ผู้เขียน หัวข้อ: ถือศีลอดอยู่ดีๆ โรคกระเพาะกำเริบ จะละศีลอดได้ไหม?  (อ่าน 1872 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด

อัสสลามุ อลัยกุม

              ไม่ทราบว่า หากเราถือศีลอดมาได้ครึ่งวันแล้ว หรือไม่ถึงด้วยซ้ำ ปรากฏว่า เกิดรู้สึกเจ็บกระเพาะขึ้นมา คือว่า น้ำย่อยจากกระเพาะมันออกมามาก และไม่ได้ทานซะฮูรฺด้วย ทำให้มันกัดกระเพาะ รู้สึกเจ็บมาก อย่างนี้จะอนุญาตให้ละศีลอดก่อนเวลาไหม

               แล้วไม่ทราบว่า เสมหะที่อยู่ต้นคอนั้น เวลาเรากลืนน้ำลาย รู้สึกว่ามันลงคอ แต่ที่จริง มันไม่ได้ลงคอ รู้ได้จากที่ว่า เวลาเรากลื่นครั้งต่อๆ ไปมันก็เป็นเหมือนเดิน กล่าวคือ เหมือนมันยังอยู่ และเป็นอย่างงี้มานานด้วย เคยลองคายเสมหะ แต่ไม่เคยออกมาเลย ออกยากมาก ถือว่าเสียศีลอดไหมครับ

                พี่น้องท่านไหน มีวิธีละลายเสมหะแบบง่ายๆ บ้างที่ไม่ใช่วิธีการคาย เช่นกินสมุนไหนอะไรประมาณอะ ช่วยนำเสนอหน่อยนะครับ ผมมีปัญหาเรื่องนี้มาก เพราะคายเสมหะไม่เป็น เป็นแต่เด็กแล้ว เพราะสาเหตุมารยาทที่บ้าน ช่วยหน่อยนะครับ

วัสสลามุ อลัยกุม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 03, 2008, 03:00 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ นูรุ้ลอิสลาม

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1356
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
อัสลามุอะลัยกุ้มฯ

ไปอ่านกระทู้  ถาม - ตอบเกี่ยวกับถือศีลอดรอมะดอน  เขาได้ตอบเอาไว้แล้วนี่ครับน้อง

14. กลืนเสมหะอยู่ในลำคอทำให้เสียศีลอดหรือไม่?

ตอบ : หากเขาได้ขากเสมหะออกมาแล้วบ้วนทิ้งถือว่าไม่เป็นไร , แต่ถ้าหากขากเสมหะพ้นเขตของคอหอย แล้วเขาได้กลืนมันลงไป ถือว่าทำให้เสียศีลอด และในกรณีเดียวกัน หากเขาได้อมมันเอาไว้แล้วพลาดลงในลำคอ ถือว่าทำให้เสียศีลอด เพราะเขาเลินเล่อและประมาท (มุฆนีอัลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/166)

36 . กรณีเป็นโรคกระเพาะแล้วถือศีลอดมีข้อชี้ขาดอย่างไร?

ตอบ : กรณีที่ถือศีลอดแล้วอาการโรคกระเพาะกำเริบจนทำให้ไม่สามารถถือศีลอดต่อไปได้ ก็อนุญาตให้ละศีลอดได้ และเขาจำเป็นต้องถือศีลอดชดใช้ก่อนรอมาดอนปีหน้าจะมาถึงโดยไม่ต้องเสียฟิดยะฮ์ (อิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/369)

หากเป็นกรณีป่วยโรคกระเพาะเรื้อรังที่ไม่หวังว่าจะหายนั้น ให้ถืออยู่ในข้อบังคับเดียวกับคนชราสูงอายุ คือให้ละศีลอดได้โดยมิต้องชดใช้ แต่ต้องเสียฟิดยะฮ์หนึ่งมุด คือหนึ่งลิตรกับอีกเศษหนึ่งส่วนสามของลิตร(หรือประมาณ 600 กรัม) (อิอานะฮ์อัฏฏอลิบีน 2/377)

อัลเลาะฮ์ทรงตรัสความว่า

وَعَلَى الَّذِينَ يُطِيقُونَهُ فِدْيَةٌ طَعَامُ مِسْكِينٍ

"และบังคับแก่บรรดาผู้ไร้สามารถในการถือศีลอด ให้ชำระค่าชดเชย คือให้อาหารแก่คนอนาถา" อัลบะกอเราะฮ์ 184

และการเสียฟิดยะฮ์นั้น ให้กับคนอนาถาและคนอยากจน ถึงแม้ว่าอัลกุรอานจะกล่าวถึงคนอนาถา แต่คนยากจนนั้นสถานะภาพแย่กว่าคนอนาถา จึงอนุญาตเสียฟิดยะฮ์ให้แก่คนยากจนได้ยิ่งกว่า (มุฆนีลมั๊วะห์ตาจญ์ 2/189)
لا إله إلا الله محمد رسول الله

 

GoogleTagged