีย์ , ท่านอบีบักร บิน คุซัยมะฮ์ , อบู หาติม อิบนุ หิบบาน , อลี อัลหะซัน อัดดารุกุฏนีย์ , อบีอับดิลลาฮ์ อัลหากิม , อบี บักร อัลบัยฮะกีย์ , ท่านอัลค่อฏีบ , อบีอัมร์ อิบนุ อับดิลบัรริ และท่านอื่น ๆ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์)
ในหนังสือ อัลคิลาฟาต ของท่าน อัลบัยฮะกีย์ ได้รายงานจากท่าน ญะฟัร บิน มุฮัมมัด (อัศศอดิก) ท่านกล่าวว่า วงวานศ์ของมุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ลงมติในการอ่านดังกับบิสมิลลาฮิรเราะฮ์มานิรร่อฮีม และท่านอัลค่อฏีบ ได้รายงาน จากอิกริมะฮ์ ว่า แท้จริง ท่านญะฟัร บิน มุฮัมมัด ไม่ละหมาดตามหลังผู้ไม่อ่านดังกับ บิสมิลลาฮิรเราะฮ์มานิรร่อฮีม และท่านอบูญะฟัร มุฮัมมัด บิน อะลีย์ (อัลบากิร) กล่าวว่า ไม่สมควรละหมาดตามหลังผู้ที่ไม่อ่านดัง(กับบิสมิลลาฮ์ฯ)
ท่านอบูมุฮัมมัด (อัลมุก๊อดดิซีย์) กล่าวว่า ท่านจงรู้เถิดว่า แท้จริง ๆ บรรดาอิมามนักอ่านทั้ง 7 นั้น มีทัศนะความเห็นให้อ่านบิสมิลลาฮ์ โดยไม่มีการขัดแย้งกัน และส่วนหนึ่งจากพวกเขา ได้มีการรายงานจากเขาถึงสองทัศนะ แต่ในหมู่พวกเขานั้นไม่มีผู้ใดไม่ทำการอ่านบิสมิลลาฮ์โดยไม่มีการขัดแย้งกันเลย เพราะฉันได้วิเคราะห์จากสิ่งดังกล่าวอย่างหนัก ฉันก็พบว่ามันเสมือนกับสิ่งที่ฉันได้กล่าวมาแล้วข้างต้น หลังจากนั้น ทุก ๆ คนที่ถูกรายงานจากเขาให้อ่านบิสมิลลาฮ์ ก็จะถูกกล่าวด้วยถ้อยคำที่อ่านดัง(กับบิสมิลลาฮ์) นอกจากการรายงานที่แหวกแนวของท่าน หัมซะฮ์ (ร่อฮิมะฮุลลอฮ์) ที่ทำการอ่านค่อย และทั้งหมดนี้ ได้บ่งชี้แบบสรุป ถึงการให้น้ำหนักยืนยันถึงการกล่าวบิสมิลลาฮ์และให้อ่านดังกับมัน" ดู เล่ม 3 หน้า 348
والله أعلى وأعلم